ผ่านมาถึงเจ็ดวันแล้ว ที่หนีเจียเอ๋อร์ใช้ระดูมาเป็ข้ออ้างเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไม่รับแขก จนตอนนี้ ฮวาเองก็เริ่มรู้สึกระแคะระคาย
กระทั่งทนไม่ไหว จึงตัดสินใจมาพูดกับหญิงสาวตรงๆ “เสี่ยวเสี่ยว เ้าคือสตรีที่ชาญฉลาด แต่ข้าก็มิได้โง่ อย่าคิดจะมาหลอกกันเช่นนี้ มิฉะนั้น ข้าคงต้องใช้ไม้แข็งกับเ้าแล้ว!”
หนีเจียเอ๋อร์ก็ตระหนักดี ว่าคงจะไม่สามารถซื้อเวลาให้ตัวเองได้แล้ว ก่อนหน้านี้ นางก็พยายามหาทางหลบหนี แต่หอร้อยบุปผานี้ ไม่มีช่องทางใดให้หนีได้เลย
พี่ฮวาเรียกนางคณิกาผู้มีประสบการณ์ ให้มาสอนนางทันที
สตรีเ่าั้บอกเล่าเกี่ยวกับการร่วมอภิรมย์ระหว่างชายและหญิง พร้อมทั้งสอนนางว่าควรจะปรนนิบัติบุรุษเช่นไร
แม้ชาติที่แล้ว นางจะเคยผ่านชีวิตคู่มาก่อน แต่ก็ยังอดจะขัดเขินมิได้
หนีเจียเอ๋อร์รับฟังนางคณิการุ่นพี่อย่างเงียบๆ
หลังจากนั่งฟัง และศึกษาตำราวังวสันต์ไปนานกว่าครึ่งชั่วยาม เหล่ารุ่นพี่ก็ชี้แนะเพิ่มเติม ว่าต้องทำอย่างไร บรรดาบุรุษถึงจะยอมจ่ายเงินราคาที่สูง เพื่อยลโฉมพวกนาง
เมื่อนางคณิกาเ่าั้กลับไป นางคณิกาฝึกหัดบ้างก็นั่งมึนงง บ้างก็นั่งหน้าแดงเป็ลูกตำลึง
หนึ่งในนั้นคือฟางหรง ซึ่งถูกนำตัวมาขายเช่นเดียวกับหนีเจียเอ๋อร์ นับว่าเป็หญิงสาวที่ดูอ่อนต่อโลกยิ่งนัก นางลุกขึ้นยิ้มให้กับทุกคนด้วยความสดใส หากแต่คนอื่นๆ ที่เหลือกลับสาดสายตาเ็ากลับมา จนฟางหรงหน้าเสีย
หนีเจียเอ๋อร์นึกเอ็นดูอีกฝ่าย จึงยิ้มให้ ทั้งยังบอกว่าไม่ต้องไปสนใจคนเ่าั้
หากเด็กสาวทั้งห้าจะเกลียดตนและฟางหรง หนีเจียเอ๋อร์ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะนอกจากตนจะประจบพี่ฮวาจนได้อยู่ดีกินดีแล้ว ฟางหรงเอง ก็ด้วยความที่อ่อนต่อโลก ทั้งยังเป็เด็กดีเชื่อฟังพี่ฮวา นางจึงไม่ถูกทำร้ายเหมือนคนอื่นๆ
เมื่อเทียบกับอีกห้าคนที่เหลือแล้ว ก็ไม่แปลกที่พวกนางจะรู้สึกอิจฉา!
แต่ถึงกระนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็ไม่คิดจะไปใส่ใจ
หลังจากแยกย้ายกันกลับห้องพักแล้ว หนีเจียเอ๋อร์ก็มาหาแม่เล้า “พี่ฮวา ตอนนี้ท่านกำลังยุ่งอยู่หรือไม่? ข้ามีเื่อยากจะคุยกับท่านเ้าค่ะ”
ฮวาเหลือบมองหญิงสาว แม้จะมิได้งดงามดั่งนาง์ แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนสนใจ
แต่สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุด ก็คงจะเป็ท่าทางของหญิงสาว เพียงมองปราดเดียวก็รู้ ว่ามิได้มาจากครอบครัวเล็กๆ ตามชนบท ท่าทีสง่างามราวกับพญาหงส์เช่นนี้ คงจะเป็บุตรสาวของขุนนาง หรือไม่ก็มาจากตระกูลที่ร่ำรวย
นี่คือเหตุผล ที่นางมิได้ให้หนีเสี่ยวเสี่ยวรับแขกมาจนถึงทุกวันนี้
ฮวาวางจอกชาลง ก่อนเอ่ย “เสี่ยวเสี่ยว เ้าฟังข้าให้ดี ไม่ว่าในอดีตเ้าจะเคยเป็คนจากตระกูลสูงส่งเพียงใด แต่ตอนนี้ เ้าก็ไม่ต่างอันใดกับทุกคนในหอร้อยบุปผา ข้าซื้อเ้ามา ดังนั้นเ้าต้องทำตามที่ข้าสั่ง คืนนี้เ้าต้องรับแขก!”
หนีเจียเอ๋อร์ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พลางพูด “พี่ฮวา เสี่ยวเสี่ยวรู้ฐานะของตัวเองดี ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่ เพื่อสารภาพความจริงกับท่าน ว่าระดูที่ท่านเห็น คือเืของนกพิราบ”
ได้ยินเช่นนั้น ฮวาก็หัวเราะเสียงต่ำ ปรายตามองอีกฝ่าย และย้อนถามเสียงขรึม “แล้วมาบอกข้าทำไม หรือเ้าคิดจะสอนข้า?”
หนีเจียเอ๋อร์ก้มหน้างุด จากนั้นจึงกล่าวว่า “เสี่ยวเสี่ยวมิกล้า! เสี่ยวเสี่ยวมาที่นี่เพราะ้าจะเดิมพันกับท่าน”
ฮวาหัวเราะเสียงดังลั่น นี่เป็เื่ตลกที่สุดเท่าที่นางเคยได้ยินมา
หนีเจียเอ๋อร์รีบพูดต่อ “ขอแค่ท่านให้โอกาสข้าหนึ่งเดือน ข้าจะหาเงินมาให้ท่านเป็จำนวนที่เท่ากับการรับแขกสิบคน”
“ช่างมั่นใจเหลือเกินนะ!” ฮวากระแทกจอกชาลงบนโต๊ะ แล้วยื่นมือออกไปบีบปลายคางของหญิงสาวเต็มแรง
“โกหกข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง นี่เ้ายังคิดจะโกหกข้าอีกเป็ครั้งที่สองอย่างนั้นหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์กัดฟันกรอด จ้องตาฮวากลับโดยไม่มีท่าทีว่าจะเกรงกลัว
“ข้าคือที่ปรึกษาของโจวชิงหวา กำไรส่วนใหญ่ของเขาก็เป็เพราะข้าช่วยคิดหาวิธี ดังนั้น ข้าจึงขอโอกาส เพียงหนึ่งวันเท่านั้น ข้าจะหาเงินมาให้ได้เท่ากับจำนวนที่ข้าต้องรับแขกสิบคน ข้อเสนอเช่นนี้ พี่ฮวามีแต่ได้กับได้มิใช่หรือ ดังนั้น โปรดให้โอกาสข้าเถอะ!”
มีหรือที่ฮวาจะไม่รู้จักชื่อของโจวชิงหวา เพียงแต่นางไม่อยากจะเชื่อ ว่าหนีเจียเอ๋อร์จะเป็ที่ปรึกษาของเขาจริงๆ แต่เมื่อมองเข้าไปในแววตาอันแน่วแน่และมั่นใจของหญิงสาว ก็ปฏิเสธไม่ลง
“ได้! ข้าจะวางเดิมพันกับเ้าสักครั้ง”
มือที่บีบปลายคางนาง ค่อยๆ คลายออก หนีเจียเอ๋อร์จึงโค้งคำนับ “ขอบคุณพี่ฮวาที่เชื่อใจ”
ฮวามองเหยียด “แต่หากเ้าแพ้ ก็ต้องรับแขกมากกว่าคนอื่นๆ จำใส่สมองไว้!”
หนีเจียเอ๋อร์รับปาก “ตกลง! ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านเห็น”
…
ตลอดทั้งคืน หนีเจียเอ๋อร์ได้คิดหาแผนการหาเงิน แล้วจดรายละเอียดทั้งหมดใส่กระดาษเอาไว้ ก่อนส่งไปให้ฮวา เพื่อที่นางจะได้มองเห็นแผนงานของตนได้อย่างชัดเจน
แสงแรกของเช้าวันใหม่ สาดส่องเข้ามา
หญิงสาวทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ปลุกให้นางตื่นจากภวังค์ “เสี่ยวเสี่ยว ได้เวลากินข้าวแล้ว”
“มาแล้ว...” หนีเจียเอ๋อร์สูดหายใจเข้า แล้วเดินไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้ามา
อาหารถูกวางไว้ตรงหน้า แต่ก่อนที่หญิงผู้นั้นจะออกไป หนีเจียเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้น “ไปบอกพี่ฮวาให้ข้าที ว่าให้เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ลานภายในหนึ่งก้านธูป”
หญิงรับใช้ประจำหอ มองนางด้วยความฉงน ก่อนพยักหน้า “ได้!”
หนีเจียเอ๋อร์รับประทานอาหารตรงหน้า ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบชุดสีเขียวออกมาผลัดเปลี่ยน แต่งแต้มใบหน้า แล้วจบด้วยการปักปิ่นสีเขียวมรกตที่เหมือนกับชุดของตน
ดวงตาเรียวมองภาพสะท้อนที่อยู่ในกระจกครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้น หยิบกระดาษที่ตนเขียนมาทั้งคืน และเดินออกจากห้องไป
ท่วงท่าที่สง่างามนั้น ทำให้ทุกคนจับจ้องมาที่หนีเจียเอ๋อร์กันเป็ตาเดียว
หญิงสาวเดินตรงไปหาฮวา ก่อนยื่นกระดาษสองสามแผ่นในมือให้ แล้วบอกเสียงเรียบ “ั้แ่คืนนี้เป็ต้นไป จะมีการประกวดโฉมงามแห่งหอร้อยบุปผา โดยเราจะให้แขกเป็ผู้ลงคะแนน และเดิมพันกันว่าใครจะเป็สาวงามสามอันดับแรก จากนั้นค่อยประมูลพวกนาง ผู้ที่เสนอราคาสูงสุดจะเป็คนชนะ และได้นางไปในคืนนั้น”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้