สาวน้อยวัยสิบหกปีร่างกายยังไม่เผยสัดส่วนออกมาเต็มวัยนัก ร่างกายที่แบนราบไม่สามารถรั้งกระโปรงไว้ได้ ยางยืดที่ไร้ซึ่งพันธนาการไม่อาจขัดขวางกระโปรงที่ร่วง จึงลื่นลงไปตามขาเรียว
ความยาวของกระโปรงนักเรียนเกินเข่า ทำให้โดยทั่วไปนักเรียนส่วนใหญ่มักจะไม่สวมกางเกงซับใน
แน่นอนว่าหลิงเมิ่งก็ไม่ใส่ ไม่เพียงเท่านั้น ยามปกติเธอมักจะสวมกางเกงชั้นในสีแดง
ดังนั้นเมื่อถูกสายตาของทุกคนจ้องมอง รวมถึงสามีภรรยาที่อยู่ในเหตุการณ์ ตอนนั้นทุกคนเห็นสีแดงสดอย่างชัดเจน
หลิงเมิ่งรู้สึกแค่ว่าเอวกระโปรงของเธอคลายออก ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างร่วง เมื่อก้มศีรษะดู สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือขาที่เปลือยเปล่า และสีแดงสดที่อยู่้า
นี่…เป็ไปได้อย่างไร
เธอเผลอมองไปที่ซูอิน ทว่าเมื่อเห็นสายตาเบิกกว้างและปากอ้าค้างของเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมด เธอก็กรีดร้อง รีบเอามือสองข้างปิดส่วนสำคัญด้วยความใ
เสียงกรีดร้องนั้นดึงสติของทุกคนกลับมา นักเรียนชายเกเรหลังห้องหัวเราะเสียงดัง
“กางเกงหลุด…โตจนป่านนี้แล้วยังกางเกงหลุด ไม่ใช่สิ กระโปรงหลุด ตลกชะมัด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น ก็ทำให้ห้องเรียนที่เงียบกลับสู่ความครึกครื้น นักเรียนที่นั่งร่วมโต๊ะกันเริ่มกระซิบกระซาบ ขยิบตา และคุยกันเบาๆ
“หลิงอิน ทำไมถึง…”
สวีเหวินเหวินชี้ไปที่หลิงเมิ่งที่อยู่หน้าประตู เมื่อมองเพื่อนร่วมโต๊ะของตนเองก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยกมือปิดปาก ใบหน้าแดงก่ำ ไหล่กระตุกเหมือนพยายามกลั้นอะไรบางอย่าง
หน้าขาวจนถึงคอ คางรูปทรงสวย อีกทั้งดวงตาคู่นั้น…อินอินช่างดูดีมากจริงๆ
สิ่งสวยงามมักจะทำให้คนรู้สึกสงสารได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะสวีเหวินเหวินที่ใจอ่อนกับสาวน้อยคนนี้ แต่เธอก็อดคิดไม่ได้
นี่ถือเป็การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต คนที่เป็ทุกข์ที่สุดคงไม่พ้นอินอินสินะ ก่อนหน้านี้ยังพอว่า แต่ตอนนี้บุตรสาวที่แท้จริงของตระกูลหลิงกลับมาแล้ว อีกทั้งในตอนนี้ยังมาปรากฏตัวในห้องเรียน…
เื่ที่อุ้มบุตรมาผิดคน ไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด ตลอดที่ผ่านมาอินอินมองสองสามีภรรยาตระกูลหลิงในฐานะบิดามารดา จู่ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ เธอจะรู้สึกเป็ทุกข์ขนาดไหน
“ฉันให้เธอ…”
สวีเหวินเหวินรู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ถูก เธอหยิบลูกอมรสนมตรากระต่ายขาวออกมาจากช่องเก็บของใต้โต๊ะ ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าซูอิน
เหตุใดซูอินจึงปิดปากน่ะหรือ ก็เพราะเธอกลัวจะหลุดขำน่ะสิ
หลังจากที่เกิดเื่ หลิงเมิ่งเผลอหันมามอง ถึงแม้จะเป็เพียงเวลาสั้นๆ แต่ก็พอที่จะพิสูจน์การคาดเดาของตนเอง เมื่อเห็นหลิงเมิ่งยืนอยู่หน้าห้องเรียนและปกปิดส่วนล่างของตนเองพร้อมเสียงกรีดร้อง ท่าทีจนตรอกเช่นนั้นทำให้เธอรู้สึกสะใจชะมัด
ผู้กระทำความชั่วย่อมแพ้ภัยตนเอง หากมิใช่เพราะหลิงเมิ่งขุดหลุมนี้ด้วยตนเอง ก็คงจะไม่ทำให้เธอเกิดความคิดเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
ไม่ไหวแล้ว เธอทนเกือบไม่ไหวแล้ว…ซูอินอดกลั้นจนรู้สึกทรมาน ใบหน้าแดงก่ำ ไหล่กระตุกเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็เห็นลูกอมรสนมตรากระต่ายขาวที่อยู่เบื้องหน้า เมื่อมองตามมือที่ดันลูกอมมาให้ เธอก็เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่ดูเป็กังวล
ตาสีขาวดำของซูอินที่แยกส่วนของตาขาวและตาดำอย่างชัดเจนมองมาด้วยความรู้สึกที่เย็นลง เธอคว้าลูกอมก่อนจะเผยอปากเล็กน้อย
“ขอบใจนะ”
หน้าห้องเรียน อู๋อู๋ดึงสติกลับมาจากความใได้ก็รีบดึงกระโปรงที่ตกอยู่บนพื้นของหลิงเมิ่งขึ้นมา เธอรีบเอาตัวเองเข้าไปบังสายตาของนักเรียนคนอื่นๆ
“คุณแม่”
หลิงเมิ่งทำอะไรไม่ถูก ในเวลานี้ความรู้สึกหดหู่ใจถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นทะเล เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้แล้ว เธอกอดอู๋อู๋ ซุกหน้าและร่ำไห้เสียงดัง
ถึงแม้บุตรสาวจะอายุสิบหกปีแล้ว และตัวสูงกว่า แต่ในเวลานี้อู๋อู๋ปฏิบัติต่อเธอราวกับทารก โอบกอดเธอด้วยความอ่อนโยน ปลอบโยนอย่างใจเย็น
“ไม่ร้องนะจ๊ะ ไม่ร้อง ไม่ต้องกลัว แม่อยู่ที่นี่นะจ๊ะ”
รายงานตัววันแรก ในขณะที่แนะนำตัวกลับขายหน้าเช่นนี้ หลิงเมิ่งคิดว่าตนเองไม่สามารถอยู่ในโรงเรียนทดลองนี้ได้อีกต่อไป
และเช่นกันที่อู๋อู๋เกรงว่า ต่อไปบุตรสาวของเธอจะได้รับความรู้สึกที่ไม่เป็ธรรม เธอจึงร้องขอต่อหลี่อวี้จือในตอนนั้นว่าขอพาตัวบุตรสาวกลับไปก่อน
นักเรียนคนนี้ ที่ปรึกษาซุนซึ่งเป็ที่ปรึกษาประจำระดับชั้นเป็คนแนะนำมา และเธอยังได้รับเข็มกลัดคริสตัลราคาหลายพันหยวนมาจากผู้ปกครองของอีกฝ่าย แน่นอนว่าท่าทีที่หลี่อวี้จือแสดงออกนั้นดีในแบบที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เธอไม่เพียงตำหนินักเรียนในห้อง แต่ยังหันมาปลอบหลิงเมิ่งอย่างอ่อนโยน เกลี้ยกล่อมให้เธออย่าใส่ใจเื่เล็กน้อยเหล่านี้ สุดท้ายก็ได้ไปส่งคนจากตระกูลหลิงทั้งสามที่หน้าประตูห้องด้วยตนเอง
ซูอินเห็นปฏิกิริยาของหลี่อวี้จือก็อดยิ้มเ็าไม่ได้
ในระหว่างคาบเรียนเมื่อชาติก่อน หลิงเมิ่งคุกคามเธอมากมายจนเธอไม่มีกะจิตกะใจเรียน เหม่อลอยในเวลาเรียนจนหลี่อวี้จือเห็น อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่ลงโทษหลิงเมิ่งซึ่งเป็ต้นเหตุ แต่กลับตำหนิเธอว่าไม่ตั้งใจเรียน ลงโทษให้เธอออกไปยืนบริเวณทางเดินนอกห้องเรียน
เด็กผู้ชายเกเรในห้อง เมื่อทำผิดอย่างมากสุดก็แค่ถูกลงโทษให้ยืนหลังห้อง
เธอยืนอยู่นอกห้อง เมื่อเลิกเรียนเธอถูกคุณครูและนักเรียนมากมายชี้นิ้วใส่ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะทำให้เธออับอายขายหน้า
ซูอินเชื่อว่าคุณครูส่วนใหญ่ในโลกนี้จริงจังและมีความรับผิดชอบ หลังเลิกเรียนคุณครูหลายคนในโรงเรียนทดลองจะต้องตรวจการบ้านจนดึกดื่นทุกวัน บางคนอายุยังไม่ทันจะถึงสี่สิบปีก็มีภาวะอักเสบรอบข้อไหล่อย่างรุนแรงจนยกแขนไม่ขึ้น
แต่ป่าใหญ่ก็มักจะมีนกนานาชนิด หลี่อวี้จือคือขี้หนูเพียงก้อนเดียว ทำให้ข้าวต้มทั้งหม้อเสีย[1]
ทำไมคนเช่นนี้ถึงไม่ถูกกรรมตามสนองสักที
หลังจากอ่านหนังสือตอนเช้าเสร็จแล้ว ซูอินยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะของตนเอง เหม่อลอย
หากเทียบกับความเงียบของเธอ มัธยมต้นปีสามห้องหนึ่งในเวลานี้วุ่นวายมาก ซ้ายขวาหน้าหลังต่างกระซิบกระซาบพูดคุยถึงเหตุการณ์น่าขันเมื่อครู่ ในหมู่พวกเขามีกลุ่มขี้นินทาที่เดินออกไปคุยกับนักเรียนห้องอื่นที่อยู่ติดกัน
ช่วยไม่ได้ ่เวลาแห่งการทบทวนช่างน่าเบื่อ เด็กหนุ่มสาวอายุสิบห้าสิบหกปีเป็วัยที่มีชีวิตชีวามากที่สุด พยายามอดกลั้นไว้ตั้งนาน ใช่ว่าจะเกิดเื่สนุกเช่นนี้บ่อยๆ จะเก็บไว้ได้อย่างไร
แน่นอนว่ายังได้รับความช่วยเหลือจากอู๋อู๋อีก
อันดับแรกเธอได้ร้องขอหลิงจื้อเฉิงให้ขับรถเมอร์เซเดสเบนซ์มาส่งบุตรสาว ซึ่งสร้างความโกลาหลที่หน้าประตูโรงเรียน และหลังจากนั้นเพราะกลัวว่าจะทำให้บุตรสาวน้อยเนื้อต่ำใจ จึงไปที่ฝ่ายวิชาการเพื่อซื้อโต๊ะเรียนใหม่ ฝ่ายวิชาการอยู่ที่ตึกชั้นล่าง หลิงจื้อเฉิงที่ยกโต๊ะเรียนขึ้นมา สร้างความรบกวนให้กับนักเรียนหลายห้องที่กำลังอ่านหนังสือตอนเช้า
เมื่อเกิดภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้ใครต่อใครอดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ จนเื่น่าอายนั้นแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
จนก่อนเลิกเรียน่บ่าย ทั้งโรงเรียนแม้แต่ภารโรงก็รู้เื่นี้
เมื่อมีประเด็นร้อนเกิดขึ้น เื่ที่ตระกูลหลิงอุ้มบุตรมาผิดคนซึ่งถูกพูดถึงมาตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมาก็เงียบไปทันที แม้ว่าจะมีคนพูดถึง ก็เป็เพียงการอธิบายถึงสถานะของหลิงเมิ่ง
ภายใต้ความคิดเห็นมากมายของผู้คน ซูอินได้มีวันที่มีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในตอนแรกเธอยังรู้สึกกังวลเื่ที่ตนเองลืมความรู้ไปมากมาย จนอาจตามไม่ทันที่ครูสอน ่เวลาหนึ่งวันโดยทั่วไปแต่ละวิชาจะมีการบังคับสอบหนึ่งครั้ง เธอจึงพบว่า ความรู้ของมัธยมต้นไม่ได้ยากเท่าไร
ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจของเธอตอนนี้ ขอเพียงในคาบเรียนเธอตั้งใจฟังก็สามารถตามทันในสิ่งที่คุณครูสอน
ด้วยความกังวลเื่เรียน หลังเลิกเรียนเมื่อเสียงกริ่งของโรงเรียนดัง เธอก็เก็บกระเป๋าหนังสือก่อนจะเดินออกมาจากโรงเรียน ครั้งนี้เธอไม่ได้เป็เด็กดีเหมือนเมื่อก่อนที่เลิกเรียนก็กลับบ้าน แต่เดินเลี้ยวไปยังทางแยกซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย
เธออยากลองดูว่าตนเองจะสามารถหาโอกาสทำเงินได้จากที่นั่นหรือไม่
----------------------------------------------------------------------------
[1] ขี้หนูเพียงก้อนเดียวทำให้ข้าวต้มทั้งหม้อเสีย หมายถึง คนเพียงคนเดียวทำให้ทุกคนเสียหาย เปรียบเทียบได้กับสำนวนไทย ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง