เด็กหนุ่มบ้านไหนไม่รู้หลายคนแบกจอบเสียมบนไหล่ วิ่งหน้าตาตื่นมาะโแจ้งข่าว “ลุงโส่วจง ท่านป้า บ้านท่านมีแขกมาเยือนขอรับ!” เด็กพวกนั้นหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน แล้วชี้นิ้วไปด้านหลัง
อวิ๋นโส่วจง อวิ๋นฉี่เยว่ และฟางซื่อมองตามทิศที่ปลายนิ้วของพวกเขาชี้ไป ก็เห็นรถม้าที่ตกแต่งอย่างหรูหราคันหนึ่ง เมื่อเห็นป้าย ‘ร้านฝูหรงเซวียน’ ที่แขวนอยู่บนรถม้า อวิ๋นโส่วจงกับคนอื่นๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ที่มานั้นเป็แขกของบ้านพวกเขาจริงๆ
ฟางซื่อรีบสั่งชุนเหมยให้ไปหยิบแป้งแผ่นจากห้องครัวมาหลายแผ่น แล้วแจกจ่ายแป้งแผ่นเนื้อหยาบให้เด็กๆ ที่มาแจ้งข่าวคนละแผ่น เด็กพวกนั้นรับไปด้วยความดีใจ พร้อมกับกล่าวขอบคุณเป็การใหญ่ จากนั้นฟางซื่อก็สั่งให้ชุนเหมยไปทำความสะอาดห้องโถง และเตรียมน้ำชา
เมื่อวานนี้รถม้าที่หลงจู๊ซุนเตรียมไว้ให้มาส่งของที่ตระกูลอวิ๋นนั้นค่อนข้างเรียบง่าย พวกชาวบ้านต่างคิดว่าอวิ๋นโส่วจงซื้อของจากในอำเภอมามากเกินไป ขนมาไม่หมด จึงต้องจ้างรถม้ามาส่ง ด้วยเหตุนี้แม้จะดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครตามมาดู
แต่รถม้าของร้านฝูหรงเซวียนที่เห็นอยู่นี้กลับดูหรูหราอลังการ ทั้งม่านที่ทำจากผ้าแพรอย่างดี ตัวรถม้าก็แกะสลักอย่างวิจิตร แม้แต่ม้าที่ลากรถก็ยังดูสง่างาม
ทันใดนั้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนก็ถูกปลุกขึ้นมา มีชาวบ้านที่ชอบเื่สนุกๆ เข้าไปถามคนขับรถม้าว่า พวกเขากำลังจะไปบ้านใคร
คนขับรถม้าก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า บ้านตระกูลอวิ๋นแห่งหมู่บ้านไหวซู่ ชาวบ้านคิดไม่ถึงว่าตระกูลอวิ๋นเก่าจะมีญาติที่ร่ำรวยเช่นนี้อยู่ด้วย ต่างพากันประหลาดใจและอิจฉา
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังตามรถม้าไป ตั้งใจจะไปดูว่าผู้ใดกันที่จะไปบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า รถม้าหรูหราคันนั้นกลับไม่ได้จอดที่หน้าบ้านตระกูลอวิ๋นเก่าแม้แต่น้อย
“ผิดทางแล้ว ผิดทางแล้ว ตรงนี้แหละบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า!” ชาวบ้านใจดีคนหนึ่งรีบะโบอก คนขับรถม้าผู้นี้ ไม่รู้ทางแท้ๆ ยังจะขับตรงไปข้างหน้าอีก
ใครเลยจะรู้ว่าคนขับรถม้ากลับยิ้มๆ แล้วเอ่ยว่า “ไม่ผิดหรอกขอรับ พวกข้ากำลังจะไปบ้านตระกูลอวิ๋นที่เชิงเขานั่น!” เมื่อวานนี้เขาเพิ่งมาที่นี่เอง จะผิดทางได้อย่างไรเล่า!
พอได้ยินว่าจะไปบ้านอวิ๋นโส่วจง ทุกคนต่างพากันใ จากนั้นก็มีเด็กหนุ่มหลายคนวิ่งแจ้นไปที่บ้านอวิ๋นโส่วจงทันที จึงเกิดเป็ภาพที่เด็กหนุ่มหลายคนวิ่งมาแจ้งข่าวที่หน้าประตูบ้านอวิ๋นโส่วจงเมื่อครู่นี้
ไม่นานรถม้าก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านตระกูลอวิ๋น อวิ๋นเหนียงถูกสาวใช้พยุงตัวลงมาจากรถม้า อวิ๋นเหนียงในชุดหรูหรา งดงามราวกับดอกฝูหรงที่ผลิบาน สวยสง่า ทำให้ชาวบ้านที่เร่งรีบตามมาชมเหตุการณ์อยู่ไกลๆ ต่างพากันมองตาค้าง
เนื่องจากก่อนหน้านี้อวิ๋นเจียวแจ้งข่าวไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นอวิ๋นฉี่เยว่จึงไม่ได้ประหลาดใจกับการมาเยือนของอวิ๋นเหนียงเท่าไรนัก เพียงแต่รู้สึกว่านางมาเร็วไปหน่อย ดูท่าทางคงจะรอไม่ไหวแล้วกระมัง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านนี้คือหลงจู๊ซุนจากร้านฝูหรงเซวียนขอรับ” อวิ๋นฉี่เยว่แนะนำฐานะของแขกผู้มาเยือนให้บิดามารดาของตนรู้จัก
“ยินดีที่ได้พบ นายท่านอวิ๋น ฮูหยินอวิ๋น” อวิ๋นเหนียงเดินเข้าไปทักทายอวิ๋นโส่วจงและฟางซื่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และเอ่ยเรียกอย่างเป็กันเอง
ฟางซื่อเองก็ยิ้มแย้ม “เชิญเข้ามาข้างในก่อนเถิด หลงจู๊ซุนไม่รังเกียจที่นี่เป็บ้านนอกคอกนา มาเยี่ยมเยียนพวกเราถึงที่นี่ นับเป็เกียรติอย่างยิ่ง”
อวิ๋นเหนียงไม่คิดว่าสตรีชาวบ้านจะพูดจาไพเราะเช่นนี้ ดูท่าทางตระกูลอวิ๋นนี้คงไม่ธรรมดา แต่พวกเขาก็เป็ถึงครอบครัวที่ย้ายมาจากเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็บุตรชายหรือบุตรสาว ต่างก็เป็คนมีมารยาทและวางตัวดี มารดาของพวกเขาก็คงไม่ใช่สตรีธรรมดาๆ เป็แน่
“พี่หญิงพูดเล่นแล้ว เป็ข้าเองที่เสียมารยาทแล้ว ไม่ได้ส่งบัตรเชิญล่วงหน้า แต่มารบกวนพวกท่าน ขอเพียงพี่หญิงเห็นแก่ที่เราทั้งสองฝ่ายมีเื่กิจการให้ติดต่อกัน อย่าได้ถือสาแม่ค้าที่เห็นแก่เงินทองเช่นข้าเลย”
อวิ๋นเหนียงเป็คนมากประสบการณ์ในแวดวงการค้า ย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะสร้างสัมพันธ์อันดี ไม่เพียงแต่นางจะเปลี่ยนคำเรียกจาก ‘ฮูหยิน’ เป็ ‘พี่หญิง’ เพื่อให้เห็นว่าทั้งสองคนสนิทสนมกันมากขึ้นเท่านั้น ยังพูดจาดูถูกตัวเองว่าเป็คนเห็นแก่เงิน ซึ่งเป็การบอกใบ้ถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนของนางอย่างแเี
เมื่อชาวบ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบได้ยินดังนั้น ต่างพากันรู้ว่าบ้านตระกูลอวิ๋นทำการค้าด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่บ้านถึงมีทั้งสาวใช้และคนรับใช้!
มีชาวบ้านบางคนที่เคยได้ยินชื่อเสียงของร้านฝูหรงเซวียนเอ่ยขึ้นว่า “โอ้โห ไม่เสียแรงที่เป็ถึงครอบครัวที่กลับมาจากเมืองหลวง ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงกับติดต่อทำการค้ากับร้านฝูหรงเซวียนได้เชียวนะ”
ทันใดนั้นก็มีคนถามขึ้นมาว่า “ร้านฝูหรงเซวียนขายอะไรหรือ?”
“ร้านฝูหรงเซวียนเป็ร้านขายเครื่องประทินโฉมที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ สาขาใหญ่ของพวกเขาอยู่ในเมืองหลวง ได้ยินมาว่าร้านฝูหรงเซวียนมีสาขามากมายทั่วแคว้นต้าเยี่ย”
“พระเ้า! การค้าใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ? ดูท่าทางเถ้าแก่ของร้านฝูหรงเซวียนคงจะเป็คหบดีใหญ่แน่!”
“นั่นน่ะสิ บ้านตระกูลอวิ๋นสามารถติดต่อกับร้านฝูหรงเซวียนได้ เห็นได้ว่าความสามารถไม่ธรรมดาเป็แน่ ไม่รู้ว่ายายแก่บ้านตระกูลอวิ๋นเก่าคิดอะไรอยู่ มีเทพแห่งโชคลาภอยู่ที่บ้านแท้ๆ ไม่คิดจะกราบไหว้บูชา กลับหาเื่ไล่เขาออกจากบ้าน”
“นั่นสิ ดูท่าทางเถาซื่อคงโง่เง่าเต่าตุ่นเป็แน่”
“ผู้เฒ่าอวิ๋นก็เช่นกัน ถูกเมียตัวเองข่มเหงจนโงหัวไม่ขึ้น เมียทำตัวเหลวไหลเช่นนั้น เขากลับไม่มีทางจัดการ หากเป็ข้า ข้าต่อยไปนานแล้ว! มีลูกหลานที่ดีเช่นนี้ ไม่คิดจะดูแลเอาใจใส่ให้อยู่บ้านกันดีๆ กลับทำเื่ไร้สาระวุ่นวายให้พวกเขาเสียใจ”
“ได้ยินมาว่า เ้าสี่ของตระกูลอวิ๋นยังไปแจ้งความว่าพี่รองของตนเป็ทาสหลบหนีอีกนะ เขาคิดอะไรอยู่กันแน่? ทาสที่ไหนกล้ากลับบ้านเกิดอย่างเปิดเผยเช่นนี้เล่า?”
“เฮ้อ... ช่างตระกูลอวิ๋นเถิด พวกเราไปทำงานกันดีกว่า พวกเขาเข้าบ้านกันหมดแล้ว แถมแดดก็เริ่มร้อนแล้วด้วย”
ฟางซื่อเชิญอวิ๋นเหนียงเข้าไปในห้องโถง พลันมีกลิ่นหอมจากห้องครัวโชยมาเตะจมูก อวิ๋นเหนียงได้กลิ่นก็รู้ทันทีว่า ในห้องครัวต้องมีคนกำลังทำสบู่ผลึกแก้วหรือเครื่องประทินผิวอยู่เป็แน่
หลังจากที่เข้ามาในห้องโถงแล้ว อวิ๋นฉี่เยว่ก็ขอตัว อวิ๋นเหนียงเองไม่อยากให้อวิ๋นฉี่เยว่ไปเรียนที่สำนักศึกษาล่าช้า จึงกล่าวลาสองสามประโยค จากนั้นก็มองตามหลังส่งเด็กหนุ่มออกไป
อย่างไรเสียตอนนี้คนในครอบครัวของเขาก็อยู่ที่นี่ เื่สูตรสบู่ผลึกแก้วย่อมต้องปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ในบ้าน อีกอย่างอวิ๋นเจียวก็ยังเด็ก อวิ๋นเหนียงจึงไม่ได้ใส่ใจคำพูดที่บอกว่าให้พี่ชายเป็คนตัดสินใจ
เพราะต่อให้อวิ๋นฉี่เยว่จะดูโตเป็ผู้ใหญ่เพียงใด เขาก็เป็เพียงเด็กหนุ่มอายุสิบสามปีเท่านั้น หลังจากที่อวิ๋นฉี่เยว่ออกไปแล้ว อวิ๋นเหนียงก็แกล้งพูดคุยเื่ของอวิ๋นเจียวและอวิ๋นฉี่ซาน
ฟางซื่อยิ้มๆ “เจียวเอ๋อร์ยังไม่ตื่น ส่วนฉี่ซานกำลัง ช่วยทำสบู่ผลึกแก้วอยู่ที่ห้องครัว”
อวิ๋นเหนียงรู้สึกประหลาดใจกับการเลี้ยงดูบุตรสาวของครอบครัวนี้ เวลานี้แล้ว เด็กสาววัยเดียวกับอวิ๋นเจียวในครอบครัวชาวบ้านส่วนใหญ่คงลุกมาให้อาหารไก่ เป็ด ห่าน หมูในบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อให้เป็ครอบครัวมีฐานะกลางๆ ในเมือง เด็กสาววัยหกเจ็ดขวบ ในเวลาแบบนี้ก็คงช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้างแล้ว
“คุณหนูเจียวเอ๋อร์ช่างเป็เด็กที่น่ารักจริงๆ ข้าเห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ เป็คุณหนูที่มีบุญวาสนาโดยแท้”
ฟางซื่อยิ้มๆ “บุญวาสนาอันใดกัน ข้าขอเพียงให้ทั้งชีวิตนี้ของนางราบรื่นปลอดภัยก็พอแล้ว”
อวิ๋นเหนียงได้ยินดังนั้นก็รีบพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว มีบิดามารดาอย่างพวกท่านและพี่ชายที่รักและเอ็นดูนางเช่นนี้ คุณหนูเจียวเอ๋อร์ย่อมต้องมีชีวิตที่ราบรื่นปลอดภัยอย่างแน่นอน”
มีคนเอ่ยชมบุตรสาวของตน ฟางซื่อกับอวิ๋นโส่วจงย่อมดีใจเป็ธรรมดา บรรยากาศจึงเป็ไปด้วยความราบรื่น
หลังจากพูดทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว อวิ๋นเหนียงก็เริ่มเอ่ยถึงจุดประสงค์ของการมาในครานี้ “ที่จริงแล้วครั้งนี้ข้ามารบกวนพวกท่าน เพราะเื่สูตรสบู่ผลึกแก้ว”
“ข้าเป็คนใจร้อน เก็บเื่อะไรไว้ในใจไม่ค่อยเป็ ท่านก็ดูเอาเถิด เมื่อวานพอได้สบู่ผลึกแก้วมา ข้าก็พลิกไปพลิกมาทั้งคืนจนนอนไม่หลับ จึงตัดสินใจลุกตื่นแต่เช้าตรู่ แล้วรีบเร่งมาเช่นนี้”