ความรู้สึกอันตรายที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ นางล้วนมีพร์เหนือคนอื่น สหายรุ่นราวคราวเดียวกันไม่มีใครเทียบนางได้ แต่ด้วยพร์ที่นางมีนั้น นางท่องจำได้ราวๆ สามร้อยตัวอักษร ถือว่าสุดความสามารถของนางแล้ว
แต่อีกฝ่ายไม่เพียงไม่หยุดชะงัก ในทางตรงข้ามกลับยิ่งท่องยิ่งเร็ว ความเร็วนั้นน่าตื่นตะลึง ประหนึ่งก้อนเมฆเคลื่อนตัวธาราหลั่งริน ไม่สะดุดอันใดทั้งสิ้น “ทางทิศบูรพามีหญ้าสมุนไพร ชื่อ จื่อจิง จื่อจิงเป็ต้นไม้ไม่ใหญ่นัก ลักษณะของใบมีทรงกลมและเล็ก ดอกของมันหนาแน่นประหนึ่งดวงดารา ชอบอากาศร้อนชื้น บริเวณโดยรอบมักจะมีงูพิษปรากฏตัวอยู่ ใช้พิษงู...”
อักษรสี่ร้อยตัว!
อักษรห้าร้อยตัว!
อักษรหกร้อยตัว!
...
อักษรหนึ่งพันตัว!
นางยังคงท่องต่อไป “กุหลาบ ฟอสฟอรัสแดงและน้ำมัน เฮ่อติ่งหง ปะการัง พิษงู ล้วนมีพิษ ชาดทาปาก ทำมาจากกุหลาบสีแดง ดอกโบตั๋นสีม่วง ทำมาจากกลีบดอกไม้ที่นำมาบดเป็ผง ให้ผสมกุหลาบและฟอสฟอรัสแดงลงไปขณะปรุงสีของชาด...”
มู่หรงจื่ออวิ๋นรู้สึกว่าเบื้องหน้าของตนดำมืด เกือบจะสิ้นสติลงไปตรงนั้น
เป็ไปได้อย่างไรกัน เหตุใดนางจึงท่องจำเนื้อหาทั้งหมดได้?
นางคว้า 《คัมภีร์พิษ》มาจากมือของเซียนพิษแล้วเปิดไปหน้าที่เฟิ่งเฉี่ยนกำลังท่องอยู่ เมื่อเปิดออกมาดูแล้วร่างของนางถึงกับสั่นเทิ้ม
ถึงกับเหมือนกันทุกอย่าง ไม่ต่างกันแม้แต่นิดเดียว!
นางทำได้อย่างไรกัน
หรืออาจกล่าวได้ว่า 《คัมภีร์พิษ》ที่นางต้องเสียเงินมากมายเพื่อหาซื้อมานั้นเป็ของปลอมจริงๆหรือ นางถูกหลอกเสียแล้ว
หาไม่แล้วนางจะอธิบายเื่ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
หรือใต้หล้านี้ยังมีคนเปี่ยมพร์เยี่ยงนี้จริงๆ สามารถจดจำรายละเอียดหนังสือทั้งเล่มได้ในชั่วระยะเวลาอันสั้น
นางเริ่มสงสัยตัวเองเสียแล้ว
เริ่มแรกมู่หรงจิ่งเทียนเพียงแต่รอดูละครฉากสนุกๆ เท่านั้น ได้ยินเฟิ่งเฉี่ยนบอกว่าจะท่อง 《คัมภีร์พิษ》เขาประหลาดใจว่านางจะไม้ไหนกันแน่
ในสายตาของเขา นางเป็คนเ้าเล่ห์เพทุบายยิ่ง ไม่เคยเล่นอะไรตามกฎเกณฑ์ หาไม่แล้วนางคงไม่อาจขโมยหมูเทพหนึ่งร้อยตัว และเชื้อไฟจุดิญญาไปได้ภายใต้เปลือกตาของเขาหรอก
สิ่งของสูญหายไปแล้ว แม้เขาจะโกรธเคือง แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องบันดาลโทสะใหญ่โต
สิ่งที่กระตุ้นความรู้สึกอยากเอาชนะของเขากลับเป็สตรีตรงหน้าคนนี้ที่เขาอ่านไม่ออกััไม่ได้คนนี้ เขารู้สึกถูกอกถูกใจสตรีคนหนึ่งอย่างไม่ง่ายดายนัก
สิ่งที่ทำเขาให้ไม่อาจยอมรับมากที่สุดก็คือ สตรีคนนี้ถึงกับเป็สตรีของเซวียนหยวนเช่อที่เป็ศัตรูตัวฉกาจของเขา ยิ่งทำให้เขาบังเกิดความคิดแย่งชิงเพื่อให้ได้มา!
เขา้าแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็ของเซวียนหยวนเช่อ!
เมื่อเขาได้ยินเฟิ่งเฉี่ยนท่อง 《คัมภีร์พิษ》อย่างไหลลื่น สีหน้าท่าทางของเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สายตาที่มองดูเฟิ่งเฉี่ยนเปลี่ยนไปเช่นกัน สตรีคนนี้ช่างนำมาซึ่งความประหลาดใจให้กับเขาไม่หยุดหย่อน นางทำได้อย่างไรกันนะ
หรือก่อนหน้านี้นางเคยอ่านตำราเล่มนี้มาแล้ว
ทว่าต่อให้เป็ตำราที่เคยอ่านผ่านตามา คิดจะท่องจำเนื้อหาในนั้นั้แ่อักษรตัวแรกจนถึงตัวสุดท้าย มิใช่เื่ที่คนธรรมดาสามัญจะทำได้ แล้วนางเล่าทำได้อย่างไร
น่าสนใจ!
สายตาที่มองนางแปรเปลี่ยนเป็ครุ่นคิดและพิจารณา
เซวียนหยวนเช่อเคยเห็นนางอ่านตำราแพทย์ทั้งหมดในเวลาครึ่งวัน แล้วเขียนเทียบยารักษาอาการแพ้ แต่นี่ยังถือเป็ครั้งแรกที่เห็นนางแสดงความสามารถท่องตำราได้อย่างอัศจรรย์ใจ!
สตรีนางนี้ยังมีความลับที่ซ่อนอยู่มากมายเท่าใดที่กันนะ
นางเหมือนตำราเล่มหนึ่งที่เปิดอ่านไม่มีวันหมด ทุกหน้าล้วนมีความตื่นเต้น และไม่มีวันรู้ว่าหน้าต่อไปจะมีอะไรรออยู่
นางที่เป็เช่นนี้ เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้ ดึงดูดให้คนเข้าไปค้นหาอย่างไม่รู้ตัว
บนตั่งนุ่ม ฮวาเมิ่งหยิ่งฟังเฟิ่งเฉี่ยนท่องตำราด้วยท่าทีสบายๆ นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะกับโต๊ะเป็จังหวะ ดวงตาเรียวยาวราวกับจิ้งจอกนั้นหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังใช้ความคิด
ทันใดนั้น เขาส่งเสียงขัดจังหวะเฟิ่งเฉี่ยน “พอแล้ว เ้าไม่ต้องท่องแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนหยุดท่องแล้วเลิกคิ้วมองเขา “คุณชายฮวา ตอนนี้ท่านเชื่อคำพูดของข้าแล้วกระมัง 《คัมภีร์พิษ》ของนางมิใช่ตำราที่มีอยู่เพียงเล่มเดียว หากคุณชายฮวา้าละก็ ข้าจะมอบให้ท่านโดยไม่คิดเงิน ้ากี่เล่มก็ได้”
มู่หรงจื่ออวิ๋นหน้าแดงก่ำในชั่วขณะ นางโมโหจนพูดไม่ออก นางใช้เงินซื้อ 《คัมภีร์พิษ》มาในราคาสูงลิ่ว มาถึงที่นี่กลับกลายเป็ตำราไร้ค่าเล่มหนึ่ง นี่มันดูิ่กันเกินไปแล้ว!
เห็นสีหน้าท่าทางของฮวาเมิ่งหยิ่งที่เปลี่ยนไป นางรีบอธิบาย “คุณชายฮวา ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น ข้าถูกผู้อื่นต้มตุ๋นเช่นกัน ท่านต้องเชื่อข้านะ!”
ฮวาเมิ่งหยิ่งสะบัดแขนเสื้อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “องค์หญิงจื่ออวิ๋น ข้าเชื่อเ้า นี่เป็《คัมภีร์พิษ》เพียงเล่มเดียวที่เซียนพิษ อินหลี เขียนไว้จริงๆ! ข้าจดจำลายมือของเขาได้!”
มู่หรงจื่ออวิ๋นตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ นางคิดว่าครั้งนี้นางต้องพ่ายแพ้แน่นอน คิดไม่ถึงว่าคลื่นลมจะเปลี่ยนทิศ ฮวาเมิ่งหยิ่งไม่ได้มองข้าม เขายังคงเชื่อตนเอง นางมีสีหน้ายินดี
มู่หรงจื่ออวิ๋นคิดไม่ถึง เฟิ่งเฉี่ยนคิดไม่ถึงยิ่งกว่า
ตนเองยุ่งง่วนมากว่าครึ่งค่อนวัน ฮวาเมิ่งหยิ่งก็ยังคงไม่เชื่อนางอยู่ดี ด้านหนึ่งนางเลื่อมใสสติปัญญาของฮวาเมิ่งหยิ่ง อีกด้านหนึ่งทอดถอนใจให้กับโอกาสที่ตนเองพยายามที่จะไขว่คว้า
นางท้อใจอยู่บ้าง
ฮวาเมิ่งหยิ่งมองข้ามมาทางนางในตอนนี้เอง เขากล่าวว่า “แม่นาง เ้าเป็คนเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ข้าเลื่อมใสความสามารถในการจดจำของเ้ามาก เ้าเพียงแค่พลิกเปิดตำราครั้งหนึ่งก็ท่องตำราทั้งเล่มออกมาได้โดยไม่ตกหล่นแม้แต่อักษรเดียว เ้าเป็คนมีพร์โดยแท้!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเสียงขื่น “ข้าก็เพียงแค่ฉลาดเล็กน้อยเท่านั้น ยังคงไม่อาจปิดบังคุณชายฮวาอยู่ดี!”
มู่หรงจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมาด้วยโทสะ “เ้าก็ช่างต่ำช้านัก ใช้วิธีเช่นนี้มาหลอกลวงคุณชายฮวา เ้าไม่รู้สึกละอายแก่ใจบ้างหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้าท่าทีเคร่งขรึม นางเอ่ยวาจาตรงไปตรงมา “ข้าทำเช่นนี้เพราะ้าช่วยเหลือคน! เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขันก็ต้องทำที่เห็นควร มีอะไรไม่สมควรหรือ อีกอย่าง เดิมทีข้าคิดจะใช้ความสามารถที่แท้จริงของตนเพื่อเปลี่ยนใจคุณชายฮวาเช่นกัน ใครเลยจะรู้ว่าพวกเ้าจะเล่นโกง นำ 《คัมภีร์พิษ》ออกมา หากข้าไม่ทำเช่นนี้ คุณชายฮวามิใช่ต้องเดินทางไปเมืองหลวงกับพวกเ้าหรือ เช่นนั้นอาการป่วยของมู่ไท่ฟู่เล่า”
มู่หรงจื่ออวิ๋นแค่นหัวเราะเสียงเย็นอย่างดูแคลน “เช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่เ้าขโมยหมูเทพ และยังแย่งชิงเชื้อไฟจุดิญญา ก็เป็เื่สถานการณ์บังคับเช่นกันหรือ หึ ข้าเพิ่งจะได้ยินเป็ครั้งแรกว่าทำเื่ลักขโมยแล้วกลับทำเหมือนเป็เื่ที่ถูกต้องเช่นนี้”
ได้ยินคนทั้งสองถกเถียงกันไม่เลิกรา ฮวาเมิ่งหยิ่งขมวดคิ้วแล้วตวาดเพื่อหยุดคนทั้งสอง “พอแล้ว! จะทะเลาะกันก็ไปทะเลาะกันข้างนอก!”
สตรีทั้งสองมองหน้ากันแล้วพร้อมใจกันเงียบ
มู่หรงจิ่งเทียนที่เงียบมาโดยตลอดพูดขึ้นมาในเวลานี้ว่า “เวลาไม่เช้าแล้ว คุณชายฮวา พวกเราออกเดินทางเร็วหน่อยเถิด!”
เฟิ่งเฉี่ยนหันไปมองเซวียนหยวนเช่ออย่างร้อนใจ หากปล่อยให้เซียนพิษจากไปเช่นนี้ มู่ไท่ฟู่ต้องแย่แน่ๆ
ทำอย่างไรดี
ขณะที่นางกำลังอับจนหนทาง ฮวาเมิ่งหยิ่งพลันเอ่ยปากขึ้นว่า “ผู้ใดบอกว่าข้าจะไปเมืองหลวงกัน”
คนทั้งหมดต่างตื่นตะลึง
มู่หรงจื่ออวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีทันที “คุณชายฮวา ท่านหมายความอย่างไรกัน พวกเรามิใช่ตกลงกันแล้วหรือ”
ริมฝีปากบางเย้ายวนอย่างร้ายกาจของฮวาเมิ่งหยิ่งยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเรียวยาวหรี่ลง “ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจว่า 《คัมภีร์พิษ》ที่เ้ามอบให้ข้าเป็ตำราที่มีเพียงเล่มเดียวในใต้หล้า จึงรับปากพวกเ้าว่าจะไปเมืองหลวง”
“แต่เมื่อสักครู่ท่านเองพูดเช่นกันว่า ท่านเชื่อข้า” มู่หรงจื่ออวิ๋นร้อนใจ
ฮวาเมิ่งหยิ่งหัวเราะเบาๆ ปรากฏให้เห็นความเ้าเล่ห์ในแววตา “ถูกต้อง ข้าเชื่อเ้า แต่ตอนนี้ 《คัมภีร์พิษ》ไม่ใช่ตำราที่มีอยู่เพียงเล่มเดียวอีกแล้ว เหตุใดข้ายังต้องรับปากพวกเ้าว่าจะไปเมืองหลวงอีกเล่า”
มู่หรงจื่ออวิ๋นราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงมาอย่างไรอย่างนั้น ถูกต้อง ตอนนี้มีคนสามารถท่องออกมาโดยไม่ตกหล่นแม้แต่อักษรเดียว มันย่อมไม่เป็ชิ้นเดียวในโลกนี้อีกแล้ว นางยังมีเหตุผลอันใดอีกที่จะขอให้เขาตามพวกตนไปเมืองหลวงอีกเล่า
แต่เหตุผลนี้ ทำให้คนยากจะยอมรับได้!