นางบอกว่าหลังออกจากูเาแล้วจะกลับบ้านไม่ใช่หรือ
แต่จากความหมายที่นางเอ่ยก็น่าขบคิด
เรียนรู้ความสามารถพิเศษบางอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลิงน้อย นี่นางกำลังวางแผนใช้ชีวิตเพียงลำพังอยู่รึ?
ก้นบึ้งดวงตาของเหลียนเซวียนมีประกายวาบผ่านก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
เห็นเขาเอาแต่จ้องไม่พยักหน้าไม่ส่ายหน้า เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกขนลุก เธอไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่ไหม?
"ไม่ได้เหรอ?" เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องปริบๆ พลางถามอีกประโยค
ตามความคิดเดิม เธอเป็นักเรียนหญิงที่เพิ่งจบมัธยมปลาย นอกจากเื่ทำอาหารแล้ว อย่างอื่นก็ไม่เป็สักอย่าง จึงต้องคิดหาทางทำเงินจากอาหาร
แต่การทำการค้าก็ต้องมีทุน คนที่ไม่มีเงินเลยอย่างเธอก็ต้องคิดวิธีหาเงินทุนก้อนแรกให้ได้ก่อนที่จะทำอย่างอื่น
การตกปลาคือการค้าไม่ต้องมีต้นทุน แม่น้ำลำธารนอกป่ามีมากมาย ตกปลาได้ก็เอาไปขายโดยตรง หากขายไม่ได้ก็เอามาทำปลาเส้น ทอดมันปลา หรือไม่ก็ลูกชิ้นปลา ถึงอย่างไรก็ไม่เสียเปล่าอยู่แล้ว
เหลียนเซวียนยังคงจดจ้องนาง สับสนว้าวุ่นใจอย่างมาก
นางอยู่กับเขาเพียงลำพังในป่ามานานขนาดนี้ ถ้าเป็หญิงสาวทั่วไป ก็น่าจะ... เอ่อ เกาะเขาไม่ปล่อยถึงจะถูก
พอเหลียนเซวียนผู้มักเคราะห์ร้ายเพราะสตรีได้ฟังความคิดของเซวียเสี่ยวหรั่น ภายในใจเกิดความรู้สึกบอกไม่ถูก
หลังเงียบไปนานถึงฝืนใจผงกศีรษะ
เซวียเสี่ยวหรั่นแทบจะขว้างปลาที่เพิ่งย่างเสร็จในมืออย่างอดไม่ได้
เชอะ! ให้สอนตกปลาแค่นี้ ต้องคิดนานขนาดนี้เชียวหรือ
ท่าทางฝืนใจอย่างกับเธอไปบังคับให้เขาสอนเคล็ดวิชาลึกลับที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเสียอีก
เซวียเสี่ยวหรั่นค่อนขอดในใจ
"แหะๆ ขอบคุณนะ นี่ปลาของท่าน ย่างเสร็จแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะแหะๆ ก่อนส่งปลาย่างตัวใหญ่ที่สุดให้เขา
เหลียนเซวียนรับมา ผงกศีรษะขอบคุณ
เขานั่งหลังตรงท่วงท่าสง่างาม แม้แต่อากัปกิริยาขณะกินปลาก็ยังเรียบร้อย ขัดกับลักษณะภายนอกที่แลดูหยาบกระด้างโดยสิ้นเชิง
เขาจะเป็คุณชายลูกผู้ดีมีเงินชอบท่องเที่ยวในยุทธภพ หรือว่าจะเป็ทายาทผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ที่มีวรยุทธ์ติดกายกันแน่หนอ?
เซวียเสี่ยวหรั่นย่นหัวคิ้วครุ่นคิด อันที่จริงเธอพอจะััได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา แม้ว่าจะอยู่ใน่ตกอับที่สุด เขาก็ยังคงรักษาอากัปกิริยาดั้งเดิมไว้ ราวกับว่าสิ่งนี้ได้ฝังลึกเข้าไปในกระดูกของเขาแล้ว
แต่ก่อนเธอไม่ค่อยใส่ใจนัก นึกว่ากฎเกณฑ์และธรรมเนียมของคนโบราณมีมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ท่วงท่าของคนฝึกยุทธ์ก็น่าจะองอาจห้าวหาญ ตอนนี้มาพิจารณาแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่เรียบง่ายอย่างนั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องเขาพลางกัดเนื้อปลาเข้าไปคำใหญ่โดยไม่รู้ตัว
"โอ๊ย มีก้าง" เซวียเสี่ยวหรั่นร้องโอดโอย ได้สติกลับมาตอนถูกก้างปลาแทงเหงือก้า เจ็บจนเธอต้องร้องออกมา
เหลียนเซวียนปรายตามาที่เธอ ดวงตาเป็มุมโค้งน้อยๆ แทบไม่อาจสังเกตเห็น
สมควร! ยามกินปลาสายตายังมองโน่นนี่ส่งเดช คราวนี้คงจะทำตัวเรียบร้อยขึ้นมาหน่อยแล้วกระมัง
อย่านึกว่าผู้อื่นไม่รู้ เมื่อครู่สายตานางจ้องมาที่ตัวเขาตลอดเวลา
เซวียเสี่ยวหรั่นทนเจ็บดึงก้างปลาออกมา ก่อนโยนเข้ากองไฟอย่างหัวเสีย
หลังจากนั้นก็กินต่อ แค่โดนก้างปลาทิ่มเหงือกเท่านั้นเอง ใครไม่เคยโดนบ้างล่ะ
"เหลียนเซวียน ข้าจำได้เหมือนท่านเคยบอกว่า ทางนี้คือแคว้นหลีซึ่งอยู่ทางใต้ใช่หรือไม่"
ระหว่างกินก็ขบคิดปัญหา เธอใช้ชีวิตอยู่ทางใต้มาั้แ่เล็ก หากที่นี่อยู่ทางตอนใต้ ก็เหมาะเจาะ น่าจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ไม่ยาก
เหลียนเซวียนพยักหน้า นางถามเื่นี้ทำไม?
แคว้นหลีตั้งอยู่ค่อนไปทางใต้ มีเทือกเขาสูงมากมาย เป็แคว้นที่มีชนกลุ่มน้อยมากมาย แต่ละชนเผ่ามักกระทบกระทั่งทำากันบ่อยครั้ง ฮ่องเต้แคว้นหลีปวดเศียรเวียนเกล้ากับเื่นี้มาโดยตลอด
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นฉีกับแคว้นหลีนับได้ว่ามีไมตรีที่ดีต่อกัน แคว้นหลีมีาภายในไม่หยุดหย่อน การพัฒนาด้านเศรษฐกิจย่อมจะล้าหลังไปบ้าง แม้ว่าสภาพอากาศทางใต้จะน่าอยู่ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงยากจนข้นแค้น
เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาไปมา เหลียนเซวียนเคยบอกว่าเขามาจากแคว้นฉี เขาต้องกลับไปแน่นอน ดังนั้นถ้าเธออยู่แคว้นหลี ก็จะไม่รู้จักใครเลย
ทว่าเื่ลงทะเบียนสำมะโนครัวก็คงลำบาก เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกปวดศีรษะ
แต่ถ้ามีเงินเสียอย่างแม้แต่ผียังใช้โม่แป้งได้ เธอต้องขยันหาเงิน มีเงินแล้วก็ใช้เงินซื้อทะเบียนสำมะโนครัว น่าจะไม่ยาก
เธอวางแผนดีดลูกคิดรางแก้วเงียบๆ ในใจ
เหลียนเซวียนมุ่นคิ้วน้อยๆ มักรู้สึกว่าสมองของแม่นางผู้นี้แตกต่างจากคนทั่วไป ยากจะคาดเดาได้ว่านางจะทำอะไร
น้ำแกงปลาในหม้อเดือดปุดๆ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
ขณะที่พวกเขากำลังขบคิดเื่ของตนเองอยู่ ก็มีเสียงสั่นดังมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
เหลียนเซวียนสีหน้าคร่ำเครียด สอดมือเข้าไปในแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินความเคลื่อนไหว เอี้ยวศีรษะหันไปมอง
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยกินปลาย่างหมดก็ะโขึ้นมา โก่งตัวแยกเขี้ยวยิงฟัน ท่าทางตื่นตัวเต็มที่
หมาป่าขนยุ่งตัวใหญ่กระโจนออกมาจากพุ่มไม้ แม้รูปร่างของมันจะผ่ายผอม แต่แววตาจ้องพวกเขาอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
"ว้าย แม่จ๋า... หมาป่า" เซวียเสี่ยวหรั่นกรีดร้อง
มือสั่นระริกโยนปลาย่างที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งลงพื้นทันที
หมาป่าตัวนั้นหิวจนตาแดงจ้องปลาย่างที่ตกพื้นอย่างตะกละตะกลาม ลิ้นใหญ่สีโลหิตภายใต้คมเขี้ยวแลบยาวออกมา เห็นชัดว่ามันถูกดึงดูดด้วยกลิ่นหอมของปลาย่าง
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยใวิ่งถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เซวียเสี่ยวหรั่นมือเท้าสั่น แต่พอเห็นเหลียนเซวียนล้วงลูกดอกซัวเปียวออกมาจากแขนเสื้อ ค่อยรู้สึกโล่งใจ
โชคดีที่มีเหลียนเซวียนอยู่ด้วย
สถานการณ์เป็ไปตามคาด พอหมาป่าแววตาดุร้ายตัวนั้นย่างเข้ามาใกล้ ก็ได้ยินเสียง "ฟิ้ว" ดังผ่านหู เพียงชั่วพริบตาลูกดอกซัวเปียวก็แหวกอากาศพุ่งเข้าเสียบดวงตาสีโลหิตของมัน
"งี้ด หงิง..." หมาป่าร่างซวนเซก่อนล้มลง
"ว้าว เหลียนเซวียน ล้มได้ในมีดเดียวจริงๆ ท่านร้ายกาจมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะะโโลดเต้น
แต่สีหน้าของเหลียนเซวียนยังคงนิ่งขรึม
หมาเป็สัตว์ที่อยู่รวมกันเป็ฝูง หากมีตัวหนึ่งอยู่ที่นี่ ฝูงหมาป่าต้องอยู่แถวนี้อย่างแน่นอน
สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะรั้งอยู่นาน
เหลียนเซวียนลุกขึ้นอย่างยากเย็น เขาเพิ่งจะใช้กำลังภายใน เรี่ยวแรงยังไม่ฟื้นคืนมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะฟื้นฟูพละกำลัง
เขาโบกมือให้เซวียเสี่ยวหรั่นรีบไปจากที่นี่ หลังจากนั้นค่อยวางอิริยาบถเหมือนตอนแรกเริ่ม
เซวียเสี่ยวหรั่นตะลึงงัน ไม่เข้าใจความหมายของเขาเท่าไรนัก หมาป่าถูกยิงตายไปแล้วไม่ใช่หรือ
เธอมองหมาป่าตัวนั้น ดวงตาเบิกโพลงของมันยังหลั่งเืเหมือนตายตาไม่หลับ
เซวียเสี่ยวหรั่นตระหนักได้ในฉับพลัน
จริงด้วยสิ หมาป่าอยู่รวมกันเป็ฝูง ไม่มีหมาป่าตัวไหนแยกออกมาอยู่เพียงลำพัง
์! เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าซีดเผือด เริ่มเก็บข้าวของทันที
น้ำแกงปลาเอาไว้ไม่ได้ ต้องเททิ้ง จากนั้นก็เอาหม้อยัดใส่กระบุง แล้วม้วนเสื่อใส่เข้าไปด้วยกัน
"อาเหลย เร็วๆๆ รีบวิ่ง ฝูงหมาป่ากำลังจะมา"
เธอสะพายกระบุงขึ้นหลัง แล้วอุ้มอีกใบขึ้นมา ก่อนวิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วปานติดพายุไว้ใต้ฝ่าเท้า
อาเหลยวิ่งตามเร็วจี๋ สัญชาตญาณของมันััได้ว่าอันตรายกำลังจะมาถึง
ทั้งสองวิ่งด้วยความเร็วสูง ไม่ช้าก็ไปไกลโข
แต่ลำพังแค่เธอกับอาเหลยวิ่งเร็วอยู่สองคนไร้ประโยชน์ เพราะเหลียนเซวียนไม่อาจเร็วได้
ขนาดก้าวเท้าไม่หยุดตลอดหนึ่งเค่อยังไปไม่ถึงไหน
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเหลียนเซวียนเคลื่อนไหวเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลานก็ร้อนใจจนควันแทบออกศีรษะ