ปริศนาห้องเรียนต้องสาป

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

 

    เป่ายิ้งฉุบรอบที่ 2 หยางย่าซินยังคงออกค้อน และตวนมู่เซวียนก็ออกดังเช่นที่พูด ออกค้อนตลอด ครั้งต่อไปนี้หยางย่าซินนั่งไม่ติดแล้ว เขามองตวนมู่เซวียนด้วยสายตาแวววาว

 

       เป้ายิ้งฉุบรอบที่ 3 ได้เริ่มขึ้นอีก ทั้งสองฝ่ายนำแขนวางไว้กลางอากาศ นาทีตัดสินความเป็๞ความตายได้มาถึงแล้ว ทั้งคู่หากใครคนใดคนหนึ่งชนะ ก็จะชนะโดยปริยาย

 

       หยางย่าซินจิตใจตึงเครียดขึ้นมา แต่ตวนมู่เซวียนยังคงมีใบหน้าที่สดใส และแขนของทั้งสองก็ได้เหวี่ยงลงมา หยางย่าซินออกกรรไกร แต่ตวนมู่เซวียนยังคงออกค้อน

 

       ตวนมู่เซวียนชนะ!

 

       “เป็๞ไปได้อย่างไร ทำไมนายถึงออกค้อนติดต่อกัน 3 ครั้ง” หยางย่าซินมองตวนมู่ เซวียนด้วยสีหน้าที่แย่ ตวนมู่เซวียนยิ้มพลางพูดว่า “เมื่อกี้ฉันก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันจะออกแค่ค้อน”

 

       “เป็๞ไปได้อย่างไร” สีหน้าของหยางย่าซินตึงเครียด สีหน้าท่าทางหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ตอนนี้เขาเหลือแค่ 1 ชีวิตแล้ว ซึ่งนี่ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังเป็๞ประวัติการณ์

 

       “ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็๞ไปไม่ได้ นายแพ้แล้ว” ตวนมู่เซวียนชำเลืองมองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่กระตือรือร้น หลังจากนั้นกลับมาที่โต๊ะของตน และเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างอิ่มอกอิ่มใจ

 

       “ฉันต้องจบเห่แล้ว ฉันต้องตายแล้ว” หยางย่าซินบ่นพึมพำด้วยความกลัว หลังจากนั้นรีบกระโจนมาที่ตวนมู่เซวียน พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ฉันไม่เชื่อ ฉันอยากจะแข่งกับนายอีก”

 

       “นายยังไม่ชัดเจนสถานการณ์เหรอ? ตอนนี้ฉันมี 3 ชีวิตแล้ว และชนะออกมาจากเกมนี้แล้ว หากชนะนายอีก ฉันจะได้รับอะไร? ” ตวนมู่เซวียนแบมือออกพลางพูด

 

       “นี่” หยางย่าซินมองตวนมู่เซวียนอย่างพูดไม่ออก ใช่สิ ตวนมูเซวียนได้กลายเป็๞ผู้ชนะเพียงคนเดียวของเกมเป่ายิ้งฉุบแห่งความตายแล้ว ก็คือ โควต้าจะเหลือแค่ 3 คนแล้ว

 

       คนอื่นๆ ที่เข้าร่วมเกม จิตใจก็รู้สึกตรึงเครียดขึ้นมาทันที ในใจของทุกคนกำลังครุ่นคิดว่าต่อไปควรทำอย่างไร แม้แต่ใจฉันก็แย่มาก

 

       เดิมทียังมีโควต้า 4 คน ตอนนี้กลายเป็๞ 3 คนแล้ว หากไม่รีบ เช่นนั้น 3 คนก็อาจจะกลายเป็๞ 2 คนได้ ถึงเวลานั้นพวกเราล้วนต้องตาย นึกถึงตรงนี้แล้ว จิตใจฉันเริ่มตรึงเครียดขึ้นมา

 

       “ไม่ จักต้องคิดหาทางออก” ฉันบ่นพึมพำด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว และหลี่โม่ฟ๋านที่

อยู่ข้างๆ พูดว่า “นายว่าหยางย่าซินโง่ไหม? ไม่ใช่ว่าตวนมู่เซวียนพูดแล้วเหรอว่าจะออกแค่ค้อน ทำไมเขาถึงออกกรรไกรได้”

 

       “หากเป็๲นาย นายจะเชื่อคำพูดของตวนมู่เซวียนไหม? นี่คือเวลาที่เกี่ยวกับความเป็๲ความตาย” ฉันชำเลืองดูหลี่โม่ฟ๋านทีหนึ่ง ทำให้เขาพูดไม่ออกทันที “เป็๲เช่นนี้แล้ว หากพบคนที่เชื่อเขาจริงๆ ว่าจะออกแค่ค้อนล่ะ” หลี่โม่ฟ๋านพูด

 

       “ไม่ เขาไม่มีทางแพ้ นายรู้ไหมทำไมเขาถึงพูดว่าจะออกแค่ค้อนน่ะ? เพราะว่าในค้อนกรรไกรกระดาษ ค้อนสามารถเปลี่ยนได้ง่าย แค่ค้อนยืดนิ้ว 2 นิ้วก็เป็๲กรรไกร แบมือก็เป็๲กระดาษ ก็คือตวนมู่เซวียนแค่จะต้องตรวจสอบท่าทางของฝ่ายตรงข้ามอย่างละเอียด แล้วจะทำการตอบสนองได้ในทันที เช่นนี้ไม่ว่าฝั่งตรงข้ามจะออกอะไร เขาจะไม่มีทางแพ้” ฉันส่ายหน้าพลางพูด

 

       ตวนมู่เซวียนน่ากลัวจริงๆ หากเมื่อกี้เป็๲ฉัน อัตราความเป็๲ไปได้ที่๻้๵๹๠า๱จะชนะเขาต่ำมาก โชคดีที่ฉันไม่ได้วู่วามไปแข่งกับเขา ตวนมู่เซวียนได้ชนะจากเกมนี้แล้ว

 

       เช่นนั้นคนที่เหลืออยู่ก็มีแค่ 5 คน คือฉัน หยางย่าซิน ซูย่า มี่เสี่ยวหยู่ หวางเจิ้ง ต่อไปถ้าฉันจะแข่ง แน่นอนว่าจะต้องเลือกแข่งกับใครคนใดคนหนึ่งใน 4 คนนี้

 

       และใน 4 คนนี้ ฉันไม่คิดที่จะเลือกหยางย่าซิน เพราะว่าเขาเหลือแค่ 1 ชีวิต แน่นอนว่าคงจะรีบแข่งกับคนอื่น และที่เหลือก็มีแค่ซูหย่า มีเสี่ยวหยูและหวางเจิ้ง

 

       คนอย่างหวางเจิ้งสามารถแข่งด้วยได้ แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว มีเสี่ยวหยู่กับซูหย่า ผู้หญิง 2 คนนี้จะชนะง่ายกว่า 

 

       ในที่สุดฉันก็มาหาซูหย่า ปริปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เชื่องช้าว่า “เป็๲อย่างไรบ้าง จะยอมแข่งกับฉันไหม?”

 

       “ใครจะยอมแข่งกับไอ่กระจอกอย่างนายล่ะ?” ซูหย่ามองฉันแล้วพูดเยาะเย้ย

 

       สีหน้าฉันไม่เปลี่ยน ปริปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เชื่องช้าว่า “ฉันยังคงจะพูดประโยคเดิม ฉันยังไงก็ได้ แต่เธอจะไม่สนใจชีวิตเธอแล้วเหอ?” 

 

       คำพูดของฉันทำให้สีหน้าซุหย่าเปลี่ยน เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง มองฉันแล้วพูดว่า “ได้ ฉันจะแข่งกับนาย”

 

       “งั้นก็มาสิ ยังไงฉันก็ไม่แพ้” ฉันแสยะยิ้มพูด

 

       “งั้นมาสิ ฉันจะชนะไอ่กระจอกอย่างนายไม่ได้เชียวเหรอ” ซูหย่ากัดฟันพูด หลังจากนั้นพวกเราก็ยกมือขึ้นพร้อมกัน

 

       “จะพูดไว้ก่อน ครั้งนี้ฉันจะออกค้อน” ฉันแสยะยิ้ม

 

       “เล่นแบบนี้ ไม่รู้สึกว่าปัญญาอ่อนไปหน่อยเหรอ?” ซูหย่ามองฉันแล้วแสยะยิ้ม ไม้นี้ตวนมู่เซวียนเคยใช้แล้ว ถึงคราวฉันใช้ ซึ่งผลลัพธ์จะไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

 

       “เธอจะลองก็ได้” ฉันแสยะยิ้มปริปากพูด

 

       หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองชูแขนขึ้นในอากาศพร้อมกัน หลังจากนั้นเหวี่ยงลงมา  ช้าๆ 

 

       ซูหย่าออกค้อน แต่ฉันออกกระดาษ ฉันชนะแล้ว!

 

       “เฮอๆ ดูแล้วทุกอย่างได้สิ้นสุดลงแล้ว” ฉันปริปากพูดด้วยร้อยยิ้ม

       “นี่เป็๞ไปได้อย่างไร คาดไม่ถึงว่านายจะออกกระดาษ” ซูหย่าบ่นพึมพำด้วยความหวาดกลัว

 

       “นี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว” ฉันส่ายหน้าพลางพูด และไม่ได้อธิบายอะไรมาก จริงๆ คำพูดของฉันเมื่อกี้ คือตั้งใจโน้มน้าวเธอ แน่นอนซูหย่าไม่เชื่อว่าฉันจะออกกระดาษได้ แต่เพื่อประกันความปลอดภัย เธอคงยังต้องออกค้อน เพราะว่าออกกรรไกรก็จะแพ้ และถึงแม้ออกกระดาษจะชนะ แต่หากฉันโกหกล่ะ เธอก็จะแพ้

 

       ดังนั้นเธอเลือกออกค้อน อย่างน้อยก็เหมือนกับฉันคือค้อน ก็แค่เสมอเท่านั้น แต่เธอคาดไม่ถึงว่าฉันจะออกกระดาษ ดังนั้นฉันก็ชนะอย่างง่ายดาย

 

       “กระดาษ เป็๞ไปไม่ได้” ซูหย่าบ่นพึมพำด้วยสีหน้าที่ขาวซีด แต่ฉันมองเธออย่างสงบนิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มว่า “คนที่ปัญญาอ่อนคือเธอต่างหาก เธอคิดว่าเกมนี้มีความยุติธรรมเหรอ?”

 

       “จะบอกให้ตามตรงนะ เหตุผลที่พวกเราชอบเล่นเป่ายิ้งฉุบ 1. เพราะกติกาง่าย 2. เพราะดูแล้วมัน “ยุติธรรม” มาก อัตราเป็๞ไปได้ที่ทุกคนออกค้อน กรรไกรและกระดาษคือ 1/3 ด้วยเหตุนี้อัตราเป็๞ไปได้ของแพ้ชนะเสมอในทุกๆ เกมคือ 1/3 ดังนั้นดูแล้ว โอกาสชนะของทุกคนเหมือนกัน แต่ว่า จริงๆ แล้วตอนที่เล่นเป่ายิ้งฉุบไม้แรกที่ผู้คนมักจะออกคือ “ค้อน”! เพราะว่าแข่งกับกรรไกรและกระดาษ ค้อนยิ่งเพิ่มพลังความสามารถได้”

 

       “ทำไมเป็๞เช่นนี้” ซูหย่าส่ายหัว มีท่าทีว่าเหลือเชื่อ

 

       ณ เวลานี้ฉันชนะแล้ว กลายเป็๞คนที่ 2 ที่หลุดพ้นจากเป้ายิ้งฉุบแห่งความตายนี้ ด้วยเหตุนี้ได้ปริปากพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฉันมองเจตนาของเธอออกตั้งนานแล้ว เธอไม่สามารถชนะฉันได้หรอก”

 

       พูดจบฉันก็หันหลังเดินออกไป ไม่ใส่ใจซูหย่าที่กุมหัวร้องอยู่ด้านหลังแม้แต่น้อย เธอจบเห่แล้ว ตอนนี้เหลือแค่ 1 ชีวิต จะต้องชนะติดต่อกัน 2 ครั้งถึงจะได้ แต่ว่าอะไรจะง่ายขนาดนั้นต้องชนะติดต่อกันถึง 2 ครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดเพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบล้วนไม่ยอมเล่นกับเธอแล้ว

 

       “แหม ฉันรู้อยู่แล้วลูกพี่ว่านายต้องชนะ ครั้งนี้อีตัวน้อยอย่างซูหย่า ถือว่าจบเห่แล้วจริงๆ ” หลี่โม่ฟ๋านแสยะยิ้มพูด ฉันพยักหน้า แต่ใจฉันไม่ได้มีความสุขเลย

       

       ถึงแม้ฉันจะชนะได้สำเร็จแล้ว แต่นี่ก็แสดงว่า ซูหย่าจะต้องตายในเกมนี้ ถึงแม้ฉันจะเอือมระอาซูหย่ามาก แต่ว่าเห็นผู้หญิงที่สวยอย่างนี้ถูกฉันทำให้ตาย ใจฉันยังคงหนักหน่วง

 

       แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉันก็ชนะแล้ว นึกถึงจุดนี้ภายในใจฉันก็รู้สึกวางใจไปพักหนึ่ง เกมแห่งความตายนี้ฉันถือว่าหลุดพ้นไปได้๰่๭๫หนึ่งแล้ว เพียงแค่ภายใน 2 วัน ไม่ไปแข่งกับใคร ฉันก็จะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง

 

       ยังไงฉันก็มี 3 ชีวิตแล้ว หากแข่งกับคนอื่นอีก ก็ไม่มีความหมายอะไร งั้นก็สิ้นสุดแค่นี้ล่ะ ฉันนั่งคิดอยู่บนเก้าอี้ ในเวลานี้ QQ ฉันก็มีเสียงการเตือนของเย่รั่วเซวี่ยดังขึ้น 

 

       “ยินดีด้วยที่นายชนะแล้ว เมื่อกี้ทำให้ฉัน๻๷ใ๯แทบแย่ คิดว่านายจะแพ้แล้วสิ แต่ฉลาดๆ อย่างนายคงจะไม่แพ้หรอก ดูแล้วฉันน่าจะทายถูกแล้ว” เย่รั่วเซวี่ยพูดใน QQ

 

       เพราะว่าฉันได้หลุดพ้นจากเกมแห่งความตายแล้ว ภายในใจรู้สึกโล่งไปเปราะหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะล้อเล่นกับเย้รั่วเซวี่ยว่า “หากฉันตาย เธอก็จะกลายเป็๞แม่ม้าย” 

 

       “ไปให้พ้น” เย่รั่วเซวี่ยพูดใน QQ

 

        ฉันฉีกยิ้ม และเพิ่งเก็บโทรศัพท์มือถือลง หลังจากนั้นมองเพื่อนที่อยู่ห่างออกไปซึ่งกำลังร้อนใจอยู่สองสามคนด้วยความภาคภูมิใจ ฉันได้กลายเป็๞ผู้ชนะคนที่ 2แล้ว เช่นนั้นคนที่เหลืออยู่ก็มี หยางหย่าซิน ซูหย่า มี่เสี่ยวหยู่และหวางเจิ้งแล้วสิ

         

        ในที่นี้มีหยางย่าซินและซูหย่าที่เหลือแค่ 1 ชีวิต และมีเสี่ยวหยู่กับหวางเจิ้งก็มีแค่ 2 ชีวิต ยังไม่พอที่จะชนะออกมาได้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะต้องแข่งเป่ายิ้งฉุบแห่งความตายกันต่ออีก

         

        “ซูหย่า ฉันจะแข่งกับเธอ” หยางย่าซินเดินเข้ามา มองซูหย่าพลางพูด

         

        ซูหย่าส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่ขาวซีด “นายก็เหมือนกับฉัน หากฉันชนะนายแล้ว นายก็จะเหลือชีวิตเหมือนกัน”

         

        หยางย่าซินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย กลับส่ายหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ และได้หันหลังจากไป ณ เวลานี้ซูหย่าไม่เหลือการช่วยเหลือแล้ว ตอนนี้เธอเหลือแค่ 1 ชีวิตแล้ว ดั่งกลับว่าอยู่ข้างๆ นรกเลยทีเดียว

         

        จ้าวเฉินเห้อเดินเข้ามาปลอบซูหย่าไว้แนบอก พูดด้วยน้ำเสียงที่ปลอบใจว่า “วางใจได้ ฉันจะต้องหาทางช่วยเธอแน่นอน เธอจะไม่เป็๞ไร”

         

        “ตอนนี้ฉันไม่มีทางแล้วจริงๆ ทำได้แค่ต้องพึ่งนายแล้ว” ซูหย่ากอดเขาแล้วร้องไห้พลางพูดว่า จ้าวเฉินเห้อใช้คำพูดปลอบประโลมไปด้วย และก็มองคนที่เหลืออยู่สองสามคนด้วยสายตาที่ซื่อแต่เหี้ยม

         

        ตอนนี้เกมนี้เหลือแค่ 4 คนแล้ว ฉันกลับตวนมู่เซวียนออกมาได้สำเร็จแล้ว คนที่เหลืออยู่จักต้องพยายามหาทางเอาชนะ ถึงจะสามารถยึดเอาซีวิตของอีกฝ่ายได้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่เหลือ 1 ชีวิตแล้ว ซึ่งไม่มีทางเลือกเลย

         

        ตลอดทั้ง๰่๭๫เช้านี้ มี่เสี่ยวหยู่ หยางย่าซิน ซูหย่า หวางเจิ้งล้วนไม่ได้แข่งกัน พวกเขาล้วนระแวงซึ่งกันและกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะชนะ หยางย่าซินกลับเดินหาไปทั่ว แต่ไม่มีใครยอมแข่งกับเธอ เพราะถ้าแพ้แล้ว หยางย่าซินก็จะพลิกเกมได้

         

        ทุกคนล้วนหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ระหว่างทั้งสองฝ่ายล้วนแสดงความคิดเห็นกันอย่างระมัดระวัง และคนอื่นๆ ก็ไม่ยุ่งกับเกม แต่ต่างคนต่างก็ยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น ฉันก็คุย QQ อยู่กับเย่รั่วเซวี่ยอย่างดุเดือด

         

        “สุดสัปดาห์นายมีแผนจะทำอะไรไหม พวกเราไปดูหนังกันไหม?” เย่รั่วเซวี่ยพูดใน QQ

         

        “อันนี้ ไม่มีปัญหาแน่นอน” ฉันพูดใน QQ ด้วยความเคอะเขินเล็กน้อย พูดจริงๆ แล้ว ฉันก็อยากนัดเดทกับเย่รั่วเซวี่ย แต่ทว่าฉันอายที่ไม่มีเงินจริงๆ เงินแค่ 5หยวนของฉันนั้น ทำอะไรไม่ได้เลย

                                                                                                                         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้