หลี่ชิงเฟิงคิดว่านางจ้าวตายเพราะตนเองจริงๆ เขาร้องเรียกท่านแม่เสียงดัง โผเข้ากอดนางจ้าวและร้องไห้โฮ
นางจ้าวถูกทับจนได้สติ ลืมตาเห็นลูกชายยังมีชีวิตอยู่ก็ร่ำไห้กางแขนกอดเด็กชายเอาไว้แน่น
"คือ… ชิงเฟิงไม่ได้ตกลงไปในแม่น้ำเอง แต่โดนหลี่ชิงฝูผลัก” เสี่ยวหู่จื่อบิดชายเสื้อพูดเสียงเบา เขาเป็เหลนของย่าอู่จู่
"อะไรนะ?" หลี่ชิงหลิงหันขวับจ้องเสี่ยวหู่จื่อจนเด็กน้อยหดลีบ “เสี่ยวหู่จื่อ เ้าว่าอะไรนะ พูดอีกครั้งซิ” หลี่ชิงหลิงผ่อนน้ำเสียงลง
"มั่วนิ่ม หลานชายแสนดีของข้าจะไปผลักเ้าขาสั้น… ผลักชิงเฟิงได้ยังไง เสี่ยวหู่จื่อ อย่าพูดจามั่วซั่ว” เสียงนางหลิวดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน คนที่ยืนข้างนางล้วนถอยหลังไปสองก้าวเผยให้เห็นนางหลิวและหลี่ชิงฝู
เสี่ยวหู่จื่อร้อนรนตะเบ็งเสียงพูด “ข้าไม่ได้มั่ว พวกฉวนจื่อเห็นกันหมด หลี่ชิงฝูผลักชิงเฟิงลงแม่น้ำ” เขาชี้เพื่อนในหมู่บ้าน
พวกฉวนจื่อพากันส่ายหน้าพูดอธิบายทันที ทำให้หลี่ชิงหลิงสามารถปะติดปะต่อเหตุการณ์โดยรวม
ก่อนหลี่ชิงเฟิงจะตกน้ำ เขากับพวกเสี่ยวหูจื่อกำลังจับจิ้งหรีดที่ชายนา หลี่ชิงฝูเห็นจึงวิ่งไปแย่งตัวที่หลิงชิงเฟิงจับได้ ซึ่งหลี่ชิงเฟิงไม่ให้ เขาจึงโกรธและผลักหลี่ชิงเฟิงลงแม่น้ำ
"ขอโทษด้วยนะ ที่ข้าว่าเ้า” หลี่ชิงหลิงขอโทษหลี่ชิงเฟิงแล้วหันไปมองหลี่ชิงฝูด้วยสายตาเย็นเยียบ
หลี่ชิงฝูเหลือบมองหลี่ชิงหลิง คราวนี้หลบอยู่ในอ้อมแขนนางหลิวไม่กล้าส่งเสียงอีก นางหลิวเห็นเช่นนี้สีหน้าก็ย่ำแย่ หันไปถลึงตามองหลี่ชิงหลิง “จ้องอะไร ชิงฝูไม่ได้จงใจเสียหน่อย ชิงเฟิงก็ไม่ได้ตายด้วย เ้า้าอะไรอีก”
"ท่านแม่ ทำไม… ทำไมถึง…” นางจ้าวที่ร้องไห้จนพูดไม่เป็ประโยคได้ยินแบบนี้ยิ่งหน้ามืดจนเกือบจะเป็ลมอีกครั้ง
หลี่ชิงหลิงเห็นแล้วคลานไปหา ลูบหลังนางเบาๆ เมื่อหายใจเป็จังหวะขึ้นมาอีกครั้งจึงหันศีรษะไปมองนางหลิว และพูดอย่างไร้ความรู้สึก
“ถ้าตามที่ท่านย่าบอก ขอแค่หลี่ชิงฝูผลักเด็กๆ ในหมู่บ้านลงแม่น้ำแล้วไม่ตายก็ไม่ใช่ปัญหาหรือ”
นาง้าปลุกระดมความโกรธของสาธารณชน ให้ชาวบ้านได้เห็นนิสัยของตระกูลหลิว
แน่นอนว่าทันทีที่พูดจบ ชาวบ้านก็ต่างชี้ตำหนินางหลิว ไม่ให้ลูกๆ เล่นกับหลี่ชิงฝูอีก
สุดท้ายหลี่ชิงฝูก็ยังเป็เพียงเด็กอายุแปดขวบ หลังจากโดนคนจำนวนมากชี้ก็ร้องไห้โฮออกมาด้วยความใ
นางหลิวเองก็ทำตัวไม่ถูก แต่นางหน้าหนากว่า และสิ่งที่ถนัดที่สุดคือการโวยวาย ทุกครั้งที่โวยวายก็จะสามารถบรรลุในสิ่งที่้าได้
นางนั่งลงบนพื้น ตบต้นขาและร้องเสียงดัง "ลูกชายเอ๋ย ไหลกุ้ยเอ๋ย ทำไมถึงไปเร็วขนาดนั้น ลูกชายผู้น่าสงสารของข้า ดูซิว่าลูกสาวเ้ารังแกแม่ขนาดไหน เวรกรรมจริงๆ…"
มุมปากของหลี่ชิงหลิงกระตุก หายใจเข้าลึกๆ อย่างไม่คิดยอมแพ้ ก่อนจะคุกเข่าลง และเริ่มโขกหัว “ท่านย่า พ่อข้าเป็ลูกชายแท้ๆ จริงหรือ ทำแบบนี้กับหลานสาว ไม่กลัวว่าเขาจะมาหากลางดึกหรือ? ดูสิ ดูสิ…” พลางเสยหน้าม้าขึ้น ชี้รอยที่ยังแดงบนหน้าผาก "สามวันก่อนที่บ้านข้าไม่มีอะไรจะกิน น้องชายข้าหิวจนร้องไห้ไม่หยุด ข้าไปยืมข้าวสารที่บ้านท่านย่า พวกท่านไม่เพียงแต่ไม่ให้ แต่หลี่ชิงฝูยังผลักข้ากระแทกกำแพงอีก ข้าอุตส่าห์รอดชีวิตกลับมา ก็ยังจะไปทำร้ายน้องชายข้าแทน เขาเพิ่งอายุแปดขวบนะ ทำไมจิตใจถึงโหดร้ายเช่นนี้”
นางไม่เปิดโอกาสให้นางหลิวได้ออกเสียง ยังคร่ำครวญต่อไปว่า "ท่านพ่อ... หลังจากสูญเสียท่านไป พวกเราโดนรังแกหนักเหลือเกิน มาพาเราไปเถอะ พวกเราอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว!"
ระหว่างโหยหวน น้ำตาไหลก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุม เธอรู้สึกเศร้าจริงๆ
เหล่าหญิงสาวในหมู่บ้านฟังเสียงร้องไห้น่าสงสารของหลี่ชิงหลิงแล้วก็อดตาแดงไม่ได้
ย่าอู่จู่ชี้นางหลิวด้วยสีหน้ามืดมน “หลิวกุ้ยฮวา ลองคลำใจตัวเองดูว่ามันหายไปไหนแล้ว ไม่เคยดีต่อไหลกุ้ยั้แ่เด็กก็ว่าไป ตอนนี้เขาจากไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่ดูแลลูกๆ และภรรยา ทว่ากลับยังพยายามทำลายอีก เ้าไม่กลัวไหลกุ้ยกลับมาเอาเื่กลางดึกจริงๆ หรือ?”
ผู้คนในยุคนี้เชื่อว่าพระโพธิสัตว์มีจริง ดังนั้นเมื่อนางหลิวได้ยินสิ่งที่ย่าอู่จู่พูดก็หน้าซีดด้วยความกลัว ลากหลี่ชิงฝูจากไปโดยไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ท่านย่า อย่าไปนะ เมื่อคืนข้าฝันถึงท่านพ่อ ข้ายังมีเื่อยากคุยอีก!”
หลี่ชิงหลิงพูดอย่างมุ่งร้าย นางหลิวใจนเซล้มลง แต่ก็ยังลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งต่อไปโดยไม่กล้าหยุด
ความเร็วนั้นไม่เหมือนผู้สูงอายุเลย
"ฮุ่ยเหนียง มองโลกให้กว้างหน่อย แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น" คุณย่าอู่จู่ถอนหายใจ ตบไหล่นางจ้าวเพื่อปลอบโยน
นางจ้าวยิ้มให้กับคุณย่าอู่จู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว "เ้าค่ะ"
คุณย่าอู่จู่พยักหน้าเล็กน้อย เห็นหลิวจือโม่ที่เงียบมาตลอดจึงรีบเอ่ยปาก "ฮุ่ยเหนียง เ้าต้องขอบคุณจือโม่ที่เขาะโลงไปเก็บเ้าเฟิงจื่อขึ้นมา ไม่งั้น…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจ้าวรีบดึงหลี่ชิงเฟิงมาคุกเข่าตรงหน้าหลิวจือโม่
“จื่อโม่ อย่างที่ป้าเคยขอบคุณนะ เ้าคือผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัวเรา"
หลี่ชิงเฟิงก็กล่าวอย่างเชื่อฟัง "ขอบคุณพี่โม่ขอรับ”
หลิวจือโม่ผงะก่อนจะรีบช่วยพยุงนางจ้าวให้ลุกขึ้น "ท่านป้า มันเป็สิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว" ระหว่างนั้นก็พยุงหลี่ชิงเฟิงขึ้นมาด้วย
เมื่อสายตาจับจ้องไปทางหลี่ชิงหลิงที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้างุนงง เขาก็ลังเลไปชั่ววูบ แต่สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปหา
ความจริงตอนหลี่ชิงเฟิงโดนช่วยขึ้นมา เขาเองก็ยืนอยู่ข้างๆ แต่เวลานั้นนางอาจจะมีแค่หลี่ชิงเฟิงในสายตา จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา
เพราะเมื่อครู่ร้องไห้หนักไปหน่อยจึงยังมึนหัวอยู่ เมื่อมีมือปรากฏขึ้นตรงหน้าจึงตอบสนองไม่ถูก
เธอมองขึ้นไปตามมือนั้นและเห็นใบหน้าที่อ่อนโยนสุภาพ เขานั่นเอง หลิวจือโม่ คู่หมั้นตัวน้อยของเธอ
เมื่อเธอเห็นเสื้อผ้าเปียกบนร่างกายของเขา สมองจึงค่อยๆ นึกถึงสิ่งที่คุณย่าอู่จู่พูดว่าเขาเป็คนที่ช่วยชิงเฟิง
แม้สุดท้ายเธอจะเป็คนช่วยชิงเฟิงให้รอด แต่หากไม่ใช่เพราะเขาช่วยชิงเฟิงขึ้นมาตอนแรก น้องชายของนางก็คงตายไปแล้ว
หลิวจือโม่จึงเป็ผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเธอ เป็เื่ที่ชัดเจนไม่มีผิดพลาด
เมื่อเห็นว่าเด็กสาวยังนิ่งอยู่ หลิวจือโม่คิดว่านางกำลังเขินอายจึงคิดจะเก็บมือ แต่ก็ถูกมือที่หยาบด้านเล็กน้อยจับไว้
มุมปากของเขากระตุก ใช้แรงดึงเด็กสาวลุกขึ้นก่อนปล่อยมือ
"พี่จือโม่ ขอบคุณนะ! ท่านช่วยครอบครัวของข้าอีกแล้ว" คำพูดนี้ไม่ได้เกินจริงเลย ถ้าชิงเฟิงตาย นางจ้าวคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออย่างแน่นอน แล้วนางอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้คนเดียวจะมีความหมายอะไรอีก?
"ไม่เป็ไร" เขาเหลือบมอง "กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวชิงเฟิงจะเป็หวัดเอา”
หลี่ชิงหลิงจึงเพิ่งเห็นหลี่ชิงเฟิงที่ตัวสั่นเล็กน้อย จึงคุกเข่าลงอยากให้เขาขี่หลัง แต่หลิวจือโม่ดึงตัวนางขึ้น "เ้าพยุงท่านป้าเถอะ ชิงเฟิงขี่หลังข้าก็ได้” พูดเสร็จก็โน้มตัวอุ้มชิงเฟิงขึ้นหลัง
นี่คือผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ นางมีคู่หมั้นที่ไม่เลวเลย
มุมปากยกขึ้นน้อยๆ หันไปบอกขอบคุณคุณย่าอู่จู่แล้วพยุงนางจ้าวเดินกลับบ้าน
ชาวบ้านที่ยังไม่แยกย้ายมองร่างหลี่ชิงหลิง และคนอื่นๆ เดินลับสายตาไป จากนั้นเริ่มพูดคุยอีกครั้ง
"เ้าจือโม่หน้าตาดี เขียนอ่านก็ดี ถ้ายังเรียนหนังสืออยู่คงเป็นายคนได้แล้ว เฮ้อ... ชิงหลิงได้ของดีเชียว” ป้าไหลถอนหายใจด้วยความเสียดาย
ป้าหวงรับคำ "ถูกต้อง รู้งี้เล่าเื่ลูกสาวคนที่สามของข้าให้เขาฟังก็ดี"
ป้าไหลสวนกลับ "ลูกสาวเ้าจะไปคู่ควรกับจือโม่ที่เหมือนเทพเซียนได้อย่างไร”
“แล้วเ้าคิดว่าลูกพลัมบ้านเ้าเหมาะสมหรือ?” ป้าหวงเองก็ไม่อ่อนข้อ
ทั้งสองจึงเถียงกันไปมา
ใครสักคนพูดขึ้นว่า จือโม่เองก็น่าสงสาร ไม่มีพ่อแม่ แถมยังมีน้องชายและน้องสาวอีก ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็อย่างไร!
สิ้นเสียง ป้าไหลและป้าหวงก็เงียบไป
ตระกูลหลิวไม่ใช่ตระกูลหลิวในอดีตอีก ใครก็ตามที่แต่งงานกับหลิวจือโม่จะต้องช่วยเขาเลี้ยงดูน้องสองคนซึ่งไม่ใช่เื่ง่ายเลย
ฉับพลัน พวกเขาก็เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อหลี่ชิงหลิงอีกครั้ง
หลี่ชิงหลิงที่ไม่รู้ว่าตนเองกลายเป็คนน่าสมเพชในปากของคนอื่นไปแล้วถามนางจ้าวอย่างเป็ห่วง "ท่านแม่ ปวดท้องหรือไม่ เมื่อครู่ท่านร้องไห้นานขนาดนั้นจะกระทบต่อครรภ์ไหม?”
นางจ้าวลูบท้องพลางส่ายหน้าช้าๆ คราวนี้ทารกเชื่อฟังมาก นางไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนเลย
เป็เช่นนั้นก็ดี หลี่ชิงหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ท่านพี่ ข้า… วันหลังข้าจะไม่ไปเล่นที่แม่น้ำอีก" หลี่ชิงเฟิงที่อยู่บนหลังของหลิวจือโม่พูดอย่างรู้สึกผิด "ข้าจะหลีกเลี่ยงหลี่ชิงฝูด้วย” ครั้งนี้เขาเองก็ใมากจริงๆ
หลี่ชิงหลิงลูบหัวเล็กๆ กล่าวเสียงเรียบ "สุภาพบุรุษอีกสิบปีแก้แค้นก็ไม่สาย…”
“หา?” หลี่ชิงเฟิงเต็มไปด้วยคำถามทั่วใบหน้า
เด็กสาวหัวเราะเบาๆ พลางหยิกแก้ม “หมายความว่าตอนยังไม่มีพลังก็อย่าไปปะทะกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า ไว้ค่อยหาทางแก้แค้นเมื่อมีพลังมากกว่า เข้าใจไหม?” นางกลัวว่าถ้าไม่สอน น้องชายจะกลายเป็คนขี้กลัวเพราะเหตุการณ์นี้
ดวงตาของหลี่ชิงเฟิงเป็ประกาย เขาพยักหน้า "ข้าเข้าใจแล้ว"
หลี่ชิงหลิงไม่เคยคิดเลยว่าประโยคง่ายๆ เช่นนี้ของนางจะสลักลงในใจของหลี่ชิงเฟิง ทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายมากมายในอนาคตได้
"เ้าขอให้พี่จือโม่สอนว่ายน้ำสิ วันหลังเจอเื่แบบนี้อีกจะได้มีพลังช่วยเหลือตัวเอง" หลี่ชิงหลิงชำเลืองมองใบหน้าด้านข้างของหลิวจือโม่ และให้คำแนะนำหลี่ชิงเฟิงพร้อมรอยยิ้ม
"ได้หรือ" หลี่ชิงเฟิงเบิกตากว้าง "ท่านพี่ ข้าเรียนว่ายน้ำได้จริงๆ หรือ” ถ้าเขารู้วิธีว่ายน้ำ วันนี้เขาก็คงไม่เกือบจมน้ำตาย
“ถามข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องถามพี่จือโม่โน่น”
นางสามารถว่ายน้ำได้พอเอาชีวิตรอด แต่ในยุคนี้นางกลัวว่าหากลงแม่น้ำอาจจะจมเอาได้
หลี่ชิงเฟิงเข้าใกล้หูของหลิวจือโม่ และถามเขาอย่างคาดหวัง "พี่จือโม่ สอนข้าว่ายน้ำได้ไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้