“หวังเหมิ่งเ้าทำอะไรน่ะ!?”
ทหารร่างผอมกล่าวขึ้นทันทีเมื่อเห็นหวังเหมิ่งทหารอีกคนลงมือโจมตีถังเหล่ย ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังสนใจการต่อสู้ที่จวนแม่ทัพ
หวังเหมิ่งไม่สามารถสังหารถังเหล่ยในกระบวนท่าเดียวได้ ด้านหลังของเขาจึงปรากฏจระเข้ตัวหนึ่งออกมา ทันใดนั้นจระเข้ตัวนั้นก็พุ่งไปกัดร่างของทหารอีกคนทันที
ทั้งสองคนล้วนเป็ระดับยอดยุทธ์ขั้นหนึ่ง แต่การโจมตีของหวังเหมิ่งกะทันหันเกินไป ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถป้องกันได้ อีกอย่างทหารร่างผอมไม่คิดมาก่อนว่าพวกพ้องที่เคยร่วมรบด้วยกันมาหลายปีจะหันมาทำร้ายเขา
ถังเหล่ยร่อนลงบนหลังคาอีกแห่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีหลังจากเห็นทหารที่ได้รับหน้าที่ให้เป็ผู้คุ้มกันสองคนสังหารกันเอง
ทหารเหล่านี้ล้วนเป็ทหารที่หงเทียนเิเลือกเองกับมือ ต้องเป็คนที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน เขารู้สึกสับสนเหตุใดจึงเป็เช่นนี้ไปได้? เหตุใดอีกฝ่ายจึง้าจะสังหารเขา?
“ถ้าข้าจำไม่ผิด ชื่อของเ้าคือถังเหล่ยสินะ” หวังเหมิ่งกล่าว ในขณะเดียวกันจระเข้ั์ด้านหลังเขาก็กลับเข้าร่างและสายตาของหวังเหมิ่งก็จับจ้องมายังถังเหล่ย
ถังเหล่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สถานะของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เขาจึงกล่าวออกมา
“เ้าคือคนของนิกายเสิ่นอวี่!”
เยียนหลิงเทียนเป็รองแม่ทัพของกองทัพอวี่หลิน หากทหารของเขาเคลื่อนไหวในจักรวรรดิอื่นๆ จะมีความผิดและทำให้เกิดาระหว่างสองจักรวรรดิขึ้นได้ แต่เยียนหลิงซานยังมีพี่รองอีกคนซึ่งเป็ผู้าุโของนิกายเสิ่นอวี่ สำหรับนิกายเสิ่นอวี่แล้วการเคลื่อนไหวนอกจักรวรรดิไม่อาจนับเป็อะไรได้
“แม้ว่าท่านแม่ทัพจะให้ความสำคัญกับเ้ามากเพียงใด แต่รางวัลที่นิกายเสิ่นอวี่มอบให้ช่างเย้ายวนเหลือเกิน ข้าจำเป็ต้องทำเช่นนี้!” หวังเหมิ่งมองถังเหล่ย เผยรอยยิ้มที่มุมปาก
เมื่อก่อนหวังเหมิ่งทำผิดกฎของนิกายและไม่อาจกลับไปที่นิกายเสิ่นอวี่ได้อีก แต่หวังเหมิ่งยังมีสถานะเป็ศิษย์และยังคงได้รับภารกิจจากนิกายเสิ่นอวี่อยู่เรื่อยๆ
นิกายเสิ่นอวี่เลี้ยงดูศิษย์เหล่านี้ด้วยทรัพยากรจำนวนมาก ต่อให้ขับไล่อีกฝ่ายออกไปแล้วแต่ก็ยังออกคำสั่งหรือมอบภารกิจให้กับพวกเขาอยู่ เพราะอย่างน้อยทรัพยากรที่พวกเขาสูญเสียไปก็ยังได้รับกลับคืนมาบ้าง
เมื่อไม่กี่วันก่อน หวังเหมิ่งได้รับคำสั่งลับจากนิกายเสิ่นอวี่ ในนั้นมีข้อมูลของถังเหล่ยทั้งหมด คนที่ประกาศจับถังเหล่ยก็คือผู้าุโของนิกายเสิ่นอวี่เยียนหลิงชวน ผู้มีสถานะเป็ผู้าุโของนิกายเสิ่นอวี่
หวังเหมิ่งเชื่อว่าภารกิจนี้จะสามารถพาเขากลับไปยังนิกายเสิ่นอวี่ได้ หากเขาทำภารกิจสำเร็จ
“ต่อให้รางวัลน่าเย้ายวนมากเพียงใด แต่ก็ต้องมีชีวิตกลับไปรับมันไม่ใช่หรือ? หากไม่มีชีวิตรอดกลับไป รางวัลจะมีประโยชน์กับเ้าได้อย่างไร?” ถังเหล่ยกล่าวอย่างเ็า
ถังเหล่ยไม่มั่นใจว่าครั้งนี้เขาจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่ แต่ถ้าหงเทียนเิสังหารหยวนผิงได้ หวังเหมิ่งคนนี้ก็ต้องถูกสังหารอยู่ดี และในขณะนี้หวังเหมิ่งไม่มีทางปล่อยถังเหล่ยไปอย่างแน่นอน ทันใดนั้นหวังเหมิ่งะโไปยังหลังคาอีกแห่งที่อยู่หลังถังเหล่ยอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่หวังเหมิ่งสังหารพวกพ้องของตัวเองก็เท่ากับว่าการเดิมพันอันล้ำค่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หวังเหมิ่งเรียกจระเข้ั์ออกมาทันที เป้าหมายในการโจมตีคือถังเหล่ย
ผู้ฝึกตนระดับยอดยุทธ์สามารถใช้ิญญายุทธ์โจมตีได้แล้ว เท่ากับว่าถังเหล่ยกำลังต่อสู้แบบสองต่อหนึ่ง หลังจากที่หลบการโจมตีของจระเข้ั์ได้ ทางด้านซ้ายก็มีเสียงะเิดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
ถังเหล่ยใช้ปราณแท้พลังยุทธ์ในร่างตรวจสอบความเคลื่อนไหวรอบด้าน และบนหมัดสองข้างของเขาก็ปกคลุมไปด้วยเพลิงสีทอง
ปัง!
ร่างของถังเหล่ยกระเด็นถอยออกมา เขาจึงยืมพลังดีดตัวหนีออกไปไกลทันที
“ต่อให้ใช้พลังิญญายุทธ์ในร่างกายทั้งหมดก็คงไม่อาจทำให้อีกฝ่ายตกเป็รองได้”
ถังเหล่ยถอยอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วด้วยความสับสน เพียงปะทะกับอีกฝ่ายไม่กี่ครั้ง ถังเหล่ยกลับรู้สึกเ็ปมาก แขนทั้งสองข้างของเขาสั่นไหวโดยไม่อาจควบคุมได้
อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายคือผู้ฝึกตนระดับยอดยุทธ์ แม้ว่าการโจมตีของถังเหล่ยจะมีพลังไม่ต่ำกว่าแสนจินแต่เขาไม่สามารถชิงความได้เปรียบจากอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ถังเหล่ยยังต้องป้องกันการโจมตีของจระเข้ั์อยู่ตลอด แต่จุดอ่อนของยอดยุทธ์คือิญญายุทธ์ไม่อาจอยู่ภายนอกเป็เวลานานได้
ทุกครั้งที่จระเข้ั์โจมตีใส่ถังเหล่ย เขาก็สามารถหลบหนีการโจมตีนั้นได้ทั้งหมด อีกด้านหนึ่งหวังเหมิ่งที่มองถังเหล่ยจากระยะไกลก็เบิกตากว้างเผยให้เห็นความประหลาดใจในแววตา
ความจริงแล้วเขาสามารถสังหารผู้ชำนาญยุทธ์ได้ในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น แต่ในขณะนี้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องตกตะลึง
หวังเหมิ่งเป็ถึงยอดยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง อีกฝ่ายเป็เพียงแค่ผู้ชำนาญยุทธ์เท่านั้น เหตุใดเด็กน้อยคนหนึ่งจึงมีความแข็งแกร่งได้มากขนาดนี้?
เสียงดังสนั่นจากการต่อสู้ไม่ได้มีเพียงแค่ในจวนของแม่ทัพเท่านั้น ที่ประตูเมืองทั้งสี่ทิศก็เกิดการต่อสู้เช่นกัน ทำให้ในขณะนี้ภายในเมืองกลายเป็สนามรบโดยสมบูรณ์ หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีกองทัพจำนวนมากปรากฏตัว ทหารหลายคนมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทั้งสี่และอีกหลายคนมุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพ
หวังเหมิ่งรู้ว่าเวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว และรู้ว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะเป็การโจมตีครั้งสุดท้ายของเขา
“อา!”
หวังเหมิ่งคำราม ทันใดนั้นผิวของเขาก็มีเกล็ดปกคลุมไปทั่วร่างกาย
สิ่งที่นิกายเสิ่นอวี่ถ่ายทอดให้กับศิษย์ก็คือวิธีใช้ิญญายุทธ์ให้แสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
หลังจากมีเกล็ดปรากฏออกมา ร่างของหวังเหมิ่งก็พุ่งไปทางถังเหล่ยอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจถังเหล่ยพบว่าความเร็วและพลังของหวังเหมิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็เท่าตัวอย่างชัดเจน
สิ่งที่หวังเหมิ่งใช้ก็คือทักษะลับบางอย่างของนิกายเสิ่นอวี่ ทักษะดังกล่าวสามารถเพิ่มความเร็วและพลังของิญญายุทธ์ได้ระยะหนึ่ง แต่วิชาลับนี้มีข้อเสียคือหลังจากะเิพลังออกมาแล้วร่างกายจะอ่อนแอลงเป็อย่างมาก
อย่างไรก็ตามหวังเหมิ่งไม่สนใจเื่นี้อยู่แล้ว เพราะหากเขาไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ผลลัพธ์สุดท้ายเขาก็ต้องตายอยู่ดี
ปัง!
ถังเหล่ยถูกหวังเหมิ่งต่อยล้มลงพื้น มุมปากของเขาเริ่มมีเืไหลซึมออกมา
“ได้! วันนี้ข้าจะให้เ้าได้เห็นว่าอะไรถึงจะเรียกว่าพลัง!”
ในมือของถังเหล่ยมียาเม็ดหนึ่ง เขายัดมันเข้าไปในปากทันที ไม่กี่ลมหายใจต่อมาร่างของถังเหล่ยก็เปล่งแสงสีทอง จากนั้นสัตว์อสูรสีทองตัวหนึ่งก็ปรากฏออกมาด้านหลังของถังเหล่ย หวังเหมิ่งตกตะลึง ทันใดนั้นร่างของเขาก็สั่นโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ถังเหล่ยกำหมัดแน่น ในร่างกายของเขามีพลังสายหนึ่งกำลังพลุ่งพล่านอย่างไม่อาจควบคุมได้ คล้ายกับว่ามีัั์ตัวหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของเขา
ใจกลางของัตัวนี้คือยาเม็ดหนึ่ง ทันทีที่ยาลงไปถึงจุดตันเถียนของถังเหล่ยก็มีพลังสีทองพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง ในขณะนี้รูขุมขนทั่วร่างของเขาล้วนถูกพลังสีทองปกคลุมเอาไว้
นี่คือยาปีศาจคลั่งที่ถังเหล่ยเป็คนปรุงขึ้นมาเองกับมือ!
………