่กลางดึก
เฉียวเยว่ไข้ขึ้นเล็กน้อย อาจเป็เพราะปวดท้องไม่สบายตัว จึงนอนไม่หลับ พลิกตัวกลับไปกลับมา มุ่ยปากแค่นเสียงฮึดฮัดในลำคอ อวิ๋นเอ๋อร์เข้ามาแตะหน้าผาก พลางเอ่ยถามด้วยความห่วงใย "คุณหนู พวกเราไปตามหมอดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ไม่เอา มีใครต้องตามหมอเพราะเื่นี้กันบ้าง อีกอย่างไม่มีประโยชน์หรอก"
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ยังไม่เคยเห็นใครต้องตามหมอมารักษาเพียงเพราะปวดระดู
นางกัดมุมด้านหนึ่งของหมอนหนุนอย่างน่าเวทนา "ไม่เป็ไร"
เื่แบบนี้ ทนเอาหน่อยก็จะผ่านไปได้
ดวงหน้าเล็กจ้อยแดงแจ๋อย่างน่าสงสาร "ต่อไปข้าบำรุงร่างกายให้ดี ก็คงไม่มีปัญหาแล้วล่ะ"
นางรำพึงกับตัวเองไปเรื่อยๆ อวิ๋นเอ๋อร์ฟังแล้วก็ยิ่งปวดใจ นางตัดสินใจลุกขึ้น "บ่าวจะไปต้มน้ำขิงใส่น้ำตาลแดงให้คุณหนูนะเ้าคะ"
เฉียวเยว่คิดแล้วก็พยักหน้า ดื่มของร้อนสักหน่อยน่าจะช่วยให้ดีขึ้นกระมัง
"เ้ารีบไปรีบกลับล่ะ" นางเอ่ยอย่างน่าเวทนา
"บ่าวจะไปตามเสี่ยวชุ่ยมาอยู่เป็เพื่อนคุณหนู" อวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยทันที
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ไม่ต้องหรอก ข้าอยู่คนเดียวได้"
ยามนี้เสี่ยวชุ่ยก็อยู่ครัว กำลังต้มยาให้เฉียวเยว่
อวิ๋นเอ๋อร์ดึงผ้าห่มคลุมให้เฉียวเยว่ "คุณหนูหลับก่อนสักครู่ดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลังจากอวิ๋นเอ๋อร์ออกไปแล้ว เฉียวเยว่ก็ถอนหายใจออกมาแล้วบ่นพึมพำ "น่าเบื่อจริงๆ ไม่อยากให้คุณป้ามาเลย"
"คุณป้าอันใดหรือ?"
เสียงของบุรุษดังขึ้น เฉียวเยว่แทบจะกรีดร้องออกมา แต่นางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว เวลานี้มีแต่หรงจ้านเท่านั้นที่จะมาปรากฏตัว นางมองไปที่หน้าต่าง หรงจ้านกำลังปีนเข้ามาตามที่คาดไว้
เฉียวเยว่เบะปาก "ทำตัวเหมือนขโมยขโจรไม่มีผิด"
แม้หรงจ้านจะไม่รู้ว่านางบ่นอะไร แต่ในนั้นมีคำว่าโจรอยู่ คาดเดาได้ว่าไม่น่าจะใช่ถ้อยคำที่ดีนัก ทว่าแค่นางไม่บอกว่าเขาเป็โจรขโมยบุปผา [1] ก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว
หรงจ้านหิ้วถุงผ้าใบใหญ่มา เฉียวเยว่มองไปแล้วถามว่า "ท่านเอาของอร่อยอันใดมาหรือ?"
มือของหรงจ้านไม่หยุดเคลื่อนไหว เขาแกะห่อผ้าออก แล้วหยิบตะกร้าออกมา "ข้าเอาน้ำแกงยามาให้"
เฉียวเยว่เบะปากอย่างไม่พึงพอใจ "ไม่อยากกินยา"
ช่างเป็เด็กดื้อที่เอาใจยากจริงๆ
หรงจ้านเงยหน้ามองนาง เห็นดวงหน้าน้อยบึ้งตึงแก้มป่อง ท่าทางโกรธมาก
แท้จริงแล้วเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจสตรีมากนัก แต่เห็นชัดว่าเฉียวเยว่อารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง นึกถึงตรงนี้ เขาก็สรุปเอาเองว่า เมื่อมีเื่นี้สตรีมักจะฉุนเฉียวง่าย
เขาตักโจ๊กใส่ถ้วย เดินมาประคองเฉียวเยว่ขึ้นมา "ดื่มโจ๊กสักหน่อย แล้วค่อยดื่มยาที่ข้าเอามาให้หมด"
เฉียวเยว่สวมเพียงชุดนอนบางๆ นางเม้มปากเอ่ยว่า "แต่ข้าสวมใส่ชุดเพียงชั้นเดียว"
หรงจ้านมองเฉียวเยว่ั้แ่หัวจรดเท้า "ทั้งเนื้อทั้งตัวเ้ามีแต่กระดูก ข้าไม่สนใจเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหรอกน่ะ"
เฉียวเยว่แค่นเสียงหึ "ท่านโกหก หากที่พูดมาเป็ความจริง ไยถึงหน้าแดงเล่า?"
แม้เฉียวเยว่จะรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอ แต่ก็ยังฉลาดเป็กรด
หรงจ้านประคองนางขึ้นมา ให้นางพิงในอ้อมแขน กลิ่นกายหอมสดชื่นอ่อนจางที่คล้ายมีคล้ายไม่มีจากตัวนางยังคงทำให้หรงจ้านเคลิบเคลิ้มได้ทุกครา
เขาตักโจ๊กขึ้นมาหนึ่งช้อนส่งให้เฉียวเยว่ ปรนนิบัติอย่างดียิ่ง
"ข้ากินมื้อเย็นแล้ว" เฉียวเยว่พึมพำ
แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้น กลับยังกินโจ๊กที่หรงจ้านป้อนทีละคำจนหมด
หรงจ้านยิ้มเอ่ยว่า "ตอนนี้ห่างจากเวลาที่เ้ากินมื้อเย็นพอสมควร เ้าควรกินอะไรสักหน่อยก่อน หากกินยาเลยเกรงว่าอาจไม่ดีต่อสุขภาพของเ้า หมอหลวงบอกว่าต้องกินให้อิ่มถึงสามารถดื่มยาได้"
เฉียวเยว่ตอบอ้อ แล้วกินอีกคำอย่างเชื่อฟัง เพียงแต่ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหรงจ้าน สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย "ท่านไปถามหมอหลวง?"
ใบหน้าของนางแสดงความใออกมา
หรงจ้านพยักหน้า เขาตอบอย่างสมเหตุสมผล "ข้ามิใช่หมอหลวง ต้องซักถามอย่างละเอียดเป็ธรรมดา"
สีหน้าของเฉียวเยว่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก "ทะ...ทะ...ท่าน เหตุใดต้องไปถามหมอหลวงเล่า" นางค่อยๆ เอ่ยถาม
ขอให้คนผู้นี้อย่าได้เอ่ยถึงชื่อของตนเองเลย มิเช่นนั้นรู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น
เฉียวเยว่คิดหนักพลางหักนิ้วมือเงียบๆ
"เ้าวางใจเถอะ ไม่เอ่ยถึงเ้าแม้แต่คำเดียว ข้าแค่ถามหมอหลวงเื่การปวดระดูเท่านั้น" เสียงของหรงจ้านราบเรียบไม่มีสูงต่ำสักนิด
หมอหลวงตกตะลึง สีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด แต่หรงจ้านกลับไม่รู้สึกอะไร หรือเขาจะถามเื่นี้ไม่ได้
"เ้าไม่ต้องกังวล" เขาเอ่ย
เฉียวเยว่อยากจะหัวเราะ นางมิได้กังวล ไม่กังวลเลยจริงๆ แต่... นางอับอายต่างหากเล่า
เฮ้อ อายแทนหรงจ้านจริงๆ
"สหาย โปรดรับการคารวะจากข้า ท่านคือยอดคนจริงๆ" เฉียวเยว่เอ่ยปาก
"กินไปดีๆ เพ้อเจ้ออันใดอีกแล้ว" หรงจ้านกล่าวเสียงเรียบ
เฉียวเยว่ยิ้มน้อยๆ แล้วกินอีกคำโต อย่าว่าอะไรเลย มื้อเย็นนางกินน้อยมาก เพราะไม่อยากอาหาร แต่ตอนนี้หากไม่กินเสียหน่อย ดูเหมือนจะผิดต่อหรงจ้านที่อุตส่าห์บากหน้าไปขอเทียบโอสถและต้มยามาให้
เฉียวเยว่ลอบชำเลืองมองหรงจ้าน คนผู้นี้ช่างเยือกเย็นเหลือเกิน นางถอนหายใจอย่างระอา แล้วก็กินอีกคำ
หรงจ้านเห็นนางกินก็สุขใจยิ่ง มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย
เฉียวเยว่กินเร็ว ไม่ช้าโจ๊กก็หมดเกลี้ยง หรงจ้านช่วยยกน้ำแกงยามาให้นาง
"ขมหน่อย แต่ไม่ต้องเป็ห่วง ข้าเตรียมบ๊วยเปรี้ยวมาให้เ้าแล้ว เดี๋ยวดื่มยาหมดก็กินบ๊วยหนึ่งเม็ด จะรู้สึกดีขึ้น"
เฉียวเยว่รับคำอย่างเชื่อฟัง
เฉียวเยว่ยามอ่อนแอก็เหมือนกับแมวน้อยน่ารัก พอลูบขนหน่อยก็จะเชื่อฟัง ไม่พองขนฉุนเฉียวเหมือนตอนปรกติ
"เฉียวเยว่ ระวังหน่อย" เขาเตือนเสียงเบา
อ่อนโยนอย่างหาได้ยากนัก แต่เฉียวเยว่ก็เชื่อฟัง ค่อยๆ ดื่มยารวดเดียวจนหมดถ้วย
แต่ชั่วพริบตานั้น หรงจ้านพลันรู้สึกว่าตนเองโง่เง่าจริงๆ เื่มิได้เป็เช่นนั้นเสียหน่อย เฉียวเยว่โตแล้ว ตอนนี้นางไม่ใช่ซาลาเปาน้อยคนนั้นอีกแล้ว
บัดนี้นางเป็สาวน้อยร่างระหง ในความพิลาสเฉิดฉันของนางมีความน่ารักสดใสเจืออยู่หลายส่วน...
หรงจ้านรู้สึกว่าความวิปริตของตนเองนับวันก็ยิ่งเพิ่มพูน เขาหลุบสายตา ควบคุมตนเองมิให้มองนาง อย่าไปมองตำแหน่งที่ไม่ควรมองเ่าั้ แต่กลับควบคุมตนเองไม่ได้ รู้สึกแต่ว่านางช่างงดงามเหลือเกิน
หรงจ้านเม้มปาก คอแห้งผากราวกับถูกเผา เขาอยากเอ่ยถ้อยคำบางอย่าง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จึงได้แต่ควบคุมสายตามิให้มองเฉียวเยว่
"บ๊วยเปรี้ยว"
เฉียวเยว่ดื่มยาขมปี๋ เงยหน้าขึ้นอย่างน่าสงสาร ดวงตากลมโตดั่งมีหยาดน้ำทอประกาย ริมฝีปากแดงเย้ายวนใจ
หรงจ้านลดศีรษะลงไปอย่างไม่อาจควบคุม ยังไม่ทันััถูกตัวนาง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองทำเช่นนี้ไม่ถูก เขากำหมัดแน่น เห็นเฉียวเยว่เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เขาจึงวางนางลงดีๆ แล้วลุกขึ้นไปหยิบบ๊วยเปรี้ยว แล้วส่งเข้าไปในปากของนางโดยตรงโดยมิให้ผ่านมือของนาง ปากของเฉียวเยว่ัันิ้วมือเขากินบ๊วยไปก็หน้าแดงไป
"พอได้หรือไม่?" เขาถาม
เฉียวเยว่ผงกศีรษะ ดวงหน้าแดงระเรื่อ
เมื่อครู่... เขา เขาคิดจะจุมพิตนาง?
เฉียวเยว่คิดอย่างงุนงง ไม่แน่ใจนัก
"ข้าจะทิ้งบ๊วยเปรี้ยวไว้ให้เ้า ทุกคราที่ดื่มยาหากรู้สึกขมก็กินหนึ่งเม็ด คิดว่าเ้าไม่สบาย ในปากก็ไม่รู้รส"
หรงจ้านกำชับ "ข้าจะทิ้งเทียบโอสถไว้ให้ด้วย"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ แล้วขดตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแอ หรงจ้านเห็นนางเป็เช่นนี้ ก็จักจี้หัวใจประหนึ่งถูกขนนกเส้นหนึ่งไล้ไม่หยุด อดใจไม่ไหว ก้มศีรษะลงไปจุมพิตที่หน้าผากของนางโดยตรง
เฉียวเยว่ตะลึงพรึงเพริดในชั่วพริบตา
หลังจากจุมพิตนางแล้ว หรงจ้านเองก็เหม่อลอยเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังเอ่ยอย่างจริงจัง "คนดี เ้าต้องพักผ่อนมากๆ"
เฉียวเยว่บังเกิดความกล้าขึ้นมาถามออกไปตรงๆ "ไยท่านจุมพิตข้า?"
ใบหน้าของหรงจ้านแดงขึ้นมา
เฉียวเยว่ไม่ลดราวาศอก "ท่านตอบมาซี จุมพิตข้าทำไม ทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปจะแต่งงานได้อย่างไร"
"เช่นนั้นเ้าก็แต่งกับข้า" หรงจ้านตอบทันที
พูดมาถึงตรงนี้ หน้าก็ยิ่งแดงไปใหญ่
ทว่าถ้อยคำที่กล่าวออกไป ก็ทำให้ทั้งเขาและเฉียวเยว่ต่างอึ้งงัน สบตากันอยู่เช่นนี้
"คุณหนู ข้า... อุ๊ย!" อวิ๋นเอ๋อร์ใสะดุ้งโหยง รีบเอามือปิดปากของตนเองไว้
นางมองหรงจ้านอย่างไม่คาดคิด หรงจ้านสงบสติอารมณ์ แล้วเอ่ยว่า "คุณหนูของพวกเ้าไม่สบาย อย่าให้กินของมันเกินไป ดื่มโจ๊กแทนดีกว่า หากพวกเ้าทำไม่อร่อย ข้าจะส่งมาให้ทุกวัน"
หรงจ้านลุกขึ้น หยิบอาหารเครื่องเคียงอีกสองสามอย่างออกมา "เมื่อครู่ลืมให้เ้ากิน"
เฉียวเยว่ไม่ได้ยินแล้วว่าหรงจ้านพูดอะไร นางกัดผ้าห่มเหม่อลอยอย่างน่าเอ็นดู
"เทียบโอสถนี้เป็ตำรับยาของหมอหลวงเวินซึ่งเก่งที่สุดในวังหลวง คุณหนูของพวกเ้า... อย่างไรเสียให้นางดื่มก็แล้วกัน แท้จริงแล้วไม่นับว่าเป็ยา แต่ช่วยบำรุงสุขภาพ ปรับสมดุลของร่างกาย ต่อไปถึงจะไม่... ถึงจะไม่... ปวดอีก"
หรงจ้านเอ่ยมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเคอะเขินอย่างยิ่ง
ส่วนอวิ๋นเอ๋อร์มองท่าทางการแสดงออกของเขาราวกับมองคนสติฟั่นเฟือน
"เ้ามองอะไรนักหนา" หรงจ้านกำหมัด เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
อวิ๋นเอ๋อร์ปิดหน้าคุกเข่าลงไปทันควัน
หรงจ้านมุมปากกระตุก ไยคนบ้านนี้ถึงชอบทำแต่ท่านี้กันนัก
เวลานี้เฉียวเยว่ค่อยสงบอารมณ์ลงมาบ้างแล้ว นางเอ่ยเสียงเบา "พี่จ้าน"
หรงจ้านหันกลับมานั่งริมเตียงของนาง เอื้อมมือไปแตะหน้าผากทดสอบแล้วเอ่ยว่า "ตัวอุ่นใช้ได้แล้ว หากอยากกินอะไร ก็ให้อวิ๋นเอ๋อร์มาบอก ข้าจะทำให้เ้า"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ ก่อนพยักหน้า
"หากอยากได้อะไรสนุกๆ ก็บอกข้า"
เฉียวเยว่พยักหน้าอีก
หรงจ้านคิดอยู่ว่ามีอะไรต้องกำชับอีกบ้าง ก็นึกถึงเื่นั้น "เื่ในจวนรัชทายาท ข้าไปจัดการแล้ว เ้ามิต้องกังวลใจ"
เฉียวเยว่พยักหน้าอีกครา แต่ไม่ช้าก็เอ่ยถาม "แล้วพี่สาวของข้า..."
นึกดูแล้ว ชีวิตในจวนรัชทายาทของพี่สาวนางไม่น่าจะราบรื่นนัก เห็นชัดว่าจวนรัชทายาทถูกผู้อื่นควบคุมอยู่
หรงจ้านมองเฉียวเยว่ แล้วพูดอย่างจริงจัง "ข้าคุยกับพี่สาวเ้าแล้ว เ้าอย่าวิตก ตราบใดที่นางยินยอม การกำจัดคนต่ำช้าสามานย์เ่าั้มิใช่ปัญหา"
เฉียวเยว่ "..."
"คนดี นอนเถอะ"
...
[1] โจรขโมยบุปผา หมายถึง โจรปล้นสวาท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้