ภาพยนตร์ส่งท้ายปีเื่ 《วันที่หัวใจรักกล้าตัดขอบฟ้า》 ที่กวาดรางวัลใหญ่หลายรางวัลและสร้างชื่อเสียงให้กับผู้กำกับนั้น กลับทำรายได้ได้น่าผิดหวังจนต้องถอดออกจากโรงภาพยนตร์หลังจากเข้าฉายได้เพียง 12 วัน เหอชูซานและชย่าลิ่วอีบังเอิญไปดูหนังใน่สามวันสุดท้ายก่อนที่หนังจะถูกถอดออกจากโรงภาพยนตร์พอดี พวกเขามีโอกาสได้นั่งในโรงภาพยนตร์ที่มีผู้ชมเพียงไม่กี่คน ได้ซึมซับบรรยากาศและัักับอารมณ์เศร้าหมองทางศิลปะอย่างแท้จริง
นักศึกษาเหอที่ยังขาดความซาบซึ้งในศิลปะและวรรณกรรมกำลังง่วงเหงาหาวนอนั้แ่ได้ยินประโยคหนึ่งในภาพยนตร์ “วันที่ 16 เมษายน เวลาบ่ายสามโมงของวันที่ 16 เมษายน ปี 1960” เขาพยักหน้าหงึกๆ กระทั่งเสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นข้างหูเขาอย่างกะทันหัน
“อ๊าก!”
คนทั้งหมดสิบกว่าคนในโรงหนังต่างหันมามองทางพวกเขาด้วยความสนใจ เหอชูซานตาเบิกกว้าง เงยหน้าขึ้น และเห็นชย่าลิ่วอีกำลังจับข้อมือของใครบางคนด้วยมือที่เหมือนกรงเล็บเสือ
ชายคนนั้นที่ข้อมือเกือบจะถูกบิดจนผิดรูปส่งเสียงหายใจฟืดฟาด “ลูกพี่ครับ โอ๊ย ลูกพี่! มันเจ็บมาก!”
“เกิดอะไรขึ้น?” เหอชูซานถามอย่างร้อนใจ
“โอ๊ย… ผมเจ็บ ผมแค่จะเตือนคุณไม่ให้สูบบุหรี่ เมียผมท้อง กลิ่นบุหรี่มันแรงเกินไปสำหรับเธอ! โอ๊ย!” ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังชย่าลิ่วอีและเหอชูซานพูดไปด้วย สูดหายใจเข้าไปด้วย
ชย่าลิ่วอีแค่นเสียงเยาะเย้ยและปล่อยมือจากชายคนนั้น “มีอะไรก็แค่พูด! อย่ามาจับมั่วซั่ว!”
“ผมก็แค่อยากจะสะกิดบ่าคุณ…” ชายคนนั้นกุมข้อมือด้วยความเ็ป เขายังอยากจะโต้แย้งเพิ่ม แต่ก็ถูกภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของเขาดึงตัวกลับไปเสียก่อน
คนรอบข้างต่างมองว่าชย่าลิ่วอีมาด้วยท่าทีไม่เป็มิตร ทุกคนจึงเบือนสายตาหนีด้วยความหวาดกลัว เหอชูซานเห็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ จึงกังวลว่าชย่าลิ่วอีจะจากไปอย่างไม่พอใจเหมือนครั้งที่แล้ว เขาตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำว่า ‘ลิ่ว’ ชย่าลิ่วอีก็ลุกขึ้นพรวดพราดขึ้นและเดินจากไป!
เหอชูซานรีบร้อนลุกขึ้นเพื่อไล่ตามไป เขากำลังจะไปขวางทางออก— แต่ชย่าลิ่วอีกลับเลี้ยวเข้าไปยังที่นั่งบริเวณด้านหน้า เลือกที่นั่งที่ยังว่างอยู่ แล้วนั่งลงไปใหม่
“…”
เหอชูซานอุ้มกระเป๋าไปนั่งข้างๆ เขาอย่างลังเล แล้วเรียก “พี่ลิ่วอี?”
ชย่าลิ่วอีจุดบุหรี่ใหม่ด้วยความหงุดหงิด เขายกขาขึ้นพาดไปบนที่นั่งด้านหน้า “พูดน้อยๆ หน่อย นอนไป!”
เหอชูซานยิ้มอย่างเศร้าๆ เขาไม่ง่วงอีกต่อไป เขาเลียนแบบชย่าลิ่วอี เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ มองหน้าจออย่างอดทนครู่หนึ่ง แล้วแอบเหลือบสายตาไปมองใบหน้าของชย่าลิ่วอี
ชย่าลิ่วอีขมวดคิ้ว จ้องมองเงาคนเคลื่อนไหวบนหน้าจออย่างตั้งใจ เขายกบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างช้าๆ เป็ครั้งคราวแล้วค่อยๆ พ่นควันออกมาอย่างใจเย็นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เหอชูซานแกล้งทำเป็ง่วงนอนอย่างสุดจะทน เขาเลื่อนตัวลงช้าๆ แล้วค่อยๆ เอนศีรษะไปพิงบนไหล่ของชย่าลิ่วอี
ชย่าลิ่วอียังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา เขายังคงจ้องมองหน้าจออย่างแน่วแน่
เหอชูซานค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเงียบสงบ ปล่อยวางความตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลง
“ผมเคยได้ยินคนเขาพูดกันว่า มีนกชนิดหนึ่งบนโลกนี้ที่ไม่มีขา มันทำได้เพียงบินไปเรื่อยๆ เมื่อมันเหนื่อยล้า มันก็จะนอนหลับกลางสายลม นกชนิดนี้จะลงสู่พื้นดินเพียงครั้งเดียวในชีวิต นั่นก็คือตอนที่มันตาย” เสียงจากในจอพูดขึ้น น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเป็อิสระเสรี ไร้พันธนาการ
ชย่าลิ่วอีสูบบุหรี่อย่างเชื่องช้า ดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไร ภายในโรงภาพยนตร์ที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงบรรยายอันแหบพร่าของตัวละครเอกที่ดังขึ้น ทว่าหลังจากได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอและยาวนานของเหอชูซาน ชย่าลิ่วอีก็หันกลับมามองเหอชูซานทันที
เขายกบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ระหว่างนิ้วสอง ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็ยกมือขึ้นขยี้ขมับตัวเองด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
“ที่จริงแล้วมันไม่เคยไปที่ไหนเลย นกตัวนี้ตายั้แ่แรกแล้ว”
……
หลังจากหนังจบลง ชย่าลิ่วอีก็ปลุกเหอชูซานที่กำลังหลับและส่งเสียงกรนเบาๆ ให้ตื่นขึ้น ทั้งสองคนเดินตามหลังกลุ่มคนที่กำลังทยอยออกจากโรงภาพยนตร์ไปอย่างช้าๆ
ลานจอดรถในยามค่ำคืนนั้นเงียบสงัด มีรถจอดอยู่ประปรายเพียงสามสี่คัน เหอชูซานหาวหวอดๆ มองชย่าลิ่วอีควานหากุญแจ มือของชย่าลิ่วอีล้วงเข้าล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงอยู่หลายครั้ง ขณะเดียวกันสายตาของเหอชูซานก็จับจ้องไปยังบั้นท้ายกลมงอนของเขาที่บิดไปมาซ้ายทีขวาที...
“ว้าย!”
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของผู้หญิงก็ดังขึ้นมาจากส่วนลึกของลานจอดรถ!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดิ้นรนต่อสู้ เหอชูซานรีบวิ่งไปยังทิศทางนั้นทันที แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกชย่าลิ่วอีคว้าตัวไว้ก่อน
ชย่าลิ่วอีจ้องเขาด้วยสายตาดุๆ ก่อนจะลากเหอชูซานไปหลบด้านหลังรถ จากนั้นตัวเองก็เดินตรงไปยังที่มาของเสียง
อันธพาลคนหนึ่งกำลังจับผู้หญิงท้องโตคนหนึ่งกดลงกับพื้นพร้อมกับเอามือปิดปากเธอไว้ เขาพยายามดึงสร้อยคอและเครื่องประดับออกจากตัวเธอ เธอส่งเสียงครางและพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็ผล ส่วนสามีของเธอถูกแทงด้วยมีดและนอนสลบอยู่บนพื้นโดยมีอันธพาลอีกคนกำลังล้วงกระเป๋าเงินของเขาอยู่
หญิงตั้งครรภ์เห็นเืของสามีไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จึงกัดมือของอันธพาลอย่างแรง เมื่อเขาคลายมือ เธอจึงร้องะโขอความช่วยเหลือทันที “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วยค่ะ! ที่รัก! ที่รัก... โอ๊ย!”
อันธพาลลุกขึ้นยืนแล้วเตะเข้าที่ท้องของหญิงตั้งครรภ์อย่างแรง เธอรีบเอามือกุมท้องและกรีดร้องด้วยความเ็ป เสียงร้องของเธอถูกกลืนไปด้วยเสียงสะอื้นและเสียงสำลัก
สามีของหญิงตั้งครรภ์——ซึ่งก็คือคนที่เคยเตือนชย่าลิ่วอีไม่ให้สูบบุหรี่——เห็นภรรยาของเขาถูกเตะ จึงพยายามรวบรวมแรงที่เหลืออยู่เข้าไปกอดขาของอันธพาลอีกคน “ที่... ที่รัก หนีไปเร็ว…”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเผชิญกับความเป็ความตาย อันธพาลกลับยิ่งโกรธจัด เขาพยายามสะบัดขาให้หลุดแต่ก็ไม่เป็ผล จึงตัดสินใจยกมีดขึ้นเพื่อจะแทงชายคนนั้นอีกครั้ง!
ก่อนที่คมมีดจะแทงลงไปก็มีมือหนึ่งจับข้อมือของเขาไว้แน่นเสียก่อน เสียงเ็าของชย่าลิ่วอีดังขึ้นด้านหลังของเขา “เอาเงินไปก็พอแล้ว”
อันธพาลพยายามสะบัดข้อมือ แต่ก็ยังถูกจับไว้อย่างแ่าจนไม่สามารถขยับมีดได้แม้แต่น้อย เขาได้แต่เบิกตากว้างและสบถออกมา “ไอ้เวร! แกเป็ใครวะ?!”
“นายใหญ่ของแกเป็ใคร?” ชย่าลิ่วอีถามกลับ
“ฉันบอกได้เลยว่าแกจะต้องใตาย! นายของฉันคือพี่เสี่ยวหม่าแห่งแก๊งเซียวฉี! ถ้าแกฉลาดก็รีบปล่อยฉันซะ!”
“เสี่ยวหม่าไม่รับพวกไร้กฎระเบียบอย่างแกเป็พี่น้องหรอก” ชย่าลิ่วอีกล่าวพร้อมออกแรงบีบข้อมือให้หนักขึ้น
อันธพาลร้องลั่นด้วยความเ็ป มืออีกข้างกำหมัดทุบใส่ชย่าลิ่วอี แต่ก็ถูกเขาเตะเข้าที่ท้องจนเข่าทรุดล้มลงไปทันที—— แม้ข้อมือจะยังคงถูกชย่าลิ่วอีจับยกสูงไว้ก็ตาม
ในเวลานั้นเอง อันธพาลอีกคนก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับมีดเล่มเล็ก ชย่าลิ่วอีปล่อยอันธพาลคนที่หนึ่งให้นอนอยู่บนพื้น แล้วหมุนตัวเตะมีดในมืออันธพาลคนที่สองจนกระเด็น จากนั้นก็เหวี่ยงขายาวๆ ฟาดเข้าที่หัวของเขาอย่างแรง! อันธพาลคนนั้นก็ลอยกระเด็นไปทั้งตัว ก่อนจะตกลงมากระแทกรถเก๋งที่อยู่ใกล้ๆ!
ชย่าลิ่วอีวิ่งตามไปเพื่อที่จะเตะซ้ำ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของเหอชูซาน “ระวังครับ! พี่ลิ่วอี!”
เขาโน้มตัวลงอย่างรวดเร็วแล้วยกขาขึ้น จากนั้นก็เตะไปข้างหลังอย่างแรง——อันธพาลที่พุ่งเข้ามาโจมตีจากด้านหลังถูกเตะเข้าที่หว่างขา เขาถึงกับร้องไม่ออกและทรุดลงไปในท่าทางที่เหมือนกับกบ!
อันธพาลทั้งสองคน คนหนึ่งหมอบอยู่หน้ารถ อีกคนหมอบอยู่บนพื้น ทั้งคู่พยายามดิ้นรน ชย่าลิ่วอีกำผมของทั้งคู่ขึ้นมาไว้ในมือเดียว จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างกดปลายมีดทิ่มไปที่คอของทั้งสองคนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเ็าเช่นเดิม “พวกแกเป็ลูกน้องของใคร?”
“ผมไม่ได้สังกัดแก๊งไหนเลย แค่ผ่านมาทางนี้... ไว้ชีวิตเถอะครับ ลูกพี่…” ไอ้หนุ่มสองคนที่ได้รู้ว่าชย่าลิ่วอีเป็ใครก็ถึงกับตัวสั่น หนึ่งในนั้นรีบร้องขอชีวิตด้วยความหวาดกลัว
ชย่าลิ่วอียกมุมปากขึ้นเล็กน้อย คนในวงการต่างรู้ดีว่าพื้นที่แถบนี้เป็เขตของแก๊งเซียวฉีและอยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้าใหญ่ชย่า ใครกันจะผ่านมาแถวนี้โดยไม่มีเหตุผลกัน? เขาชักมีดออกมาอย่างรวดเร็ว! แล้วหูที่เต็มไปด้วยเืก็ร่วงลงพื้น!
“อ๊ากกกกกกก——!”