ซูิเยว่พาพวกเสี่ยวอวี่ลงจากรถม้าก็ตะลึงไปเล็กน้อย พวกเขาเคยมาจิ่นชางเก๋อแล้วครั้งหนึ่ง หลิงชวนที่เฝ้าอยู่ด้านหลังประตูก็รีบเข้ามาหาทันที “คุณหนูซูขอรับ”
“หลิงชวน”
“เ้านายของข้าอยู่้า” สีหน้าของหลิงชวนเคร่งขรึมมาก “ข้าจะพาท่านไป”
หลิงชวนพาพวกซูิเยว่ขึ้นไปยังชั้นสาม จากนั้นก็เข้าไปห้องด้านข้าง
ภายในห้อง จี๋โม่หานกำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะ พวกจิ่งฉือก็ต่างเฝ้าอยู่ข้างกายของเขา ทุกคนต่างมีสีหน้ากังวลใจ
“องค์ชายสาม” ซูิเยว่เดินเข้าไปหา จนกระทั่งยืนยันกับตาตัวเองแล้วว่าจี๋โม่หานไม่ได้เป็อะไรถึงได้วางใจ “ท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่เพคะ?”
จี๋โม่หานเลิกคิ้วไม่ตอบ แต่ถามกลับ “เ้าเป็ห่วงข้าหรือ?”
“ท่านอย่ามาพูดไร้สาระ” ซูิเยว่กล่าวอย่างอารมณ์เสีย
ระหว่างทั้งสองคนถึงแม้จะไม่ได้แสดงความใกล้ชิดหรือพูดอะไรที่มันคลุมเครือ แต่น้ำเสียงเวลาสนทนานั้นกลับไม่เหมือนปกติ คนที่ยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ภายในห้องถึงกับมึนงงเล็กน้อย
“ข้าไม่ได้เป็อะไร เด็กน้อย” จี๋โม่หานถอนหายใจอย่างจนใจ “เป็ข้าที่กลัวว่าเ้าจะเป็ห่วงถึงได้ออกมาน่ะ”
“ท่านออกมาได้อย่างไร?” พูดถึงตรงนี้ซูิเยว่ก็คิดขึ้นมาได้ “ตอนนี้ด้านนอกจวนเต็มไปด้วยทหารราชองครักษ์อยู่เฝ้าเต็มไปหมด ท่านถูกฝ่าาขังอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“นั่งก่อนเถิด” จี๋โม่หานยกมือมาลูบด้านข้างแล้วลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมา “เ้าไม่ต้องเป็ห่วงหรอก ในจวนมีเส้นทางลับ จิ่นชางเก๋อนี่ก็เป็ธุรกิจที่ข้าทำมานานแล้ว ดังนั้นจึงออกมาที่นี่ได้”
ซูิเยว่นั่งลงบนเก้าอี้ พอฟังจบแล้วก็เลิกคิ้ว นางไม่ยักรู้ว่าจิ่นชางเก๋อก็เป็ของจี๋โม่หานด้วย
“เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรเพคะ?”
“อย่าเพิ่งรีบร้อน” จี๋โม่หานตอบด้วยท่าทางไม่รีบร้อน “รอให้อีกคนหนึ่งมาถึงก่อน”
“ใครหรือเพคะ?”
“หากมาถึงแล้ว เ้าก็จะรู้เอง”
พวกเขารออยู่ในห้องได้อีกสักพักหนึ่ง ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังมา่หนึ่ง ต่อมาประตูห้องก็ถูกผลักออก บุรุษสวมชุดสีขาวแฝงไปด้วยความเป็อิสระเดินเข้ามา
“เ้านาย...เอ๋ นี่มันคุณหนูซูไม่ใช่หรือ?”
คนที่เพิ่งมาถึงเอ่ยปากพูด แต่พอเห็นซูิเยว่ที่อยู่ข้างกายจี๋โม่หาน คำพูดหลังก็เปลี่ยนเื่ไปทันที
ซูิเยว่ขมวดคิ้ว บุรุษคนนี้นางไม่รู้จัก เหตุใดเขาถึงรู้จักชื่อของนาง “เ้าเป็ใคร?”
บุรุษคนนั้นยิ้มอย่างมีความนัยซ่อนลึก ดวงตาเรียวประกายสนุกสนานขึ้นมา “ข้าน้อยขอขอบคุณคุณหนูซูมาก ที่ก่อนหน้านี้ได้มาเป็ลูกค้าของข้าน้อย”
ซูิเยว่ยิ่งงงหนักเข้าไป
จนจี๋โม่หานได้เอ่ยปากอธิบายแทน “เขาชื่อว่าเชียนซวินจือ เ้าอาจจะไม่รู้จักหรอก แต่ว่าคงจะเคยได้ยินนามของเขามาบ้างสินะ เขาก็คือคนที่ข้ารอ”
“เชียนซวินจือ...เชียน...เชียนซวินจือ?”
ซูิเยว่พูดพึมพำเงียบๆ สองที ก่อนที่จะเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางมองบุรุษชุดขาวคนนั้นแล้วกล่าวอย่างใ “เ้าก็คือเชียนซวินจือ?”
ถึงแม้นางจะไม่เคยเจอเชียนซวินจือมาก่อน แต่ว่านามของเ้าของหอเชียนจี้นั้นนางเคยได้ยิน
“ข้าน้อยเชียนอยู่นี่ขอรับ”
เชียนซวินจือดึงเสื้อขึ้นเล็กน้อยแล้วนั่งลงตรงข้ามทั้งสองคน สีหน้าเหมือนได้เจอเื่สนุก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ “ฝ่าา ดังนั้นครั้งนี้ข้าชนะพนันใช่หรือไม่?”
ซูิเยว่ถามออกมาทันที “พนันอะไรหรือ?”
“ไม่มีอะไร” จี๋โม่หานเลิกคิ้ว “เป็เื่เล็กที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด”
ซูิเยว่ไม่พูดต่อและเงียบไปได้สักพักถึงจะย่อยข้อมูลทั้งหมดเสร็จ นางหันกลับไปมองจี๋โม่หานแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ปรับความรู้สึกให้มั่นคง “พวกท่านสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?”
จะอย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่าเชียนซวินจือจะรู้จักจี๋โม่หานด้วย เช่นนั้นเวลานางไปทำธุรกิจพวกนั้นกับหอเชียนจี้ แสดงว่าจี๋โม่หานก็รู้หมดเลยน่ะสิ?
จี๋โม่หานครุ่นคิดพิจารณาว่าควรจะบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเชียนซวินจืออย่างไรดี ไม่ว่าจะพูดจากทางไหน เชียนซวินจือก็เหมือนถูกตนใช้ผลประโยชน์มาหลอกล่อกระมัง
ตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปาก เชียนซวินจือก็เป็คนที่พูดออกมาก่อน “สหาย ฮ่า ข้าเป็สหายกับองค์ชาย”
คิ้วของซูิเยว่ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย แล้วก็ถามอีก “เช่นนั้นเื่ที่ข้าทำพวกนั้นท่านก็รู้ทั้งหมดหรือ?”
“ก็พอรู้มาบ้าง” ถึงตอนนี้แล้วจี๋โม่หานก็ไม่มีอะไรให้ปิดบังอีกแล้ว
“รวมถึงธุรกิจพวกนั้นที่ข้าทำกับหอเชียนจี้? แล้วก็เื่องค์ชายห้าด้วย?”
จี๋โม่หานไม่ได้พูด เชียนซวินจือจึงต้องตอบแทนเขาแล้ว “ใช่ ที่คุณหนูซูซื้อหลักฐานมายืนยันความผิดขององค์ชายห้ากับข้าก่อนหน้านี้ ก็ล้วนเป็ท่านอ๋องที่ช่วยคุณหนูซูหา”
ซูิเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
นางมองเชียนซวินจือที่ยกยิ้มมุมปาก แต่ตาไม่ยิ้มตามไปด้วย “ปกติแล้ววัตถุประสงค์หลักของหอเชียนจี้คือการปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าเอาไว้ไม่ใช่หรือ?”
เชียนซวินจือหัวเราะเสียงแห้งสองทีอย่างรู้สึกผิด “เื่นี้มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่องค์ชายสามก็ถือว่าเป็คนของหอเชียนจี้ครึ่งหนึ่ง รู้ไปแล้วก็ไม่เป็อะไร”
ซูิเยว่เองก็ไม่ได้พูด ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำหน้าอย่างไรดี
นางยังครุ่นคิดว่าจะหาโอกาสสารภาพเื่ที่นางทำก่อนหน้านี้กับจี๋โม่หาน แต่สรุปคือเขารู้เื่ทั้งหมดแล้ว
“โกรธหรือ?” จี๋โม่หานไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของซูิเยว่ ในใจก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย เขาคลำไปจับมือของซูิเยว่มาวางไว้ที่ฝ่ามือแล้วบีบเบาๆ จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนใจ “ก็ได้ ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรปิดบังเ้า”
พวกหลิงชวนที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทางนี้ของจี๋โม่หานตาก็เกือบจะถลนออกมา นี่คือองค์ชายของพวกเขาจริงๆ หรือ? พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าจี๋โม่หานเองก็มีท่าทีแบบนี้ได้
ส่วนเสี่ยวอวี่กับหนิงหยวนนั้นยิ่งใมากกว่า ถึงแม้พวกเขาสองคนจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างซูิเยว่กับจี๋โม่หานนั้นเป็อย่างไรกันแน่ แต่คนที่มีตาเห็นก็มองออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ธรรมดา
ซูิเยว่คิดได้ว่าภายในห้องมีคนอยู่เยอะจึงเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย อยากจะดึงมือออก แต่พยายามดึงสองครั้งแล้วก็ยังดึงไม่ออก “หม่อมฉันไม่ได้โกรธ อย่างไรก่อนหน้านี้พวกเราก็ยังไม่ได้สนิทกันจนถึงขั้นบอกความจริงแก่กันและกันได้”
ซูิเยว่มีชีวิตมาแล้วสองชาติ จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับเื่เล็กแค่นี้ได้อย่างไร
นางถอนหายใจแล้วมองจี๋โม่หาน “หม่อมฉันกำลังคิดจะอธิบายกับท่านเื่ที่หม่อมฉันวางแผนจัดการองค์ชายห้าก่อนหน้านี้ อย่างไรเขาก็เป็หลานของท่าน ในเมื่อท่านรู้หมดแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้พูดอีก”
จี๋โม่หานหัวเราะเบาๆ “เ้าไม่ต้องคิดมาก แล้วก็ไม่ต้องสนใจด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ก็มีแค่ผลประโยชน์เท่านั้นตลอดไป เื่ที่เขากล้าทำร้ายเ้า ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีเลย”
ซูิเยว่ชะงักไปก่อนจะพูดอย่างไม่มั่นใจ “คนที่มาฆ่าหม่อมฉันที่จวนสกุลซูท่านรู้ว่าเป็เขาหรือ?”
“อืม” จี๋โม่หานพยักหน้าน้อยๆ แล้วหัวเราะเสียงเย็น “องค์ชายห้าคนนี้ใจคับแคบ เื่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คาดว่าเป็เพราะข้าไปทำลายแผนการของเขาก็เลยกักเก็บความแค้นเอาไว้ในใจ”
“ท่านจะบอกว่าเื่ในครั้งนี้เป็องค์ชายห้าทำอย่างนั้นหรือ?”
ซูิเยว่ใ นางคิดไม่ถึงว่าจี๋โม่หานจะเจอเื่แบบนี้ก็เพราะนาง
“ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่มั่นใจ จนวันนี้เขามากับฮ่องเต้ ข้าถึงได้มั่นใจ”
เชียนซวินจือก็พลันเอ่ยปากขึ้นมา “เช่นนั้นก่อนหน้านี้จู่ๆ เ้าก็เลยมายืมพื้นที่ของข้าแล้วส่งพวกนั้นไปเพื่อย้ายที่ฝึกซ้อม นี่ก็เพราะคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะมีเื่วันนี้อย่างนั้นหรือ?”
จี๋โม่หานเลิกคิ้วแล้วเอ่ยตอบตามความจริง “ไม่ใช่”