หลิ่วสวินเหมี่ยวรีบกล่าว“ไม่ได้ นี่เป็ปิ่นปักผมทองสองอันสุดท้ายของเ้าแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็ต้องคลอดลูกล้วนแต่ต้องใช้เงิน ปิ่นปักผมนี่ เ้าเก็บไว้ดีกว่า! ”
พวกเขามาจากต่างถิ่น เสียค่าใช้จ่ายไปมากซื้อหน้าร้านนี้มา เปิดร้านหนังสือก็ใช้เงินไปไม่น้อย
เวลานี้ร้านหนังสือยังไม่มีผลกำไรเขารู้สึกร้อนรนจิตใจยิ่งนัก หากถึงเวลาเมื่อบุตรคลอดออกมาแล้วยังไม่มีเงินอีก เกรงว่าเขาอาจมีใจคิดอยากตีตนเองให้ตายเสีย
เขาจะทนเห็นหยุนโหรวต้องลำบากกับตนเองได้อย่างไร?
ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร โม่หยุนโหรวก็ใส่ไว้ในมือหลิ่วสวินเหมี่ยว“ข้าเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเ้าไม่ผิดแน่ บางทีขายหนังสือเล่มนี้ออกไป ปิ่นปักผมทองสองอันนี้ก็กลับมาแล้ว!”
หลิ่วสวินเหมี่ยวกำปิ่นปักผมทองไว้แน่นสุดท้ายแบมือ ยังคงนำปิ่นปักผมหนึ่งอันปักไว้บนเส้นผมโม่หยุนโหรว พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำ“ข้ารับหนึ่งอัน ที่เหลืออีกหนึ่งอัน เ้าเก็บไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะนำไปใช้ไม่ได้เป็อันขาดเื่เงินข้าจะคิดหาทางอื่น เ้าอย่าได้กังวล! ”
โม่หยุนโหรวรู้ดี ว่าเื่ที่หลิ่วสวินเหมี่ยวตัดสินใจแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงอีกจึงพยักหน้า “ได้! ”
หลิ่วสวินเหมี่ยวดูแลโม่หยุนโหรวเสร็จกลับไปยังห้องหนังสือ ขณะเขาออกมา ก็นำเงินและตำราจำนวนหนึ่งออกมาด้วย ตำราเ่าั้มีเล่มหนึ่งที่มีเพียงฉบับเดียวในใต้หล้า
นั่นเป็ตำราที่เขาชื่นชอบและให้ความสำคัญที่สุดแต่ครั้งนี้ เขาตัดสินใจแล้ว ว่าจะนำมันไปจำนำ
เขาจะสู้ตายสักครั้ง จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้แล้ว!
ขณะเซี่ยยวี่หลัวกลับไปก็เห็นลูกจ้างกำลังจดบันทึกอยู่หน้าประตู ตรงหน้าเขามีสตรีแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรายืนอยู่หลายคนชี้ลวดลายบนโต๊ะพลางกล่าว “ลายพวกนี้ข้าเอาทั้งหมด เอาอย่างละสองผืน”
กล่าวจบ ก็มอบเงินหนึ่งตำลึง
ลูกจ้างรับเงินมัดจำ ก่อนจดชื่อของสตรีผู้นั้นพร้อมทั้งจดที่อยู่ไว้ด้วย
นี่เป็ลูกค้าใหญ่ ฮวาเหนียงบอกไว้แล้วว่าถึงเวลาต้องนำไปส่งถึงที่
เซี่ยยวี่หลัวมองอยู่ข้างๆครู่หนึ่ง ลูกจ้างกล่าวอะไรกับสตรีผู้นั้นเล็กน้อย สตรีผู้นั้นจึงกลับไปด้วยท่าทางดีอกดีใจไม่มีความกระวนกระวายและผิดหวังเหมือนเวลาได้ยินว่าผ้าเช็ดหน้าหมดแม้แต่น้อย
นางรีบเบี่ยงกาย เดินเข้าไปด้านใน
ฮวาเหนียงกำลังรับรองลูกค้าเมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวกลับมาแล้ว ก็รีบให้ลูกจ้างข้างกายรับรองลูกค้า ส่วนนางตามเซี่ยยวี่หลัวไปด้านหลัง
เซี่ยยวี่หลัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพูดคุยกับฮวาเหนียงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวาดลวดลายให้ฮวาเหนียงอีกสองรูป แล้วจึงออกจากฮวาหม่านยี
เพื่อไม่ให้เป็ที่สะดุดตาเซี่ยยวี่หลัวสวมหมวกคลุมปิดหน้าครอบปิดทั้งศีรษะไว้
คนผู้หนึ่งเดินสวนมา เดินผ่านตัวเซี่ยยวี่หลัวไป
คนผู้นั้นไม่เห็นว่าคนที่เดินสวนกันคือเซี่ยยวี่หลัวแต่เซี่ยยวี่หลัวกลับเห็นนาง
นั่นคือเซียวิจู
เซียวิจูหิ้วตะกร้าหนึ่งใบเพิ่งเดินเข้าไปก็มีคนมารับนาง “ปักเสร็จแล้วงั้นหรือ? ”
“ปักเสร็จแล้วเ้าค่ะผ้าเช็ดหน้าสิบผืน” เซียวิจูเปิดตะกร้า ด้านในเป็ผ้าเช็ดหน้าที่ปักลายแมวการ์ตูนไว้สิบผืน
ดูท่าในบรรดาช่างปักที่ฮวาเหนียงหามาเซียวิจูก็เป็หนึ่งในนั้น!
ลูกจ้างสวมถุงมือไว้ ตรวจสอบผ้าเช็ดหน้าทีละผืนโดยละเอียดเพื่อดูว่ามีจุดที่ลงเข็มปักด้ายผิดหรือไม่ ถึงแม้เซียวิจูอายุไม่มาก แต่ก็เรียนเย็บปักมาั้แ่เด็กได้จับเข็มด้ายอยู่ทุกวัน เมื่อนับตามเวลา ก็ถือว่าช่ำชองแล้ว
เื่ที่จะลงเข็มปักด้ายผิดนั้นย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น
ลูกจ้างพยักหน้าอย่างพึงพอใจพร้อมกล่าว “ปักได้ไม่เลว ไปกัน ข้าจะพาเ้าไปลงบันทึกเพื่อรับเงิน”
ถงเต๋อที่เป็คนลงบันทึกสวมถุงมือและตรวจสอบผ้าเช็ดหน้าโดยละเอียดเช่นกัน จากนั้นจึงบันทึกจำนวนของผ้าเช็ดหน้าแล้วจึงถามว่าครั้งนี้จะปักอีกกี่ผืน เซียวิจูกล่าวตอบว่าสิบผืน ถงเต๋อจึงหยิบวัตถุดิบที่ใช้ปักผ้าเช็ดหน้าแต่ละผืนซึ่งห่อไว้แล้วนับจำนวนสิบชุดใส่เข้าไปในตะกร้าของเซียวิจู
วัตถุดิบแต่ละห่อ แตกต่างกันไปตามแบบลายในนั้นมีเข็มและด้ายห่อไว้ แต่ละตะกร้าจะแยกกันอย่างชัดเจน นับจำนวนชุดได้ง่ายมาก
สุดท้าย จึงนับเงินห้าสิบอิแปะมอบให้เซียวิจู
เซียวิจูรับของไป คลำเงินห้าสิบอิแปะในมือคิดถึงเงินที่ตนเองนำติดตัวมาด้วยก่อนออกจากบ้าน แล้วจึงกล่าว “ข้าอยากซื้อผ้าหนึ่งผืน”
เสื้อผ้าบนกายเซียวจื่อเซวียนเก่าขาดจนไม่เหลือชิ้นดีแล้วเซี่ยยวี่หลัวปกติสวมใส่เสื้อผ้าสวยสดงดงาม เซียวจื่อเซวียนกลับสวมใส่เสื้อผ้าเก่าขาดไม่รู้จักทำเสื้อผ้าดีๆ ให้เด็กคนนั้นสักชุด ช่างเห็นแก่ตัวนัก
แต่อย่างนี้ก็ดี ยิ่งเซี่ยยวี่หลัวเห็นแก่ตัวก็ยิ่งดี!
เดือนหน้าเซียวยวี่ก็จะกลับมาแล้วเกรงว่าคงไม่มีเสื้อผ้าใหม่เช่นกัน เสื้อผ้าในปีที่ผ่านมาก็น่าจะตัวเล็กแล้ว ต้องตัดเสื้อใหม่เหมือนกัน
ถึงเวลา เซียวยวี่เห็นว่ามีเพียงนางที่ทำเสื้อผ้าใหม่ให้เซียวจื่อเซวียนและเขาเขาก็จะรู้ ว่าบนโลกใบนี้ใครคือคนที่ดีต่อเขาที่สุด!
เซียวิจูคิดพลางกัดฟันนำเงินทั้งหมดที่หามาได้จากการปักผ้าเช็ดหน้าในระยะนี้ออกมาซื้อผ้าฝ้ายละเอียดสีเทาหนึ่งผืน
ผ้าผืนนี้ััแล้วทั้งละเอียดและอ่อนนุ่มได้ยินลูกจ้างในร้านบอกว่าทั้งอ่อนนุ่มและเป็มิตรต่อิั เหมาะแก่การสวมใส่ใน่เดือนห้าและเดือนหก
เพราะเซียวิจูเป็คนที่มาร้านเป็ประจำทั้งยังซื้อผ้าผืนหนึ่ง จึงลดราคาให้นางเล็กน้อย เซียวิจูกล่าวขอบคุณก่อนออกจากร้านไป
ปกติเวลานางปักผ้าเช็ดหน้าไม่เพียงแต่ต้องเสียค่าผ้าและเข็มด้ายเอง ผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนขายได้เพียงสามอิแปะ เวลานี้นางไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่น้อยก็สามารถหาเงินได้ห้าอิแปะต่อผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืน ถือเป็โอกาสดีที่์ประทาน
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวิจูก็ออกไปแล้วย่อมไม่เห็นว่าเซียวิจูซื้อผ้าฝ้ายละเอียดสีเทาหนึ่งผืน
นางออกจากร้านแล้วจึงไปซื้อเนื้อหมูจำนวนไม่น้อยเมื่อท่านลุงที่ขายเนื้อหมูครั้งก่อนเห็นแม่นางน้อยรูปโฉมงดงามที่เคยมาซื้อเนื้อหมูก็ยิ้มจนไม่เห็นตา เอ่ยเรียกแม่นางอย่างนั้นแม่นางอย่างนี้
เซี่ยยวี่หลัวซื้อเนื้อหมูอีกสองจิน ยังขอซื้อกระดูกหมูทั้งหมดรวมถึงมันหมูชิ้นหนึ่งใส่ไว้ในตะกร้าทั้งหมด ก่อนจะไปร้านขายขนมซื้อขนมสองกล่อง เด็กๆ ชอบกินขนมนี่ กินวันละสองชิ้นเหมือน่ปีใหม่ มีความสุขเสียยิ่งกว่ากระไร
สุดท้าย นางไปร้านขายของชำซื้อเตาขนาดเล็กและถ่านอีกจำนวนหนึ่งพร้อมทั้งซื้อหม้อขนาดเล็ก ใส่จนเต็มตะกร้าสะพายหลัง แล้วจึงยกขึ้น ไปซื้อผักจำนวนหนึ่งที่ไม่มีในบ้านแล้วจึงไปฮวาหม่านยี
ฮวาเหนียงเตรียมรถม้าไว้แล้วเซี่ยยวี่หลัวขึ้นรถม้า รถม้าเคลื่อนตัวออกไป ออกจากตัวเมืองโยวหลันอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางกลับ เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวิจูที่กำลังหิ้วตะกร้ากลับไป
เซี่ยยวี่หลัวเปิดม่านกวาดสายตามองแวบหนึ่งก็ปิดม่านลง
หางตาเซียวิจูเหลือบไปเห็นรถม้าพอดีมองผ่านช่องผ้าม่าน นางรู้สึกเหมือนเห็นคนที่นั่งอยู่ในนั้น
คางและใบหน้าด้านข้างที่งดงามนั่นเห็นแวบเดียวก็รู้สึกตกตะลึงในความงาม
รถม้าเคลื่อนตัวผ่านไปอย่างรวดเร็วทิ้งไว้เพียงฝุ่นตลบตามทาง
ใบหน้าด้านข้างนั่นช่างดูคุ้นตาเซียวิจูรู้สึกว่าเหมือนเคยพบเห็นที่ไหน เพียงแต่ ลองหวนคิดดูก็ยังคิดไม่ออก ว่าผู้ที่อยู่ในรถม้านั่นคือผู้ใด