จินว่านหลี่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ให้เขาที่เป็บิดาไปขอโทษบุตรสาว? เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยจะให้ขอโทษเพื่ออะไร
เยว่เฟิงเกอแค่นเสียงเ็ากล่าวว่า “จนถึงตอนนี้แล้วเ้าก็ยังไม่รู้อีกหรือว่าตนผิดที่ตรงไหน? เพียงเพื่อเงินทองแล้ว เ้าถึงกับส่งบุตรสาวเพียงคนเดียวของเ้าไปยังสถานที่เช่นหอชมบุปผา ให้นางต้องร้องเพลงหาเงินมาใช้หนี้ให้เ้า เ้าว่า ด้วยเื่นี้เ้าควรจะขอโทษนางหรือไม่เล่า? ”
จินว่านหลี่ได้ยินคำอธิบายนี้ก็ก้มหน้าลงพึมพำ “ข้าเป็บิดาของนาง ต่อให้จะขายนางก็เป็เื่ปกติธรรมดายิ่ง มิใช่เื่ที่ข้าต้องขอโทษนาง เช่นนี้นางยังสมควรได้รับคำขอโทษจากปากข้าหรือ? ”
“เ้าว่าอะไรนะ? ” สายตาของเยว่เฟิงเกอที่ใช้มองจินว่านหลี่วาววับเ็า
นางหยิบตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงออกมากวัดแกว่งตรงหน้าจินว่านหลี่
จินว่านหลี่สูดลมหายใจเข้าลึก ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นกล่าวกับฉิงเอ๋อร์ “ขอโทษ”
“เสียงเบาเกินไป ข้าไม่ได้ยิน” เยว่เฟิงเกอพูดพลางทำท่าแคะหู
จินว่านหลี่คิด หากวันนี้เขาไม่ยอมขอโทษนางดีๆ ก็คงจะไม่ได้เงินห้าร้อยตำลึงมาอยู่ในมือแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงทำได้แค่ก้มหน้าลง กล่าวกับฉิงเอ๋อร์ว่า “ลูกสาวคนดี พ่อผิดไปแล้ว พ่อไม่ควรขายเ้าไปที่หอชมบุปผาเพียงเพราะเงินทอง หวังว่าเ้าจะอภัยให้พ่อ”
ฉิงเอ๋อร์เบิกตาวาวน้ำคู่โตกว้าง มองจินว่านหลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ
บิดานางกำลังขอโทษนางอยู่?
นี่คือบิดาคนนั้นที่เห็นเงินเป็อันดับแรกเสมอและไม่สนใจนางแม้แต่น้อย? บิดาที่เห็นนางเป็แค่ต้นเงินต้นทองน่ะหรือ?
ฉิงเอ๋อร์ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะกล่าวอะไรดี นางเพียงมองจินว่านหลี่ด้วยสายตาหวาดระแวงแล้วหันมองเยว่เฟิงเกอต่อ
เยว่เฟิงเกอยิ้มกว้าง นางพอใจกับการขอโทษของจินว่านหลี่เป็อย่างมาก จึงตบๆ บ่าเขา “ดูแล้วเ้าก็ยังมีความจริงใจอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่รู้ว่าฉิงเอ๋อร์จะให้อภัยเ้าหรือไม่”
ยามที่เอ่ยวาจา สายตาของเยว่เฟิงเกอเหลือบมองไปทางฉิงเอ๋อร์
ทันใดนั้นฉิงเอ๋อร์หน้าแดงแปร๊ด นางไม่ได้หน้าแดงเพราะจินว่านหลี่ขอโทษนาง แต่หน้าแดงเพราะสายตาตรงไปตรงมาของเยว่เฟิงเกอที่สาดซัดมาทางนางนั้นทำให้นางรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ถึงแม้ใจนางจะรู้ดีว่าเยว่เฟิงเกอเป็สตรี แต่ใบหน้านี้กับสายตาที่มองมากลับทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกบุรุษผู้หนึ่งมองอยู่จริงๆ
ฉิงเอ๋อร์อึกอักอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยออกมา “ท่านพ่อ ลูกให้อภัยท่านเ้าค่ะ”
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินว่าฉิงเอ๋อร์ให้อภัยเขาแล้วก็ดีใจเงยหน้าขึ้นทันที
เขาคิดไม่ถึงว่าแค่ออกปากขอโทษ ฉิงเอ๋อร์ก็จะยอมให้อภัยเขาง่ายดายเช่นนี้
ตอนนี้เขาใกล้จะได้รับเงินห้าร้อยตำลึงแล้วใช่หรือไม่?
ในใจคิดเช่นนี้ ใบหน้าจินว่านหลี่ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
เยว่เฟิงเกอแค่นเสียงเ็า “อย่าคิดว่าแค่เ้าเอ่ยวาจาที่ไม่ทำให้เจ็บให้คันเ่าั้ต่อฉิงเอ๋อร์แล้ว ข้าจะให้เงินห้าร้อยตำลึงแก่เ้า หลังจากนี้เ้ายังมีเื่ต้องทำอีก เ้าต้องปรนนิบัติข้าอย่างดีถึงจะได้รับเงินห้าร้อยตำลึงนั้น”
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินคุณชายท่านนี้บอกจะให้เขาไปปรนนิบัติต่อ ก็อดไม่ให้จินตนาการไปถึงภาพชายอกสามศอกสองคนอยู่ในห้องมืดๆ กำลังทำเื่ที่เขาไม่อาจยอมรับได้ แต่ก็ทำให้เขาหน้าแดงใจเต้น
จินว่านหลี่รู้สึกเหมือนจีบเบญจมาศน้อยๆ ของเขาหดตัวเครียดเขม็งอีกครั้ง
เพียงเยว่เฟิงเกอได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของจินว่านหลี่ค่อยๆ เลือนหายไปจนหมดสิ้น ก็อยากหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาจริงๆ นางจะทรมานหัวใจอ่อนแอปวกเปียกดวงนี้ของจินว่านหลี่ให้หนัก ให้เขาได้เห็นว่ารังแกฉิงเอ๋อร์แล้วต้องพบเจออะไร
ทว่า เหมือนฉิงเอ๋อร์จะนึกอะไรได้ นางอ้าปากกว้างด้วยความใสุดขีด “พระ...”
เพียงแต่คำว่า ‘ชายา’ นั้นยังไม่ทันได้ลอดออกจากปากก็ถูกสายตาของเยว่เฟิงเกอทำเอาตกอกใจนต้องกลืนกลับไป
เยว่เฟิงเกอจับหลังคอเสื้อจินว่านหลี่ไว้แล้วลากออกไปนอกสวน
“ไปเถอะ ไปหาที่ที่ไม่มีคนกัน ให้เ้าได้ตั้งใจปรนนิบัติข้าให้ดี”
จินว่านหลี่รับรู้ได้ว่าขาทั้งคู่ของตนกำลังสั่น ถึงแม้ในใจเขาจะรวบรวมความกล้าสั่งให้ตนเผชิญหน้ากับทุกอย่างอย่างกล้าหาญแล้ว แต่ยามที่ได้ยินเยว่เฟิงเกอบอกว่าจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีคนให้เขาได้ปรนนิบัตินั้น หัวใจเขาก็ยังเต้นตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่
เขาไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่ปล่อยเยว่เฟิงเกอลากหลังคอเสื้อตนไว้แล้วเดินคอตกตามไป
ระหว่างทางบรรดาคนรับใช้เห็นท่าทีของคนทั้งสองก็อดไม่ได้ให้แปลกใจยิ่ง จึงพากันหยุดฝีเท้ามอง
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่คาดเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่คงจะไม่ดีนัก
เมื่อเยว่เฟิงเกอพาจินว่านหลี่ไปแล้ว ฉิงเอ๋อร์ถึงดึงสติกลับมาได้ นางเริ่มรู้สึกเป็ห่วงบิดาตนขึ้นมาแล้วจริงๆ อย่างไรเสีย ตัวนางเองก็ยังไม่รู้จักเยว่เฟิงเกอดี ส่วนจินว่านหลี่ผู้นั้นนับเป็บิดาแท้ๆ ของนาง
เมื่อครู่เยว่เฟิงเกอบอกว่า จะให้จินว่านหลี่ปรนนิบัติ? คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ตอนที่ฉิงเอ๋อร์กำลังกังวล ถูมือไปมา ชิงจื่อก็เดินเข้ามาหาพร้อมตบบ่า กล่าวปลอบเสียงเบา “เ้าไม่ต้องกังวล พระชายาไม่ทำอะไรบิดาเ้าหรอก อย่างมากก็คงให้บิดาเ้าได้ลิ้มรสความยากลำบากสักหน่อย ให้เขาได้รู้ว่าการขายลูกสาวกิน ต้องได้เจอกับอะไร”
ฉิงเอ๋อร์ฟังคำของชิงจื่อก็กังวลยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ได้ ข้าต้องไปดูให้เห็นด้วยตาตนเองสักหน่อย” ฉิงเอ๋อร์พูดพลางรีบร้อนวิ่งออกไป
เมื่อนางออกไปนอกเรือนเยว่เหยาก็เห็นเฉียวเฟยกำลังเดินเข้ามา
ฉิงเอ๋อร์อยู่ในจวนอ๋องมาหนึ่งวันเต็ม แน่นอนว่ารู้จักเฉียวเฟยและถานอี้สององครักษ์ของท่านอ๋องแล้ว
เมื่อนางเห็นเฉียวเฟยเดินมา ก็รีบคารวะเขา ก่อนจะเดินผ่านเฉียวเฟยไปอย่างรีบร้อน นางกำลังเร่งฝีเท้าตามเยว่เฟิงเกอไป
เฉียวเฟยรู้สึกแปลกใจมาก เขาไม่ได้เห็นเยว่เฟิงเกอกับจินว่านหลี่ เหตุที่มาที่นี่ก็เพราะได้รับบัญชาจากท่านอ๋องให้มาดูว่าพระชายากลับมาแล้วหรือยัง
เมื่อเห็นว่าฉิงเอ๋อร์มีสีหน้ากังวล เขาจึงจับข้อมือของนางไว้ “เ้ารีบร้อนจะไปที่ใด? ”
ฉิงเอ๋อร์ไม่มีเวลามาอธิบาย เพียงกล่าวออกไปหนึ่งประโยคว่า “ท่านพ่อข้าอยู่ในมือพระชายา ข้าต้องไปดูหน่อย”
ทันทีที่พูดจบ ฉิงเอ๋อร์ก็ดึงมือของตนออกแล้วรีบร้อนตามไปยังทิศทางที่เยว่เฟิงเกอเพิ่งหายลับไป
เมื่อเฉียวเฟยได้ยินว่าพระชายากลับมาแล้ว เขาจึงไม่รอช้ารีบตามฉิงเอ๋อร์ไป
ยามนี้เยว่เฟิงเกอนำจินว่านหลี่มายังสถานที่ที่เงียบสงัดแห่งหนึ่ง ที่นี่มีห้องเล็กๆ หนึ่งห้องที่จวนอ๋องใช้เป็ห้องเก็บของ
ในห้องเก็บของเต็มไปด้วยฝุ่น เยว่เฟิงเกอผลักเปิดประตูออกแล้วดันจินว่านหลี่เข้าไป
จินว่านหลี่คิดในใจ แย่แล้วๆ สิ่งที่เขากลัวมาตลอดกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าจินว่านหลี่ดูร้อนรนยิ่ง ก็ยิ่งสะใจ
นาง้าจะทำให้จินว่านหลี่ใ เพื่อให้เขาได้รู้ว่าจุดจบของการขายฉิงเอ๋อร์เพื่อเงินนั้นน่ากลัวแค่ไหน
เมื่อจินว่านหลี่ถูกดันเข้าไปในห้องเก็บของ พื้นที่ที่เดิมทีมีหนูวิ่งไปมา เมื่อหนูเ่าั้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของคนก็พากันวิ่งหลบเข้าไปในรู
จินว่านหลี่ยืนตัวสั่นแล้วค่อยๆ หันไปมองเยว่เฟิงเกอ เขาเห็นเพียงอีกฝ่ายมีรอยยิ้มเ้าเล่ห์แขวนอยู่บนใบหน้า ทั้งยังค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขาทีละก้าวอย่างช้าๆ
ยามนี้จู่ๆ ในมือนางก็มีไม้กวาดสำหรับกวาดพื้น
เมื่อจินว่านหลี่เห็นไม้กวาดนั้น จีบเบญจมาศน้อยๆ ที่ด้านหลังของเขาก็บีบรัดอีกครั้งโดยไม่อาจควบคุมได้
จินว่านหลี่ตัวสั่นไปทั้งร่าง ค่อยๆ ถอยหลังไปทีละก้าว หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาแล้ว
จินว่านหลี่จ้องไม้กวาดในมือเยว่เฟิงเกอพร้อมกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ ก่อนที่ร่างของเขาจะชนเข้ากับสิ่งของระเกะระกะที่มีฝุ่นจับหนาเตอะ เมื่อหันกลับไปมองถึงได้เห็นว่าตนไม่อาจถอยหลังไปได้อีกแล้ว
เขารีบหันกลับมามองเยว่เฟิงเกอ เหงื่อเย็นหลั่งเต็มหน้า “นาย นายท่าน ท่านคิดจะทำสิ่งใด? ”
เยว่เฟิงเกอยิ้มชั่วร้าย ยักคิ้วให้จินว่านหลี่ “เ้าลองเดาดูสิ? ”
จินว่านหลี่มองไม้กวาดที่ทั้งทู่และมีขนาดใหญ่ หากว่ามันเข้าไปทักทายจีบเบญมาศน้อยของเขา เกรงว่าชีวิตนี้ของเขาคงต้องจบสิ้นลงแล้ว
ในที่สุดจินว่านหลี่ก็ควบคุมอารมณ์ของตนไม่ได้อีก เขาเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น คุกเข่าให้เยว่เฟิงเกอ
“นายท่าน ข้าขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าผิดไปแล้ว วันหน้าข้าจะไม่ขายฉิงเอ๋อร์อีกแล้ว”
ตอนนี้จินว่านหลี่น้ำตานองหน้า เขาอายุมากเพียงนี้แล้ว กลับเป็ครั้งแรกที่ต้องมาประสบกับความน่ากลัวเช่นนี้
หากเป็แค่ท่อนไม้เล็กๆ เขาอาจทนรับได้ แต่หากเป็ไม้กวาดอันใหญ่เช่นนี้...
ในใจยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว จินว่านหลี่โขกศีรษะให้เยว่เฟิงเกอถี่รัว
ตอนนี้เองนอกห้องเก็บของก็มีเสียงฝีเท้าของคนสองคนดังขึ้น
ฉิงเอ๋อร์เดินเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นคือเยว่เฟิงเกอกำลังถือไม้กวาด ส่วนบิดาของนางกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย น้ำตาไหลพราก โขกศีรษะไม่หยุด
“ท่านพ่อ...” ฉิงเอ๋อร์อ้าปากเปล่งเสียง แต่กลับเอ่ยออกมาได้แค่คำเดียว