หลังจากต่อสู้ดิ้นรนกับปราณกระบี่อยู่ครู่หนึ่ง เงาของกายธรรมสัตว์อสูรก็แตกกระจายออกเป็เสี่ยงๆ แม้แต่จระเข้ฟันดาบซึ่งเป็สัตว์อสูรระดับสองที่มีเกล็ดที่แข็งแรงที่สุด ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการทำลายของกระบี่พิโรธได้
เมื่อเกิดแสงวาบบนท้องฟ้า ปราณกระบี่ขนาดเล็กได้สะท้อนกลับมายังคมกระบี่ ก่อนที่จะทะลุผ่านร่างของหยวนจุนออกไป
“อั่ก”
เืของเขาพุ่งออกมาจากร่างกายราวกับน้ำพุ พื้นดินตรงหน้าถูกย้อมจนกลายเป็สีแดงสด
ปราณกระบี่ขนาดเล็กพวกนี้เป็ผลมาจากการใช้หนึ่งกระบี่์พิโรธ! เพราะเมื่อกระบี่พิโรธออกมาแล้วมันย่อมทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่ตัวผู้ใช้ที่กำลังส่งพลังอันแข็งแกร่งออกไปด้วย
แม้ปราณกระบี่เพียงเท่านี้จะมิได้ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่การที่ถูกมันพุ่งเข้าใส่ก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บอะไร
การที่หยวนจุนสามารถรวมพลังยุทธ์ที่บ่มเพาะถึงเพียงวงแหวนเล็กขั้นห้ากับหนึ่งกระบี่์พิโรธและจัดการกับกายธรรมสัตว์อสูรที่สวีจิ้งแสดงออกมาได้นั้น เขาไม่เพียงแต่อาศัยความสามารถของตนเองเท่านั้น แต่ยังต้องขอบคุณการช่วยเหลืออย่างลับๆ จากผู้าุโชิวด้วย
หากมิใช่เพราะสวีจิ้งพะว้าพะวังเื่ที่ผู้าุโชิวจะลงมือ เขาจะถูกโจมตีง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?
“ไอ้เด็กเหลือขอ ข้าจะฆ่าเ้า!”
เมื่อเห็นสวีจิ้งตายอย่างน่าอนาถ ดวงตาของหลิวฉิงเทียนจึงกลายเป็สีแดงก่ำในทันที เขาผลักพลังจิตของเสี่ยวเมิ่งออกไปอย่างรุนแรง จากนั้นจึงหันหลังวิ่งโดยที่ไม่สนใจอะไร
“วิ้ว”
เสี่ยวเมิ่งบังคับมือเรียวให้ปล่อยพลังจิตที่กลายสภาพเป็เส้นโปร่งแสงออกไป เส้นนั้นทำให้มือและเท้าของหลิวฉิงเทียนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
“พี่จุน!”
เมื่อหยวนจุนได้ยินเสียงหวานเรียกจึงรีบกวัดแกว่งมือ พลังจิตในจุดตันเถียนบนควบคุมกระสวยเสวียนหลงที่ออกมาจากแหวนมิติ ส่งผลให้กระสวยสีดำห้าอันพุ่งออกไปราวกับลายเส้นหมึก
กระสวยเสวียนหลงทั้งห้าอันทะลุผ่านหัวใจของหลิวฉิงเทียนที่ถูกเสี่ยวเมิ่งใช้พลังจิตมัดไว้ ก่อนจะได้ยินเพียงเสียงกระสวยทะลุผ่านร่างของเขาเท่านั้น
หลิวฉิงเทียนรู้สึกหนาวเย็นที่หน้าอกเล็กน้อยจึงรีบก้มศีรษะลงมอง เขาเห็นเสื้อคลุมยาวที่กำลังสวมใส่เต็มไปด้วยเื
“ข้าเป็นักยุทธ์มาทั้งชีวิต เก็บตัวสามปีจนบรรลุถึงระดับจันทราขั้นสอง นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะต้องมาพลาดท่าให้กับกระสวยห้าอันที่ไร้ชื่อเสียงเช่นนี้!”
แววตาของหลิวฉิงเทียนเต็มไปด้วยความแค้น จากนั้นศีรษะของเขาก็ค่อยๆ เอียงลง ทำให้ลำตัวล้มลงบนพื้นในทันที
“ผ่าง ผ่าง ผ่าง”
ขณะที่หลิวฉิงเทียนนอนตายอย่างอนาถ เซียวหานก็ใกล้จะจบการต่อสู้นี้แล้วเช่นกัน มือเรียวกวัดแกว่งไปยังทหารที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่เืจะสาดกระจายออกมาเต็มลานบ้าน
เมื่อทั้งสามรวมตัวกัน เซียวหานจึงแสดงความชื่นชมต่อเสี่ยวเมิ่งว่า “แม้ข้าจะเคยเห็นพลังจิตของแม่นางเสี่ยวเมิ่งมาแล้ว แต่วันนี้ได้เห็นอีกครั้งก็ยังน่านับถือเหมือนเคย”
“ฮาฮา ไม่เลว ผู้าุโกวนมีระดับพลังจิตขั้นสูงั้แ่อายุยังน้อย หากกล่าวว่าในมหาภพหลิงเทียนไม่มีผู้ใดเป็ที่สอง ประโยคนี้ก็คงไม่เกินจริง!”
ผู้าุโชิวกวัดแกว่งมือแล้วพยักหน้าให้ทั้งสามด้วยความพอใจ ทันใดนั้นลำแสงหลายสายที่อยู่ด้านนอกจวนตระกูลเจียงก็พุ่งเข้ามา ซึ่งก็คือนักยุทธ์ระดับจันทราขั้นหนึ่งสามคน!
“ผู้าุโชิว หมายความว่าอย่างไร?”
แม้หยวนจุนจะเดาความคิดของผู้าุโชิวได้จากใบหน้า แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เมื่อผู้าุโชิวเห็นหยวนจุนมีสีหน้ากระตือรือร้น เขาจึงขยับริมฝีปากบางแล้วกล่าวว่า “พวกเ้าฆ่าหลิวฉิงเทียน ตระกูลหลิวคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่”
“ในเมื่อ้าจวนแห่งนี้ เ้าจำเป็ต้องมีรากฐานที่ดี สามคนนี้เป็ยอดฝีมือของโรงประมูล ข้าให้พวกเขาคอยช่วยเหลือเ้าอยู่ที่นี่ชั่วคราว เ้าสามารถไว้ใจพวกเขาได้!”
หยวนจุนมองไปยังคนทั้งสาม เขาแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นต้องขอบคุณน้ำใจของผู้าุโชิวแล้ว!”
ผู้าุโชิวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หากมิใช่เพราะเห็นว่าเ้ามีอนาคตไกล ข้าคงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับเื่วุ่นวายเช่นนี้แน่! เ้าหนุ่ม หากวันหน้าเ้ารุ่งโรจน์ อย่าลืมความใจดีของข้าในวันนี้ก็แล้วกัน!”
หยวนจุนหัวเราะอย่างไม่อ้อมค้อม เขารีบคำนับแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ลืมความใจดีของผู้าุโแน่นอน!”
เมื่อผู้าุโเห็นหยวนจุนตอบออกมาอย่างรู้งาน เขาจึงพยักหน้าด้วยความพอใจแล้วเดินจากไปอย่างสบายใจ ขณะเดียวกันหยวนจุนก็แอบเห็นว่ารอยยิ้มที่เขาแสดงออกมานั้นดูแล้วเหมือนกับผู้เยาว์
ทั้งสามคนตรวจสอบทรัพย์สินของตระกูลเจียง นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีเหรียญทองอยู่ในคลังถึงห้าสิบล้านเหรียญทอง เมื่อรวมกับสิ่งของต่างๆ แล้วอย่างน้อยคงมีเจ็ดสิบถึงแปดสิบล้านเหรียญทองเลยทีเดียว!
ส่วนนักยุทธ์ทั้งสามที่ผู้าุโชิวส่งมานั้นได้ยืนอยู่ที่มุมบนสุดของจวน พวกเขามองลงไปด้านล่างอย่างสงบนิ่งเพื่อป้องกันมิให้เื่ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
เดิมทีตระกูลกลางและตระกูลเล็กทั้งหลายต่างก็้าที่จะจวนแห่งนี้ แต่เมื่อเห็นว่าหยวนจุนมีนักยุทธ์ระดับจันทราถึงสามคนอยู่ด้วย พวกเขาจึงทำได้เพียงเก็บความคิดนี้ไว้ในใจ และเดินออกไปจากจวนแต่โดยดี
เพียงแค่นักยุทธ์ระดับจันทราขั้นหนึ่งสามคนก็สามารถบดขยี้ตระกูลกลางและตระกูลเล็กทั้งหลายให้ตายได้ทุกเมื่อแล้ว! ดังนั้นจึงเป็ไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะฉวยโอกาสยึดสมบัติจากการต่อสู้ระหว่างตระกูลเจียง ตระกูลหลิว และหยวนจุน!
หลังจากจัดการกับสิ่งของที่เกลื่อนกลาดอยู่ในลานบ้านแล้ว หยวนจุนก็สะบัดมือเขียนอักษรจวนหยวนบนแผ่นป้าย เมื่อซ่อมแซมลานบ้านเรียบร้อยแล้ว แผ่นป้ายสีทองที่สะดุดตาจึงถูกแขวนอยู่เหนือประตูอีกครั้ง
ในขณะที่โถงประชุมของตระกูลหลิวนั้นกลับเงียบสงัดราวกับป่าช้า
หลิววั่นซานขว้างถ้วยน้ำชาในมือลงพื้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าเกร็งกระตุกอย่างรุนแรง
“ดีเสียจริงหยวนจุน! ไม่คิดเลยว่านักยุทธ์ระดับดาราขั้นห้าตัวเล็กๆ จะทะเยอทะยานมากถึงเพียงนี้! นำจวนตระกูลเจียงไปไม่พอ ยังกล้าเป็ศัตรูกับตระกูลหลิวของข้าอีกด้วย!”
เมื่อนึกถึงการตายของหลิวฉิงเทียนและสวีจิ้งขึ้นมา หลิววั่นซานก็รู้สึกโมโหและแค้นเคืองในเวลาเดียวกัน สีหน้าของเขาซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านพ่อ หยวนจุนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรงประมูล ตอนนี้โรงประมูลแสดงออกชัดเจนแล้วว่าอยู่ข้างเขา หากเรายังเผชิญหน้าต่อสู้กับเขา ข้าเกรงว่าเราอาจมีจุดจบเช่นเดียวกับตระกูลเจียง”
หลิวหรูเยียนกล่าวออกมาเสียงเบา แววตาเต็มไปด้วยความเศร้า
“หึ! เื่นี้ต้องโทษเ้ามิใช่หรือ? หากตระกูลหลิวไม่เกี่ยวข้องกับเขาั้แ่แรก วันนี้เราคงไม่ต้องประสบกับเื่อย่างนี้!”
เมื่อหลิวหรูเยียนถูกหลิววั่นซานจ้องก็รู้สึกใ จากนั้นนางจึงก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ
จะว่าไปเื่นี้ก็เป็ความผิดของนางจริงๆ ดังนั้นเมื่อถูกหลิววั่นซานถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ หลิวหรูเยียนจึงไม่สามารถหาข้อแก้ตัวได้
“ท่านพ่อ เื่นี้จะโทษน้องหรูเยียนทั้งหมดก็มิได้ หากเราไม่ลงมือกับตระกูลเซียวั้แ่แรก หยวนจุนและโรงประมูลย่อมไม่แสดงท่าทีเช่นนี้ ตอนนี้ทั้งเมืองได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับปัญหาของตระกูลหลิวแล้ว”
เมื่อได้ยินหลิวซินไห่เข้าข้างหลิวหรูเยียนแล้วโยนความผิดมาให้ตนเอง หลิววั่นซานจึงโมโหขึ้นมาแล้วตะคอกกลับไปทันที
“ซินไห่ เหตุใดเ้าถึงได้โง่เขลาเช่นนี้! แม้ตระกูลหลิวของเราจะสามารถยึดูเาสองแดนกลับมาได้ แต่ผลึกแร่ดาราที่อยู่บนูเาทั้งหมดถูกตระกูลเซียวขุดไปจนเกือบหมดแล้ว!”
“ส่วนที่เหลืออยู่ก็มิใช่แร่บริสุทธิ์ เช่นนั้นการไดู้เาสองแดนจะมีประโยชน์อันใดอีก!?”
หลิววั่นซานหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อลืมตาขึ้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังแห่งความอาฆาต
“หยวนจุนมีโรงประมูลคอยส่งเสริม แต่ข้าไม่เชื่อว่าตระกูลเซียวจะมี! ตอนนี้เซียวจั้นกับเซียวหานกำลังอยู่ในเมืองเทียนอวิ่น ดังนั้นเราจึงต้องหาทางกำจัดพวกเขาสองคนออกไปให้ได้ก่อน!”
“หากเซียวจั้นยังไม่ตาย ความเกลียดชังในใจข้าก็ยากที่จะลบ! เมื่อจัดการพวกเขาแล้ว เราค่อยหาโอกาสที่เหมาะสมจัดการกับหยวนจุน! ความแค้นนี้ ตระกูลหลิวของเราจดจำไว้หมดแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้