จ้านอู๋มิ่งกลับมิเพียงแค่เป็ผู้บ่มพลังเพาะกายภาพที่หาได้ยาก ขณะเดียวกันก็เป็ผู้บ่มเพาะพลังจิติญญาอีกด้วย!
เฉวียนหรูเซินเกิดความรู้สึกแปลกใจขึ้นมาสายหนึ่ง หากฆ่าจ้านอู๋มิ่งตายเช่นนี้ก็เป็การเสียของมากเกินไปแล้วจริงๆ!
เป็ผู้บ่มเพาะพลังกายภาพควบคู่กับการบ่มเพาะพลังจิติญญา จ้านอู๋มิ่งต้องมีความลับซ่อนอยู่อีกมากมายที่มิ้าให้ผู้อื่นทราบอย่างแน่นอน แต่จ้านอู๋มิ่งกลับแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่มีทางเลือก
เฉวียนหรูเซินรู้สึกถึงความเย็นะเืสุดขั้วสองสายจากก้อนน้ำแข็งที่แทรกซึมเข้าสู่ภายในร่างเขาทันทีที่ััร่างกาย เส้นชีพจรทั่วร่างเขาเหมือนดั่งถูกแช่แข็ง แม้แต่โลหิตก็แทบจะจับเป็ก้อน
นี่คือทักษะการต่อสู้ชนิดใดกัน ควบแน่นน้ำให้กลายเป็น้ำแข็งในเวลาอันสั้น มีความหนาวเย็นสุดขั้วที่น่าสะพรึงเช่นนี้ นี่ต้องเป็ทักษะการต่อสู้ระดับฟ้าอย่างแน่นอน!
ในใจเฉวียนหรูเซินเกิดความละโมบขึ้นวูบ ควรรู้ว่าแม้แต่สำนักบริบาลเดรัจฉาน ทักษะการต่อสู้ระดับฟ้าก็มีอยู่แค่เพียงในกำมือชนชั้นระดับสูงเท่านั้น และจำนวนก็จำกัดยิ่งนัก แต่ไอ้หนูตรงหน้าคนนี้กลับทักษะการต่อสู้ระดับฟ้า ยังมิเคยนำออกมาใช้ตลอดมา จะเห็นได้ว่าเขาซุกซ่อนไว้อย่างลึกลับเพียงใด แท้ที่จริงแล้วที่เขามิยอมเปิดเผยว่าเป็ผู้บ่มพลังเพาะกายภาพควบคู่การบ่มเพาะพลังจิติญญา นั่นก็เพราะกังวลว่าจะถูกผู้อื่นพบเห็นคัมภีร์วิเศษนั่นเอง เฉวียนหรูเซินมีข้อสรุปเรียบร้อยแล้วเกี่ยวกับจ้านอู๋มิ่งโดยทึกทักเอาเอง
หลังจากโคจรพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ทำให้ความเย็นะเืในร่างกายลดทอนลงบ้างแล้ว เฉวียนหรูเซินก็ะโขึ้นบนผิวน้ำ แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาร่างของจ้านอู๋มิ่ง คล้ายดั่งเขาหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับน้ำในทะเลสาบแล้วก็มิปาน
เฉวียนหรูเซินพลิ้วกายลอยล่องอย่างระมัดระวังเหนือทะเลสาบ ไม่มีความรู้สึกดูแคลนจ้านอู๋มิ่งอีกต่อไปแล้ว ไอ้หนูนี่มิเพียงแค่ร่างกายแปลกประหลาดเท่านั้น ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเขาทักษะการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักชุดหนึ่ง ถึงแม้พลังที่แสนเย็นะเืเมื่อครู่จะยังมิได้ทะลวงด่านถึงจุดสูงสุด แต่ก็คงห่างอีกไม่ไกลแล้ว
พลังอันหนาวเย็นจากทักษะการต่อสู้ของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้เฉวียนหรูเซินรู้สึกครั่นคร้ามยิ่งนัก เมื่อครู่นี้เป็แค่การโจมตีผ่านทางอากาศ เขาก็ไม่สามารถต้านทานการแทรกซึมของพลังเยือกแข็งสายนั้นแล้ว หากถูกจ้านอู๋มิ่งโจมตีใส่บนร่างกายตนโดยตรง เกรงว่าโลหิตล้วนถูกผนึกแข็งไปอย่างฉับพลัน นั่นย่อมมิใช่ผลลัพธ์ที่เขา้า
วิฬาร์นรกานต์เหมือนดั่งิญญาอเวจีที่แฝงตัวอยู่กลางอากาศตลอดเวลา ไร้ร่องรอยสัญญาณชีวิต ไม่ผันผวนแม้เพียงน้อยนิด มีเพียงเฉวียนหรูเซินเท่านั้นที่สามารถรู้สึกถึงตำแหน่งของมัน
พลันเกิดสายลมโชยพัดขึ้นบนทะเลสาบในทันใด ทำให้เกิดระลอกคลื่นลูกเล็กๆ ละอองน้ำกระเซ็นกระจายออกเป็ละอองฝอยเล็กๆ กลางอากาศ ท่ามกลางสายลมก่อเกิดเป็ละอองหมอกจางๆ ขึ้นมา
สถานการณ์ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ประสาทของเฉวียนหรูเซินยิ่งรู้สึกตึงเครียดมากขึ้น รวบรวมพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ธาตุดินขึ้นมา เตรียมพร้อมอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความคลุมเครือ เขารู้สึกได้ว่าวิฬาร์นรกานต์กำลังวิตกกังวล จิตใจไม่สงบ เฉวียนหรูเซินทราบว่าธรรมชาติของสัตว์อสูรมีความปราดเปรียว สามารถคาดการณ์ถึงอันตรายรวดเร็วกว่ามนุษย์โดยกำเนิดอยู่แล้ว
เวลานี้ วิฬาร์นรกานต์ตระหนักรับรู้ถึงอันตรายที่แฝงเร้นแล้ว
ความรู้สึกตระหนักถึงวิกฤตนี้ ทำให้เฉวียนหรูเซินเกิดความคิดล่าถอย เมื่อครู่ประมือกันแค่่ระยะเวลาสั้นๆ เขาพบแล้วว่าตนสูญเสียความได้เปรียบของตนไปแล้ว นั่นคือพลังของธาตุดิน เหตุผลที่เขาเลือกซุ่มโจมตีบนน้ำั้แ่แรก กอปรด้วยเหตุผลสองประการ ข้อหนึ่งคือเขาถูกจ้านอู๋มิ่งพูดจาเปิดโปงบนผิวน้ำ จึงจำเป็ต้องลงมือโจมตีเพื่อสังหารเขา
ข้อสองเขาคิดว่าจ้านอู๋มิ่งเป็เพียงนักบ่มเพาะทางกายภาพเท่านั้น ผู้บ่มเพาะทางกายภาพนอกจากพลังของกายเนื้อแล้ว ไม่ได้มีพลังความสามารถที่จะควบคุมพลังธาตุใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นผู้ที่ควบคุมพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้เช่นเขา จึงมิได้ครั่นคร้ามต่อความแกร่งทางกายภาพของจ้านอู๋มิ่งแต่อย่างใดเลย
แต่ว่าจ้านอู๋มิ่งมิเพียงแต่เปิดโปงความคิดของเขาเท่านั้น กลับทำให้ความได้เปรียบทั้งด้านโอกาส ตำแหน่งที่ตั้งและสายสัมพันธ์ล้วนกลายเป็ผายลมสุนัขไปแล้ว สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือเขายังเป็ตัวประหลาดน้อยที่บ่มเพาะพลังกายภาพควบคู่กับการบ่มเพาะพลังจิติญญาอีกด้วย และพลังบ่มเพาะของเขายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำอีกด้วยเช่นกัน น้ำแข็งคือลำดับสูงสุดของน้ำ เกิดจากการผันแปรของพลังธาตุวารี ทะเลสาบก็คือชัยภูมิของจ้านอู๋มิ่ง สามารถยึดครองความได้เปรียบมากที่สุด แต่ตนกลับสูญเสียความได้เปรียบของพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ไปแล้ว
“ตูมมม…” เฉวียนหรูเซินกำลังคิดจะล่าถอย พลันผืนน้ำบนทะเลสาบะเิออกกะทันหัน คลื่นน้ำอันแข็งแกร่งทรงพลังสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ สร้างเป็ตาข่ายน้ำขนาดใหญ่มหึมาขึ้นบนท้องฟ้า ภายในตาข่ายน้ำ เงาดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากสายน้ำ
สีหน้าของเฉวียนหรูเซินแปรเปลี่ยนกะทันหัน ตำแหน่งที่ถูกตาข่ายน้ำปกคลุม คือที่ที่วิฬาร์นรกานต์ซ่อนเร้นนั่นเอง และผู้ที่ทะลวงออกมาจากสายน้ำ มิมีใครอื่นนอกจากจ้านอู๋มิ่ง
จ้านอู๋มิ่งค้นพบตำแหน่งที่อยู่ของวิฬาร์นรกานต์แล้ว สำหรับสัตว์อสูรกลายพันธุ์ตัวนี้ การประมือต่อสู้กับมันซึ่งๆ หน้า จ้านอู๋มิ่งไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ ทั้งสิ้น ต่อให้ปล่อยสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวออกมาก็ไม่มีประโยชน์ใด เนื่องจากสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวเชื่องช้ากว่าวิฬาร์นรกานต์มากเกินไป คงจะถูกวิฬาร์นรกานต์สกัดจนแผลงฤทธิ์ไม่ออก
จ้านอู๋มิ่งดำดิ่งลงไปในน้ำ ขับเคลื่อนพลังธาตุวายุและพลังธาตุวารีภายในร่างกาย ก่อเกิดเป็ละอองน้ำชั้นหนึ่งขึ้นเหนือทะเลสาบ ท่ามกลางละอองน้ำอันอุดมสมบูรณ์ด้วยธาตุวารี จ้านอู๋มิ่งรับรู้ผ่านการตอบสนองของธาตุวารี เพียงไม่นานก็สามารถค้นพบวิฬาร์นรกานต์ที่ซ่อนเร้นอยู่เหนือทะเลสาบได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว
วิฬาร์นรกานต์สามารถใช้พลังธาตุความมืดเพื่อซ่อนตัวอยู่กลางอากาศ เขาก็สามารถอาศัยน้ำในทะเลสาบซ่อนเร้นในทะเลสาบได้เช่นเดียวกัน การวางแผนลอบโจมตี เขามิใช่เพิ่งจะทำมันเป็ครั้งแรก ดังนั้นเขาจึงจัดการวางกับดักสำหรับวิฬาร์นรกานต์อย่างชำนิชำนาญรอบหนึ่ง
วิฬาร์นรกานต์ตระหนักถึงอันตรายแล้ว แต่มันไม่รู้ว่าภัยอันตรายมาจากทิศทางใด มันลังเลใจขึ้นบ้างแล้ว มันได้สื่อสารทางจิติญญากับเ้านาย แต่ว่าเ้านายก็ลังเลใจเช่นกัน จวบจนตอนที่พบว่าผืนน้ำทะเลสาบะเิออกแล้วคิดจะหลบหนี พลันตาข่ายน้ำที่กระจายอยู่รอบๆ นั้นก็ควบแน่นขึ้นมาในอากาศอย่างกะทันหัน แปรเปลี่ยนเสาน้ำแข็งเส้นแล้วเส้นเล่า เหมือนดั่งสร้างเป็กรงขังโปร่งแสงแวววาวชิ้นหนึ่งสำหรับวิฬาร์นรกานต์ วิฬาร์นรกานต์ก็คือลูกแมวเคราะห์ร้ายตัวนั้นที่อยู่ภายในกรงขังแมว
“ตูมมม…” วิฬาร์นรกานต์มีฐานบ่มเพาะระดับสี่ขั้นสูงสุด มีสติปัญญาเนิ่นนานแล้ว ทราบว่าถ้าถูกขังติดอยู่ในกรงน้ำแข็งนี้จริงๆ ย่อมมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นคิดอาศัยร่างกายอันแข็งแกร่งพุ่งกระแทก พังทลายกรงน้ำแข็งออกมา
กายเนื้อฐานบ่มเพาะระดับสี่ของวิฬาร์นรกานต์แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เสาน้ำแข็งเหล่านี้ไม่สามารถจะขัดขวางหรือทำร้ายมันได้เลย ภายใต้การพุ่งกระแทกครั้งเดียว เสาน้ำแข็งถูกกระแทกหักจนหมดสิ้น แต่ทว่าเสาน้ำแข็งก็ได้ขัดขวางความเร็วในการเคลื่อนไหวไปมาอย่างไร้ร่องรอยของมันแล้ว ชั่วขณะที่มันวิ่งออกมาจากกรงขังนั้นเอง พลันฝ่ามือใหญ่คู่หนึ่งก็คว้าจับสองเท้าหลังของมันไว้ทันที นั่นคือจ้านอู๋มิ่งที่ะโขึ้นมาจากน้ำนั่นเอง
เฉวียนหรูเซินใสุดขีด แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป เริ่มั้แ่จ้านอู๋มิ่งสร้างตาข่ายน้ำออกมาและกลายเป็เสาน้ำแข็ง จนกระทั่งคว้าจับขาวิฬาร์นรกานต์ไว้ ใช้เวลามิถึงหนึ่งลมหายใจด้วยซ้ำ เขามิสามารถลงมือช่วยเหลือได้ทันท่วงที
“ต๋อมม!” ภายใต้ความตื่นตระหนก เฉวียนหรูเซินเหวี่ยงค้อนไปทางจ้านอู๋มิ่ง ขณะค้อนกระแทกลงตรงบริเวณที่จ้านอู๋มิ่งปรากฏตัวเมื่อครู่ จ้านอู๋มิ่งได้พาวิฬาร์นรกานต์กระโจนหายลับลงไปภายในทะเลสาบแล้ว
“อ๊าา...เมี๊ยวว…” วิฬาร์นรกานต์ส่งเสียงร้องเศร้าโศกออกมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นร่างของมันก็ถูกจ้านอู๋มิ่งลากจมดิ่ง หายลับตาลงไปในน้ำ
ถึงแม้ความเร็วของวิฬาร์นรกานต์จะไร้ผู้ทัดเทียม การโจมตีสุดแสนร้ายกาจ แต่มันก็ไม่ใช่สัตว์อสูรในน้ำอยู่ดี ถึงแม้จะสามารถโบยบินไปมาได้ดั่งสายลม แต่กลับมิสามารถอยู่ในน้ำได้นาน พอถูกลากลงในน้ำโดยจ้านอู๋มิ่งอย่างกะทันหัน วิฬาร์นรกานต์ก็ตื่นตระหนกจนทำอะไรมิถูกขึ้นมา ถึงแม้มันจะมีสติปัญญา แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็แค่สัตว์อสูรตัวหนึ่งเท่านั้น
ผลลัพธ์เช่นนี้คือสิ่งที่จ้านอู๋มิ่ง้า บนบกพี่ชายสู้สัตว์เดรัจฉานอย่างเ้าไม่ได้ แต่ในน้ำนี้คือชัยภูมิของพี่ชายแล้ว บิดาไม่สามารถทุบตีเ้าให้ตายได้ เ้าก็จมน้ำตายเสียเถอะ!
จ้านอู๋มิ่งมิยอมให้วิฬาร์นรกานต์มีโอกาสหลุดรอดไปได้ พลันน้ำแข็งสีดำหนาแน่นก่อตัวขึ้นรอบอุ้งเท้าทั้งสองข้างของวิฬาร์นรกานต์ทันที เพื่อป้องกันการถูกโจมตี จ้านอู๋มิ่งเองก็คร้านที่จะยื้อยุดฉุดกระชากกับเ้าแมวน่าตายตัวนี้อีกต่อไป ลากอุ้งเท้าแมวไว้โดยตรง ดำดิ่งมุ่งสู่ส่วนลึกของทะเลสาบอย่างสุดชีวิต
ในร่างของจ้านอู๋มิ่งมีธาตุวารีอันบริสุทธิ์ แหวกว่ายอยู่ในสายน้ำคล้ายดังมัจฉาก็มิปาน แต่วิฬาร์นรกานต์นั้นทำไม่ได้ ดำดิ่งสู่ระดับความลึกสามถึงสี่ร้อยวา การต่อสู้ดิ้นรนของวิฬาร์นรกานต์ลดน้อยลงไปมากแล้ว แรงกดดันอันมหาศาลของน้ำ ทำให้วิฬาร์นรกานต์มิสามารถดิ้นรนแล้ว จ้านอู๋มิ่งยังคงดำน้ำลงต่อไปเรื่อยๆ
สี่ร้อยวา…ห้าร้อยวา…หกร้อยวา…ลมหายใจในตัววิฬาร์นรกานต์เหลือไม่มากแล้ว การต่อสู้ดิ้นรนก็แปรเปลี่ยนเป็อ่อนแอลงมาก
เจ็ดร้อยวา…แปดร้อยวา…วิฬาร์นรกานต์ราวกับคนป่วยใกล้ตายก็มิปาน เหลือเพียงเสียงหัวใจเต้นอย่างแ่เบา ถึงแม้ว่าร่างกายของสัตว์อสูรจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงดันอันมหาศาลของน้ำลึกได้
……
เหนือทะเลสาบ ลมหยุดพัดสงบเงียบ น้ำราบเรียบไร้คลื่นใดๆ เฉวียนหรูเซินตะลึงงันไปแล้ว เขาััได้ว่าวิฬาร์นรกานต์กำลังออกห่างจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลับได้แต่ยืนอยู่เหนือทะเลสาบ ทำสิ่งใดมิถูก
เขาเคยทดลองมาก่อน เขาสามารถดำลงไปลึกที่สุดเพียงห้าร้อยวาเท่านั้น เพียงแค่นั้นร่างกายของเขาก็ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันอันมหาศาลของทะเลสาบได้อีกต่อไปแล้ว แต่ว่าเวลานี้ เขาััได้ว่าวิฬาร์นรกานต์จมอยู่ใต้ทะเลสาบเกือบพันวา และยังคงดำลึกลงต่อไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา…
สิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดในชีวิตผู้คนก็คือทราบแล้วว่ามีเื่ราวบางอย่างเกิดขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะหยุดยั้ง! เฉวียนหรูเซินมองดูผิวน้ำทะเลสาบด้วยความคิดฟุ้งซ่าน นั่นคือสัตว์อสูรคู่หูของตนเชียวนะ หากวิฬาร์นรกานต์ตกตายแล้ว พลังความแข็งแกร่งของตนจะลดฮวบลงอย่างมากมาย จิติญญาก็จะได้รับาเ็สาหัสเช่นกัน
แต่อยู่ต่อหน้าตัวประหลาดอย่างจ้านอู๋มิ่ง เขาจะสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง? นอกจากตอนที่จ้านอู๋มิ่งลากวิฬาร์นรกานต์ลงไปในน้ำ เขาทำได้เพียงกระหน่ำโจมตีอย่างรุนแรงหลายครั้งลงไปในน้ำ เขาทำได้แค่เงยมองฟ้าแล้วทอดถอนใจอย่างเศร้าใจเท่านั้นแล้ว
ยามที่วิฬาร์นรกานต์ตกลงไปใต้น้ำกว่าสองพันฟุต จ้านอู๋มิ่งและวิฬาร์นรกานต์ล้วนหยุดลงแล้ว เฉวียนหรูเซินรู้สึกมีอาการปวดเสียดในใจวูบหนึ่ง นี่คือความรู้สึกเ็ปยามที่วิฬาร์นรกานต์ สัตว์อสูรคู่หูของตนดับสูญ เฉวียนหรูเซินจึงทราบว่าวิฬาร์นรกานต์จบสิ้นแล้ว ภายใต้ผืนน้ำอันลึกล้ำ ถึงแม้จ้านอู๋มิ่งไม่ลงมือโจมตี วิฬาร์นรกานต์ก็ต้องสิ้นชีวิตลงอย่างมิต้องสงสัย เกรงว่ายามนี้ร่างกายและกระดูกของวิฬาร์นรกานต์ตัวนี้คงถูกบดขยี้จนแหลกสลาย เหลือเพียงธาตุแห่งชีวิตอีกเล็กน้อยที่ยังมิสลายไป ดังนั้น เขายังคงััได้ถึงกลิ่นอายของวิฬาร์นรกานต์ที่อยู่ใต้น้ำ
เฉวียนหรูเซินถอยกลับเข้าฝั่ง เจตนาฆ่าจ้านอู๋มิ่งเข้มข้นจนถึงขีดสุดแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้คนนี้ที่ดูเหมือนมดปลวกในสายตาตนเอง กลับทำให้เขาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน การสูญเสียครั้งนี้ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ทันใดเขาก็นึกถึงคำพูดนั้นของชายชรา ดวงชะตาของคนผู้นี้เป็ดาวข่มผู้มีดวงชะตาที่มีธาตุแห่งชีวิตเพียงหนึ่งชนิดทุกคน และเขาก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น
“หรือว่าจะต้องถูกเขาข่มไว้จริงๆ?” เฉวียนหรูเซินถามตนเองในใจ และทันใดนั้นความตั้งใจที่จะฆ่าจ้านอู๋มิ่งมากขึ้น แม้จะไม่มีวิฬาร์นรกานต์แล้ว เขาก็ยังสามารถฆ่าจ้านอู๋มิ่งได้ นอกจากว่าจ้านอู๋มิ่งซ่อนตัวอยู่ในน้ำไม่ออกมาตลอดกาล
“อั๊ก…” พลันเฉวียนหรูเซินก็รู้สึกเหมือนสมองโดนค้อนกระหน่ำ วิงเวียนขึ้นวูบหนึ่ง กระอักพ่นโลหิตสดๆ ออกมาหลายคำ พลังในร่างกายราวถูกพรากออกในทันใด เขารู้สึกว่าระดับการบ่มเพาะของตนลดลงเหลือราชันาแปดดาว แต่ว่าภายใต้การสะกดข่มของสถานพำนักของคุนเผิง ไม่ส่งผลต่อความสามารถในการใช้พลังราชันาขั้นต้น
วิฬาร์นรกานต์ดับสูญแล้ว จมน้ำเสียชีวิตไป ตายด้วยน้ำมือของปรมาจารย์นักยุทธ์เก้าดาวผู้หนึ่ง ถ้ามิใช่อยู่ในสถานพำนักของคุนเผิง แม้จะพบกับจักรพรรดิาระดับต้น วิฬาร์นรกานต์ก็มีพลัง สามารถต่อสู้ได้ เฉวียนหรูเซินประสานร่วมกับวิฬาร์นรกานต์ สังหารจักรพรรดิามาแล้วมากกว่าหนึ่งราย จึงทำให้เขาได้ฉายาว่าราชันสัตว์ร้าย ซึ่งความจริง ทุกคนในสำนักบริบาลเดรัจฉานล้วนทราบดี ราชันสัตว์ร้ายที่แท้จริงคือวิฬาร์นรกานต์ หาใช่เฉวียนหรูเซินไม่
เฉวียนหรูเซินแหงนหน้ามองฟ้า กู่เสียงยาวคราหนึ่ง ทั้งโกรธแค้นขุ่นเคืองและเ็ปร้าวราน ทั้งเศร้าโศกเสียใจ อารมณ์นับมิถ้วนผุดขึ้นในใจเขาเหมือนน้ำหลาก สัตว์อสูรคู่หูเปรียบเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของเขา การตายของสัตว์อสูรคู่หูส่งผลกระทบกระเทือนต่อเ้าของใหญ่หลวงเกินไปแล้ว ชาตินี้เฉวียนหรูเซินจะไม่มีโอกาสได้เป็จักรพรรดิาอีกแล้ว ฐานการบ่มเพาะของเขาจะหยุดชะงักเพียงเท่านี้ตลอดไป เขาเคียดแค้นเข้ากระดูก! ความเกลียดชังต่อจ้านอู๋มิ่งทำให้เฉวียนหรูเซินแทบคลั่ง…แต่ว่าเผชิญหน้ากับทะเลสาบแห่งนี้ รวมทั้งจ้านอู๋มิ่งที่ซ่อนอยู่ในทะเลสาบ เขากลับไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย
“ตูมมม…ตูมมม…ตูมมม…” เฉวียนหรูเซินจู่โจมทะเลสาบอย่างบ้าคลั่ง
จ้านอู๋มิ่งหายตัวไปในทะเลสาบอีกครั้ง ราวกับว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ณ ผิวน้ำทะเลสาบกลางเกาะแห่งนี้ ตลอดจนทั่วแนวป่าริมทะเลสาบ เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันไร้ที่สิ้นสุด นั่นคือความโกรธแค้นเต็มหัวใจของเฉวียนหรูเซิน ซึ่งไร้ที่ระบาย