กล่าวจบ หวงฝู่จินก็รอดูท่าทีของนาง
ทว่าเขากลับต้องประหลาดใจเมื่อหลินฟู่อินพยักหน้า “ได้ บ้านนี้มีห้องมากมาย ให้แม่นางเยว่ ท่านตวนมู่และพี่เหล่าลิ่วอยู่ที่นี่กับข้าด้วยเลย”
ที่แท้ครั้งล่าสุดที่นางไปซื้อเครื่องเรือนจากร้านที่หลินซานหลางอยู่ หลินฟู่อินได้เห็นว่าเครื่องเรือนของช่างไม้ผู้เฒ่าทำออกมาได้ประณีตมาก จึงได้สั่งทำเตียงไม้ขนาดใหญ่สามเตียงกับโต๊ะเก้าอี้หลายชุดแล้วนำมาส่งที่บ้านใหม่
สิ่งที่หลินฟู่อินคิดคือ ตอนนี้ข้าเป็หุ้นส่วนเ้า ทั้งยังนับว่าเป็สหาย หากเป็เช่นนี้ก็มาอยู่เถอะไม่เป็ไร
ในใจลึกๆ ของนางคิดว่าหวงฝู่จินมีตัวตนไม่ธรรมดา หากาเ็ขึ้นมาอีก มาอยู่บ้านนางน่าจะปลอดภัยกว่า
ส่วนเื่บุรุษสตรีห้ามนั่งร่วมโต๊ะั้แ่เจ็ดขวบของต้าเว่ยนั้น นางไม่เก็บมาคิด ยิ่งไม่ได้ใส่ใจ
แต่นางไม่ยอมรับหรอกว่าการต้องอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่เป็ครั้งแรกทำให้นางแอบขนลุกหน่อยๆ
“โอ…” หวงฝู่จินพูดได้แค่นี้ เขาเลิกเรียวคิ้วขึ้น ดวงตามองหลินฟู่อินอย่างละเอียด เด็กสาวผู้นี้ตรงไปตรงมาราวกับสตรีเป่ยหรง แต่กลิ่นอายที่ส่งออกมาล้วนไม่ธรรมดาจนอดข่มความสงสัยในใจไม่ได้ หรือตัวตนที่แท้จริงของนาง…
“คุณหนู คุณหนู เมื่อเที่ยงวันนี้นายท่านตั้งใจพาพวกเราพี่น้องไปกินอาหารที่ภัตตาคารหลิวจี้ ได้ลองอาหารชนิดใหม่สี่อย่าง รสชาติอร่อยมากจริงๆ!” เหล่าลิ่วส่ายหน้าไปมา หลับตาปี๋ ทำท่าคล้ายน้ำลายจะไหล จากนั้นมองหลินฟู่อินด้วยสีหน้าคาดหวัง “ผู้อื่นไม่ทราบ แต่ปิดบังพวกข้าไม่ได้หรอก วันนี้คุณหนูทำให้พวกเรากินอีกได้หรือไม่ขอรับ?”
หลินฟู่อินหันไปยกสองมือ “ข้าไม่ได้เตรียมวัตถุดิบทำของพวกนั้นไว้เ้าค่ะ”
“คุณหนูไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าไปซื้อเองขอรับ!” เหล่าลิ่วหมุนตัววิ่งออกไปโดยไม่ถามด้วยซ้ำว่าต้องใช้อะไรบ้าง ราวกับป่านนี้ยังซื้อของได้อย่างไรอย่างนั้น
เหล่าลิ่วคนซื่อผู้นี้นี่ หลินฟู่อินมองตามแผ่นหลังเขาไปแล้วส่ายหน้า
ช่างเถิด เดี๋ยวรอเขากลับมาค่อยดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง
ส่วนถั่วลิสงคั่วแกล้มสุราต้องใช้เวลานาน นางไม่อยากทำ
ริมฝีปากของหวงฝู่จินยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีดำมีประกายแสงแวววาว คิดว่าวันเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน น่าเสียดายที่ไม่อาจใช้ชีวิตสบายๆ ผ่อนคลายได้เช่นนี้…
หลินฟู่อินฝึเท้าฉับไว เดินไปยังห้องครัวโอ่โถงที่เป็ระเบียบ ครัวนี้จัดแสงได้ดี ต่างจากครัวของชาวต้าเว่ยทั่วไปที่มักอยู่ในห้องมืดๆ อับๆ
หวงฝู่จินคิดพลางเดินตามไป
ตวนมู่เฉิงกับแม่นางเยว่คุยกันเื่กิจการค้าชาดหิมะหลอมในเป่ยหรง เหล่าลิ่วไปซื้อของทำกับข้าว เขาย่อมต้องตามนาง
พอหลินฟู่อินเข้ามาในครัวก็ถกแขนเสื้อเลือกผักล้างผัก พริบตาต่อมาก็เห็นหวงฝู่จินไม่รู้ไปเอาเก้าอี้ไม้จากมุมไหนมาวางแล้วนั่งดูนางด้วยความสนใจ
แม้ทั้งสองจะไม่พูดคุยกัน ทว่าก็มีบรรยากาศสงบสุขลอยอบอวล
พอหลินฟู่อินหุงข้าวเสร็จก็นำเอาเนื้อกับซี่โครงหมูออกมา นางยังซื้อปลาจี้ [1] ให้คนขายปลาช่วยฆ่าปลาให้วันนี้สดๆ นางตั้งใจจะทำของของว่างก่อน จากนั้นตามด้วยอาหารมังสวิรัติ
นางคิดจะทำอาหารบ้านๆ อย่างพวกซี่โครงหมูอบ ปลาจี้ทอดสีเหลืองทอง ทำปลาย่างอีกสักที่ แล้วก็ตุ๋นซื่โครงหมูสักหม้อ
ส่วนอาหารมังสวิรัติทำจากเต้าหู้กับฟองเต้าหู้ มะเขือม่วงหน้าร้อนและถั่วฝักยาว
เต้าหู้ใช้ทำเต้าหู้หมาโผ [2] ฟองเต้าหู้นำไปผัด มะเขือม่วงอบกับน้ำมัน ส่วนถั่วฝักยาวก็ผัด
หลินฟู่อินมือเท้าไว หวงฝู่จินมองนางขยับมือไม้รวดเร็ว ทำให้รู้สึกชื่นชมคนที่ทำอาหารเป็ขึ้นมา
คนเป่ยหรงทำอาหารไม่ค่อยเก่ง ทั้งยังทำกับข้าวอร่อยๆ ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงของว่าง
สิ่งที่ชาวเป่ยหรงกินโดยทั่วไปคือเนื้อแกะย่างและแป้งทอด เขาเองก็กินจนคุ้นปาก แต่ตอนนี้คงไม่คุ้นแล้ว เขามาอยู่เมืองชิงเหลียนเสียนาน ทำให้รู้สึกว่าเนื้อแกะย่างนั้นพอกินได้ ส่วนแป้งทอดนั้นยากจะกินจริงๆ
ดูท่า พอกลับเป่ยหรงคงจะต้องจ้างพ่อครัวสักคนที่รู้วิธีทำอาหารต้าเว่ย
หลินฟู่อินวุ่นวายกับการเตรียมอาหาร เหล่าลิ่วก็กลับมาพร้อมวัตถุดิบ เกาหัวแกร่กๆ ท่าทีดูอับอาย “วันนี้ไปตลาดผักไม่ทันแล้วจึงไม่ได้ซื้อกลับมา แต่ขากลับแวะไปภัตตาคารหลิวจี้แทนขอรับ”
“ท่านไปภัตตาคารหลิวจี้หรือ?” หลินฟู่อินชะงัก มองหน้าหวงฝู่จินโดยไม่รู้ตัว “ท่านได้ยินหรือไม่เ้าคะ?”
หวงฝู่จินกำลังอารมณ์ดีจึงไม่ได้กดดันลูกน้องตนมากนัก เพียงแต่ตักเตือนลอยๆ “พูดดีๆ อย่าให้ขายหน้า!”
เหล่าลิ่วหัวเราะคิกคัก “คุณหนูหลินไม่ต้องกลัว ข้าจ่ายเงินแล้ว พวกเขายุ่งมากเลยไม่แน่ใจว่าจะเห็นเงินตำลึงที่วางเอาไว้หรือไม่”
หลินฟู่อินกระตุกยิ้ม มองถั่วตากแห้ง แตงกวา ถั่วแระและไข่ดอกสนในมือเหล่าลิ่วก่อนจะนิ่วหน้าน้อยๆ “ในเมื่อวางเงินเอาไว้แล้วก็ไม่เป็ไรกระมัง ท่านรู้วิธีทำถั่วลิสงตากแห้งหรือไม่? มือท่านคล่องแคล่ว ให้ช่วยทำยำแตงกวาไข่เยี่ยวม้าคงเป็เื่ง่ายกระมัง?”
คำพูดของนางเรียบง่าย หวงฝู่จินได้แต่กระตุกยิ้ม เหล่าลิ่วคนนี้ก็สมองช้าเกินไป!
น่าขายหน้าจริงๆ!
แต่เหล่าลิ่วกลับไม่รู้สึกว่าตนทำงานไม่ดี เขาถูหลังศีรษะตัวเอง “ฝีมือคุณหนูดีกว่าพ่อครัวภัตตาคารหลิวจี้อีกขอรับ”
เหตุผลดีจริงๆ!
ที่หลินฟู่อินพูดคงทำให้เขาคิดได้บ้าง นางจึงรับเอาวัตถุดิบที่เขานำกลับมาแล้วเริ่มทำความสะอาดก่อนนำไปทำอาหาร
ถั่วลิสงแห้งนี้นำไปทำถั่วทอด เหมาโต้ว [3] นำไปดองเป็เหมาโต้วดอง จากนั้นก็ทำยำแตงกวาไข่เยี่ยวม้าอีกหนึ่งที่
เมื่อยกอาหารขึ้นโต๊ะ ตวนมู่เฉิงก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ตามมาด้วยแม่นางเยว่ที่มีสายตาพออกพอใจ
แม่นางเยว่ผู้นี้… แม้จะเป็คนเดิม แต่หลินฟู่อินกลับรู้สึกประหลาด อดมิได้ให้มองนางมากหน่อย
เห็นบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร แม่นางเยว่จึงมองหลินฟู่อินด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้ม “คุณหนูหลินมีฝีมือทำอาหาร มีความสามารถจริงๆ!”
คำพวกนี้ฟังอย่างไรก็เป็คำชม แต่เหตุใดพอออกจากปากอีกฝ่ายจึงคล้ายจะมีกลิ่นของความริษยาไปได้?
“แม่นางเยว่ไม่รู้อะไร นายท่านของเราชอบอาหารฝีมือคุณหนูมากที่สุด” ตวนมู่เฉิงขยับเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งลง
แม่นางเยว่กล่าวขอบคุณก่อนจะนั่งก้มหน้า ดวงตาคู่งามจมดิ่ง ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรกันแน่
“เป็เพียงอาหารบ้านๆ ทั่วไปเท่านั้น ไม่ควรได้รับคำชมหรอกเ้าค่ะ” หลินฟู่อินยิ้ม ส่งสัญญาณให้ทุกคนทำตัวตามสบาย เหล่าลิ่วหยิบโถสุราตั้งใจจะรินให้หวงฝู่จิน
หลินฟู่อินเห็นเข้าก็ห้ามทันที “นายท่านของพี่ยังาเ็อยู่ ห้ามรินเหล้าเ้าค่ะ”
เหล่าลิ่วโดนห้ามกะทันหันก็ได้แต่ส่งสายตาหาคนเป็นาย “นายท่าน?”
ตวนมู่เฉิงเองก็มองตาม
หวงฝู่จนเติบโตในแดนแห่งทุ่งหญ้า กินเนื้อคำใหญ่ ดื่มสุาามโต กินเนื้อน้อยลงหน่อยไม่เป็ไร แต่ห้ามไม่ให้ดื่มสุราเช่นนี้พานให้รู้สึกไม่ดีเอาได้
ลูกน้องทั้งสองรู้ใจเ้านายจึงไม่กล้าเอ่ยปาก
“ฟังคุณหนูหลินเถอะ นางเป็หมอ” หวงฝู่จินว่า
“อ้อ!” เหล่าลิ่วถึงกับลืมคำสุภาพ หันไปรินเหล้าให้ตวนมู่เฉิงแทน อันที่จริงในใจตวนมู่เฉิงก็ตกตะลึงมาก จำได้ว่าเมื่อก่อนนายท่านาเ็ทีไร เื่สุรานี่ก็ขาดมิได้ ขอเพียงมีคนห้าม ไม่พ้นต้องถูกไล่ตะเพิดรุนแรง…
เห็นคนเจ็บเชื่อฟังคำสั่งดี หลินฟู่อินก็โล่งใจขึ้นมาก นึกขึ้นได้ว่าเจอกันมาทั้งวันก็ไม่ได้ถามเื่อาการาเ็ จึงได้คีบหมูตุ๋นส่งให้เขาพร้อมกับถาม “วันนี้แผลรู้สึกเป็ยังไงบ้างเ้าคะ? ยังเจ็บหนักอยู่หรือไม่?”
หวงฝู่จินรีบเนื้อมาแต่โดยดี “ดีกว่าเมื่อวานพอสมควร”
แปลว่ายังเจ็บอยู่มาก
หลินฟู่อินพยักหน้า “อาการจะดีขึ้นอย่างช้าๆ เ้าค่ะ พรุ่งนี้คุณชายจำไว้ว่าต้องมาหาข้าเพื่อเปลี่ยนยา หลายวันนี้ข้าจะอยู่ในเมือง”
“อืม” หวงฝู่จินรับปาก
ทุกคนดูผ่อนคลาย รับประทานอาหารอย่างมีความสุขราวกับเป็ครอบครัว
สุดท้ายอาหารทั้งหมดก็ถูกกินจนเกลี้ยงจาน เหล่าลิ่วชอบทั้งอาหารและเครื่องดื่มจึงได้อาสาล้างจาน ทำให้หวงฝู่จินมองด้วยสายตาชื่นชม แน่นอนว่าเ้าตัวก็ดีใจเป็อย่างมาก
ในตอนนี้เอง แม่นางเยว่ก็ลุกขึ้นพูดเสียงเบา “พี่เหล่าลิ่ว เื่ล้างจานให้เป็หน้าที่ข้าเถอะเ้าค่ะ จะให้บุรุษล้างจานได้ยังไง?”
ไม่มีใครคิดว่าแม่นางเยว่จะลุกขึ้นพูดในตอนนี้
ตอนนี้หลินฟู่อินไม่พอใจขึ้นมาแล้ว ผู้ชายล้างจานแล้วมันจะทำไม? นางทำกับข้าวให้กิน แล้วให้เขาล้างจานแล้วมันจะเป็อย่างไร?
แต่นางเป็เ้าบ้าน แม่นางเยว่เป็แขก จึงไม่คิดอยากเสียเวลาทะเลาะด้วย
ในเมื่ออีกฝ่ายอยากล้างจานก็ปล่อยทำไปเถิด นาง หลินฟู่อินไม่ยอมรับใช้ใครแน่
“จะได้ยังไงขอรับ มือของแม่นางเยว่ใช้ทำชาดทำน้ำหอม จะให้เปื้อนน้ำมันได้ยังไง? ให้เหล่าลิ่วทำไปเถอะ เขาถนัดนัก” เมื่อเห็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนขึ้นมาในพริบตา ทำลายความสงบสุขก่อนหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ตวนมู่เฉิงรีบลุกขึ้นมาไกล่เกลี่ยสถานการณ์
ที่จริงในใจเขาก็มีความเห็นเกี่ยวกับแม่นางเยว่อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็เคยคุยกับนางแล้ว นายท่านของเขาก็อยากทำกิจการค้าชาดนี่ สตรีผู้นี้เป็ผู้ช่วยที่ดียิ่ง อย่างไรก็ต้องไว้หน้านางบ้าง
“พี่เหล่าลิ่วเป็บุรุษ นั่งดื่มชาหรือเดินเล่นกับนายท่านเถอะเ้าค่ะ งานสตรีเหล่านี้ให้ข้าจัดการเอง” แม่นางเยว่กลับพูดต่อขึ้นมาอีก ราวกับนางเป็เ้าบ้านก็ไม่ปาน
หลินฟู่อินพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายความฉลาดทางอารมณ์ต่ำหรือมีแผนการในใจกันแน่
แต่เหล่าลิ่วไม่ได้คิดมาเท่าตวนมู่เฉิง สวนนางกลับทันที “แม่นางเยว่ พูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร บุรุษล้างจานไม่ได้หรือ? ข้าเองก็ช่วยคุณหนูหลินล้างจานอยู่บ่อยครั้ง เรียกว่ากินแล้วต้องตอบแทน!”
แม่นางเยว่ได้ยินเหล่าลิ่วตำหนิตนต่อหน้าผู้เป็นาย ใบหน้างามพลันซีดขาว “ข้าผิดไปแล้ว ข้า…”
ไม่รอให้นางกล่าวจบ หวงฝู่จินก็ลุกขึ้นอย่างหมดความอดทน โดยมีเหล่าลิ่วพูดทิ้งท้าย “ท่านก็อย่าลืมกินแล้วตอบแทน”
ประโยคชักจูงของเหล่าลิ่วทำให้นางแทบจะสำลักคำพูดตัวเอง
ใบหน้างามของแม่นางเยว่ซีดขาวยิ่งกว่าเดิม ร่างบอบบางโอนเอนไปมาดูแล้วช่างน่าสงสาร ทว่าน่าเสียดายที่บุรุษในที่นี้กลับไม่มีใครรู้สึกด้วย ราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น
หลินฟู่อินเม้มปากไร้คำพูด ไม่เข้าใจว่าแม่นางเยว่คนนี้จะหาเหาใส่หัวไปเพื่ออะไร ยื่นหน้าออกไปให้โดนเหล่าลิ่วตบเองเสียด้วย
เมื่อเห็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนยิ่งกว่าเดิม ตวนมู่เฉิงก็ต้องออกโรงอีกครั้ง ก่อนอื่นก็ะโด่าเหล่าลิ่วก่อน “พูดเช่นนี้ได้ยังไง? ไม่รู้จักให้เกียรติสตรีเสียบ้าง!” จากนั้นจึงหันไปหาแม่นางเยว่แล้วประสานมือ “แม่นางเยว่อย่าใส่ใจคนป่าเถื่อนเช่นนี้เลย ตอนนี้ดึกมากแล้ว แม่นางเยว่ไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วพักผ่อนเถิด”
ประโยคนี้บอกโดยอ้อมไม่ให้นางใส่ใจเื่ที่ไม่ควรใส่ใจ รีบหายไปจากตรงหน้าของคนกลุ่มนี้ให้ไวเสียเถอะ
แม่นางเยว่เป็คนฉลาดย่อมเข้าใจ แม้จะรู้สึกเสียใจยิ่งนัก ทว่าก็ยังกัดริมฝีปากแล้วพยักหน้า
หลินฟู่อินยังอยากเป็มิตรกับอีกฝ่ายอยู่ จึงนำทางนางไปยังห้องที่จัดเอาไว้ให้แล้วหาอ่างไม้ใหม่ๆ มาให้ใช้งาน
แม่นางเยว่ไม่ชอบอ่างที่มีกลิ่นไม้ใหม่ลอยออกมาเช่นนี้จนแทบอยากจะโยนทิ้ง ปกตินางอยู่ไฉ่จือไจได้รับการปฏิบัติดุจคุณหนูผู้ดี ทุกอย่างล้วนเป็เครื่องเงินทั้งนั้น
“คุณหนู… คุณหนูหลิน?” น้ำเสียงนางเล็กเบา กว่าหลินฟู่อินจะได้ยินก็ถูกเรียกอยู่หลายครั้งจึงได้หันไปมองอย่างประหลาดใจ “แม่นางเยว่มีอะไรหรือเ้าคะ?”
“มีอ่างทองแดงหรือไม่?” หญิงสาวกัดฟัน ดูไปแล้วขายหน้ายิ่งนักที่ต้องถามเื่เช่นนี้ ทำให้หลินฟู่อินประหลาดใจอยู่หน่อยๆ คนผู้นี้เป็อะไรของเขานะ?
เมื่อเช้าก็ยังเข้ากันได้ดีเป็ปกติอยู่ แต่ตอนนี้กลับกระอักกระอ่วนไปหมด
โอ หรือคนไม่พอใจที่นางเอาอ่างไม้มาให้ ไม่ใช่อ่างทองแดง?
อยู่ๆ เหตุใดกลับเป็โรคเ้าหญิงขึ้นมาเสียอย่างนั้น?
ถึงสตรีผู้นี้จะมีฝีมือจริงๆ แต่หลินฟู่อินไม่ได้ทำงานให้อีกฝ่าย แล้วเหตุใดต้องมาเอาใจโรคเ้าหญิงนี่ด้วย?
อีกอย่าง อ่างไม้นี่ดีจะตายไม่ใช่หรือ? สวยและมั่นคง เอาจริงๆ นางยังไม่ค่อยอยากจะให้อีกฝ่ายใช้เลย
เพราะเมื่อยกให้อีกฝ่ายใช้แล้ว อ่างไม้นี่ก็ถือว่าใช้การไม่ได้อีก เพราะนางไม่ชอบใช้อ่างที่ผู้หญิงคนอื่นเคยใช้มาก่อน
บางทีอาจเป็นิสัยที่ติดมาจากงานที่ทำก็ได้ นางรักสะอาดมากทีเดียว
“ข้ามีแต่อ่างไม้เ้าค่ะ ไม่มีอ่างทองแดง หากแม่นางเยว่ไม่ชอบอ่างไม้ เวลาเช่นนี้ท่านลองเสี่ยงโชคบนถนนดู อาจจะยังเหลือร้านค้าที่ยังไม่ปิดก็ได้” ถึงในใจหลินฟู่อินจะสบถ แต่เบื้องหน้ากลับไม่ล่วงเกินนาง
นางค่อนแคะอยู่ในใจ ถ้าไม่ชอบอ่างไม้ของข้าก็ออกไปซื้ออ่างทองแดงนั่นเองเถอะ
“นี่…” แม่นางเยว่นิ่วหน้า สีหน้าคล้ายอับอายทว่าสายตายังอยากลองดู “รบกวนแม่นางหลินออกไปเดินหาซื้อเป็เพื่อนข้าได้หรือไม่? ที่จริงข้าเพิ่งเคยมาที่นี่ ไม่คุ้นเคยกับเมืองเลยแม้แต่น้อย”
ในใจยามที่กล่าวออกไปเช่นนี้ แม่นางเยว่คาดหวังให้หลินฟู่อินปฏิเสธอยู่ไม่น้อย เช่นนั้นบางทีนายท่านอาจออกไปเป็เพื่อนนางก็ได้
แม่นางเยว่ก้มหน้าเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเพ้อฝัน ถึงจะเรียกนางว่าแม่นางเยว่ แต่ในความเป็จริง นางก็เพียงมีโชคอยู่บ้าง อายุนางมากกว่านายท่านไม่มาก บางที…
ในใจของนางมีร่องรอยของความหลงผิด ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอนายท่านมาก่อนจึงไม่เป็ไร แต่เห็นนายท่านใกล้ๆ ครั้งนี้ คนช่างงดงามมากความสามารถ หากนางได้ติดตามเขาไปนานๆ ก็คงจะดี!
ที่แท้แม่นางเยว่คือหนึ่งในกลุ่มคนมีความสามารถที่ตวนมู่เฉิงเคยติดต่อสั่งการในสมัยหวงฝู่จินยังเด็ก คนเหล่านี้ถูกพบว่ามีความสามารถพิเศษั้แ่อายุน้อย จากนั้นจึงส่งไปยังสถานที่ที่เหมาะสมกับความสามารถของตนเพื่อฝึกฝน หนึ่งคือเพื่อฝึกฝนฝีมือ สองคือเพื่อเป็สายสืบ
ความสามารถของแม่นางเยว่คือการปรับปรุงชาดทำแป้งผัดหน้า ตอนแรกพร์เช่นนี้ดูไร้ประโยชน์ แม่นางเยว่อยู่ที่ไฉ่จือไจมาสิบกว่าปี กระทั่งหลินฟู่อินเข้าหาหวงฝู่จินและเสนอให้ร่วมมือกันผลิตชาด นางจึงถูกตวนมู่เฉิงเรียกตัวด่วน
นางหายตัวไปโดยไม่บอกลาเช่นนี้ไฉ่จือไจคงแทบพลิกแผ่นดินหากระมัง แต่แล้วอย่างไรเล่า?
“แม่นางเยว่ ตอนนี้มืดแล้ว เราสองคนออกไปกันเองไม่เหมาะ ไม่สู้ให้เหล่าลิ่วช่วยออกไปซื้อให้ล่ะเ้าคะ?” หลินฟู่อินบอกให้นางไปหาเหล่าลิ่วแทน
อย่างไรเหล่าลิ่วก็ล้างจานเร็วมาก ป่านนี้คงล้างเสร็จแล้ว
“ข้าไม่ควรรบกวนเขาแล้ว” สีหน้าแม่นางเยว่ขาวซีด ทว่าดวงตาหงส์คู่นั้นจ้องหลินฟู่อินเขม็ง เด็กอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีกลับจงใจกล่าวเื่นี้ออกมา
แต่นางไม่เชื่อว่าที่เด็กคนนี้พูดจะแฝงอะไรมาด้วย แม้จะมีความสามารถทำชาดหิมะหลอมนั่นได้ ทว่าคนก็เป็เพียงเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ในใจจะมีอะไรได้มากมายนัก?
ในยามที่เห็นเด็กน้อยครั้งแรก นางยังคิดว่านายท่านกับหุ้นส่วนพยายามเอาเปรียบนางอยู่ ในเมื่อนายท่านเห็นความสำคัญเด็กคนนี้ นางย่อมต้องเคารพด้วย แต่ดูเหมือนนายท่านมิได้กำลังเอาเปรียบนาง ที่แท้นายท่านใส่ใจเด็กน้อยคนนี้จริงๆ หรือ?
เพราะเื่นี้เอง แม่นางเยว่จึงไม่ยินยอมทั้งยังริษยาอยู่ในใจ ทำให้หลินฟู่อินััได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในท่าที
เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยินยอม หลินฟู่อินก็กางแขน “เช่นนั้นก็คงไม่มีทางเลือกแล้วเ้าค่ะ” คิดๆ ดูแล้วนางก็เอ่ยเสริม “คงรบกวนท่านตวนมู่กับคุณชายไม่ได้ใช่หรือไม่ล่ะเ้าคะ?”
ทีนี้นางอยากเห็นว่าแม่นางเยว่จะตอบอย่างไร
ดวงตาแม่นางเยว่วูบไหว ถามเสียงเบา “แม่นางหลินให้นายท่านกับท่านตวนมู่ใช้อ่างเช่นนี้หรือ?”
หลินฟู่อินพยักหน้า ยิ่งรู้สึกว่าแม่นางเยว่ไม่ธรรมดา แต่วิธีการออกจะไม่ฉลาดไปหน่อย
ได้ยินเช่นนี้ แม่นางเยว่ก็เงยหน้าขึ้น กดสายตามองหลินฟู่อิน “แม่นาง ท่านทราบสถานะของนายท่านพวกเราหรือไม่?”
นางยินดียิ่งนัก ที่แท้เด็กคนนี้ก็ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนายท่าน
“ข้าไม่ทราบสถานะของคุณชายหรอกเ้าค่ะ ยังไงเื่นี้ก็ไม่เกี่ยวกับข้า หากแม่นางเยว่รู้สึกว่าคุณชายอยู่กับข้าแล้วไม่ดี เช่นนั้นท่านก็สามารถไปหาคุณชาย ขอให้เขาย้ายไปอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดได้” นางหน้าบึ้งเล็กน้อย ท้ายสายตามีร่องรอยรังเกียจ “แต่หากคุณชายอยากจะอยู่ที่นี่กับข้า คุณชายคงไม่ว่าที่ที่นี่จะเรียบง่ายหยาบกระด้าง”
“แต่ว่า…” แม่นางเยว่เห็นหลินฟู่อินไม่กังวลอย่างที่คิด ทั้งไม่รีบร้อนขอคำแนะนำ ในใจก็วิตกขึ้นมา นางกัดปาก พูดด้วยน้ำเสียงกล่าวหาเล็กน้อย “แต่สิ่งที่ท่านให้นายท่านใช้นี่… ต่ำต้อยเกินไป!”
หลินฟู่อินมองอีกฝ่าย กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มแล้วถาม “เช่นนั้น ตามความเห็นแม่นางเยว่ ข้าควรทำยังไงเ้าคะ?”
-------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ปลาจี้ หมายถึง ปลาทองสามัญ เป็ต้นตระกูลของปลาทองสายพันธุ์ต่างๆ ในปัจจุบัน อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน
[2] เต้าหู้หมาโผ (麻婆豆腐) หมายถึง เต้าหู้ผัดซอสเสฉวน หรือ เต้าหู้ผัดพริกเสฉวน
[3] เหมาโต้ว หมายถึง ถั่วแระญี่ปุ่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้