หลังจากนวดดินเหนียวสองก้อนใหญ่อย่างยากลำบาก ถึงพบว่าไม่มีแผ่นหินรองฐานขนาดใหญ่เพียงพอ
เธอลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกถ้ำวนหาอยู่รอบหนึ่ง ก่อนอุ้มแผ่นหินสามเหลี่ยมรูปร่างแบนขนาดใหญ่กลับมาด้วย
"โอย หนักจังเลย"
เธอวางแผ่นหินไว้ตรงหน้าเหลียนเซวียน แล้วโปรยขี้เถ้าลงไป
"ตัวข้าสกปรกยิ่งกว่าปลาหนีโหว[1] ทั้งยังไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน สงสัยอีกหน่อยคงต้องสวมชุดหนังสัตว์กระโปรงใบไม้ ใช้ชีวิตเยี่ยงคนป่าแล้ว"
ยามก้มลงมองเสื้อผ้าสกปรกจนดูไม่ได้ หัวคิ้วของเซวียเสี่ยวหรั่นก็มุ่นขมวดเป็รูปอักษร 川
อันที่จริงเธอไม่ได้รังเกียจชุดหนังสัตว์กระโปรงใบไม้ แต่ตอนนี้แม้แต่ปัจจัยการทำชุดหนังสัตว์สักชุดยังไม่เพียงพอเลย
เหลียนเซวียนปรายตาไปที่นาง ดวงตาและเรียวคิ้วนิ่งขรึม แม้แต่อาภรณ์สำหรับผลัดเปลี่ยนแม่นางผู้นี้ก็ยังไม่มี แล้วนางมาปรากฏตัวในป่าลึกแห่งนี้ได้อย่างไร
"เหลียนเซวียน ท่านว่าระหว่างทำอ่างน้ำกับว่าถังอันไหนดีกว่ากัน" เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งลงฝั่งตรงข้าม "น้ำที่ใส่ในอ่างจะเย็นเร็วกว่า แต่ดูเหมือนว่าถังจะหนักมากกว่า เฮ้อ...."
ขณะที่เธอกำลังใคร่ครวญ เหลียนเซวียนก็ยื่นมือชี้ไปที่มุมหนึ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปมองด้วยสัญชาตญาณ ก็เห็นผลเกาลัดสิบกว่าลูกวางอยู่บนใบเผือกป่าที่ฉีกไว้ใบหนึ่ง
"ให้ข้า?" เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งงัน รู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง "ขอบคุณนะ เหลียนเซวียน ท่านปอกช้าขนาดนั้น ยังตั้งใจเหลือให้ข้าเป็พิเศษอีก"
ถ้าไม่บ่นว่าเขาชักช้า คำขอบคุณจะฟังดูจริงใจกว่านี้ เหลียนเซวียนใบหน้าเรียบเฉย เอื้อมมือมาบิดินเหนียวอย่างชำนิชำนาญ แล้วเริ่มปั้นช้าๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่แยแสว่ามือจะสกปรก หยิบเกาลัดผลหนึ่งส่งเข้าปากทันที "งั้นก็ทำถังก่อนแล้วกัน หินก้อนนี้ไม่ใหญ่มาก ใช้ทำเป็ฐานน่าจะกำลังดี"
ระหว่างที่กินอยู่ก็ตัดสินใจได้
เหลียนเซวียนผงกศีรษะน้อยๆ มือยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด
เซวียเสี่ยวหรั่นกินเกาลัดจนหมดเกลี้ยงในชั่วพริบตา กรอกน้ำตามเข้าไปอีกถ้วย เมื่อของกินเติมเต็มกระเพาะ ก็รู้สึกสบายขึ้นมาก
เมื่อก่อนมีแต่การกินมากไปที่ทำให้เธอไม่สบายกระเพาะ แต่ตอนนี้ความหิวกลับทำให้ได้ััความไม่สบายท้องไปอีกแบบ
"เหลียนเซวียน ข้าจะไปเก็บกิ่งไม้ วันนี้ยังต้องทำประตูอีกอย่าง" เธอกำชับอีกประโยคก่อนวิ่งออกไป
วนไปนอกเื่เสียนาน ในที่สุดนางก็นึกถึงประตูได้เสียที เหลียนเซวียนยังคงปั้นดินเหนียวในมืออย่างตั้งใจ ไม่เหลือบตาขึ้นมอง
ทั้งสองคน คนหนึ่งปั้นถัง อีกคนไปเก็บกิ่งไม้ เวลา่เช้าก็ผ่านไปดังสายน้ำ
"เฮ่อ คงพอใช้แล้วกระมัง"
เซวียเสี่ยวหรั่นมองกองไม้ระเกะระกะหน้าปากถ้ำ พลางถอนหายใจโล่งอก
ยามหันเข้าไปในถ้ำก็พบว่าถังดินของเหลียนเซวียนปั้นเสร็จเรียบร้อย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังปั้นจานเล็กสองใบกับช้อนเล็กอีกสองอัน
"ว้าว เหลียนเซวียน ท่านเก่งจัง คนเดียวปั้นของได้ตั้งมากมายขนาดนี้" สีหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นฉายแววตกตะลึงแกมชื่นชม "โอ้โห ดินที่ผสมไว้ใช้หมดพอดี เยี่ยมมาก สุดยอดไปเลย"
แม่นาง หากเ้าไม่ใช้ถ้อยคำชื่นชมแบบเดียวกับที่ใช้หลอกเด็ก ก็คงจะรื่นหูมากกว่านี้ เหลียนเซวียนกลอกตาก่อนลุกขึ้นมาเงียบๆ
"ท่าน้าสิ่งใด ข้าจะเอาน้ำล้างมือมาให้ ท่านอย่าไปแช่น้ำที่ริมแม่น้ำอีกเลยนะ เดี๋ยวจะต้องไอเย็น" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาเตรียมหยิบไม้เท้า ก็รีบแล่นไปเทน้ำมาให้
เหลียนเซวียนคร้านจะโต้ตอบกับนาง จึงลากไม้เท้าเดินกระย่องกระแย่งไปทางปากถ้ำ
นอกจากเทน้ำให้เขาล้างมือ เซวียเสี่ยวหรั่นยังรินน้ำดื่มให้ด้วย
หลังจากดื่มน้ำแล้ว เหลียนเซวียนก็ใช้นิ้วเขียนอักษรที่กลางฝ่ามือว่ามีด
"ท่านจะใช้มีด?" เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาสว่างวาบ "ไปล่าสัตว์หรือ"
เธอวิ่งกลับเข้ามาในถ้ำ หยิบมีดพับวางใส่มือเขา "เหลียนเซวียน ฟังข้านะ หลังจากท่านล่าสัตว์ได้แล้ว ให้เคาะไม้เท้าสองสามครั้ง ข้าได้ยินก็จะเข้าไป สัตว์ที่ตายนานเกินไปเืของมันจะใช้ไม่ได้ น่าเสียดาย"
เหลียนเซวียนผงกศีรษะเล็กน้อย ค่อยๆ ลากไม้เท้าเดินไปยังเชิงเขา
ต้องอาศัย่ที่ในป่ายังพอมีสัตว์เล็กสัตว์น้อยอยู่บ้าง กักตุนเนื้อให้มากหน่อย หากพึ่งพาแต่ผลเกาลัดกับกล้วยน้ำว้า จะผ่านทั้งฤดูหนาวไปได้อย่างไร
ความหนาวเย็นเมื่อย่างสู่ราตรีเตือนเหลียนเซวียนให้ตระหนักว่าอีกไม่ช้าฤดูหนาวก็จะมาถึงแล้ว แม้ว่าป่าแห่งนี้จะตั้งอยู่ในอาณาเขตแคว้นหลี พอย่างเข้าเหมันต์ ในเขตูเาสูงก็อาจจะยังมีหิมะตก
ถ้าคิดจะผ่านหนาวนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ไม่อาจพึ่งพาแต่กำลังของแม่นางผู้นั้นเพียงฝ่ายเดียว นางเป็แค่สตรีธรรมดา สามารถยืนหยัดอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ได้โดยไม่ล้มหมอนนอนเสื่อก็ไม่ง่ายดายแล้ว
จังหวะเท้าของเหลียนเซวียนแม้เชื่องช้าแต่มั่นคงมาก
"เหลียนเซวียน ท่านต้องระวังหน่อย บนเขามีทั้งเสือโคร่งและเสือดาว"
เห็นรูปร่างผอมบางของเขาแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เริ่มวิตก
เหลียนเซวียนยกมือขึ้นโบก เป็การบอกนางว่าไม่ต้องกังวล
สัตว์ร้ายจำพวกเสือโคร่งและเสือดาวล้วนอาศัยอยู่แต่ในอาณาเขตปกครองของตนเอง ที่นี่มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยมากมาย ละแวกนี้น่าจะไม่มีสัตว์ใหญ่ที่ดุร้ายเกินไปนัก
เซวียเสี่ยวหรั่นกลับเข้าไปในถ้ำ นำหม้อดินเผาขึ้นตั้งเตาหิน ในหม้อมีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง แล้วหยิบเนื้องูออกมาท่อนหนึ่งใส่ลงไป แล้วปิดฝาอย่างดี เริ่มตุ๋นน้ำแกงงู
ก่อนนำฟืนมาวางล้อมถัง จานเล็กและช้อนที่เหลียนเซวียนปั้นไว้สองสามชั้น แล้วใช้ไฟจากเตาย้ายมาจุด ไม่นานนัก ภายในเต็มก็ปกคลุมไปด้วยควันไฟ
"แค่กๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นสำลักควันต้องวิ่งออกมานอกถ้ำ
"ให้ตายเถอะ ต้องคบค้าสมาคมกับฟืนไฟทุกวันจนตัวมีแต่กลิ่นควันไฟหมดแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นถอดเสื้อกันแดดเหม็นๆ ออกจากตัว ไม่เพียงแต่กลิ่นควันไฟ ยังมีกลิ่นเปรี้ยวจากเหงื่อและกลิ่นเหม็นบูด
นางทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างรังเกียจ รู้สึกว่าตนเองเหม็นจนเหลือทนหลังจากเผาถังดินเผาแล้ว เธอจะต้องรีบอาบน้ำสระผมเป็อย่างแรก
ในถ้ำไฟกำลังลุกโหมรุนแรง เซวียเสี่ยวหรั่นยังไม่เข้าไปชั่วคราว นางเริ่มกะเกณฑ์ว่าควรทำประตูอย่างไรจะดีกว่ากัน
ปากถ้ำสูงประมาณเมตรครึ่ง กว้างสองเมตรกว่า แต่ไม่ถึงสามเมตร
พื้นตรงทางเข้าเป็ดิน สามารถใช้กิ่งไม้มาปักทำเป็รั้ว หลังจากนั้นก็ทำประตูเล็กๆ สักบาน แค่นี้ก็ดีมากแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นวัดขนาดอยู่หลายรอบ กำหนดแผนการด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
พอเห็นว่าไฟในถ้ำเบาลงไปบ้าง เธอก็เข้าไปจัดกองฟืนที่เบี้ยวโย้ให้ตรง แล้วเติมฟืนเข้าไปในเตาเพิ่ม หลังจากนั้นก็ออกมาจากถ้ำ
จากนั้นก็เข้าไปรื้อหญ้าไส้ตะเกียงที่เอามากองไว้เมื่อวาน
ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไร้แสงตะวัน
เซวียเสี่ยวหรั่นวิตกเล็กน้อย ฝนคงไม่ตกหรอกนะ
ระลอกแรกคือฝนสารท อีกระลอกคือฝนเหมันต์ ตอนนี้่กลางคืนหนาวมาก หากมีฝนตก เธอแต่งตัวแบบนี้ถึงเป็กลางวันก็ยังทนไม่ไหว
เฮ่อกับหมาของเธอก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
ใบหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นดั่งมีเมฆครึ้มปกคลุมไปชั่วขณะ
"โป๊กๆ" เสียงเคาะเบาๆ แว่วมาจากป่าอันเงียบสงบ
เซวียเสี่ยวหรั่นได้สติกลับมา เหลียนเซวียนกำลังเรียกหาเธอ
ต้องล่าสัตว์ได้แล้วเป็แน่ ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นทอประกายระยิบระยับ ฉวยกิ่งไม้ยาวท่อนหนึ่งออกมาจากถ้ำ เดินไปยังแหล่งกำเนิดเสียง
ครั้งนี้เหลียนเซวียนไม่ได้ไปที่เนินดินเหมือนสองวันก่อน แต่เดินไปตามเชิงเขาไกลหน่อย หลังจากนั้นก็เลี้ยวเข้าป่าทึบ
"เหลียนเซวียน?"
เซวียเสี่ยวหรั่นร้องเรียกเบาๆ ไปตลอดทาง แสงในป่าทึบค่อนข้างสลัว เธอถือกิ่งไม้คอยตีซ้ายทีขวาทีอย่างระมัดระวัง
"โป๊กๆ"
เสียงตอบกลับมาของเหลียนเซวียนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินข้ามพุ่มไม้มา แต่กลับไม่เห็นเขา
"เหลียนเซวียน?"
"โป๊กๆ"
เสียงใกล้ขึ้น แต่ยังไม่เห็นคน
ในป่ามีเนินดินและหลุมลึกมากมาย พุ่มไม้ พงหญ้ารกชัฏก็ไม่น้อย วิสัยการมองเห็นจึงแคบมาก
เซวียเสี่ยวหรั่นกลัวป่าทึบแบบนี้เป็ที่สุด เพราะมีทั้งงู แมลง มด และยุงยากจะป้องกัน
นางพลันรู้สึกว่าโชคดีที่ตอนนี้ยังเป็ฤดูใบไม้ร่วง ยุงกับแมลงน้อยลงมากแล้ว มิเช่นนั้นตอนกลางคืนพวกเขาคงนอนไม่เป็สุข
"เหลียนเซวียน?"
หลังแหวกพงหญ้าสูงเท่าครึ่งตัวคนออก ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นก็เบิกกว้าง
...
[1] ปลาหนีโหวเป็สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ชอบอาศัยอยู่บนดินเลนมากกว่าใต้น้ำ มีตาโต และมีครีบที่แข็งแรงสามารถอยู่บนบกได้เป็เวลานาน คนไทยเรียกว่าปลาตีน