กู่ซิ่วร้องไห้ “ฉันจะทำอย่างไรได้? ฮุ่ยฮุ่ยไม่ยอมเอาเงินมารักษาเยว่เยว่ แต่บ้านฉินยอมจ่ายสินสอดสองพันหยวน ฉันจะไม่ตกลงได้ยังไง?”
สวี่ฮุ่ยผลักประตูเข้าไป เห็นว่าแม่ลูกสกุลฉินไม่อยู่แล้ว อาหารบนโต๊ะก็แทบไม่ได้แตะ
เดาในใจว่าแม่ลูกสกุลฉินคงถูกสวี่ต้าซานไล่ไปแล้ว
สวี่ฮุ่ยแสร้งะโเสียงดังว่า “แม่! แม่จะขายหนูเพื่อสวี่เยว่หรือคะ? แม่ใจร้ายมาก!”
กู่ซิ่วไม่คิดว่าสวี่ฮุ่ยจะพรวดพราดเข้ามา
ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวว่า คำพูดของสวี่ฮุ่ยที่ว่าจ้าวชิงชิงบอกมีเื่ด่วนให้เธอไปหา เป็เพียงแค่การทำให้เธอตายใจเท่านั้น เด็กเวรนั่นรู้ทันแผนการของเธอแล้ว
กู่ซิ่วเชิดหน้าขึ้น “แกอายุสิบเก้าแล้ว หาคู่ให้แกมันผิดตรงไหน?”
“แต่หนูไม่ยอม!”
กู่ซิ่วตวาดด้วยแววตาดุร้าย “แกไม่ยอมก็ต้องยอม นี่เป็สิ่งที่แกติดค้างน้องสาวไว้! แกเป็ต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวแกเกิดมาเป็โรคหัวใจ!”
สวี่ต้าซานเอ่ยหน้าเคร่งเครียด “ถ้าเธอกล้าให้ฮุ่ยฮุ่ยแต่งงานกับอันธพาลนั่น ผมจะหย่ากับเธอ!”
กู่ซิ่วตกตะลึง เธอไม่คิดว่าสวี่ต้าซานจะตัดรอนโหดร้ายเช่นนี้เพื่อสวี่ฮุ่ย
กู่ซิ่วร้องไห้ราวกับคนจะขาดใจ “ตาสวี่ คุณไม่คิดบ้างหรือว่าชีวิตที่สุขสบายเช่นนี้คุณได้มาเพราะใคร แล้วคุณจะมาหย่ากับฉันเพื่อฮุ่ยฮุ่ยเนี่ยนะ! หย่าก็หย่าสิ!”
สวี่ต้าซานพูดไม่ออก
สมัยก่อน เขาเป็แค่หัวหน้าหน่วยผลิตเล็ก ๆ ตอนที่กู่ซิ่วติดตามหัวหน้าใหญ่ลงพื้นที่ตรวจสอบ เธอตกหลุมรักเขาั้แ่แรกพบ ยืนกรานจะแต่งงานด้วยจนเกือบจะตัดขาดกับพ่อแม่
ต่อมาทั้งสองก็ได้แต่งงานกันสมใจ กู่ซิ่วเป็ฝ่ายหน้าด้านขอร้องให้พ่อใช้เส้นสายช่วยเหลือจนเขาได้เปลี่ยนจากเกษตรกรมาเป็คนงานในโรงงานผลิตอาหารของตำบล
แม้ว่าการที่เขาได้เป็ผู้จัดการโรงงานในภายหลังจะเป็เพราะความสามารถและความพยายามของเขาเอง แต่หากไม่มีบ้านภรรยาพาเขาเข้ามาในโรงงานผลิตอาหาร เขาก็คงไม่มีวันนี้
สวี่ต้าซานรู้สึกผิดเต็มหัวใจ จึงกล่าวกับกู่ซิ่วว่า “ผมผิดเอง ผมไม่น่าพูดเื่หย่าให้เธอน้อยใจ เธอให้อภัยผมเถอะนะ”
กู่ซิ่วกลับร้องไห้โฮ ยืนกรานจะหย่า เว้นแต่สวี่ต้าซานจะยอมให้สวี่ฮุ่ยแต่งงานกับฉินยงจวิน
กู่ซิ่วเป็คนรู้จักควบคุมคนอื่น
ทว่าครั้งนี้กู่ซิ่วคิดผิด
สวี่ต้าซานไม่ได้ถูกเธอข่มขู่ เขากล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เื่นี้ผมไม่มีทางรับปากเธอได้!”
สวี่เยว่ที่แอบอยู่ในห้องได้ยินคำพูดนี้ ก็ลอบกัดฟันกรอด
เธอเดินออกมาตั้งใจจะแสร้งเป็คนดี โน้มน้าวกู่ซิ่วไม่ให้สวี่ฮุ่ยแต่งงานกับฉินยงจวิน แต่กลับพบว่าสวี่ฮุ่ยหายไปแล้ว
ตอนนี้สวี่ฮุ่ยกำลังวิ่งไปที่สหพันธ์สตรี
เมื่อเธอไปถึงสหพันธ์สตรี มีเ้าหน้าที่บางคนที่ไม่ได้กลับบ้านตอนกลางวันเพราะบ้านอยู่ไกลเห็นเธอก็จำได้ทันที
หนึ่งในนั้นถามด้วยความใ “สวี่ฮุ่ย เธอมาทำอะไรที่นี่อีก? แม่เธอทำอะไรเกินกว่าเหตุกับเธออีกแล้วเหรอ?”
สวี่ฮุ่ยไม่พูด เพียงแค่ร้องไห้เงียบ ๆ จากนั้นก็หยิบเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กที่หลี่ไห่ให้เธอยืมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กดปุ่มเล่น
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินเสียงบันทึกที่สวี่ฮุ่ยแอบบันทึกไว้
เ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวอย่างโมโห “ยุคสมัยนี้แล้ว กู่ซิ่วยังคิดจะคลุมถุงชนอีก!”
คนอื่น ๆ ก็วิพากษ์วิจารณ์กันว่ากู่ซิ่วไม่คู่ควรเป็แม่คน
ไม่นานนักก็ถึงเวลาทำงาน่บ่าย ผู้อำนวยการหงมาถึง ทุกคนจึงรายงานสถานการณ์ของสวี่ฮุ่ยให้ผู้อำนวยการหงทราบ
ผู้อำนวยการหงโกรธมาก “กู่ซิ่วนี่ยังไม่เข็ดหลาบอีกหรือ?”
พอกู่ซิ่วมาถึง ผู้อำนวยการหงก็ตำหนิเธออย่างรุนแรง
แรกเริ่มกู่ซิ่วไม่ยอมรับ สวี่ฮุ่ยเลยเปิดเสียงบันทึกนั้นให้เธอฟังอีกครั้ง
กู่ซิ่วถึงกับพูดไม่ออก ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มทันที “สามีฉันตำหนิฉันแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้วค่ะ”
ก่อนจะแก้ตัวให้ตัวเอง บอกว่าที่เธออยากจับคู่ให้สวี่ฮุ่ยเป็เพราะครอบครัวฉินฐานะดี พวกเขามาขอร้องเธอหลายครั้ง เธอจึงใจอ่อน
สวี่ฮุ่ยเยาะเย้ย “เื่ดี ๆ จะตกมาถึงหนูได้ยังไง? ถ้าครอบครัวฉินดีอย่างที่แม่ว่าจริง ทำไมแม่ไม่ส่งลูกสาวสุดที่รักของแม่ไปตั้งนานแล้วล่ะ?”
กู่ซิ่วกล่าว “น้องสาวแกมีโรคประจำตัว พวกเขาไม่ชอบ”
ผู้อำนวยการหงไม่ฟังคำแก้ตัวของกู่ซิ่ว สั่งลงโทษพักงานครึ่งปี
กู่ซิ่วเจ็บใจมาก พักงานครึ่งปีหมายความว่าครึ่งปีนี้เธอจะไม่มีรายได้
ทั้งหมดเป็เพราะยัยเด็กเวรนั่น!
กู่ซิ่วแอบมองสวี่ฮุ่ยอย่างเคียดแค้น
สวี่ฮุ่ยรู้สึกว่าบทลงโทษเบาเกินไปอยู่แล้ว กู่ซิ่วยังกล้าจ้องเธอเขม็งอีก
งั้นเธอจะโวยวายจนกว่ากู่ซิ่วจะถูกไล่ออกให้ได้!
เธอแสร้งทำเป็หวาดกลัว กล่าวกับผู้อำนวยการหงว่า “น้าหงคะ น้าช่วยส่งคนไปบอกครอบครัวฉินหน่อยได้ไหมว่าให้พวกเขาเลิกมาสู่ขอบ้านพวกเราอีก? หนูกลัวว่าแม่จะใจอ่อนเพราะสินสอดสองพันหยวนค่ะ”
ผู้อำนวยการหงพยักหน้าตกลง ส่งเ้าหน้าที่ชื่อหยางจวี๋ไปเตือนสกุลฉินและตำหนิแม่ฉิน
สวี่ฮุ่ยขอไปด้วย ผู้อำนวยการหงก็ตกลง
กู่ซิ่วอยากจะขัดขวาง แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่มองสวี่ฮุ่ยเดินจากไปกับหยางจวี๋ด้วยความหวาดหวั่น
ทั้งสองนั่งรถไปที่บ้านพักพนักงานโรงงานเครื่องจักรกลการเกษตร สวี่ฮุ่ยถามป้าคนหนึ่งเสียงดังอย่างเจตนาว่า “คุณป้าคะ สวัสดีค่ะ คุณทราบคะไหมว่าบ้านหัวหน้าฉินอยู่ที่ไหน?”
คุณป้าคนนั้นชี้นิ้ว “แถวบ้านนั้น นับจากซ้ายไปขวา ประตูที่ห้า”
สวี่ฮุ่ยกล่าวขอบคุณ แล้วเดินไปทางบ้านสกุลฉิน
เสียงะโของสวี่ฮุ่ยดึงดูดป้า ๆ ที่ว่างงานให้เดินตามหลังไปดู
ทุกคนคิดว่าฉินยงจวินไปเ้าชู้ประตูดินใส่ผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว เด็กสาวเลยพาครอบครัวมาทวงความยุติธรรม
เหล่าป้า ๆ ซุบซิบนินทาอย่างเห็นใจ ถ้าเด็กสาวคนนี้ไม่มีเงินไม่มีอำนาจ ต่อให้พาครอบครัวมาทวงความยุติธรรม ก็คงโดนแม่ฉินที่ไม่มีเหตุผลด่าจนหูชา
แม่ฉินและลูกชายถูกสวี่ต้าซานไล่ออกมา เธอโกรธจนแทบคลั่ง กลับถึงบ้านก็ยังโมโหอยู่
พอเห็นสวี่ฮุ่ยพาเ้าหน้าที่สหพันธ์สตรีมายิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
หลังจากรู้จุดประสงค์ของพวกเธอ แม่ฉินจึงกล่าวกับหยางจวี๋ด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หัวหน้าหยาง พูดตรง ๆ นะคะ เื่ไปสู่ขอสวี่ฮุ่ยไม่ใช่ความคิดของดิฉันั้แ่แรกค่ะ”
จากนั้นก็เล่าเื่ที่กู่ซิ่วกับสวี่เยว่มาที่บ้านเธอเมื่อวานนี้ เพื่อยุยงให้เธอไปสู่ขอสวี่ฮุ่ยจนหมดเปลือก
แล้วกล่าวว่า “หัวหน้าหยางวางใจได้เลย ต่อให้ลูกชายดิฉันต้องแต่งงานกับสาวบ้านนอก ก็ไม่มีทางสู่ขอลูกสาวสกุลกู่หรอก!”
สวี่ฮุ่ยแกล้งพูด “แต่แม่ฉันไม่ได้พูดแบบนี้ เธอบอกว่าเป็ฝ่ายพวกคุณที่ยืนกรานจะแต่งงานกับฉัน แล้วยังบอกอีกว่า เพื่อที่จะได้ตัวฉันที่เป็จ้วงหยวนอันดับหนึ่ง พวกคุณถึงกับยอมจ่ายสินสอดสองพันหยวน!”
แม่ฉินเป็คนใจร้อน ตั้งท่าจะไปที่ศาลากลางตำบลกับหยางจวี๋เพื่อถามกู่ซิ่วต่อหน้าทันที
แต่ถูกหยางจวี๋เกลี้ยกล่อมไว้ บอกว่าเธอจะรายงานเื่จริงให้ผู้อำนวยการทราบ จากนั้นก็พาสวี่ฮุ่ยกลับไป
ทั้งสองกลับมาถึงศาลากลางตำบล แม้ว่าหยางจวี๋จะรายงานเื่จริงให้ผู้อำนวยการหงฟังแล้ว
แต่ผู้อำนวยการก็แค่เรียกกู่ซิ่วมาตำหนิอีกครั้งแล้วปล่อยตัวไป
อย่างไรเธอก็เป็เพื่อนร่วมงานกับกู่ซิ่ว แม้ว่าจะเป็แค่หัวหน้ากับลูกน้อง
การที่เธอลงโทษพักงานกู่ซิ่วครึ่งปีถือว่ารุนแรงมากแล้วและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ถ้าจะลงโทษอีก คงต้องไล่ออกเท่านั้น
แต่ผู้อำนวยการหงไม่กล้าไล่เพื่อนร่วมงานที่เป็พนักงานประจำ
เพราะยังไงบ้านเดิมกู่ซิ่วก็ยังพอมีเส้นสายอยู่บ้าง
ถ้าไล่เธอออก แล้วเธอใช้เส้นสายของบ้านเดิมก่อเื่ขึ้นมา ตัวเธอจะไม่เดือดร้อนเหรอ?
จึงได้แต่ตำหนิไปงั้น ๆ
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สวี่ฮุ่ย้า เธอจึงหาโทรศัพท์สาธารณะในตำบลโทรไปแจ้งหนังสือพิมพ์มณฑลโดยไม่เปิดเผยชื่อ
เธอไม่เชื่อหรอกว่าเื่นี้แดงไปถึงสื่อแล้ว ผู้อำนวยการหงยังจะไม่ไล่กู่ซิ่วออกอีก
พนักงานรับสายของสำนักงานหนังสือพิมพ์ที่ได้รับโทรศัพท์จากสวี่ฮุ่ยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ลูกสาวแจ้งความแม่ที่ทำงานในสหพันธ์สตรีว่าบังคับให้แต่งงาน นี่ถือเป็ข่าวใหญ่
พนักงานรับสายรีบรายงานข่าวที่ผู้อ่านแจ้งมาโดยไม่เปิดเผยชื่อให้หัวหน้าทราบทันที
หัวหน้าจึงมอบหมายให้นักข่าวไปตรวจสอบที่สหพันธ์สตรีตำบลเถาฮวา หวังว่าจะได้ลงข่าวในเช้าวันพรุ่งนี้
หลังจากโทรศัพท์เสร็จ สวี่ฮุ่ยก็ไปที่สถานีตำรวจตำบลเพื่อคืนเครื่องบันทึกเสียงให้หลี่ไห่ แล้วจึงค่อยกลับบ้าน
สวี่ฮุ่ยหยิบหนังสือแล้วไปที่ห้องรับรอง
กู่ซิ่วโดนพักงาน กำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง เธอไม่อยากเห็นหน้ากู่ซิ่วที่บ้าน
สวี่เยว่มองแผ่นหลังสวี่ฮุ่ยที่เดินออกจากบ้านด้วยความเกลียดชัง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ออกจากบ้านไปบ้านจูฉีเจี้ยน
เธอ้าให้จูฉีเจี้ยนช่วยเธอทำเื่สำคัญเื่หนึ่ง ถ้าสำเร็จก็อาจจะขัดขวางไม่ให้ยัยงั่งได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย