ฟองอากาศที่ะเิออกและเสียงเปิดประตูหนักอึ้งที่แสนจะแปลกประหลาด
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อันเจิงยืนเืไหลนองอยู่กับที่เขาก้มหัวลงเล็กน้อยปานอสูรร้ายที่กำลังจะตื่นจากการนิทรา ตอนที่อันเจิงเงยหน้าขึ้นวินาทีนั้น สัญชาตญาณสั่งให้เฉินโจวถอยหลังไปหลายก้าว
แววตาของอันเจิงคู่นั้นช่างดูโหดร้ายดั่งอสุรกายก็มิปาน!
“ขอบใจเ้ามาก” อันเจิงพูด
ขอบใจ?
เฉินโจวชะงักไปชั่วครู่ยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนคืออันเจิงกำลังขู่เขาอยู่ราวกับว่าอำนาจของเขาได้ถูกอันเจิงกดทับลงไปเสียแล้ว
อันเจิงก้มลงมองหน้าท้องที่แดงฉานของตัวเองเมื่อครู่เขาถูกงูั์ที่แขนของเฉินโจวฝังเขี้ยวลงไป เวลานี้ยังคงมีเืไหลออกมาเนื้อหนังฉีกขาด าแของเขาช่างดูสยดสยองยิ่งนัก
อันเจิงถอนหายใจอย่างช้า ๆจากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างสดใส “คุ้นเคยดี สบายตัวมาก”
เขาพูดออกมาเพียงสองประโยคแต่ทว่าไม่มีใครเข้าใจความหมายของสองคำนี้เลย
และขณะที่เฉินโจวยังคงอยู่ในความมึนงงนั้น อันเจิงก็มองไปที่เขาอีกครั้ง “เป็อะไรไปทำไมเ้าถึงหยุดเล่า?”
เฉินโจวหัวเราะด้วยความโกรธ “ได้ ข้าจะสงเคราะห์เ้าต่อเอง!”
เขาแตะปลายเท้าลงพื้นแล้วพุ่งตัวเข้าไป แขนซ้ายกลายเป็งูั์กระโจนเข้าไปยังคอของอันเจิงมือขวากลายเป็อุ้งเท้าหมีแล้วตบไปยังใบหน้าของอันเจิงอย่างแรงพลังในการโจมตีของงูั์และอุ้งเท้าหมีมีมากเพียงใด ทุกคนในโลกมายาต่างรู้คำตอบนั้นกันดีโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่นัก สัตว์บางตัวก็ร้ายกาจจนเราไม่อาจคาดคิด
่เวลาที่งูั์พุ่งโจมตีไปยังคอของอันเจิงเขายังคงยืนอยู่กับที่ ทันใดนั้น อันเจิงยกมือขึ้นแล้วจับตัวงูั์ไว้ จากนั้นออกแรงดึงเข้าหาตัวเดิมทีเฉินโจวพุ่งมาทางอันเจิงอยู่แล้ว เมื่อได้แรงดึงจากอันเจิงเสริมเข้าไปอีกความเร็วจึงเพิ่มมากขึ้น
อุ้งเท้าหมีตบไปทางใบหน้าของอันเจิงเต็มแรงทันใดนั้น อันเจิงก็พุ่งหมัดขวาออกไปด้วยเช่นกันอุ้งเท้าหมีและกำปั้นของอันเจิงประสานกันอย่างจัง ตูม! หลังเสียงดังสนั่นหวั่นไหวสิ้นสุดลงเวลาก็คล้ายกับหยุดเดิน รวมไปถึงอากาศก็ถูกผนึกเอาไว้ด้วย ทันใดนั้น ฟองอากาศก็ะเิออกมาระหว่างมือของทั้งคู่แขนของเฉินโจวถูกกระแทกจนกระเด็นถอยหลังไปในทันที อุ้งเท้าหมีถูกะเิจนเนื้อแหลกออกเป็ชิ้นๆ
ร่างของเฉินโจวถอยไปข้างหลังทว่าอันเจิงยังคงจับแขนซ้ายของเขาแน่น งูั์อ้าปากค้างเพื่อหาจังหวะโจมตีอันเจิงอีกครั้งแต่จุดที่ถูกจับอยู่คือจุดที่งูั์ไม่อาจดิ้นหลุดได้ อันเจิงกระชากตัวงูั์ลงกับพื้นจากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบไว้เฉินโจวถูกกระชากอย่างแรงทำให้ตัวเขาโซซัดโซเซมาทางอันเจิง
หมัดขวาของอันเจิงเสยเข้าที่ขากรรไกรของเฉินโจวอย่างแรงเฉินโจวหงายหลังตามแรงหมัด ร่างของเขาลอยขึ้นแต่แขนซ้ายยังคงติดอยู่ใต้ฝ่าเท้าอันเจิงเป็เหตุให้ตัวไม่ลอยออกไป เวลานั้นเอง แขนซ้ายของเฉินโจวก็ส่งเสียงลั่น แควก!...ยังคงเป็แขนที่ขาดออกไปยังคงเป็อันเจิง และยังคงเป็ดังเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
ร่างกายของเฉินโจวตกลงบนพื้นอย่างแรง ทันทีที่แผ่นหลังของเขากระแทกกับพื้นอึก! มีเสียงดังเล็ดลอดออกมาจากในลำคอของเขา
“เ้า...เ้ามันคนลวงโลกเป็ไปไม่ได้ที่เ้าจะไม่มีพลังบ่มเพาะ!”
สายตาที่เขามองอันเจิงเหมือนดั่งเจออสูรร้ายความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในแววตาได้หายไปแล้ว เหลือเพียงความสยดสยอง เวลานี้เหมือนเขาได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งที่ถูกอันเจิงทำลายแขนเป็ครั้งแรกเขาทั้งใ ทั้งเกรงกลัว และยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเคียดแค้น เมื่อทุก ๆความรู้สึกนี้ได้หวนกลับมาอีกครั้ง เขาจึงสูญเสียความกล้าที่จะประลองต่อไป
สีหน้าของเจินจวงปี้ไม่สู้ดีนัก เมื่อครู่ขณะที่เฉินโจวกำลังจะชนะเกาซานตัวได้ออกตัวห้ามเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เขาก็กลับห้ามเกาซานตัวเสียนี่
เวลานี้ เมื่อได้เห็นอันเจิงฉีกแขนของเฉินโจวแล้วเกาซานตัวยักไหล่เพียงเล็กน้อยแล้วนั่งลงดังเดิม พลางพูดด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลาย “เ้าไม่ให้ข้าห้ามอันเจิงอย่างนั้นหรือเช่นนั้นข้าจะนั่งดูอย่างเดียวก็แล้วกัน”
เจินจวงปี้โมโหจนอกแทบจะะเิเขาหมุนตัวไปหาอันเจิง “เ้าฝ่าฝืนกฎ!”
อันเจิงสูดหายใจลึก ๆและจัดการกับพลังวัตรที่ตนเพิ่งจะแสดงออกมาเมื่อครู่ “กฎข้อใด?”
เจินจวงปี้อ้าปากค้างเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับพูดไม่ออกว่าอันเจิงทำอะไรที่ผิดกฎหรือเขาจะบอกว่าอันเจิงพูดปด? แต่เขาก็คือคนที่พิสูจน์เื่นี้ด้วยตัวเองและตอนนั้นอันเจิงก็ยังไม่มีพลังวัตรอยู่ในระดับใดทั้งสิ้นพลังและความแข็งแกร่งที่อันเจิงแสดงออกมาในตอนนี้แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าพลังพวกนี้มาจากที่ใด
“เ้า...เ้าเคยบอกว่าการประลองครั้งนี้เพื่อให้รู้ผลแพ้ชนะเท่านั้นไม่มีความประสงค์ที่จะทำให้ได้รับาเ็!”
ในที่สุดเจินจวงปี้ก็หาเหตุผลมาพูดจนได้แต่น้ำเสียงที่เขาพูดกลับไม่มีพลังเอาเสียเลย
“หากเขายอมแพ้การประลองนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดลง” อันเจิงพูด
“ข้าไม่ได้แพ้!”
เฉินโจวประคองแขนตัวเองที่ขาดไปแล้วลุกขึ้นยืนเขากัดฟันแน่นข่มกลั้นความเ็ป “ข้ายังไม่แพ้ ข้าสามารถฆ่าเขาได้ข้าจะต้องฆ่าเขาได้อย่างแน่นอน!”
เจินจวงปี้ถอนหายใจออกมา “ช่างเถอะตอนนี้เ้าไม่อาจจะสู้กับใครได้อีกแล้ว แขนของเ้าถูกทำลายไปแล้วข้างหนึ่ง หากรีบหาคนมาช่วยรักษาก็อาจจะต่อกลับได้ดังเดิมในโลกมายานี้มีหมอฝีมือดีไม่น้อย ข้าจะพาเ้าไปรักษาเอง หอสมุดมายาของเราก็มีหมอประจำอยู่เหมือนกันพวกเขาสามารถรักษาเ้าได้ แต่หากเ้ายังยื้อเวลาไปแบบนี้คงไม่มีใครจะมารักษาแขนเ้าได้อีกแล้ว”
“ไม่สิ! นี่ไม่ถูกต้อง”
ชวีหลิวซีที่ยืนอยู่ข้างสนามประลองเดินออกมาหนึ่งก้าวด้วยความร้อนใจ“แขนนั่นมีความผิดปกติ”
ทุกคนต่างพากันมองไปยังแขนข้างที่ขาดและรอฟังชวีหลิวซีพูดประโยคต่อไป
แต่ชวีหลิวซีกลับชี้ไปยังแขนข้างที่ไม่ได้ขาดแล้วพูดต่อ“แขนข้างนั้นต่างหากที่มีบางอย่างผิดปกติ ก่อนหน้านี้ที่เขาเปลี่ยนแขนตัวเองเป็งูั์แขนข้างนั้นสามารถเปลี่ยนได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ข้างขวากลับทำแบบนั้นไม่ได้มีเพียงส่วนมือเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็อุ้งเท้าหมี ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวของแขนขวาก็ดูไม่เป็ธรรมชาติ เขามักจะใช้แขนซ้ายเป็หลัก ทั้งที่ปกติแล้วคนเรามักจะถนัดแขนขวามากกว่าแขนซ้ายแน่นอนว่าเขาอาจเป็คนถนัดซ้ายั้แ่เกิด”
“แต่พวกเ้าดูนั่นสิตรงรอยต่อระหว่างแขนขวากับไหล่ของเขา!”
ผู้คนในสนามประลองต่างมองตามที่ชวีหลิวซีชี้จึงสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เมื่อครู่ที่เขาทั้งสองต่อสู้กันอยู่นั้นอุ้งเท้าหมีที่มือขวาของเฉินโจวประสานเข้ากับหมัดของอันเจิง แล้วฟองอากาศก็ะเิขึ้นในตอนนั้นแขนเสื้อด้านขวาของเฉินโจวขาดวิ่นด้วยแรงะเิ ยามนี้จึงสามารถเห็นได้ชัดว่าบริเวณระหว่างแขนขวากับไหล่ของเฉินโจวมีรอยแผลสีแดงความหนาประมาณหนึ่งเิเอยู่แถบหนึ่ง
“เขาต้องเปลี่ยนแขนใหม่มาแน่ ๆ”
ชวีหลิวซีพูดเสียงดัง “ห้าหกเดือนก่อน ในโลกมายาของเรามีเด็กหายตัวไปจำนวนไม่น้อยและศพที่หาเจอในเวลาต่อมาทุกศพล้วนขาดแขนขวาไปข้างหนึ่ง หากเฉินโจวคนนี้เสียแขนไปก่อนหน้านั้นนั่นก็แสดงว่า...เขาคือคนที่ลักพาตัวเด็ก ๆ จากนั้นก็ฆ่าทีละคน ทีละคน และนำแขนเด็กเ่าั้มาเทียบกับตัวเองแขนที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้ ถึงแม้จะสามารถต่อเส้นเืเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ แต่การเคลื่อนไหวของแขนก็ยังดูไม่เป็ธรรมชาติอยู่ดี”
“ฆ่าเขาซะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากกลุ่มคนแล้วนำมาซึ่งเสียงคำรามกร้าวของทุกคน แม้ทุกคนในโลกมายานี้จะไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่เคยใช้วิธีสกปรกแบบนี้กับเด็กเล็กพวกเขาต่างเคยทำชั่วก็จริง แต่ยอมรับไม่ได้กับคนที่มีการกระทำเช่นนี้ เฉินโจวถูกเปิดโปงจนหมดสีหน้าเขาในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็ขาวซีด เขาไม่คิดจะยอมรับเื่ทั้งหมดนี้แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายที่กำลังต่อว่าด้วยความโกรธนั้นเขากลับพูดแก้ตัวอะไรไม่ได้เลย
เวลานี้ เฉินเซ่าป๋ายในชุดคลุมสีดำกำลังนั่งอยู่บนหลังคาบ้านแห่งหนึ่งเขายกมือทั้งสองขึ้นมาเท้าคางพลางมองไปยังอันเจิง “น่าสนใจ เป็คนที่น่าสนใจจริง ๆเมื่อก่อนข้าคงประเมินเ้าต่ำเกินไป หากรู้อย่างนี้ั้แ่แรกข้าคงไม่มอบกระดิ่งให้เ้าแน่เห็นทีกระดิ่งนั้นคงสูญเปล่าเสียแล้ว...”
ทั้งที่เขานั่งอยู่บนหลังคาบ้านใกล้ ๆ สนามประลองและในสนามประลองก็มียอดฝีมือไม่น้อย อย่างเช่นเจินจวงปี้กับเกาซานตัวเขาทั้งสองก็นับได้ว่าเป็ผู้ที่แข็งแกร่งและมีพลังอยู่ในขั้นสุมารุแต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเฉินเซ่าป๋ายเลย ราวกับชุดคลุมสีดำของเขาได้ตัดขาดเขาออกจากโลกนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
ในกลุ่มคนชั่วก็ยังมีลูกกตัญญูในบรรดาคนเลวก็ยังมีพ่อที่ดี กลุ่มผู้ที่มามุงดูเหตุการณ์ในครั้งนี้ ต่อให้ไม่มีบิดามารดาของเด็กที่หายไปแต่ก็มีเพื่อนหรือญาติที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ดังนั้นไฟแห่งความโกรธจึงพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ฆ่าเขาซะ!”
“สับให้แหลกเป็ชิ้น ๆ”
“หอสมุดมายารับคนแบบนี้มาเป็ศิษย์ตาบอดจริง ๆ”
“ข้าเองแม้จะทำเื่ชั่วอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยทำร้ายเด็กไม่มีทางสู้เอามันให้ตาย!”
เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนเริ่มเบียดกันเข้าไปด้านใน
เกาซานตัวยืนขึ้นพร้อมโบกมือห้าม “หยุดก่อนขอให้ข้าได้ถามเขาก่อน”
ชายชุดดำเริ่มออกมาควบคุมสถานการณ์แต่เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ยากกว่าครั้งที่แล้วมาก เกาซานตัวเดินไปยืนตรงหน้าเฉินโจวด้วยสีหน้าสุขุม“เป็เื่จริงหรือ ที่เ้าลักพาตัวเด็กแล้วฆ่าพวกเขา?”
สัญชาตญาณการปกป้องตัวเองทำให้เฉินโจวถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่งเขามองแขนขวาของตัวเอง มองผู้คนที่กำลังร้อนระอุอยู่รอบด้าน แล้วก็หัวเราะขึ้นอย่างกะทันหัน“พวกเ้ามันก็แค่ปีศาจร้ายที่แสร้งทำตัวเป็คนดี คนอย่างพวกเ้ามีสิทธิ์อะไรมาเค้นถามข้า?มีสิทธิ์อะไรมาพูดเื่ผิดชอบชั่วดี? ในหมู่พวกเ้ามีใครบ้างที่มือไม่เคยเปื้อนเื?ช่างน่าขันสิ้นดี น่าขยะแขยงจริง ๆ”
เกาซานตัวพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “เช่นนั้นเ้ายอมรับแล้วสินะในเมื่อเป็แบบนี้ ข้าก็จะรอดูแล้วกันว่าหอสมุดมายาจะจัดการกับเ้าอย่างไรเพราะถึงอย่างไรเ้าก็เป็ศิษย์ของที่นั่น”
เชียวจ่างเฉินหันไปพูดกับเจินจวงปี้ “รองอาจารย์ใหญ่เจินเ้าเป็คนรับเด็กคนนี้เข้ามา เช่นนั้นเื่นี้ก็ให้เ้าจัดการเองแล้วกัน หอสมุดมายาจะเสียหน้าไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
หลังจากที่พูดจบเขาก็เดินหันกลับเข้าไปในหอสมุดมายา ยืนอยู่หลังกำแพงที่สูงใหญ่และมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยสายตาเย็นะเื
เจินจวงปี้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขามองไปที่เกาซานตัว “คือว่า...อย่างไรตอนนี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาฆ่าเด็กพวกนั้นจริงหรือไม่ถึงแม้จะเป็คนในหอสมุดมายาก็ตาม แต่เมื่อจะลงโทษก็ต้องมีหลักฐานมายืนยันก่อนตอนนี้เขาเป็เพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้นพวกเ้าจะให้กำจัดเขาก็ดูเหมือนจะข้ามขั้นไปสักหน่อย ข้าว่าเอาแบบนี้ดีกว่า ข้าจะกักตัวเขาเอาไว้ในหอสมุดมายาก่อนหากพวกเ้าหาหลักฐานมาได้ เราค่อยมาตัดสินกันอีกทีก็ยังไม่สาย”
และในเวลานี้เอง มีชายหนุ่มสองคนพยุงตัวสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกทันทีที่ฝ่ายภรรยาเห็นเฉินโจว นางก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ในทันที “นั่นเป็แขนของลูกข้าแขนของบุตรชายข้า...บนแขนมีปานรูปดอกเหมย ข้ายังจำมันได้ดี”
สีหน้าของเจินจวงปี้เปลี่ยนไปในทันที “หญิงผู้นี้ทำไมเ้าพูดจามั่วซั่วแบบนี้นะ ในโลกใบนี้มีคนเป็แสนเป็ล้าน ลูกเ้าไม่ได้มีปานแบบนั้นคนเดียวแน่”
“หอสมุดมายาปกป้องฆาตกรปีศาจร้าย!”
“หอสมุดมายาต้องรับผิดชอบ!”
เสียงเหล่านี้ดังออกมาแต่เจินจวงปี้กลับไม่ได้ใส่ใจคำพูดพวกนั้น “ข้าพูดแล้วว่าเื่นี้เป็เื่ของหอสมุดมายาหากเขาฆ่าเด็กพวกนั้นจริง ๆ ข้าจะจัดการเื่นี้เอง แต่พวกเ้าทำให้เื่วุ่นวายมากถึงเพียงนี้ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี หากมีหลักฐานแล้วค่อยมาว่ากันใหม่”
ก่อนหน้านี้เชียวจ่างเฉินบอกว่าหอสมุดมายาจะขายหน้าอีกไม่ได้เจินจวงปี้คิดเอาเองว่าเขาอยากให้ตนรักษาศักดิ์ศรีนี้ไว้ ดังนั้นเจินจวงปี้ต้องยืนหยัดต้องไม่ยอมรับว่าศิษย์ของหอสมุดมายาคือฆาตกรชั่วร้ายที่คนคาดเดากัน เขามัววุ่นวายอยู่กับการโต้ตอบไปมาจนลืมสังเกตสีหน้าของเชียวจ่างเฉินที่ดูหมองหม่นขึ้นเรื่อย ๆ
“ทุกคนหุบปาก!”
เฉินโจวะโออกมาเสียงดัง “พวกคนชั้นต่ำ! พวกเ้าหนีจากเมืองอื่นมาที่นี่อย่างน่าสมเพชมีชีวิตที่อัปยศอยู่ในโลกมายาพวกเ้าไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความเป็จริง ตอนนี้อาศัยแค่พวกมากเลยกล้ามีปากมีเสียงในสายตาข้า พวกเ้าไม่ต่างกับหนอนที่ทั้งไร้ค่าและน่าสมเพช ข้าจะบอกให้นะอยากฆ่าข้า? มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”
เขาเงยหน้าและะโขึ้นเสียงดัง “พวกเ้าจงฟังไว้หากข้าเป็อะไรไป ที่ซ่อนตัวของพวกเ้าก็จะถูกคนของข้าเปิดโปง พวกเ้ามีศัตรูอยู่นับไม่ถ้วนหากข้าตายไปละก็ พวกเ้าก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขเลย!”
บนหลังคา เฉินเซ่าป๋ายขมวดคิ้วเล็กน้อย “ที่ผ่านมาข้าประเมินเ้าต่ำเกินไปเ้ารู้จักใช้อำนาจของคนอื่นในการเอาตัวรอด ในตอนนั้นเพื่อปกป้องข้าถึงได้มีตระกูลเฉิน เพื่อปกป้องข้าถึงได้มีคนพวกนั้นแต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาปกป้องเ้าด้วยความจำเป็...เฉินชีข้าคงต้องมองเ้าใหม่เสียแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เ้าก็มองเื่นี้ง่ายเกินไปจริงๆ”
เขาเพิ่งพูดจบประโยค ฉับพลันก็มีแขนขนาดใหญ่ั์ยื่นมาจากที่ใดที่หนึ่งแขนนั่นมีความยาวที่ไม่อาจประเมินได้ เพียงมือหนึ่งข้างที่ยื่นออกมาก็มีความยาวหลายสิบเมตรแล้ว
มือใหญ่พุ่งตรงไปจับตัวเฉินโจวจากนั้นก็มีเสียงกระหึ่มดุจเสียงฟ้าร้องดังขึ้น “ข้าจะช่วยเ้าอีกครั้งเดียวเท่านั้นหลังจากนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”