หลังจากฉีฉี่ออกไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นที่ยุ่งมาทั้งวัน ร่างกายก็เหนื่อยล้าเต็มทน จึงเตรียมตัวชำระร่างกายและพักผ่อนลง
มู่อวิ๋นจิ่นเปลี่ยนเสื้อคลุมด้านนอก เดินไปที่กั้นลม เดิมทีตั้งใจจะเรียกจื่อเซียงไปเตรียมน้ำอุ่น แต่พอมองไปที่อ่างกลับรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
เนื่องจากในหัวนางปรากฏภาพบ่อน้ำร้อนนั้นขึ้นมา มู่อวิ๋นจิ่นจึงยิ้มอย่างมีเลศนัย เดินไปที่ห้องฉู่ลี่โดยไม่ต้องคิด
เมื่อมายืนด้านหน้าประตู มู่อวิ๋นจิ่นไอกระแอม ยืนมือขึ้นเคาะประตู
จากนั้นไม่นานประตูเปิดออก ดูเหมือนฉู่ลี่เพิ่งจะชำระร่างกายเสร็จ สวมชุดยาวสีขาว รัดผมปล่อยลงข้างหลัง
ฉู่ลี่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นสวมชุดคลุมที่ใช้นอน พลันขมวดคิ้วถามขึ้น “เ้าเป็อะไรไป?”
มู่อวิ๋นจิ่นระลึกถึงบ่อน้ำร้อน เฃยส่งสายตาอย่างน่าสงสารมองไปที่เขา “ข้าเจ็บแขน……”
ระหว่างพูดนั้นพร้อมยกแขนซ้ายให้ดู
ฉู่ลี่ชะงักครู่หนึ่ง ก่อนยื่นมือไปเปิดแขนเสื้อนางขึ้น เพื่อตรวจดูาแ ปรากฏว่าแผลยังแดงอยู่เลย
เมื่อเห็นนางทำหน้าตาน่าสงสาร ฉู่ลี่รู้สึกเห็นใจยอมให้นางเข้าห้องด้านใน
เมื่อเข้าไปแล้ว ฉู่ลี่เตรียมเอ่ยสั่งให้ติงเซี่ยนไปตามชิงเมิ่งมา กลับถูกมู่อวิ๋นจิ่นดึงแขนเสื้อเอาไว้ “พี่ชิงเมิ่งบอกว่า บ่อน้ำร้อนมีสมุนไพรที่หายากและล้ำค่าผสมอยู่ จึงให้ข้ามาแช่บ่อยครั้งหน่อย ……”
พอได้ฟังที่นางเล่า สีหน้าที่เคร่งเครียดของฉู่ลี่จึงผ่อนคลายลง เหล่มองไปทางมู่อวิ๋นจิ่นแล้วยกมือหยิกแก้มนาง
เสียแรงที่เป็ห่วงคิดว่าาแของนางเกดปัญหาขึ้น ที่แท้นางอยากแช่บ่อน้ำร้อนนี่เอง
แก้มมู่อวิ๋นจิ่นแดงขึ้นมา นางจ้องฉู่ลี่โดยไม่กะพริบตา แค่ไอเพียงนิดหน่อย “อย่างนั้นเ้าช่วยข้าไปตามพี่ชิงเมิ่งมาแล้วกัน”
“ไม่ต้องแล้ว เ้าไปแช่บ่อน้ำร้อนก่อนเถอะ หากยาสมุนไพรมิอาจช่วยเื่าแของเ้า ค่อยตามชิงเมิ่งมาแล้วกัน” ฉู่ลี่เอ่ย
มู่อวิ๋นจิ่นรอมาตั้งนาน เพื่อประโยคนี้เท่านั้นแหละ!
นางรีบลุกพรวดสาวเท้าเข้าไปในห้องด้านข้าง โดยไม่ถอดอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว วิ่งะโลงในบ่อน้ำร้อน
ฉู่ลี่ที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียง “ตู้ม” ดังขึ้น ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ไม่รู้จะจัดการนางอย่างไรดี
……
ในบ่อน้ำร้อนมู่อวิ๋นจิ่นผิงขอบอย่างสบายอารมณ์ ความร้อนในบ่อช่วยผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยได้เป็ปลิดทิ้ง จนหาวออกมาหลายครั้ง และเท้าแขนแอบงีบ
ด้านนอกประตู ฉู่ลี่นั่งเก้าอี้โยกหันดูเวลาอยู่บ่อยครั้ง
นี่มันผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วยาม นางยังไม่มีที่ท่าจะออกมาอีก
ฉู่ลี่ลุกขึ้นไปเคาะประตู “มู่อวิ๋นจิ่น……”
ด้านในไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด
ฉู่ลี่จึงขมวดคิ้ว เคาะประตูเรียกอีกครั้ง
ด้านในยังคงไม่มีเสียงตอบรับ
“ปั้ง” ฉู่ลี่เตะประตูผลักเข้าไป
ภายในห้องที่เต็มไปด้วยไอร้อน ฉู่ลี่รีบสาวเท้าไปที่บ่อน้ำร้อน เห็นอาภรณ์สองชั้นเปียกชุ่ม เท้าแขนงีบหลับ เผยให้เห็นไหล่ที่ขาวเนียนทั้งสองข้าง
ฉู่ลี่เห็นภาพเบื้องหน้ากำลังจะหันหลังเรียกบ่าวใช้มาพามู่อวิ๋นจิ่นออกไป ทว่าร่างกายของนางมีบางจุดที่ผิดปกติ
“เฮ้อ……” มู่อวิ๋นจิ่นที่นอนหลับอย่างสบายค่อยๆ ได้สติขึ้น นางยกมือขึ้นขยี้ตา ถึงพบว่านางแอบเผลอหลับอยู่ในบ่อน้ำร้อน
เนื่องจากนางแช่อยู่ในน้ำเป็เวลานาน ผิวของเปื่อยและร่างกายเกิดเหน็บชา
“เ้าตื่นแล้วเหรอ?” เสียงเยือกเย็นดังขึ้นจากด้านหลัง
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย มู่อวิ๋นจิ่นกลับตกตะลึง จนรีบไถลตัวลงแช่น้ำ ก่อนหันหน้ามาจ้องเขม็ง “ฉู่ลี่ ข้านึกไม่ถึงว่าเ้าเป็คนแบบนี้!”
ฉู่ลี่เหลือบมองมู่อวิ๋นจิ่นและหันไปทางอื่นอย่างเก้งๆ กังๆ หัวใจของเขาเต้นระรัว “เ้าแช่น้ำมาหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว เปิ่นหวงจื่อกลัวว่าเ้าเป็อะไรไปจึงเข้ามาดู”
“จริงเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วด้วยไม่อยากจะเชื่อ
“เ้าเนื้อฟนังแค่นี้ เปิ่นหวงจื่อไม่พิศวาสเ้าหรอก!” ฉู่ลี่เห็นนางปกติจึงเตรียมตัวเดินออกห้องไป
มู่อวิ๋นจิ่นจ้องเขม็งด้านหลังฉู่ลี่ นางอยากจะลุกขึ้นยืน แต่เ้ากรรมนี่แช่นางนานเกินไป ขาทั้งสองข้างชาจนไร้เรี่ยวแรง พอเตรียมตัวลุกก็ไถลลงในบ่อน้ำร้อน ตะเกียกตะกายอยู่นาน
ฉู่ลี่หยุดเท้าลงได้ยินมู่อวิ๋นจิ่นตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ เดิมทีเขาไม่อยากสนใจนาง แต่เห็นนางตีน้ำไม่หยุดจึงหยุดเดินลง
เขาจึงตัดสินใจหันกลับไปมองในบ่อน้ำร้อนอีกครั้งหนึ่ง รีบกระโจนลงไปในบ่อน้ำร้อน อุ้มมู่อวิ๋นจิ่นขึ้นมา
มู่อวิ๋นจิ่นสำลักน้ำอยู่หลายเฮือก ก่อนหน้าแดงขึ้นเมื่อมือของฉู่ลี่จับแผ่นหลังของนาง จนต้องหันมองไปทางอื่น
สุดท้ายนางก็ถูกฉู่ลี่เขาเห็นเรือนร่างที่เปียกชุ่ม
……
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นขึ้นมาจากน้ำ ฉู่ลี่ก็โยนชุดใหม่ให้กับนาง
ไอ้บ่อน้ำร้อนเฮงซวยนี่ สร้างเื่ให้กับนางเสียจริง!
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินออกมาจากห้องบ่อน้ำร้อน ใบหน้าก็แดงก่ำไปหมดแล้ว มิกล้านั่งเก้าอี้สบตาฉู่ลี่ ส่วนฉู่ลี่เองก็นั่งก้มหน้าอ่านตำราอยู่อย่างนั้น
คิดไปคิดมา มู่อวิ๋นจิ่นขยับเข้ามานั่งยองด้านข้างเขา “ฉู่ลี่……” นางเอ่ยอ้อนด้วยเสียงอ่อนหวาน
จิตใจของฉู่ลี่เหมือนมีไฟลุกโชนขึ้น จะดับอย่างไรก็ไม่เป็ผล ตอนนี้สตรีผู้นี้ช่างมายั่วเขา ใช้เสียงออดอ้อนขานชื่อเขาอีก จนเขาอยากกลืนกินนางเข้าท้องลงไป
“มีอะไร?” ฉู่ลี่ทำเป็เอ่ยอย่างไม่พอใจ ยังคงก้มหน้าอ่านตำรา แต่อ่านไม่เข้าหัวแม้แต่ตัวเดียว
“ไม่มีอะไร แค่อยากเรียกชื่อเ้าเฉยๆ” มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาเผยยิ้มมองฉู่ลี่ สังเกตเห็นหูทั้งสองข้างของเขาแดงขึ้น พลันทราบได้ทันทีว่าเขาเขินอาย
ฮ่าๆๆ ช่างน่าสนุกเสียจริง อันที่จริงคนที่เสียเปรียบเป็นาง แต่เขากลับทำเหมือนเสียว่าเป็เขาไปแทน
ดังนั้นมู่อวิ๋นจิ่นจึงเริ่มแผนการชั่วร้ายต่อทันที ยื่นมือไปวาดวงกลมที่ขาฉู่ลี่ เอ่ยด้วยเสียงเรียบ “่นี้เ้าไม่ต้องออกเมืองไปไหนเหรอ?”
ฉู่ลี่ฟังที่มู่อวิ๋นจิ่นถามไม่เข้าหัวเลย เห็นเพียงสายตาที่เ้าเล่ห์ของนางมองมา “ฉู่ลี่ เ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่?”
“ทำอะไรเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นแสร้งทำเป็ไม่รู้ เพื่อจะได้แกล้งฉู่ลี่ให้สุดทาง
ฉู่ลี่โยนตำราในมือทิ้ง ยื่นมือไปคว้าแขนนางดึงเข้ามาประชิด และใช้มืออีกข้างโอบเอวของนาง
ทั้งสองคนร่างกายติดแนบชิดกัน กระทั่งสามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจของกันและกันที่สูบฉีดรุนแรง
ฉู่ลี่ยื่นหน้าเ้าไปััแก้มของมู่อวิ๋นจิ่น ยิ้มน้อยๆ “บรรยากาศกำลังดี พวกเรามาทำเื่บางอย่างกันเอาไหม?”
“อะ อะ อะไรนะ?” มู่อวิ๋นจิ่นเกิดหวาดกลัวขึ้น ใจเต้นระรัวแทบหลุดออกจากทรวงอก เบื้องหน้าเป็ชายหนุ่มที่หล่อเหลา นางจึงหลับตาเม้มปากด้วยสัญชาตญาณ
ฉู่ลี่กลับหัวเราะขึ้น ยื่นมือไปจับปอยผมที่หน้าผากไปทัดหู แล้วยื่นหน้าเข้าไปแนบชิดแก้ม บรรจงผ่อนลมหายใจที่เร้าร้อนใส่ที่ซอกคอมู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นเกิดเขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงลง ด้วยััได้ถึงมือที่โอบเอวนางกำลังเคลื่อนขึ้นลงตามอำเภอใจ ถึงตอนนี้นางรู้สึกได้สึกว่าเผลอไปเล่นกับไฟเข้าแล้ว
นางพยายามผลักฉู่ลี่ออก พร้อมสั่งว่า “เ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
ฉู่ลี่เลือกไม่ทำตามที่นางสั่ง
มู่อวิ๋นจิ่นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เห็นสถานการณ์ตอนนี้นางมิอาจใจเสาะได้ จึงรวบรวมความกล้าทั้งหมด กัดฟันยกมือขึ้นไปคว้าลำคอฉู่ลี่มา
นางเขย่งเท้าขึ้น บรรจงจูบริมฝีปากที่เย็นะเืของฉู่ลี่อย่างดูดดื่ม……
ความเย็นะเืจากริมฝีปากได้ส่งผ่านมา มู่อวิ๋นจิ่นพรวดลืมตาสอดประสานสายตาคู่นั้นของฉู่ลี่ ด้วยความรู้สึกได้รับชัยชนะในครั้งนี้แล้ว
เหอะ! คิดว่าคนอย่างมู่อวิ๋นจิ่นจะกลัวคนอย่างเ้าสิท่า!!!
จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นจะถอยหัวออก ทว่าฉู่ลี่กลับยกมือขึ้นจับหัวนางไม่ให้ขยับ ส่วนอีกมือใช้แรงกดเอวของนางจนมิอาจขยับตัวไปไหนได้
มู่อวิ๋นจิ่นใตาค้างที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายกำลังใช้แรงดูดกลับ เดิมทีฉู่ลี่ถูกมู่อวิ๋นจิ่นยั่วยวนจนมิอาจดับไฟแห่งความเร่าร้อนให้ดับวูบลงได้ แต่ว่ามู่อวิ๋นจิ่นที่กลิ่นหอมอบอวลกลับจู่โจมบรรจงจูบเขาก่อน จนกระทั่งเขามิอาจควบคุมสติต่อไปได้อีกแล้ว
ไม่นานนัก มู่อวิ๋นจิ่นกระหืดหระหอบขึ้นมา จนต้องใช้มือผลักไปที่ทรวงอกกำยำของฉู่ลี่ ฉู่ลี่แทบมิอยากจะปล่อยริมฝีปากออกจากกัน แต่ท่าทางของมู่อวิ๋นจิ่นเหมือนหายใจไม่ทัน
“คาดไม่ถึงเลยว่าพระชายาจะจู่โจมข้าหนักถึงเพียงนี้ เปิ่นหวงจื่อจึงทำได้เพียงไหลตามน้ำ ตามความปรารถนาอันแรงกล้าของพระชายา” ฉู่ลี่เห็นนางก้มหน้าเลยยื่นมือขึ้นไปลูบแก้มนาง ด้วยแววตาที่เป็สุข
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกว่าวันนี้ผีคงเข้านาง ถึงได้ไปเล่นกับคนเ้าคิดเ้าแค้นอย่างฉู่ลี่ได้
คิดๆ ดูถึงแม้จะฝืนใจอยู่บ้าง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างฉู่ลี่ คนที่หยิ่งยโส้าชัยชนะอย่างนาง มีหรือจะยอมแพ้เขาโดยง่าย
ดังนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้น ยกมือลูบริมฝีปาก จากนั้นเบะปาก ส่ายหัวไปมา “ฝีมือการจูบของเ้าช่างยอดแย่ อย่าบอกนะว่าเป็จูบแรกของเ้า?”
ฉู่ลี่หรี่ตาจ้องอย่างเืเย็น ก้าวเข้ามาจับไหล่ของนางไว้ “เ้าลองพูดอีกครั้งสิ”
ฉู่ลี่เห็นชัดว่ามู่อวิ๋นจิ่นตัวสั่นสะเทิ้ม
“หรือว่านี่ไม่ใช่จูบแรกของเ้า?” มู่อวิ๋นจิ่นสะกดจิตตัวเองห้ามปอดแหก จึงรวบรวมความกล้าถามขึ้นอีกครั้ง
“สิ่งที่เปิ่นหวงจื่อถามคือ ฝีมือการจูบแย่ขนาดนั้นเชียว?” ฉู่ลี่ตั้งใจไม่ตอบคำถามของนาง
มู่อวิ๋นจิ่นยู่ปาก ก่อนยิ้มหยาดเยิ้มตอบกลับ “ไม่แย่ จะแย่ได้อย่างไรเล่า……”
“ตอนนี้ไม่เช้าแล้ว ข้าควรกลับไปได้แล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นเกาหัว หัวเราะกลบเกลื่อนเดินจากไป
ฉู่ลี่เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ก่อนดึงนางเข้ามาโอบกอดอีกครั้ง “ในเมื่อไม่แย่ เปิ่นหวงจื่อยอมเสียสละลองอีกสักครั้งเป็ยังไง?”
สิ้นเสียง ริมฝีปากของเขาบรรจงจูบประทับริมฝีปากมู่อวิ๋นจิ่นอย่างไม่ผิดองศาแม้แต่น้อย การจูบครั้งนี้มู่อวิ๋นจิ่นััได้ถึงความร้อน จากริมฝีปากของฉู่ลี่มากกว่าครั้งแรก เป็ความร้อนที่เปี่ยมล้นด้วยความอบอุ่น
จนกระทั่งมู่อวิ๋นจิ่นตัวอ่อนราวกับจะละลายไปกับพื้น
……
มู่อวิ๋นจิ่นไม่นึกไม่ฝันว่าก่อนออกจากห้องฉู่ลี่ กลับต้องเจอกับการจูบถึงสามครั้ง มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกว่าเนื้อตัวของนางอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงทั้งหมด
จื่อเซียงที่เดินเข้ามาที่เรือนลี่เฉวียนพอดิบพอดี เห็นมู่อวิ๋นจิ่นเดินด้วยความเชื่องช้าที่สุด จึงรีบเข้าไปประคอง พร้อมเอ่ยถามเสียงดัง “คุณหนูไม่เป็ไรใช่ไหมเ้าคะ? ทำไมริมฝีปากดูบวมเปล่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เกิดเื่อันใดขึ้นหรือเ้าคะ?”
“ฉู่ๆๆๆ เงียบๆ หน่อยสิ” มู่อวิ๋นจิ่นกระทืบเท้าเป็การบอกให้นางลดเสียงให้เงียบที่สุด
ด้านฉู่ลี่ที่อยู่ในห้อง ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ชัดเจน เลยยกมือขึ้นคลำริมฝีปาก ยิ้มอย่างอบอุ่น “คุณหนู ริมฝีปากทำไมถึงบวมเปล่ง?” จื่อเซียงถามไม่ลดละ
ฉู่ลี่ขยับเข้ามาแนบชิดประตู ด้วยใคร่รู้คำตอบที่นางเอื้อนเอ่ย
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นว่าขืนนางตอบไม่กระจ่าง วันนี้จื่อเซียงต้องถามทั้งวันไม่หยุดหย่อน ดังนั้นจึงตอบเสียงเรียบ “ทานไก่ผัดพริกมากเกินไป จนปากบวมนี่แหละ!”