ใต้เท้าซุยเสนาบดีกรมพิธีการเป็ขุนนางที่ซื่อสัตย์มาก
บุคคลที่จะสืบทอดตำแหน่งอ๋องอวิ๋นเมิ่งเป็ศิษย์น้องร่วมอาจารย์ของอ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อน เขาเป็บุตรชายอดีตเสนาบดีและเป็แม่ทัพที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นพิธีสถาปนาจึงเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนใหญ่แล้วคนที่คลุกคลีอยู่ในกองทัพมักชื่นชอบความเรียบง่ายและไม่ชอบพิธีการยืดยาว อ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อนก็เช่นกัน พวกเขามีพลังล้นเหลือและให้ความสำคัญกับหน้าที่มากที่สุด ท้ายที่สุดอ๋องอวิ๋นเมิ่งคนใหม่ก็ไม่ได้แตกต่างจากอ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อนมากนัก
จนกระทั่งพิธีการเสร็จสิ้นก็ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ
เมื่อเย่เช่อกำลังรับการถวายพระพรจากเหล่าขุนนาง จู่ๆ เสียงหวีดของลมก็ดังขึ้น
ก่อนที่ราชองครักษ์ของวังหลวงจะทันได้ตอบโต้ เย่เช่อซึ่งสวมเครื่องราชอิสริยยศอย่างเต็มรูปแบบก็กระโจนขึ้นไปบนแท่นแล้ว
เสียงกระบี่ปะทะกันเกือบทำให้ลมหายใจของผู้คนหยุดชะงัก
ในขณะนี้ ผู้คนจากกรมพิธีการและทหารจากกองทัพกำลังร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อโจมตีผู้ลอบสังหาร
ในเวลาไม่ถึงก้านธูป ชายสวมหน้ากากสีดำที่ยืนอยู่บนแท่นก็ล้มลงจมกองเื เืที่มุมปากของเขาดูราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
เย่เช่อมองชายชุดดำด้วยสายตาเ็าก่อนจะกล่าวเรียบๆ ว่า “ข้าจะไม่ฆ่าเ้า แต่ฝากทักทายน้องชายผู้แสนดีของข้าด้วย”
หลังจากเย่เช่อพูดจบ เขาก็สะบัดมือเบาๆ ทำให้ชายชุดดำกลิ้งตกลงมาจากแท่น
ผู้คนจากกรมพิธีการและทหารจากกองทัพต่างคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครทราบนิสัยของชายหนุ่มอายุน้อยแต่มีชื่อเสียงผู้นี้ หากมีการสืบสวนเื่ราวที่เกิดขึ้น บางทีพวกเขาอาจรักษาศีรษะของตนเองไว้ไม่ได้
“เป็ความผิดของกระหม่อม ท่านอ๋องโปรดประทานอภัย” ใต้เท้าซุยเสนาบดีกรมพิธีการคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวด้วยความเสียใจ
เย่เช่อส่ายหน้าและกล่าวว่า “ใต้เท้าซุยโปรดยืนขึ้นเถิด มีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าข้า การเผชิญหน้ากับมือสังหารย่อมเป็เื่ปกติอยู่แล้ว อย่าโทษตัวเองเลย”
“กระหม่อมเกรงว่า…”
เย่เช่อยิ้มเล็กน้อย “ก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็ต้องโทษตัวเอง ข้ายังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? การจะเอาชีวิตข้าไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น” หลังจากพูดจบเขาก็เดินจากไปทันที
ตามธรรมเนียมแล้วเขาต้องเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้
แต่เย่เช่อไม่สนใจธรรมเนียมนี้ เขาตรงดิ่งไปที่จวนแม่ทัพเจิ้นหนานทันที
ฮั่วฉีอวี่กำลังรอเขาอยู่ในห้องโถงใหญ่
“เป็เย่เหยียน” ฮั่วฉีอวี่กล่าว
เย่เช่อกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้ารู้ เขาก็เป็เช่นนี้มาตลอด แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่้าเห็นข้ามีความสุขอยู่แล้ว เอาล่ะิเจี๋ย ข้าจะเดินทางไปหยงโจว”
ฮั่วฉีอวี่กำลังจะเอ่ยปากถามเย่เช่อว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
…
ณ ศาลาฉีอวิ๋น
อวิ๋นจื่อมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งแสร้งทำเป็ชวนนางคุย แต่อันที่จริง้าสอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนางกับคุณชายซูเท่านั้น
หงจินเข้ามารายงานด้วยเสียงแ่เบาว่ามีแขกเรียกหานาง
ดวงตาของหญิงสาวผู้นั้นทอประกายวาบก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “คุณชายซูมาที่นี่หรือ?”
หงจินไม่ตอบ
อวิ๋นจื่อกล่าวเบาๆ “แม่นางชิงเกอ ข้าขอเวลาส่วนตัวสักครู่”
ชิงเกอหัวเราะเบาๆ “ข้ายังนั่งอยู่นี่แต่เ้าก็คิดจะไล่ข้าแล้วหรือ?”
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยท่าทีเฉยชา “เ้าควรไปได้แล้ว”
ชิงเกอเหยียดยิ้ม “ข้าไม่ไป ใครจะทำอะไรข้าได้”
อวิ๋นจื่อกล่าวอย่างเ็า “หงจิน ส่งแขก”
ชิงเกอไม่ยอมแพ้ “ถ้าข้าไม่ไปเสียอย่างเ้าจะทำอะไรข้าได้ ข้าอยู่ที่หอจุ้ยฮวนมาหลายปี ยังไม่เคยมีใครกล้าไล่ข้าสักคน”
อวิ๋นจื่อมีสีหน้าเรียบเฉย “เ้าต้องคิดให้รอบคอบ แม้แต่ม่านอู่ยังไม่กล้ายั่วยุข้า แล้วเ้าคิดว่าตนเองเป็ใคร?”
ชิงเกอเป็คณิกาอันดับต้นๆ ของหอจุ้ยฮวน นางและม่านอู่ชิงดีชิงเด่นกันบ่อยครั้งและม่านอู่ก็มักนำหน้านางอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ ม่านอู่เป็คนก้าวร้าวและไม่ยอมแพ้ ใน่หลายปีที่ผ่านมาจึงแทบไม่มีใครกล้ายั่วยุม่านอู่
ชิงเกอลังเลเล็กน้อย “เ้า...เ้าคิดว่าตนเองเป็ใคร?”
อวิ๋นจื่อไม่ตอบแต่กล่าวเพียงว่า “หงจิน เหตุใดเ้ายังไม่พาแขกออกไป?”
หงจินได้ยินเช่นนั้นก็ลากตัวชิงเกอออกจากห้องทันที
ชิงเกอไม่พอใจมาก นางเป็หนึ่งในคณิกาที่โดดเด่นที่สุดในหอจุ้ยฮวน นางพ่ายแพ้เพียงม่านอู่ที่มักขวางหูขวางตานางอยู่เสมอ ส่วนเื่อื่นนอกเหนือจากนั้นย่อมเป็ไปตามที่นาง้า เมื่อเห็นผู้มาใหม่อย่างปี้เหยียนที่ไม่มีผู้หนุนหลังแต่กล้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ก็ทำให้นางไม่พอใจเป็อย่างมาก
อวิ๋นจื่อออกไปต้อนรับเย่เช่อและพาเขาเข้ามาในห้องส่วนตัว
เย่เช่อไม่ได้กล่าวอะไร เพียงกอดอวิ๋นจื่อด้วยความคิดถึงเท่านั้น
อวิ๋นจื่อปลอบใจตนเองว่าถึงอย่างไรนางก็ยังเป็อวิ๋นจื่อ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปจากตัวตนเดิมของนางเลย
อวิ๋นจื่อรู้สึกถึงลมหายใจของชายหนุ่ม อ้อมกอดนี้อบอุ่นและอ่อนโยนมาก มันทำให้หัวใจของนางดำดิ่งอยู่ในความสุข บางครั้งนางก็อดคิดไม่ได้ว่าหากนางปล่อยวางและปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปเช่นนี้ ชีวิตของนางคงมีความสุขไม่น้อย
หรือถ้านางสามารถย้อนกลับไปตอนที่ยังเป็องค์หญิงเหวินฮวา ชีวิตของนางจะวิเศษเพียงใด?
ถ้าเป็เช่นนั้นจริงอย่างน้อยนางก็ย่อมได้ในสิ่งที่้า ไม่เหมือนตอนนี้ที่ดูราวกับว่านางกำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ นางต้องคาดเดาสิ่งต่างๆ และพยายามเดินไปทีละก้าว
ในไม่ช้านางก็โยนความเศร้าหมองทิ้งไป
เสด็จอาเคยกล่าวไว้ว่า การพยายามเดินไปทีละก้าวหมายความว่านางจะได้รับสิ่งดีๆ ทีละน้อย
ด้วยวิธีนี้สิ่งที่นางได้รับย่อมล้ำค่ายิ่งขึ้น
อย่างน้อยตัวนางเองก็จะได้ัักับสิ่งล้ำค่านั้น
นี่ถือเป็ข้อดีอย่างหนึ่ง
ในที่สุดเย่เช่อก็ปล่อยตัวหญิงสาวออกจากอ้อมอกอย่างนุ่มนวลและกระซิบเบาๆ “ปี้เหยียน ข้าเกือบจะไม่ได้พบเ้าแล้ว”
“เป็อะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?” อวิ๋นจื่อถามด้วยความเป็ห่วง
เย่เช่อกระซิบ “ข้าได้พบกับมือสังหาร”
‘มือสังหารคนนั้นถูกส่งมาโดยน้องชายของเขา’
แต่เย่เช่อไม่ได้เอ่ยประโยคนี้ออกมา หญิงงามเช่นนี้ไม่ควรต้องรับรู้เื่สกปรกในครอบครัวของเขา
“มือสังหารคนนั้นเก่งกาจไม่น้อย โชคดีที่ข้ารอดมาได้”
อวิ๋นจื่อยิ้มและกล่าวว่า “ดีแล้วที่เ้าไม่าเ็”
อวิ๋นจื่อเติบโตในวังหลวงั้แ่ยังเด็ก แม้ว่านางจะไม่เคยเจอมือสังหาร แต่นางก็เคยได้ยินเื่นี้มาบ้างไม่มากก็น้อย คนที่ส่งคนมาลอบสังหารเย่เช่อย่อมเป็ใครไปไม่ได้นอกจากน้องชายร่วมบิดาของเขา
บุตรอนุผู้นั้น้าเอาชนะเย่เช่อให้ได้ นี่หมายความว่าเย่เช่อต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้เสมอใช่หรือไม่?
อวิ๋นจื่อจมอยู่กับความหวาดกลัวไปชั่วขณะ
นางรู้มาว่าบุตรอนุผู้นั้นมีนามว่าเย่เหยียน เขาเป็คุณชายเ้าสำราญที่ทุกคนในเมืองอวิ๋นเมิ่งรู้จักดี
ก่อนที่นางจะทันได้สติ ริมฝีปากอันเร่าร้อนของเย่เช่อก็ัักับริมฝีปากของนางแล้ว
หลังจากเผชิญกับเหตุการณ์น่าใที่เกิดขึ้นในวันนี้ เย่เช่อรู้สึกว่าเขาจำเป็ต้องได้รับการปลอบโยนอย่างเร่งด่วน
จูบของเขาลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ เขารู้แค่ว่าในเวลานี้เขาเป็เพียงคนโลภมากเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้