“จบกันแค่นี้แหละ”
พลังิญญาอันน่าสะพรึงกลัวะเิออกมาจากกำปั้นของชายชุดน้ำเงินอย่างฉับพลัน เยี่ยเฉินเฟิงไม่อาจต้านหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้ได้จึงถูกโจมตีจนร่างปลิวกระเด็นไปกลางอากาศราวกับว่าวที่หลุดจากสายป่าน ก่อนจะหล่นกระแทกกำแพงอย่างรุนแรงจนกำแพงดินพังทลาย
“เฉินเฟิง”
ไป๋ซีหย่าที่เห็นเยี่ยเฉินเฟิงถูกทำร้ายจนาเ็ก็ไม่คิดจะรีรอ นางปลดปล่อยพลังิญญาออกมาหลอมรวมเป็จิตอสูรอสรพิษขาวเตรียมจะเข้าไปช่วยเหลืออีกฝ่าย
“คนสวย เ้าจะตื่นตระหนกขนาดนั้นไปทำไมกัน อยู่เล่นสนุกกับข้าดีกว่านะ”
ในชั่วพริบตาที่ไป๋ซีหย่าผสานร่างกับจิตอสูรอสรพิษขาว เจียงซานสุ่ยก็พลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าและเรียกจิตอสูรแมงมุมดำออกมาจู่โจมใส่นาง
เดิมทีไป๋ซีหย่าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเจียงซานสุ่ยที่เป็ผู้ใช้อสูริญญาระดับหกอยู่แล้ว ประกอบกับร่างกายที่าเ็หนักยังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์ จึงแทบจะต้านการโจมตีจากจิตอสูรแมงมุมดำของเจียงซานสุ่ยไม่ได้เลย
ประมาณสามห้วงลมหายใจเท่านั้น ไป๋ซีหย่าก็ถูกเส้นใยสีขาวที่แมงมุมดำพ่นออกมาพันร่างไว้จนแน่น ขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
“คุณหนู!”
ยอดฝีมือจากตระกูลไป๋ถึงกับใจกระตุกวูบเมื่อเห็นว่าไป๋ซีหย่าตกอยู่ในอันตราย เขาคิดจะสลัดจอมยุทธ์อู๋ให้หลุดแล้วไปช่วยเหลือนางก่อน
ทว่าพลังของจอมยุทธ์อู๋เหนือชั้นกว่าเขามาก เพียงเขาสะบัดกระบี่เรียวยาวในมือเล็กน้อย ปราณกระบี่คมกริบสามสายก็พุ่งออกมาขวางกั้นเส้นทางของเขาได้แล้ว
“คนสวย เ้าคงแอบชอบพอเ้าขยะผู้นั้นอยู่ล่ะสิ อยากจะดูอะไรสนุกๆ สักหน่อยไหม อย่างเช่นดูข้าแล่เนื้อเถือหนังทั่วร่างของมันออกมาทีละชิ้น ให้มันทรมานจนสิ้นใจตายไปอย่างช้าๆ อย่างไรล่ะ” เจียงซานสุ่ย มองซีหย่าที่ถูกใยแมงมุมรัดร่างอย่างแ่าจนปรากฏส่วนโค้งเว้างดงามออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาพลันเกิดประกายไฟร้อนแรง พูดจาราวกับคนเสียสติ
“ไม่ ไม่นะ ข้าขอร้องล่ะ เ้าอย่าทำร้ายเยี่ยเฉินเฟิงเลย” ไป๋ซีหย่าใจสั่นวูบ อ้อนวอนอีกฝ่ายด้วยใบหน้าซีดขาว
“ข้อร้องข้า? เ้ายอมขอร้องข้าเพื่อเศษสวะพรรค์นั้นเรอะ? น่าสนใจ ช่างน่าสนใจดีจริงๆ” เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของไป๋ซีหย่า รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงซานสุ่ยก็ยิ่งชัดเจน เขาออกคำสั่งเสียงดังลั่น “จอมยุทธ์ซู จับตัวไอ้ขยะนั่นมาให้ข้าที”
“ขอรับนายน้อยเจียง”
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงินแสยะยิ้มเ็า เขาเดินตรงไปหาร่างเปื้อนเืที่ถูกกลบฝังอยู่ใต้กองดินสีเหลือง
เมื่อเห็นเยี่ยเฉินเฟิงนอนคว่ำหน้าหอบหายใจรวยระรินอยู่บนพื้น ชายชุดน้ำเงินก็เผยรอยยิ้มชั่วร้าย ในมุมมองของเขาคิดว่าเยี่ยเฉินเฟิงาเ็สาหัสถึงเพียงนี้เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก
ขณะที่เขากำลังดึงร่างของเยี่ยเฉินเฟิงที่ถูกกลบฝังอยู่ใต้กองดินขึ้นมานั้น ดวงตาที่เคยหม่นแสงของเยี่ยเฉินเฟิงก็พลันส่องประกายคมกริบราวกับกระบี่ที่หลุดออกมาจากฝัก สะท้อนเข้าไปในดวงตาของชายชุดน้ำเงินจนเขาตาพร่าเสียสมาธิไปชั่วขณะ
แม้จะสั้นเพียงชั่วพริบตา แต่ก็มากพอที่จะทำให้เยี่ยเฉินเฟิงออกกระบวนท่าโจมตีหมายปลิดชีพได้
กำปั้นของเยี่ยเฉินเฟิงที่เอ่อล้นไปด้วยพลังปราณแข็งแกร่งยากจะหาที่ใดเปรียบ พุ่งโจมตีใส่ศีรษะของชายชุดน้ำเงินด้วยความเร็วสูง
เยี่ยเฉินเฟิงบีบอัดพลังเข้าไปในหมัดจนสุดขีดจำกัดด้วยหวังจะสังหารอีกฝ่ายภายในกระบวนท่าเดียว มวลอากาศรอบข้างกระจายตัวออกตามทิศทางที่หมัดถูกชกออกไป กำปั้นแข็งแกร่งทุบทำลายเกราะป้องกันพลังิญญาของอีกฝ่าย เจาะทะลุเข้าไปโจมตีศีรษะของเขาได้อย่างรุนแรง
“โผละ!” ศีรษะของชายชุดน้ำเงินถูกชกอย่างรุนแรงจนกะโหลกมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ เืจำนวนมากไหลทะลักออกมาอย่างมิอาจควบคุม
“ทำ...ทำไมถึงเป็เช่นนี้ไปได้”
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าแตกต่างจากภาพในความคิดอย่างสิ้นเชิง รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงซานสุ่ยพลันแข็งค้าง สีหน้าท่าทางราวกับมองเห็นภูตผีปีศาจ
เกราะป้องกันของปรมาจารย์อสูรมายาสูงล้ำเกินกว่าจะจินตนาการ ตอนแรกเยี่ยเฉินเฟิงคิดว่าจะสามารถะเิสมองของอีกฝ่ายได้ด้วยการต่อยเพียงครั้งเดียว แต่กลับถูกพลังิญญาในห้วงสมองของเขาลดทอนความรุนแรงลงไปหลายส่วน
“ไข่โลหิต ผสานร่าง”
เยี่ยเฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจเรียกใช้จิตอสูรไข่โลหิตเป็ครั้งแรกโดยไม่สนใจอาการาเ็บนร่างกาย เขาผสานร่างเข้ากับจิตอสูรเพื่อเพิ่มอานุภาพในการโจมตีของตัวเอง
“พลังิญญา เ้าขยะนั่นมีพลังิญญาได้อย่างไร เขาไม่มีจิตอสูรมิใช่หรือ?” เจียงซานสุ่ยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เขายืนตัวแข็งทื่อราวกับคนโง่งม
“ตายซะ”
หลังหลอมรวมกับไข่โลหิตแล้วพลังของเยี่ยเฉินเฟิงก็เพิ่มสูงขึ้นมาก ประกายแสงสีเืรวมตัวอยู่ตรงกลางฝ่ามือของเขา พลังโจมตีเพิ่มสูงขึ้นเกือบจะห้าเท่าตัว
การที่สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้มากมายภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ เป็เื่ที่อยู่เหนือความคาดหมายของเยี่ยเฉินเฟิง เห็นได้ชัดเลยว่าไข่โลหิตไม่ใช่จิตอสูรธรรมดา
“ปัง!”
ศีรษะของชายชุดน้ำเงินถูกโจมตีซ้ำอีกหน และในครานี้กำปั้นที่หลอมรวมกับพลังิญญาสามารถะเิสมองของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย เืแดงสดและน้ำเหลืองจำนวนมากไหลทะลักออกมา สาดกระเซ็นเจิ่งนองอยู่เต็มพื้นดิน
“เข็มนภาทมิฬ ระงับอาการาเ็”
เยี่ยเฉินเฟิงฉวยโอกาสตอนที่ชายชุดน้ำเงินพลั้งเผลอปลิดชีพเขาภายในหนึ่งการโจมตี จากนั้นก็นำเข็มเงินออกมาปักลงบนจุดชีพจรของตนเอง ฝืนระงับาแบนร่างกายเอาไว้
“พลังิญญา เข็มเงิน!” เมื่อเห็นเข็มเงินลอยโคจรอยู่กลางอากาศก่อนจะปักลงตามจุดต่างๆ บนตัวของเยี่ยเฉินเฟิง ไป๋ซีหย่าก็อุทานออกมาด้วยความดีอกดีใจ “เป็เขา ใช่เขาจริงๆ เฉินเฟิงกับท่านหมอเฉินคือคนคนเดียวกันจริงๆ ด้วย”
“ทำไมถึงเป็เช่นนี้ไปได้ เ้าเศษสวะนั่นไม่ควรจะร้ายกาจถึงเพียงนี้สิ เขาถึงขั้นสังหารจอมยุทธ์ซูได้เชียวนะ”
เมื่อเห็นร่างไร้ิญญาของชายชุดน้ำเงินล้มคว่ำลงกับพื้น ความตกตะลึงจากส่วนลึกของจิติญญาก็เข้าครอบงำร่างกายของเจียงซานสุ่ย ทำให้เขาได้แต่อ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ยอดฝีมือตระกูลไป๋ก็ฉวยโอกาส่ที่จอมยุทธ์อู๋หันเหความสนใจไปอีกทาง รีบเรียกใช้เคล็ดิญญาพร้อมยกปลายหอกแหลมคมดุจเขี้ยวอสรพิษกระหน่ำแทงใส่หน้าอกของอีกฝ่าย
“กระบี่แยกเงา”
เมื่อถูกยอดฝีมือตระกูลไป๋โจมตีใส่ด้วยเคล็ดิญญา จอมยุทธ์อู๋ที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ทันจึงต้องตอบสนองด้วยการใช้เคล็ดิญญาโจมตีสวนกลับไปแทน
“พรวด พรวด!” เสียงกระอักเืดังขึ้นสองครา ทั้งสองคนต่างถูกเคล็ดิญญาของอีกฝ่ายโจมตี เกราะป้องกันของจิตอสูรของคนทั้งคู่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เรียกได้ว่าพวกเขาาเ็และสูญเสียไม่ต่างกัน
“เ้าอย่าเข้ามานะ ถ้าเ้ากล้าเข้ามาใกล้แม้แต่นิดเดียวข้าจะสังหารนางซะ” เมื่อเห็นเยี่ยเฉินเฟิงเข้าประชิดตัวด้วยความเร็วสูง เจียงซานสุ่ยที่ได้สติคืนมาก็รีบลากร่างของไป๋ซีหย่าซึ่งถูกใยแมงมุมรัดจนขยับไปไหนไม่ได้มาไว้ข้างกาย พูดจาข่มขู่เสียงดังลั่น
“ข้ารู้ว่าเ้าไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก เพราะเ้ารู้แจ้งแก่ใจถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาดี” เยี่ยเฉินเฟิงพูดพร้อมจิตสังหารคุกรุ่น
“เ้าพูดถูก ข้าไม่กล้าสังหารนางจริงๆ นั่นแหละ แต่ข้ากล้าข่วนหน้าของนางจนเสียโฉม” เจียงซานสุ่ยจงใจลูบไล้ใบหน้าเนียนละเอียดของไป๋ซีหย่าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เ้าว่าใบหน้าที่งดงามถึงเพียงนี้ หากถูกข้ากรีดจนเสียโฉมคงจะน่าเสียดายแย่เลยจริงไหม”
“ปล่อยนางไป แล้วข้าจะยอมละเว้นเ้า” เยี่ยเฉินเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขายอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อไป๋ซีหย่า
“ข้าจะปล่อยนางไปก็ได้ แต่ต้องดูว่าเ้าจะยอมเชื่อฟังกันแต่โดยดีหรือเปล่า” เจียงซานสุ่ยมองใบหน้าหน้าเคร่งขรึมของเยี่ยเฉินเฟิงพลางแสยะยิ้มเ็า
“เ้า้าอะไรกันแน่?” ดวงตาของเยี่ยเฉินเฟิงทอประกายคมกริบ เอ่ยถามเสียงต่ำ
“ทำลายเส้นลมปราณของตัวเองซะ แล้วยอมให้ข้าจับกุมแต่โดยดี” เจียงซานสุ่ยออกคำสั่งเสียงดังฟังชัด
“ไม่ได้นะเฉินเฟิง เ้าห้ามทำตามที่เขา้านะ ต่อให้เ้าทำลายเส้นลมปราณของตัวเองทิ้งเขาก็ไม่คิดจะปล่อยพวกเราไปหรอก” ได้ยินคำสั่งของเจียงซานสุ่ย ไป๋ซีหย่าก็ะโออกไปด้วยใบหน้าเผือดสีทันที
“บัดซบ ถ้าเ้ายังพูดจาไร้สาระอีกข้าจะกรีดใบหน้าของนางเสียเดี๋ยวนี้เลย” เจียงซานสุ่ยบีบคอของไป๋ซีหย่าแน่น พูดจาข่มขู่อย่างดุร้าย
“ได้ เ้าชนะแล้ว ข้าจะตัดเส้นลมปราณของตัวเองทิ้ง แต่เ้าต้องสัญญากับข้าก่อนว่าหลังจากข้าทำลายเส้นลมปราณแล้วจะไม่ทำร้ายนางโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้ากับเ้าก็ต้องประหัตปะาจนตายกันไปข้างหนึ่ง” เมื่อเห็นใบหน้ารวดร้าวของไป๋ซีหย่า เยี่ยเฉินเฟิงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
”ได้ ข้ารับปาก ขอเพียงเ้ายอมทำลายเส้นลมปราณของตัวเอง ข้าก็จะไม่แตะต้องนางแม้แต่น้อย” เจียงซานสุ่ยเผยรอยยิ้มลำพองใจ
“หวังว่าเ้าจะทำตามที่สัญญาไว้ ไม่อย่างนั้นต่อให้ข้ากลายเป็ผีก็จะไม่ปล่อยเ้าเอาไว้” เยี่ยเฉินเฟิงกำสองหมัดแน่น
กล่าวจบ เยี่ยเฉินเฟิงก็กัดฟันแน่น แผลปริแตกะเิออกหลายแห่งทั่วร่างล่ำสัน เพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น ร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยเืของเขาก็ล้มกระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง
