ปรานสีขาวนี้ไม่ปกติ ขอเพียงได้รับการโจมตี อวัยวะภายในก็จะฉีกขาดจนตาย
มู่หรงเฉิงเห็นปราณสีขาวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตาพลันเบิกกว้าง คิดอย่างหวาดกลัวและสิ้นหวัง : ชีวิตของเจิ้นคงจบเพียงเท่านี้
ในชั่วเวลาแห่งความเป็ความตาย แสงสีขาวอีกสายหนึ่งก็พุ่งเข้าโจมตีปราณของนักฆ่าผู้นั้น เมื่อเป็เช่นนี้ พลังปราณสายนั้นของนักฆ่าก็หักเลี้ยวไปด้านข้างโจมตีโดนกำแพง
ส่วนมู่หรงเฉิงตาเหลือกหมดสติไป
“เสด็จพ่อ!”
มู่หรงฉางที่เพิ่งจะเดินไปถึงตำหนักใหญ่ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมด้านในจึงรีบกลับมาทันที
นางเห็นเสด็จพ่อหมดสติไป ในใจก็ร้อนรนดั่งมีเพลิงสุม ออกคำสั่งด้วยความฉุนเฉียว “หยวนซิ่ว ไปจับตัวนางไว้!”
ผู้ที่ปล่อยพลังปราณขวางนักฆ่าเอาไว้ก็คือหยวนซิ่ว คือนางกำนัลข้างกายขององค์หญิงจาวฮวา วิทยายุทธ์ไม่ธรรมดา แม้แต่กองกำลังป้องกันที่มีความสามารถในการต่อสู้อย่างเก่งกาจก็ไม่อาจเอาชนะนางได้ภายในร้อยกระบวนท่า เห็นได้ชัดว่าฝีมือการต่อสู้ของนางสูงส่งมาก
องค์หญิงจาวฮวาออกไปเที่ยวนอกวังอยู่ครึ่งปี ในยุทธภพมีอันตรายนานับประการ ในใต้หล้าก็ย่อมอันตราย หากไม่มีหยวนซิ่วคอยปกป้องอยู่ข้างกาย นางก็คงตายไปและไม่ได้กลับเมืองหลวงได้เช่นนี้แน่
ตอนนี้ หยวนซิ่วกับนักฆ่าจึงประมือกันในตำหนักโอรส์
มู่หรงฉางพยุงมู่หรงเฉิงให้นอนลง พูดด้วยความร้อนใจ “เสด็จพ่อ...เสด็จพ่อเพคะ...”
องครักษ์ด้านนอกได้ยินเสียงก็พากันกรูเข้ามาคุ้มกัน
เมื่อเห็นว่าภารกิจไม่สำเร็จ นักฆ่าก็ทั้งรู้สึกเสียใจภายหลังและไม่พอใจ แย่งดาบยาวขององครักษ์แล้วพุ่งไปหาหยวนซิ่ว
หยวนซิ่วหลบหลีกอย่างรวดเร็ว หยิบดาบยาวจากมือขององครักษ์อีกคนหนึ่งมารับการโจมตี
เสียงแกร๊งๆ ดังขึ้น ดาบปะทะกัน แสงสีเงินกระจายไปรอบด้าน
หยวนซิ่วคิดไม่ถึงว่านักฆ่าจะมีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนี้ จึงไม่กล้าประมาท ทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อเอาชนะ
นักฆ่าผู้นั้นจับองครักษ์คนหนึ่งก่อนจะโยนองครักษ์คนนั้นใส่นาง จากนั้นก็อาศัยโอกาสนี้พุ่งไปยังหน้าต่างแล้วกระโจนออกไปอย่างรวดเร็ว
หยวนซิ่วรีบตามไปทันที แต่กลับเห็นนักฆ่าคนนั้นถูกองครักษ์คนอื่นๆ ดักอยู่ด้านนอก
พูดให้ถูกก็คือ มีคนรออยู่ด้านนอกหน้าต่างมาได้สักพักแล้วเพื่อดักรอนักฆ่า
นักฆ่าผู้นั้นเพิ่งจะถึงพื้น ในตอนที่กำลังจะะโทะยานขึ้นไปบนหลังคา กลับเห็นด้านหลังของคนผู้หนึ่งยืนอยู่
คนผู้นั้นสวมชุดสีดำเดินด้ายทอง รูปร่างสูงใหญ่ยืนปักหลักประหนึ่งขวางกั้นระหว่างโลกกับ์ สง่างามทรงอำนาจน่าเกรงขาม ในใต้หล้านี้ไม่มีใครสักคนที่จะเทียบได้ ั์ตาดำทั้งสองของเขาเ็าเหมือนน้ำในปลายฤดูใบไม้ร่วงต้นฤดูหนาว เย็นเยียบจนคนหนาวไปถึงิญญา
คนผู้นั้นก็คือมู่หรงอวี้
ตอนที่มู่หรงฉือรุดมาถึง ก็เห็นภาพนี้แล้ว : มู่หรงอวี้กำลังประมือกับนักฆ่า
เนื่องจากนางยืนอยู่ทางฝั่งของนักฆ่า ทำให้นักฆ่าพุ่งมาทางนางอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาก็คว้าจับเข้าที่คอของนาง แล้วบีบหมายจะเอาชีวิต
นางพยายามดิ้นรน ไม่อยากจะเปิดเผยความสามารถมากเกินไป
ใบหน้าขาวของมู่หรงอวี้เ็าลงหลายส่วน ั์ตาราวกับจะกลืนกินใต้หล้าลงไป
“ไม่ต้องสนใจเปิ่นกง จับนักฆ่า!” มู่หรงฉือะโ
“หุบปาก!” นักฆ่าพูดเสียงดุ นิ้วเย็นที่จับคอของนางออกแรงเพิ่มขึ้นอีก
ท่ามกลางอากาศร้อนแรง มู่หรงฉือกลับมือเท้าเย็นเยียบ ที่ลำคอเจ็บจี๊ด เหมือนกระดูกคอใกล้จะถูกบีบให้แตกอยู่รอมร่อ
นิ้วราวงูพิษส่งความเย็นกับพิษเข้าสู่ผิวของนาง
ตอนนี้เองที่บรรดาองครักษ์พากันกรูกันเข้ามา มือถือดาบเอาไว้ไม่กล้าขยับ
มู่หรงอวี้เดินเข้ามา นักฆ่าคนนั้นจับนางแน่นดึงนางให้ถอยหลัง “อย่าเข้ามา! ไม่เช่นนั้นข้าจะบีบคอเขาให้หักซะ!”
เขาหยุดฝีเท้าลง พูดอย่างสบายๆ “มิสู้เปลี่ยนทิศทางจะดีกว่า เ้ามาทางเปิ่นหวางจะหลบหนีได้ง่ายกว่าสักหน่อย”
มู่หรงฉือแอบครุ่นคิด เขาจะเล่นละครอะไรกันแน่?
เหมือนเขาไม่มีความคิดจะช่วยนาง ไม่ได้ใส่ใจความเป็ตายของนางเลยจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
นักฆ่าพูดเสียงดุ “เ้ามานี่!”
มู่หรงอวี้ค่อยๆ เดินมาทางพวกเขา ทว่ายังรักษาระยะห่างเอาไว้่หนึ่ง
ส่วนนักฆ่าจับนางเดินไปทางทิศเหนือ นางหันไปกระพริบตาให้มู่หรงอวี้ ส่งสายตาไป เขาไม่มีทีท่าจะเคลื่อนไหวแล้วเมินนาง
มู่หรงฉือโกรธจนกัดฟัน มู่หรงอวี้สมควรตาย!
คิดจะอาศัยโอกาสนี้ให้นางตายหรือ? ไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอก!
นักฆ่าดึงนางให้เดินถอยหลัง มู่หรงอวี้หัวเราะเสียงเรียบ ราวกับดอกไม้สีเหลืองชูช่ออย่างงดงามท่ามกลางหิมะ สั่นไหวไปมาตามแรงลม
เขากล้าหัวเราะ!
มู่หรงฉือโกรธจนแทบกระอักเื แต่นางก็รู้ จากจุดยืนของเขา เขาคงแทบอยากให้นางตายในมือนักฆ่าเสียตอนนี้ด้วยซ้ำ
นักฆ่าระมัดระวังมาก ดึงนางถอยหลังไปก็ระวังการเคลื่อนไหวของมู่หรงอวี้ไป
“เ้าพาองค์รัชทายาทไปแล้วย่อมถูกเปิ่นหวางตามจับ หรือไม่เ้าปล่อยเตี้ยนเซี่ยเอาไว้ที่นี่ เปิ่นหวางไม่มีทางตามเ้าหรอก”
มู่หรงอวี้พูดด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนกำลังพูดเื่เล็กๆ
นักฆ่าไม่เชื่อคำพูดของเขา หน้าตาเ็าครุ่นคิดใคร่ครวญ
มู่หรงฉืองอแขนขึ้นมา แล้วกระแทกเข้าไปที่ลำตัวของนักฆ่าที่อยู่ด้านหลังอย่างแรง มู่หรงอวี้อยากให้นางตาย นางมีแต่ต้องช่วยตัวเองเท่านั้น
นักฆ่าถูกกระแทกอย่างแรง ด้วยความใ จึงซัดฝ่ามือลงไปที่กลางหลังของนางโดยสัญชาตญาณ
ในขณะเดียวกัน มู่หรงอวี้ก็ปล่อยพลังปราณสีขาวออกมาใส่นักฆ่าอย่างรวดเร็ว
มู่หรงฉือถูกฝ่ามือซัดไปหนึ่งทีก็ล้มลงไปกับพื้น นางมีวิชาตัวเบาที่สามารถหลบได้ แต่ว่าอยู่ท่ามกลางสายตาคนมากมายเช่นนี้จึงทำได้เพียงแสร้งแสดงเป็องค์รัชทายาทที่ไร้ความสามารถ
พลังปราณสายนั้นอัดไปด้วยกำลังภายในเข้มข้น หลังจากนักฆ่าลงมือสำเร็จ แม้อยากจะหลบพลังของมู่หรงอวี้ก็ไม่มีทางเป็ไปได้ ทำได้เพียงรับเอาไว้เต็มๆ อวัยวะภายในของนักฆ่าผู้นั้นฉีกขาด ความเจ็บอย่างรุนแรงแผ่ขยายไป อยากจะใช้วิชาตัวเบาหนีก็ยิ่งเป็ไปไม่ได้
องครักษ์พุ่งเข้ามา คมดาบจำนวนมากจ่อไปที่คอของนักฆ่า
มู่หรงอวี้เดินมาทางมู่หรงฉือ คุกเข่าลงอุ้มองค์รัชทายาทขึ้น นางกลับผลักมือของเขาออกอย่างดื้อรั้น พูดด้วยลมหายใจไม่มั่นคง “ไม่จำเป็ต้องให้ท่านมาเสแสร้ง...”
ฝ่ามือนั้นของนักฆ่ารุนแรงมาก นางได้รับาเ็ภายใน เกรงว่าจะต้องใช้สิบวันถึงครึ่งเดือนกว่าจะกลับมาเป็ปกติ
“หากเมื่อครู่เปิ่นหวางช้าไปสักหน่อย องค์รัชทายาทก็ตายในมือของนักฆ่าไปแล้ว เ้าควรจะขอบคุณเปิ่นหวาง”
เขาพูดเสียงต่ำ กลิ่นอายอบอุ่นของน้ำหอมผสมกับกลิ่นบุรุษเพศ โอบล้อมนางเอาไว้
มู่หรงฉือขัดขืนอยากจะยืนขึ้นด้วยตัวเอง แต่กลับถูกเขาบังคับโอบนางขึ้นมาข้างตัว
“วางมือ!” นางถลึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด ริมฝีปากนุ่มขาวซีด
“คนมองกันใหญ่แล้ว เตี้ยนเซี่ยก็อยู่นิ่งๆ หน่อยเถิด” มู่หรงอวี้อุ้มนางขึ้นแล้วพูดอย่างวางอำนาจ ััได้ถึงความหอมนุ่ม “จะกลับตำหนักบูรพาหรือว่า...”
“เปิ่นกงจะไปหาเสด็จพ่อ” นางลอบกัดฟัน อวัยวะภายในที่เริ่มปวดเป็ระยะๆ เริ่มรบกวนจิตใจ
องครักษ์ทำตามคำสั่งของท่านอ๋องผู้รักษาราชการแทน ก่อนจะจับนักฆ่าไปขังเอาไว้ที่ห้องขัง แล้วให้ทหารมาเฝ้ารักษาการอย่างแ่า
หลิวอันรีบรุดมาแล้วคอยสั่งการในตำหนักชิงหยวนที่แสนวุ่นวาย
นักฆ่าปะปนเข้ามาในตำหนักชิงหยวน ปลอมตัวเป็นางกำนัล แน่นอนว่าเขายากจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ จึงทำได้แต่ต้องยุ่งวุ่นวายทั้งเื่ภายนอกและในตำหนัก
ตอนที่ภาพบาดตาอันยากจะทานทนได้อย่างภาพที่อวี้หวางอุ้มองค์รัชทายาทปรากฏต่อหน้าคนในวังมากมาย ข้าหลวงส่วนมากตะลึงตาค้างราวกับถูกฟ้าฝ่า ต่อมา ข้าหลวงต่างรีบเบือนหน้าไป ไม่ก็ก้มหน้าลงไม่กล้ามองอีก
มู่หรงฉือทั้งหงุดหงิด ทั้งอับอาย นางออกแรงผลักมู่หรงอวี้
ทว่าเขายังคงไม่ยอมปล่อยมือ ลำแขนแข็งแกร่งดุจเหล็กพันธนาการตัวนางเอาไว้
“ยังไม่ปล่อยมืออีกหรือ?” นางโกรธจนคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ใบหน้าย้อมไปด้วยสีแดง
“เตี้ยนเซี่ยได้รับาเ็ เปิ่นหวางยากจะปล่อยมือได้ ต้องไปส่งเ้าเสียก่อน” มู่หรงอวี้พูดจาฟังดูดีแต่ความจริงกำลังทำเื่น่าไม่อายอยู่ ทั้งยังสั่งการคนอย่างวางอำนาจ
นางกัดฟันไปอีกครู่หนึ่ง ไม่สิ กัดจนเป็เสียงฟันกระทบกัน
ภายในตำหนัก มู่หรงฉางที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหันไปมอง แต่กลับชะงักค้าง ดวงตาสวยเบิกกว้าง อวี้หวางกับเสด็จพี่กำลังทำอะไรอยู่?
เหตุใดอวี้หวางถึงได้อุ้มเสด็จพี่ขนาดนั้น?
ท่าทางของพวกเขา ทำไมถึงได้แปลกขนาดนี้
“เสด็จพี่ ท่านอ๋อง พวกท่าน…” ดวงตาคู่สวยของนางกระพริบปริบๆ อย่างไม่เข้าใจเอามากๆ
“เปิ่นกงถูกนักฆ่าทำร้ายจนาเ็…” ครั้งนี้มู่หรงฉือไม่สนใจอย่างอื่นอีก ผลักเขาออกเต็มแรง
เขาปล่อยมือ แล้วถามนางกำนัลที่อยู่ด้านข้าง “ฝ่าาเป็อย่างไรบ้าง?”
มู่หรงฉือพุ่งไปที่เตียง พูดด้วยความร้อนใจ “เสด็จพ่อ...”
มู่หรงเฉิงหลับตา ดวงหน้าสงบนิ่งขาวซีด ยังไม่ได้สติ
ส่วนหยวนซุ่นที่เข้ามาช่วยได้รับาเ็สาหัสถูกนางกำนัลยกไปรักษาที่โรงหมอหลวงแล้ว
...
หัวหน้าโรงหมอหลวงได้รับคำสั่งจากใต้เท้าเสิ่นให้รีบเดินทางมารักษามู่หรงเฉิง
เมื่อครู่ถูกนักฆ่าลอบสังหาร มู่หรงเฉิงฮ่องเต้แห่งแคว้นเยี่ยนใจนหมดสติไป ไม่ได้เป็อะไรมาก
ทุกคนพากันถอนหายใจออกมา แววตาของมู่หรงฉางเผยแววดุดันก่อนจะพูดเสียงกร้าว “นักฆ่าคนนั้นบังอาจลอบสังหารเสด็จพ่อ ควรจะตัดหัวต่อหน้าทุกคน!”
มู่หรงอวี้พูดเสียงทุ้ม “บางทีนักฆ่าอาจจะมีผู้สมรู้ร่วมคิด เปิ่นหวางได้สั่งการลงไปแล้วให้ควานหาสหายของนาง”
มู่หรงฉางมองไปทางเขาด้วยความสงสัย ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็หลงใหล ทอประกายราวดวงดาราที่เปล่งแสงเกลื่อนท้องฟ้า
“ท่านอ๋อง ท่านต้องจัดการตัดหัวนักฆ่าผู้นั้นทันที” ครั้นนางได้สติ ดวงตาสวยพลันฉายความเกลียดชัง
“ไม่ได้” เขาพูดเสียงเย็น
“ทำไมถึงไม่ได้เพคะ?” นางไม่เข้าใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธ
“เหตุใดถึงจะให้นักฆ่าตายง่ายๆ เล่า?” มู่หรงฉือเองก็หมดคำพูด สมองของน้องสาวคนนี้เต็มไปด้วยหญ้าหรืออย่างไร “เหตุใดนักฆ่าถึงได้ลอบสังหารเสด็จพ่อ มีเจตนาอะไร ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหรือไม่ และอื่นๆ ต้องสืบสาวให้ชัดเจนก่อนค่อยปะาก็ยังไม่สาย”
มู่หรงฉางพยักหน้า นางมองข้ามเื่นี้ไปจริงๆ
นักฆ่าจะปะาตอนไหนก็ได้ แต่ว่าจะต้องถามให้ชัดเจนก่อนถึงจะได้
มู่หรงฉือตอบ “น้องพี่ เ้าอยู่กับเสด็จพ่อ เปิ่นกงจะไปสอบสวนนักฆ่าคนนั้น”
มู่หรงฉางพยักหน้ารับ จู่ๆ ก็เห็นว่าอวี้หวางเองก็จะไปด้วย จึงเดินเข้าไปจับแขนเสื้อของเขา “ท่านอ๋อง...”
มู่หรงอวี้หันมา ก่อนจะดึงแขนเสื้อออกจากมือของนางนิ่งๆ “องค์หญิงยังมีเื่อื่นอีกหรือ?”
นางจ้องเขา ดวงตาสวยพลันมีหยาดน้ำปกคลุม ขอร้องด้วยท่าทางน่าสงสาร “เปิ่นกงหวาดกลัวเหลือเกิน...ท่านอ๋องอยู่เป็เพื่อนเปิ่นกงได้หรือไม่เพคะ?”
ใบหน้าด้านข้างของเขาราวหยกสลัก ประหนึ่งหน้าผาที่เห็นเหลี่ยมคมชัดเจน เ็าแต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็บุรุษ น่าหลงใหลยิ่ง
“เปิ่นหวางยังมีเื่ต้องทำ”
พูดจบ เขาก็สาวเท้ายาวๆ เดินออกไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่นิด
นางถึงกับตะลึงตาค้างพูดไม่ออก เขา เขา เขา...เขากล้าที่จะเมินการขอร้องของนาง!
นางถึงกับลดทิฐิมาขอร้องเขา แต่เขากลับปฏิเสธ!
มู่หรงฉางโกรธจนตัวสั่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่างมัน ช่างหัวมัน วันนี้เสด็จพ่อถูกลอบสังหาร บางทีเขาอาจจะมีเื่ให้รีบร้อนจริงๆ
มู่หรงฉือยืนอยู่ตรงทางเดินตำหนัก เรียกองครักษ์มาสอบถาม “นักฆ่าถูกขังเอาไว้ที่ใด?”
นางยังปวดอวัยวะภายในอยู่
เหงื่อทั้งร้อนทั้งเย็นไหลออกมาพร้อมกันจนเสื้อเปียกไปหมด
ตอนที่องครักษ์จะตอบกลับได้รับสัญญาณมือจากอวี้หวางที่ยืนอยู่ด้านหลังองค์รัชทายาท จึงไม่ได้พูดออกไป
นางหมุนตัว แล้วก็เห็นเขาดังคาด จึงสาวเท้าเดินไป
มู่หรงอวี้จับข้อมือนางของเอาไว้ แล้วเดินไปทางตำหนักข้างฝั่งตะวันออก “เตี้ยนเซี่ยได้รับาเ็อยู่ อีกประเดี๋ยวค่อยไปสอบสวนนักฆ่าก็ยังไม่สาย”
“ท่านจะพาเปิ่นกงไปไหน?”
มู่หรงฉือสะบัดมือไม่ออก รู้สึกโกรธจนอวัยวะภายในปวดยิ่งกว่าเดิม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้