20 ปีที่ผ่านมาของโจวเฉิงนั้นราบรื่นเกินไปจริงๆ
ผู้าุโภายในครอบครัวให้การสนับสนุน และตัวเขาเองก็โชคดีที่ไม่เคยประสบความล้มเหลวครั้งใหญ่ใดในชีวิต ความอันตรายของแนวหน้าไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของพ่อเฒ่าโจวด้วยซ้ำ ไม่ลงทุนก็ไม่มีผลตอบแทน คนในหน่วยเยอะเยอะเสียขนาดนั้น ทำไมต้องเป็โจวเฉิงที่ได้เลื่อนยศ?
โจวเฉิงนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ ทว่าปู่โจวรู้ดีว่าเขายังคงไม่ยอม
“ปู่ไม่ได้ปฏิเสธเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้นะ ปู่เพียงหวังว่าการที่พวกเธอสองคนคบกันจะเป็การเกื้อกูลกันเพื่อพัฒนาในทางที่ดี เป็การส่งเสริมซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ราดน้ำมันเป็ทัพพีลงบนไฟที่โหมกระหน่ำ! ตอนนี้หลานกำลังวู่วามด้วยความคิดอย่างวีรบุรุษ อยากจะออกหน้าแทนเธอ อยากจะปกป้องเธอ แล้วคนเขา้าการปกป้องของหลานหรือเปล่า? โจวเฉิง หลานหยิ่งยโสเหลือเกิน ทะนงตัวเหลือเกิน บทเรียนคราวนี้จะทำให้หลานติดขัดไม่ได้เลื่อนขั้นถึงสองสามปีเลย แม้ตอนนี้หลานจะไม่เสียใจที่ได้ทำเพื่อเซี่ยเสี่ยวหลาน เช่นนั้นปู่ก็หวังว่าในอนาคตหลานก็จะไม่เสียใจได้เหมือนเดิม”
ปู่โจวรู้สึกโกรธไม่ใช่น้อย ตระกูลโจวมีพวกคลั่งรักด้วยหรือ?
วงศ์ตระกูลอย่างพวกเขานี้ ้าสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียว ไม่้าพวกคลั่งรักขาดสติยั้งคิด! ความรู้สึกที่สุดโต่งเกินไปทำให้คนเราสูญเสียเหตุผลได้อย่างง่ายดาย และอาจทำให้คนตัดสินใจผิดพลาดใน่เวลาสำคัญได้
“โจวเฉิง เื่ราวมันเป็ไปตามที่ปู่ลูกพูดจริงไหม?”
โจวกั๋วปินทำลายความเงียบ
“ใช่ครับ แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับแิบางอย่างของปู่ แต่สถานการณ์เป็อย่างที่ปู่บอกจริงๆ หากผมไม่ขอโทษ ก็จะส่งผลต่อมุมมองของคนบางส่วนที่มีให้ผม”
โจวกั๋วปินมองลูกชายของตนเอง บุตรชายที่เขาให้กำเนิดมาด้วยตนเอง อีกทั้งเป็บุตรชายคนเดียว โจวกั๋วปินจะไม่รักได้อย่างไร? แต่ในครั้งนี้ ความคิดของเขากับปู่โจวเฉิงไม่เหมือนกัน โจวเฉิงทำผิดในเื่นี้ รวมถึงเื่ครั้งก่อนที่ไปจัดการฝานเจิ้นชวน ครั้งก่อนโจวกั๋วปินไม่ได้โกรธ เพราะว่าโจวเฉิงซื่อตรงพอ ไม่คลุมเสื้อนอกแห่งความยุติธรรมที่น่าเคารพทับความปรารถนาส่วนตน บอกความคิดของเขาเองอย่างตรงไปตรงมา
นี่คือข้อดีของโจวเฉิง และเป็ข้อเสียของโจวเฉิงด้วยเช่นกัน
ทำไมโจวเฉิงถึงซื่อตรง ก็เพราะว่าเชื่อใจคนในครอบครัว และเพราะมั่นใจในตัวเอง
โจวเฉิงจึงไม่คิดว่าตัวเขาจะทำผิดพลาด!
เหมือนในตอนนี้ โจวเฉิงไม่ถกเถียงกับผู้ใหญ่ แต่ความเงียบของเขานั้น คือการประท้วงโดยไร้เสียงนั่นเอง
โจวกั๋วปินไม่อาจโทษลูกสาวบ้านอื่นเขาได้เช่นกัน ก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานปรากฏตัว โจวเฉิงก็มีนิสัยแบบนี้ ตอนนั้นยังรับบทลงโทษอยู่ด้วยซ้ำ และเป็ไปไม่ได้ที่จะบอกว่าครอบครัวไม่ช่วยแม้แต่น้อย ถ้ามิใช่เพราะเห็นแก่หน้าของตระกูลโจว โทษของโจวเฉิงก็คงไม่ถูกยกเลิก! บทลงโทษนั้นมาอย่างไร? นั่นก็เพราะโจวเฉิงหยิ่งผยอง เขาทะนงตนเกินไป!
โจวกั๋วปินไม่กังวลอะไรทั้งนั้น เขาไม่กังวลว่าโจวเฉิงจะหุนหันพลันแล่นทำผิดพลาด เพราะว่าโจวเฉิงเพิ่งอายุ 21 ปี
สิ่งที่โจวกั๋วปินกังวลคือโจวเฉิงผิดพลาดทว่าไม่คิดแก้ไข ยืนหยัดว่าตนเองถูกต้องจากในกระดูก ทุกวันนี้ครอบครัวยังช่วยเขาเช็ดก้นได้ แต่ถ้าไม่มีใครช่วยได้แล้วเล่า?
โจวกั๋วปินคิดว่าปล่อยให้ลูกคนนี้เติบโตตามอำเภอใจไม่ได้อีกต่อไป
“ถ้าลูกคิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็หยุดธุรกิจบุหรี่ที่ทำกับเ้าคังเหว่ยเสีย บ้านเราไม่้าให้ลูกเสี่ยงอันตรายไปกับการหาเงินประเภทนี้ และที่ลูกไปมาหาสู่กับพวกพานซานอีก ลูกอยากทำอะไร? ถ้าไม่มีครอบครัวคอยจัดการแทนลูก ลูกคิดว่าไม่มีคนตรวจสอบลูกจริงรึ!”
กวนฮุ่ยเอ๋อกระกวนกระวาย “ลูกขอโทษผู้หญิงเขาสักคำเนื้อก็ไม่หลุดหรอก ไม่ว่าจะเป็อุบัติเหตุหรือไม่ อย่างไรก็ตามลูกเป็คนตบหน้าเธอ ลูกเป็ผู้ชาย ก็ควรขอโทษ!”
โจวเฉิงยังคงไม่พูดไม่จา
โจวกั๋วปินไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับลูกชาย เขาเตรียมตัด ‘สิทธิพิเศษ’ พวกนั้นที่โจวเฉิงเพลิดเพลินอยู่ ในเมื่อไม่ฟังคนในบ้านแล้ว ก็ไม่ต้องพึ่งพาศักดาของครอบครัวอีกต่อไป ถ้าไม่สั่งสอนโจวเฉิงให้รู้สำนึกในครั้งเดียว โจวเฉิงผู้หยิ่งผยองจองหองอาจกระทำความผิดคล้ายกันได้
เมื่อโจวเฉิงเดินออกมาจากบ้าน เขาก็นั่งยองหน้าประตูและสูบบุหรี่หลายมวนติดกัน
สถานการณ์สาหัสกว่าที่เขาคาดไว้นิดหน่อย เขาไม่ติดใจเื่ไม่ได้เลื่อนขั้นภายในสองสามปี โจวเฉิงเองยังคงคิดว่าสามารถค่อยเป็ค่อยไปได้
ให้เขาหยุดธุรกิจบุหรี่นี้... พ่อของเขาบังคับคังเหว่ยไม่ได้ เนื่องจากคังเหว่ยไม่มีบิดาั้แ่ยังเล็ก โจวกั๋วปินจึงเห็นแก่มิตรภาพของสหายเก่าจึงต้องเอาใจใส่คังเหว่ยหน่อย ดังนั้นคังเหว่ยสามารถทำธุรกิจนี้ต่อไปได้ ทว่าโจวเฉิงร่วมมือไม่ได้แล้ว พอเขาล่าถอยครั้งนี้ คังเหว่ยจะสามารถประคับประคองเครือข่ายการบริหารงานในปัจจุบันได้กี่ส่วนกัน? การไม่อนุญาตให้เขาคบค้าสมาคมกับพานซานต่อไป คือการตัดขาดความช่วยเหลือจากภายนอกของโจวเฉิง นิสัยอย่างคังเหว่ยนั้นขาดความเด็ดขาด ไม่ใจเด็ดพอ ไม่ทรหดพอ ประคองได้มากที่สุดสองสามเดือน สุดท้ายธุรกิจในตอนนี้ก็จะถูกคนอื่นหารแบ่งไป
หยุดก็หยุด สองปีมานี้หาเงินได้เยอะ ถ้าทำต่อไปจะยั่วให้ผู้อื่นอิจฉาตาร้อนได้ง่าย
เป็เพราะอยากช่วยคังเหว่ยนั่นแหละ มิเช่นนั้นคงจบธุรกิจนี้ั้แ่ครึ่งปีก่อนแล้ว
นี่ไม่ถือว่าเป็ปัญหาหนักหนาอะไร เนื่องจากภายหลังเขาโลภเอง อยากใช้โอกาสในตอนนี้หาเงินเพิ่มอีกหน่อยจริงๆ เพื่อทำให้ภรรยาของเขาไม่ต้องกังวลเื่เงินในอนาคต เมื่อไม่มีธุรกิจบุหรี่หาเงิน เช่นนั้นตัวเขาเองก็คือหลักประกันของเสี่ยวหลาน ปู่บอกว่าเขาปกป้องเสี่ยวหลานเกินพอดี โจวเฉิงไม่อาจชี้แจงหรือปฏิเสธได้เลย
หน้าตาสวยก็ไม่ใช่ความผิดของเสี่ยวหลานเสียหน่อย
อย่างเสี่ยวหลานนั้น หากเขาไม่ปกป้องเป็อย่างดี จะปล่อยให้คนอื่นรังแกจนย่ำแย่ได้หรือ?
โจวเฉิงไม่สามารถลืมตอนที่พบกับเสี่ยวหลานครั้งแรกได้ เธอดูลำบากขนาดไหนที่โดนอันธพาลสามคนกักไว้ในตรอก
และไม่สามารถลืมรอยแผลสะดุดตาบนหน้าผากขาวเนียนของเธอได้
ตอนนั้นเขาจึงคิดว่าหญิงสาวเช่นนี้ไม่ควรใช้ชีวิตแบบนี้ เร่ขายไข่ไก่ที่รับซื้อมาจากหลายพื้นที่ใกล้เคียงภายใต้แสงอาทิตย์แผดเผา ไข่ไก่หนึ่งใบมีกำไรเพียงเฟินสองเฟิน—หัวใจที่สงสารและความ้าปกป้องเกิดขึ้น ณ ตอนนั้น แม้ตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าเสี่ยวหลานเป็คนเก่งมาก ทว่าโจวเฉิงก็ไม่เปลี่ยนแปลงความคิดอยู่ดี
เด็ดเดี่ยวเกินไป แข็งแกร่งเกินไป โจวเฉิงจะไม่รู้เชียวหรือ?
เขาไม่ได้กำลังตามใจความเด็ดเดี่ยวแบบนี้ ทว่าเสี่ยวหลานถูกสภาพแวดล้อมรอบข้างกดดัน ถ้าเธอไม่เฉียบแหลม คนอื่นก็จะโค่นเธอแน่นอน!
----------------------------------------
ตะลอนในหน่วยโจวเฉิงจนครบรอบ อีกทั้งเกิดเื่ที่ทำให้อารมณ์ไม่เบิกบาน
เส้ากวงหรงมารับรถในเย็นวันเดียวกัน เซี่ยเสี่ยวหลานก็อดทนไว้และไม่พูดอะไร ทว่าในใจยังคงกลัดกลุ้มอยู่
วันที่ 31 เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจทำเื่เข้าเรียนของนักศึกษาใหม่ก่อน จากนั้นค่อยเที่ยวพร้อมกับครอบครัวอย่างสบายๆ เื่ที่เกิดขึ้นนี้มีผลอะไรต่อโจวเฉิงหรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของหน่วยงานโจวเฉิงเลย เธอจึงไม่รู้ว่าควรช่วยโจวเฉิงอย่างไร?
อากาศที่มหาวิทยาลัยในวันนี้ร้อนอบอ้าวกว่าวันที่ 28 เสียอีก ในหอประชุมใหญ่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่รอต้อนรับนักศึกษาใหม่จากทุกสาขาวิชา พอทอดสายตามองไป ‘อนุรักษ์น้ำ’ ‘วิศกรรมโยธา’ ‘วิทยุกระจายเสียง’ ‘วิศวกรรมอัตโนมัติ’ ชื่อเหล่านี้ปรากฏสู่สายตา เหล่านักศึกษาใหม่กำลังตามหาคณะที่ตนเองจะรายงานตัว ฝ่ายต้อนรับนักศึกษาใหม่ก็กำลังะโเรียก
ใต้ป้าย ‘สาขาวิศกรรมโยธา’ เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นรุ่นพี่ซ่านอวี๋จวินที่เคยพบกันก่อนหน้านี้
รุ่นพี่สาวก็เห็นเธอเช่นกัน “สถาปัตยกรรมอยู่ตรงนี้ จ้าวซี รีบมาพานักศึกษาใหม่ของสาขาเธอไป!”
คนเยอะมากจริงๆ รุ่นพี่ซ่านผู้อ่อนโยนรับมือไม่ไหว พอเธอะโ นักศึกษาหญิงคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเซี่ยเสี่ยวหลานทันที
“สถาปัตยกรรมตามฉันมา!”
เมื่อจ้าวซีมอง โอ้์ นี่คือดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยคนใหม่ที่ทำให้ตู้เสวียเฟิงหลงใหลสินะ?
จ้าวซีเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานขับรถบนถนนเสวียเยวี่ยน เดาว่ารุ่นน้องคนนี้ต้องมีฐานะดีมาก อีกทั้งเธอยังมีหน้าตาสะสวย เมื่อเข้าเรียนจะก่อให้เกิดการนองเือย่างแน่นอน เดิมทีหัวชิงมีรถประจำมหาวิทยาลัยคอยรับคนที่สถานีรถไฟอยู่แล้ว ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมาเร็วเกินไป เธอจึงไม่ได้ขึ้นรถนั่นมารายงานตัวที่มหาวิทยาลัย มาหัวชิงเพื่อชุบทอง [1] เอาเป็ว่าดูไม่เหมือนมาเพื่อเรียน และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงเลือกสาขาสถาปัตยกรรมนี้ สาขาสถาปัตยกรรมขึ้นชื่อว่าผู้หญิงต้องวาดภาพให้เหมือนผู้ชาย และผู้ชายต้องวาดภาพโดยไม่คิดว่าเป็คนด้วยซ้ำ [2]
รุ่นน้องใหม่คนนี้ คงทนได้ไม่ถึงหนึ่งภาคเรียนก็คงโวยวายเปลี่ยนสาขา เหล่านักศึกษาชายสาขาปัตยกรรมคงดีใจเก้อเสียแล้ว ดอกไม้คณะหรือดอกไม้มหาวิทยาลัยอะไรกัน สุดท้ายไม่อยู่ในสาขาสถาปัตยกรรมหรอก!
เซี่ยเสี่ยวหลานเดาความคิดของจ้าวซีไม่ออกแม้แต่น้อย เธอแค่รู้สึกว่ารุ่นพี่จ้าวผู้นี้เ็านิดหน่อยเท่านั้น
แน่นอน พันคนพันหน้า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความอดทนมากเหมือนซ่านอวี๋จวิน
ด้วยการชี้แนะของจ้าวซี เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเสร็จสิ้นขั้นต้อนการเข้าเรียนของนักศึกษาใหม่อย่างรวดเร็ว ชำระค่าหนังสือ รับเงินค่าอาหาร รับกุญแจห้องพัก รับตราประจำมหาวิทยาลัย จากนั้นจ้าวซีก็พาเธอมายังหอพักนักศึกษา
ด้านล่างของอาคารมีป้ายหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่
“ยินดีต้อนรับนะ ว่าที่สถาปนิก!”
เชิงอรรถ
[1]镀金 ชุบทอง หมายถึง เข้าศึกษาหรือฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อได้มาซึ่งชื่อเสียงจอมปลอม
[2]มาจากข้อความ ใช้งานผู้หญิงเหมือนผู้ชาย และใช้งานผู้ชายเหมือนสัตว์ (เหมือนไม่ใช่คน) ใช้บรรยายงานที่หนักมาก จนผู้หญิงต้องแกร่งให้เท่ากับผู้ชาย ส่วนผู้ชายก็ต้องทำงานหนักเหมือนวัวควาย