นกยูงรำแพนหางงาม เอาแต่ร้องไม่หยุด
ทารกน้อยที่ตัวเล็กราวกับแมวก็ร้องจ้าไม่หยุดเช่นกัน
ฮองเฮาจ้าวถูกเสียงร้องงอแงทำให้ว้าวุ่นใจ
นางไม่ชอบทารก
พระธิดาของนางในตอนนั้นราวกับว่าเกิดมาก็รู้ความทันที นางจึงไม่คิดถึงเื่นี้ว่าทารกน้อยจะเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดไม่หย่อนอย่างไม่มีสาเหตุเช่นนี้
เหล่านางกำนัลล้วนคร่ำเคร่ง ไม่กล้าเคลื่อนไหว
ทารกน้อยร้องมานานเหลือเกิน ทว่าฮองเฮากลับทำเพียงขมวดคิ้ว ไม่ได้เรียกให้ใครเข้ามา
เด็กน้อยร้องจ้าคงจะเป็เพราะว่าหิว
ทารกหิวง่ายนัก
โดยเฉพาะทารกที่ยังเล็กเพียงเท่านี้ จำเป็ต้องกินอาหารทุกหนึ่งชั่วยาม
ทว่าฮองเฮากลับนิ่งเงียบมาถึงหนึ่งชั่วยามแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปใกล้นาง
ฮองเฮาจ้าวแม้จะดูอ่อนแอบอบบาง ทว่ายามที่ต้องดูแลฝ่ายในกลับไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย
เพียงแค่ดูเหล่าขันทีกับนางกำนัลในตำหนักจ้าวเหอก็ย่อมรู้ได้
แต่ละคนล้วนแล้วแต่หลักแหลม อีกทั้งยังฟังคำสั่ง ทั้งสงบเสงี่ยมเงียบปาก ไม่มีทางจะออกไปพูดพร่ำเพรื่อด้านนอกอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกันองค์หญิงอีเหรินก็มาถึง
ฮองเฮาจ้าวยามพิโรธก็ช่างน่ากลัวนัก แต่ไหนแต่ไรมาจะไม่เคยพิโรธหนัก หรือกระทั่งวาจาผรุสวาทก็ไม่เคยตรัสให้ได้ยิน ถึงกระนั้นก็ยังน่ากลัว
องค์หญิงน้อยเมื่อมองเห็นเสด็จแม่ของตนเอาแต่นิ่งเงียบ แล้วจึงมองดูทารกน้อยที่ร้องไห้เสียจนเสียงเริ่มจะแหบแห้งก็รีบช้อนตัวทารกน้อยขึ้นมาอุ้ม
องค์หญิงน้อยเองเดิมทีก็เป็เพียงเด็กที่ยังไม่โตคนหนึ่ง ทว่าท่าทางยามอุ้มทารกน้อยกลับดูชำนาญยิ่ง
นางรู้กระทั่งว่าควรใช้มือรองศีรษะทารกไว้
เมื่อฮองเฮาเหลือบไปเห็นท่าทางการอุ้มเด็กอย่างชำนาญของพระธิดา ก็อดตื่นใไม่ได้
แน่นอนว่าเหล่านางกำนัลาุโไม่มีทางสอนเื่นี้ให้องค์หญิง
ท่าทางเช่นนี้ย่อมไม่มีทางเป็ท่าทีของเด็กวัยเก้าขวบ
ทว่าพระธิดาของนางกลับอุ้มทารกอย่างเป็ธรรมชาตินัก
เมื่อทารกน้อยถูกอุ้มขึ้นมาเพียงครู่เดียวก็หยุดร้อง
องค์หญิงน้อยหันไปจ้องมองพระมารดา ก่อนจะยื่นทารกน้อยให้นางกำนัลอย่างไม่เป็ธรรมชาตินัก “เขาน่าจะหิวแล้ว ป้อนนมให้เขาสักหน่อยเถิด”
“เสด็จแม่ ท่านเอาแต่เหม่ออีกแล้ว หากว่าคนนอกมารู้เข้า จะคิดว่าท่านกำลังทรมานเด็กอยู่” องค์หญิงน้อยก้าวไปหาพระมารดาอย่างสง่างาม ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งแล้วจึงกอบกุมแขนของพระมารดาเอาไว้
ฮองเฮาจ้าวพลันแข็งค้าง
ก่อนจะผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่จะหันหน้ามาตรัสกับพระธิดา “องค์ชาย เช่นนี้ไม่เหมาะสม ต่อให้แม่จะไม่ชอบพระสนมเอกเล่อเพียงใด ทว่าแม่ก็ไม่มีทางยินดีให้มือของเ้าแปดเปื้อน”
องค์หญิงไม่คิดจะแก้ต่างให้ตัวเอง ทว่าเมื่อเห็นแววตาที่แสนใสซื่อของพระมารดา ก็คิดได้ว่าต่อให้แก้ต่างไปก็คงไม่มีความหมาย ด้วยนิสัยของพระมารดาแล้ว หากนางเชื่อว่าเื่ราวเป็เช่นนั้นก็จะยึดมั่นว่าเป็เช่นนั้น
นางไม่ได้ลงมือทำเื่นี้จริงๆ นางเพียงแค่กล่าวถึงเื่นี้ขึ้นมาลอยๆ หากคนที่ได้ยินไม่มีจิตคิดร้าย ก็ไม่มีทางจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น
ทั้งหมดล้วนแต่เป็บาปกรรมที่พระสนมหรงก่อขึ้น
……
ณ ตำหนักเฉียงเหวยของพระสนมหรง
ดอกกุหลาบที่เลื้อยอยู่บนกำแพงดารดาษไปด้วยสีชมพู
กลิ่นหอมโชยอ่อน
กลีบดอกเล็กๆ ซ้อนกันชั้นแล้วชั้นเล่า ดูแล้วละเอียดลออน่ามองเหลือเกิน
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็รสนิยมของพระสนมหรง นางเชี่ยวชาญด้านการวาดภาพ ทุกที่ในตำหนักของนางจึงได้ตกแต่งให้เข้ากับนิสัยอันนิ่งเงียบเ็าของนาง
เช่นเดียวกันกับภาพวาดภูผาและวารีที่แสนจะเ็านั้น
ทว่าวันนี้นางกลับแต่งตัวได้งดงามเฉิดฉัน ราวกับว่านางได้กลับไปเป็แม่นางน้อยอีกครา
ตอนนั้นนางชอบชุดสีแดงแซมเขียว ทุกอย่างจะต้องตระการตา
จวบจนนางเข้ามาอยู่ในวังหลวง
พระสนมหรงและหยาดน้ำตาที่กำลังพร่างพราวราวกับไข่มุกหลั่งรินไม่ขาดสาย
นางค่อยๆ เดินมาหาหลัวอู๋เลี่ยงด้วยสภาพเช่นนี้
แววตาของนางปรากฏทั้งแววเกลียดชังและแววรักใคร่ กำลังต่อสู้กันอย่างยุ่งเหยิง
ราวกับดอกกุหลาบที่มีกลีบดอกทับซ้อนกันมากมายจนไม่อาจเห็นจุดสิ้นสุด
“พี่สาว ท่านรู้ไหมว่าในห้องหนังสือของท่านพ่อมีรูปท่านแขวนอยู่ ข้าเป็คนวาดรูปนั้นเอง ยามนั้นข้าคิดว่าข้าวาดท่านออกมาได้งดงามที่สุดแล้ว ทว่ายามได้พบท่านอีกครา ท่านกลับงามยิ่งกว่าภาพวาดของข้าเสียอีก ข้าได้ตายต่อหน้าท่านเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน” พระสนมหรงที่กำลังร่ำไห้พลันเผยรอยยิ้ม
โต๊ะด้านข้างถูกทำความสะอาดเรียบร้อย
บนโต๊ะไม่มีของว่างและน้ำชา
มีเพียงแก้วใบหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าภายในแก้วคือยาพิษ
กระเรียนแดงคือยาพิษที่เหล่าสตรีในวังนิยมที่สุด
เมื่อดื่มแล้วยามสิ้นใจก็ยังงดงามดังเดิม ดูราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังไม่ทำลายรูปโฉม
ดังนั้นจึงมักใช้ในการสนับสนุนเหล่าชนชั้นสูงให้สมปรารถนา
พระสนมหรงค่อยๆ เดินมาหยุดลงตรงหน้าหลัวอู๋เลี่ยง
เมื่อถึงเบื้องหน้าพี่สาวตน ร่างบางก็พลันทรุดลง
ทั้งร่างโถมเข้าสู่อ้อมกอดของสตรีตรงหน้า
กลางโถงที่แสนกว้างใหญ่นี้ไร้ซึ่งเงาของนางกำนัล มีเพียงกระถางดอกกุหลาบเถาเลื้อยที่วางอยู่
ดอกกุหลาบเถาเลื้อยมีมากมายจนแทบจะห่อหุ้มกำแพงจนมิด
ท่ามกลางดอกกุหลาบบานสะพรั่งมีสตรีสองนาง
หลัวอู๋เลี่ยงต่อให้ใจแข็งเพียงใด ทว่ายามที่โอบกอดน้องสาวที่กำลังจะสิ้นใจไว้ในอ้อมกอดเช่นนี้ นางก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
“พี่สาว อภัยให้ข้าด้วย...อภัยให้ข้าด้วย ข้ารู้ว่าท่านแม่ทำร้ายท่าน นางอยากให้ข้ามาแทนที่ท่าน แต่ข้ารู้ดีว่าที่ข้าเอาแต่แก่งแย่งกับท่านไม่ใช่เพราะว่าข้าอยากจะมาแทนท่าน แต่เป็เพราะข้าชอบท่านเหลือเกิน ข้าอยากให้ท่านสนใจข้า ข้าอยากให้ท่านเห็นข้าในสายตา มองข้าเพียงคนเดียว”
ร่างบางซบอยู่ในอ้อมอกพี่สาว แววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ เช่นเดียวกันกับแววตาของนายท่านสามที่มองนาง
นางรู้สึกเพียงว่าแผ่นหลังของตนพลันแข็งทื่อ ร่างกายก็แข็งทื่อไปหมด
“ข้าไม่เคยเกลียดท่าน แต่ข้าเกลียดท่านแม่ เกลียดวังหลวง เกลียดฮองเฮาจ้าว เกลียดฮ่องเต้ เกลียดองค์หญิง ข้าเกลียดเหลือเกิน เป็พวกเขาที่ค่อยๆ ฉุดลากข้าจนมาถึงจุดนี้”
หลัวอู๋เลี่ยงยังคงกอดน้องสาวเอาไว้ มองหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู เสียงหัวเราะและเสียงร่ำไห้ของคนในอ้อมกอดดังขึ้นไม่ขาด นางก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงเป็เช่นนี้
ถึงกระนั้นนางก็ยังตอบขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าไม่มีทางให้อภัยพวกเ้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เ้าให้ข้ามาส่งเสริมความตายให้เ้าเช่นนี้ ท่านแม่ของเ้าต่อไปก็มีแต่จะยิ่งเกลียดข้า”
พระสนมหรงเพียงยิ้มแล้วส่ายหน้า
ดวงตาของนางไม่เพียงแต่จับจ้องอยู่ที่พี่สาว นางยังมองผ่านไหล่ของพี่สาวไปยังด้านหลัง
นางจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว
ฝ่าาจะต้องเสด็จมาแน่นอน
ก่อนจะได้พบกันเป็ครั้งสุดท้าย
ฝ่าาหูเบายิ่ง ย่อมจะต้องตกลงอย่างแน่นอน
ใบหน้างดงามยิ้มบางพร้อมน้ำตาที่ไหลรินราวกับสายธาร
หยาดน้ำตาช่างน่ามอง มันไหลหลั่งลงมา ไม่มีทีท่าว่าจะแห้งเหือด
“พี่สาว ข้าเจ็บมือเหลือเกิน เจ็บเหลือเกิน เจ็บเจียนจะตาย ข้าไม่อาจวาดภาพได้อีกแล้ว ท่านยังจำตอนที่ท่านสอนข้าวาดภาพได้หรือไม่ ท่านจับมือข้าแต้มสีจากฝีพู่กันลงไปครั้งต่อครั้ง พี่สาว ท่านจับมือข้าหน่อยได้หรือไม่ เช่นเดียวกับที่ท่านเคยจับยามที่เรายังเป็เด็ก”
ใบหน้านั้นมองพี่สาวตนด้วยแววตาเว้าวอน
แววตาอ่อนแรงถูกม่านน้ำตาบดบังจนพร่าเลือนไปหมด
หลัวอู๋เลี่ยงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปกุมมือน้องสาวเอาไว้ มือทั้งสองเย็นเยียบ ทั้งเย็นทั้งเรียวงาม และยังอ่อนนุ่มเหลือเกิน
พระสนมหรงพลันเผยยิ้มจางๆ ทว่ากลับดูพอใจเหลือเกิน
“พี่สาวยังคงใจอ่อนเหมือนเคย ข้ารู้ว่าท่านจะต้องช่วยข้าแก้แค้น”
นางยอมตายเพื่อเปลี่ยนให้พี่สาวได้เข้าวัง นางขอเจอหน้าพี่สาวครั้งสุดท้าย เพราะนางรู้ว่าไม่มีบุรุษคนใดจะปฏิเสธใบหน้านี้ได้
เพราะกระทั่งนางก็ยังหลงรักใบหน้านี้เหลือเกิน
หลัวชิงเฉิง
ในที่สุดฮ่องเต้ก็เสด็จมา
พระสนมหรงได้คาดการไว้ก่อนแล้ว ฮ่องเต้เป็บุรุษใจโลเลคนหนึ่ง
ไม่เด็ดขาด ทั้งยังหลายใจ
เมื่อเขามาถึงก็เห็นว่าสนมหรงของตนนอนซบอยู่ในอ้อมกอดของสตรีนางหนึ่งบนพื้นราวกับเด็ก
สตรีนางนั้นค่อยเงยหน้าขึ้นช้าๆ เงยหน้ามองเขา
โฉมงามราวกับเซียนสาว
คงมิใช่ ต่อให้เป็เซียนสาวก็ยังไม่งดงามเท่านาง
นางงามกว่าเซียนใดๆ นับร้อยเท่า
ในพื้นที่ที่โอบล้อมไปด้วยกุหลาบ ดอกของมันก็ราวกับเหี่ยวเฉาลงถนัดตา ล้วนดูแล้วไม่น่ามอง
ดอกกุหลาบที่เบ่งบานก็มีแต่จะขับเน้นให้รูปโฉมของนางน่าตื่นตะลึง
กระทั่งพระสนมหรงที่สิ้นใจไปด้วยใบหน้าหมดจดก็ยังไม่อาจสู้
สตรีนางนั้นมองเขาคราหนึ่ง
เพียงแค่สายตาที่มองมาแค่คราเดียว
สายลมก็พลันหยุดพัด ลมหายใจก็พลันหยุดนิ่ง วันเวลาล้วนหยุดเดิน
ฮ่องเต้รู้สึกว่าตนไม่ใช่ฮ่องเต้อีกต่อไป
ยามนี้เขาเป็เพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ที่ตกหลุมรักแม่นางคนหนึ่งเข้าแล้ว
