หลังเคลื่อนพลังไปแล้วสิบเอ็ดรอบทะเลสาบเบื้องหน้าเริ่มไหลเชี่ยวและก่อตัวเป็ระลอกคลื่นก่อนจะรวมตัวกันเป็เส้นสีขาวกลางอก
นี่มันทะเลสาบพลังที่บอกว่าข้าได้เข้าสู่ระดับสูงของเคล็ดวิชาาในขั้นที่หนึ่งแล้ว!
เฮือก...
ครั้นทะเลสาบเลือนหายไปพร้อมกับพลังลมปราณที่ลดลงจนเกือบหมดข้าหยุดชะงักก่อนจะถอดหายใจอย่างไม่สบายนัก นี่ไม่ใช่ลางที่ดีสักเท่าไรแต่โชคดีที่มีของดีอย่างงาิญญาวิหคอยู่ข้างกาย ไม่อย่างนั้นคงล้มเหลวไม่เป็ท่า
งาิญญาวิหคถูกนำมาใช้อีกครั้งเพียงไหลลงคอตัวยาก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็พลังร้อนซึมซาบเข้าทดแทนพลังลมปราณที่เสียไปอาการวิงเวียนในหัวก็ทุเลาลงเพราะฤทธิ์ยา
โชคดีที่ได้ไปหุบเขาหลินหยุนมาก่อนไม่อย่างนั้นตัวยาจากหญ้าธรรมดาๆ คงไม่มีทางฟื้นฟูพลังที่เสียไประหว่างการฝึกฝนวรยุทธ์อันดุดันอย่างเคล็ดวิชาาได้อย่างแน่นอน
ข้าหยุดพักให้พลังปรับเข้าสู่สมดุลและมุ่งมั่นฝึกฝนต่อไป
กระทั่งตกดึกข้าลืมไปเลยว่าตัวเองเคลื่อนพลังไปแล้วกี่รอบแต่ที่จำได้งาิญญาวิหคถูกใช้ไปแล้วถึงสองครั้ง เสื้อที่เปียกชุ่มถูกถอดออกไปก่อนจะฝึกฝนต่อไม่นานก็เกิดสนามพลังแผ่กว้างออกไปหลายเมตรหลังจากฝึกฝนพลังนทีเชี่ยวจนเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆแรงลมหอบใหญ่พัดพาใบไม้ขึ้นหมุนวนดังกระแสพายุตลอดเวลา
เพียงแค่ถอนหายใจเหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบลง ราวกับพลังได้สูญสิ้นไปกะทันหัน เบื้องหน้ากลับมีพลังลมปราณและพลังิญญาที่หลอมรวมกันจนเกิดเป็ภาพทะเลสาบสีครามอันกว้างใหญ่และแผ่นดินที่เขียวชอุ่ม
นี่คือทะเลครามพลิกฟ้าเค้าลางจากการฝึกฝนระดับสมบูรณ์ของเคล็ดวิชาาขั้นที่หนึ่ง!
ซ่า!!!
เสียงนั้นดังขึ้นพลังของเคล็ดวิชาาจะหลั่งไหลออกมาจากจุดประภพิญญาและแทรกซึมเข้าสู่อวัยวะและเส้นโลหิตในร่างกายจนพลังิญญาเพิ่มขึ้นมาอีกสองส่วนอย่างชัดเจน!
เคล็ดวิชาาเป็เพียงวิชาขั้นที่หนึ่งเนื่องจากมีความดุดันทั้งระหว่างการฝึกฝนยังอันตรายและสูญเสียพลังมากไม่อย่างนั้นอาจจัดอยู่ในขั้นสูงหรือขั้นสุดยอดไปแล้วก็ได้ต่อให้เป็วิชาประจำตระกูลซูของซูเหยียน ใช่ว่าจะชนะเคล็ดวิชาานี้ได้ง่ายๆ
หลังจากสลายพลังในการฝึกฝนหมัดขวากำไว้แน่นจนเกิดพลังนทีเชี่ยวก่อนจะซัดผ่านอากาศไปยังขอนไม้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ตูม!
พลังนทีเชี่ยวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดังสนั่นพลังที่รุนแรงพุ่งเข้าทำลายขอนไม้ขนาดเส้นรัศมีกว่ายี่สิบเิเแตกกระจายเป็เสี่ยงๆช่างเป็พลังที่แข็งแกร่งเกินต้านจริงๆ!
ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนรอยยิ้มแห่งความสุขจะผุดขึ้นบนใบหน้า“ในที่สุดข้าคนเดิมก็กลับมา!”
เคล็ดวิชาาถือเป็ไพ่ใบเด็ดที่ทำให้ข้ามีชีวิตรอดจากถนนแห่งความตายมาได้เพราะถ้าไม่มีเคล็ดวิชานี้ข้าคงกลายเป็กองกระดูกสักกองหนึ่ง หรือ...อาจกลายเป็ซากศพเดินได้สักตัว
แม้พลังลมปราณจะยังไม่เต็มเปี่ยมและหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ส่วน ต่างจากพละกำลังในร่างกายที่เหลือน้อยลงไปทุกทีซึ่งพละกำลังจะกลับคืนมาได้ ต้องมาจากการกินและพักผ่อนเท่านั้น
ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวในตอนนี้คล้ายกำลังถูกซูบเืสูบเนื้อไปจนหมดซึ่งการบรรลุเคล็ดวิชาาขั้นที่หนึ่งในคืนเดียวถือเป็เื่ยากและการฝึกฝนต้องทำทีละขั้นตอนจึงจะทำให้ธารน้ำไหลรวมกลายเป็แม่น้ำใหญ่ได้ ฉะนั้นหากยังดึงดันต่อไปคงไม่เกิดผลดีสักเท่าไร
นอนหลับพักผ่อนดีกว่า!!!
หลังจากชำระร่างกายด้วยน้ำเย็นจนสดชื่นก่อนจะทิ้งตัวลงนอนและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งเสียงรบกวนจากภายนอกนอกจากเสียงกรนของตัวเองหลังจากเหนื่อยล้ามาทั้งวันก็้าการพักผ่อนเพื่อให้พละกำลังกลับมาอีกครั้ง
...
รุ่งเช้าของวันถัดมา
เสียงกริ่งของสำนักดังปลุกให้ตื่นและตั้งใจจะไปกินข้าวที่โรงอาหารเพื่อเพิ่มพลังสักหน่อย
เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จสรรพและสวมชุดของสำนักเพื่อมุ่งไปยังโรงอาหารเช่นเดียวกับศิษย์จำนวนไม่น้อยที่มุ่งตรงไปยังจุดหมายเดียวกัน
“พี่เชวียน!”
เสียงของซ้งเชียนดังลอยมาแต่ไกลดูเหมือนว่าเ้าเด็กนี่จะอ้วนขึ้นกว่าเดิม เขาวิ่งกระหืดกระหอบจนหน้าแดงก่ำ“พี่เชวียน ท่านดูนั่นสิว่ามันคืออะไร!?”
ข้ามองตามนิ้วออกไปเห็นร้านเล็กๆขนาดประมาณหนึ่งช่องกำแพง
“ปล่องเล็กๆ นั่นนะ?” ข้าถามแบบไม่ค่อยเข้าใจนัก
“นี่ท่าน!”
เขาฉีกยิ้มแล้วพูดต่อ“ร้านชานมของข้าไง! ตอนนี้เริ่มตกแต่งร้านบ้างแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะเปิดขายได้ท่านอย่าลืมมาเป็หน้าม้าให้ข้าล่ะ”
“ได้ๆๆ แต่ว่าข้าไม่มีเงินหรอกนะ ดังนั้นเ้าต้องให้ข้ากินฟรี”
“ไม่มีปัญหา ข้าให้ท่านกินฟรีทั้งชีวิตไปเลย!”เ้าเด็กนั่นว่าพลางทุบอกปั้กๆ “จริงสิ แล้ว่สองวันนี้ท่านหายไปไหนมาเมื่อวานตอนกลางวันข้าไปหาที่กระท่อมก็ไม่เจอเจอแต่กองเสื้อผ้าสกปรกเลยซักตากให้แล้ว ท่านไม่เห็นเหรอ?”
ข้าอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะบอกไป“มิน่าล่ะ ข้านึกว่ามีสาวสวยใจดีที่ไหนมาช่วยซักให้เสียอีก”
เขาแสดงสีหน้าเชิงน้อยใจ“สาวสวยใจดีที่ไหนกันล่ะ ข้าต่างหากที่ใช้เท้าซักจนสะอาด”
ข้าดมเสื้อที่ใส่อยู่พลางขมวดคิ้ว“ให้ตายเถอะ! ข้ายังสงสัยอยู่ว่านี่มันกลิ่นเท้าใคร...”
ซ้งเชียนได้ยินแบบนั้นแล้วแสดงสีหน้าที่เหมือนอยากตายข้าจึงเปลี่ยนเื่คุย “ฮ่าๆๆ เอาล่ะ ไปกินข้าวกัน”
“อืม!”
พอเดินเข้าไปในโรงอาหารศิษย์จำนวนไม่น้อยจ้องมองมาที่ข้าไม่วางตา มานึกๆ ดูแล้วน่าจะเป็ที่เฉิ่นปู้หยุนที่รับศิษย์สำรองอย่างข้าเป็ศิษย์รักดั่งคำผู้ใหญ่ที่ว่าคนมีหน้ามีตามีสี่ภรรยาก็ว่าดีคนจนเงินไม่มีแค่จะหาภรรยายังว่าเลว
“พี่เชวียน ปกติข้ากินข้าวเช้าไม่เยอะเท่าไรซาลาเปาสามลูกนี่ท่านเอาไปกินเถอะ” เขาว่าแล้วยื่นซาลาเปาสามลูกนั้นมาให้
ข้าตอบกลับอย่างเกรงใจ“เ้าผอมขนาดนี้ยังจะเอาของกินมาให้ข้าอีก”
เขาได้ยินข้าบอกว่าผอมก็พูดขึ้นมา“ผ่านไปแค่ครึ่งเดือนแต่น้ำหนักข้าขึ้นมาสองถึงสามกิโล ท่านดูยังไงว่าข้าผอมฮะ?”
“...”
สักพักข้านึกขึ้นได้จึงหยิบจินตานระดับสี่ยื่นให้คนตรงหน้า“เ้าเอานี่ไปกิน แล้วตั้งใจฝึกฝนดีๆ เพื่อการบรรลุขั้นต่อไป!”
“นี่มัน...จินตาน ท่านไปเอามาจากไหน?” ซ้งเชียนถามอย่างประหลาดใจแต่แฝงไปด้วยความดีใจเช่นกันเื่ที่บอกว่าไม่อยากเป็ผู้ฝึกฝนิญญาที่แข็งแกร่งคงจะเป็เื่โกหกเพราะลึกๆ เขาอาจจะอยากเป็เหมือนกันแต่เพราะไม่มีกำลังมากพอส่วนสาเหตุที่ให้จินตานระดับสี่แทนระดับห้า เพราะการบำเพ็ญของเขายังน้อยเกินไปถึงจะให้จินตานระดับห้าก็เปล่าประโยชน์ ทั้งยังเสียเวลาไปกับการฝึกด้วย
ข้าบอกไปตามตรง“สองวันที่ผ่านมาข้าออกไปล่าสัตว์กับพี่เสวียนยิน และนี่ถือเป็ผลพลอยได้เก็บไว้ดีๆ ล่ะ”
“อืม ขอบคุณท่านมากนะพี่เชวียน!”
ความสัมพันธ์แบบพี่น้องของพวกเรามันไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
พอกินข้าวเสร็จซ้งเชียนก็ไปเข้าเรียนส่วนข้าเองต้องออกไปข้างนอกเพื่อหาเงินมาประทังชีวิตสักหน่อยและการขายจินตานก็น่าจะเป็วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้เพราะข้ายังเหลือจินตานอีกสี่เม็ด เก็บไว้คงไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร สู้เอาไปขายสักเม็ดสองเม็ดน่าจะพอแก้ขัดสน่ไปได้
ณตลาดริมทางนอกสำนัก
พอเลี้ยวเข้ามุมขายของก็มีร้านขายอาวุธร้านขายยา ร้านขายวัตถุดิบที่ตั้งเรียงรายละลานตาที่นี่เป็ศูนย์รวมของลูกคนมีเงินเข้ามา จับจ่ายของใช้สำหรับฝึกฝนเป็ส่วนมาก
หลังจากมองอยู่นานสุดท้ายสายตาก็มาสะดุดเข้ากับร้านหนึ่งชื่อว่า ‘ร้านหาญกล้าวัตถุดิบ’ ร้านเล็กๆที่ดูไม่โดดเด่นอะไร หรือถ้ามองผิวเผินน่าจะเหมือนร้านผลไม้มากกว่า
สาเหตุที่เลือกร้านนี้เพราะเป็ร้านเล็กๆไม่ค่อยมีสินค้ามากนัก ต่างจากร้านใหญ่ๆที่มีวัตถุดิบหายากอย่างจินตานระดับสี่และห้าเข้ามาไม่ขาด ฉะนั้นคงมีแต่ร้านเล็กๆที่พอค้าขายกับข้าได้
พอก้าวเข้าไปด้านในเ้าของร้านร่างอ้วนท้วมก็เดินออกมาต้อนรับ
“เ้าอยากได้อะไรหรือพ่อหนุ่ม?” เพียงแค่เห็นชุดที่ข้าใส่สายตาคู่นั้นก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
ข้าทำทีมองไปรอบๆก่อนจะถามขึ้น “ร้านท่านมีจินตานขายหรือเปล่า?”
“มีๆๆ”
เขาว่าแล้วรีบกลับไปหาของในตู้ด้วยความเร็วซึ่งขัดกับรูปร่างอ้วนท้วนนั้นเหลือเกิน ก่อนจะถือบางอย่างออกมา“พวกนี้เป็จินตานระดับหนึ่งแล้วระดับสองที่ถูกเก็บไว้อย่างดีมีให้เลือกตามแต่ความ้า”
“ร้านเ้ามีถึงแค่ระดับสองเท่านั้นเหรอ” ข้าถามสีหน้าสงสัย
เขาเองก็รู้สึกมึนงงก่อนจะถามขึ้น“ทำไม ท่านอยากได้ที่ดีกว่านี้เหรอ”
“จินตานระดับสองมันมีพลังที่จำกัด กินไปมีแต่เสียเวลาเปล่าๆ”ข้ากระตุกยิ้มเล็กๆ ก่อนจะพูดต่อ “อย่าบอกนะว่าร้านท่านมีแค่ของพวกนี้? ศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาแต่ละคนต่างก็อยากได้ของดีๆ ทั้งนั้นของแค่นี้จะไปดึงดูดคนพวกนั้นได้อย่างไรล่ะ...”
เขาตอบกลับสีหน้าจนปัญญา“จินตานต่างเป็ของล้ำค่าที่หายาก ข้าเองก็สั่งของมาเกือบสามเดือนแล้วยังไม่มีจินตานที่ระดับสูงกว่านี้เข้ามาสักที แต่ถ้าพ่อหนุ่มอยากจะซื้อจริงๆข้าก็จะขายของที่ดีที่สุดในร้านให้ท่าน!”
เขาหยิบกล่องสีสันสวยงามออกมาเผยให้เห็นจินตานระดับสามที่ส่องแสงแวววาว จนข้ากลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
เ้าของร้านร่างอ้วนมองข้าอย่างฉงน“ทำไม?ถ้าได้เห็นของดีอย่างจินตานระดับสามแล้วไม่น่าจะหัวเราะได้นะเพราะเ้าเป็ถึงศิษย์ของสำนักหมื่นิญญา ช่วยวางกิริยามารยาทดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง? ถึงจะเป็แค่ศิษย์สำรอง แต่ว่า...”ว่า...”
ข้าหัวเราะชอบใจพลางส่ายหน้า“เถ้าแก่ ร้านของท่านมีจินตานแค่นี้จริงๆ เหรอ? ถ้าเป็แบบนั้นจริงๆข้าว่าท่านปิดกิจการไปเถอะ จะไปสู้ร้านข้างๆ ที่มีจินตานระดับห้าขายได้ยังไง”
พอถูกปรามาสไปแบบนั้นเขาก็เริ่มหัวเสียขึ้นมา“สรุปเ้าจะซื้อจินตานระดับสามนี้หรือเปล่า?”
“ไม่ซื้อ”
“ไม่ซื้อแล้วจะมายืนอยู่อีกทำไม?” เขาพูดด้วยความโมโหเล็กน้อย
ข้าหัวเราะชอบใจก่อนจะล้วงเอาจินตานระดับสี่จากกระเป๋ากางเกงออกมา และทำทีส่ายไปมาต่อหน้าเขา“ข้าไม่ได้มาซื้อจินตานหรอกนะ แต่ข้ามาที่นี่เพื่อขายนี่ต่างหากท่านดูสิว่าในมือข้าถืออะไรอยู่?”
เถ้าแก่ถึงกับตาโตเป็ไข่ห่านจนพูดจาตะกุกตะกัก“จินตาน ระ...ระ... ระดับสี่!”
ข้าพยักหน้าแล้วถามขึ้น“เป็ไงบ้าง สนใจจะทำธุรกิจกับข้าหรือเปล่า?”
“ทำ...ทำแน่นอน...พ่อหนุ่ม ไม่ใช่!คุณชาย...ท่านช่างเหมือนคนส่งถ่านในยามหนาวเหน็บเสียจริงๆ”เขาดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
ข้าได้ยินแล้วก็ล้วงเอาจินตานระดับห้าออกมาแล้วกางมือให้เขาดู“ในเมื่อท่านมีความบริสุทธิ์ใจขนาดนี้ ข้าก็จะขายอันนี้ให้ท่านด้วยแล้วกัน”
ครั้งนี้เถ้าแก่คนนั้นถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออกตอนนี้ในใจเขาคงจะเต้นระรัวราวกับสายฟ้าฟาด “พระเ้าช่วย! นี่มันจินตานระดับห้า...ทำไมท่านถึงมีจินตานระดับห้าได้...ทำไม?”
ผ่านไปร่วมนาทีอารมณ์ของเขาจึงกลับมาสงบดังเดิม “พ่อหนุ่ม...ท่านมีของดีขนาดนี้ทำไมถึงเลือกทำธุรกิจกับร้านเล็กๆ ของข้าล่ะ?”
ข้าขยิบตาข้างหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น“เพราะเ้าเป็คนดีไงล่ะ”
เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดออกมา“ท่านนี่ก็ตาถึงไม่เบานะ”
ข้าได้ยินแล้วถึงกับพูดไม่ออก...