“สถานีต่อไปจะไปหยุดที่เมืองเอ็ม” เควินนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับพร้อมกับเอ่ยกับคนด้านหลัง “ที่นั่นเป็เมืองที่เจริญมาก และแน่นอนว่ามันก็เป็เมืองอันตรายอย่างมากเช่นกัน ทุกคนต้องระวังตัวให้ดี ดอกเตอร์ซวี๋ฮ่าว ซาจือ พวกคุณสองคนต้องตามติดเราไว้และจำไว้ว่าต้องพันผ้าคลุมบนตัวให้ดี”
คนทั้งหมดพยักหน้า
ปิงโหยวจี้หลับตาพิงกับผนังห้องโดยสารด้านหลังสุด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร พอเปิดเปลือกตาขึ้น เขาเห็นหร่านซวี่จือกำลังช่วยซาจือพันผ้าคลุม ทันใดนั้นปิงโหยวจี้ก็โยนมาให้ตรงหน้าเขาบ้าง “นายก็พันไว้ด้วย”
คนทั้งหมดหันมาและมองปิงโหยวจี้ด้วยความตกตะลึง
“ลูกพี่ ทังเหวยไม่ใช่โอเมก้าสักหน่อย คงไม่เป็อะไรมั้ง? ” ไอค์ถาม
ปิงโหยวจี้เดินกลับไปยังตำแหน่งเดิม “เขาอยู่กับซาจือบ่อย จะได้รับผลจากเื่กลิ่นได้ง่าย”
รถหุ้มเกราะเคลื่อนไปทางทะเลทรายอีกราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นเงาเมืองสีดำเรียงรายก็ปรากฏอยู่ในสายตาของทุกคนตอนนี้
เมืองเอ็มเป็สถานที่ที่เจริญที่สุด เมื่อมองไป เสียงคนพลุกพล่าน คนที่สัญจรไปมาในตลาดก็มาอย่างไม่ขาดสาย กลุ่มคนพันผ้าคลุมเดินกันไปมาขวักไขว่บนถนน
รถของทุกคนถูกยามดักไว้ตรงประตูทางเข้า
ปิงโหยวจี้ะโลงไปแล้วแสดงหลักฐานปฏิบัติภารกิจของกองกำลังพิเศษให้หนึ่งคนในนั้น จึงได้รับการเปิดทางเข้าไป
เมืองเอ็มไม่อยู่ในการควบคุมของรัฐ ดังนั้นกองกำลังพิเศษจึงไม่ได้มีอำนาจอะไรมากนัก ณ สถานที่แห่งนี้
คนทั้งหมดเดินเข้าไปในโรงแรมเพื่อพักผ่อน
ปิงโหยวจี้กับเควินไปหาแหล่งกระจายข่าวสารด้านนอกพร้อมกับสืบถามสถานการณ์หนทางที่จะไปต่อ
“อีกห้ากิโลเมตรข้างหน้าคือมันทราส” ชายชราที่ปกคลุมใบหน้าด้วยผ้าคลุมยื่นแขนที่เหี่ยวออกมาและชี้ออกไปทางด้านหน้า “นั่นคือป่าดงดิบที่ขึ้นชื่อว่าเป็ป่าปีศาจ ด้านในมีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ได้รับเชื้อไวรัส หากพวกเธอผ่านตรงนั้นก็ต้องระวังให้มาก”
“มันทราส…” ปิงโหยวจี้ขมวดคิ้ว
เควินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือ? ”
“ที่นั่นแต่เดิมเป็ทะเลทราย” ปิงโหยวจี้เอ่ย “แต่หลังจากมีเชื้อไวรัสแพร่กระจายมา สิ่งมีชีวิตบางอย่างก็เติบโตอย่างบ้าคลั่งทำให้กลายเป็ป่าฝนฤดูร้อนขนาดเล็ก มีกองกำลังพิเศษที่ต้องสังเวยชีวิตที่นั่นไม่น้อย”
เควินเอ่ยขึ้น “ไม่เป็ไร ก็มีนายอยู่นี่ไง! ”
“ไม่ใช่” ปิงโหยวจี้เอ่ยต่อ “ข่าวที่ได้รับล่าสุดคือ ในมันทราสมีพืชชนิดใหม่เกิดขึ้นและจะลงมือกับโอเมก้าชั้นสูงเท่านั้น”
“โอเมก้าชั้นสูง? ” เควินสะดุ้งเฮือก “ถ้าอย่างนั้นดอกเตอร์ซวี๋ฮ่าวก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ”
ปิงโหยวจี้เพียงแค่ขมวดคิ้วและไม่ได้พูดจา
อันที่จริง จากที่ดูในห้องทดลองก่อนหน้านั้น ระดับของซวี๋ฮ่าวไม่ได้สูงมากนัก ปิงโหยวจี้ซึ่งเป็อัลฟ่าระดับสูงสุด หลายปีก่อนหน้านั้นทังเหวยสามารถกระตุ้นให้เขาเกิดความใคร่ก่อนเวลาอันควร ทำให้เห็นได้ชัดว่าระดับชั้นโอเมก้าของทังเหวยนั้นสูงกว่าซวี๋ฮ่าวอย่างมาก
ปิงโหยวจี้กังวลว่าจะเกิดเื่กับทังเหวย
หลังจากที่หร่านซวี่จือกินข้าวเสร็จ เขาก็เดินมุ่งหน้าไปทางห้องนอนของตนเอง พอเข้าไปก็เห็นปิงโหยวจี้นั่งอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะของตนเอง
เขาวางมือข้างหนึ่งบนเก้าอี้และหลุบตาลง ผมสีน้ำตาลนั้นสะท้อนแสงสีทองภายใต้แสงไฟ หร่านซวี่จือเกือบจะตาบอดเพราะความหล่อเหลาของเขา
“ทำไมถึงมาอยู่ห้องนอนฉันได้? ” หร่านซวี่จือยื่นศีรษะไปทางเดินด้านนอกแล้วเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีคนเห็นจึงค่อยปิดประตู จากนั้นขมวดคิ้วจ้องปิงโหยวจี้ “มีเื่อะไร? ”
ปิงโหยวจี้หันศีรษะมาและเก็บเอกสาร “พรุ่งนี้เราจะผ่านมันทราส”
หร่านซวี่จือเชิดคางอยู่ที่เดิมเป็การแสดงสัญญาณว่าให้เขาพูดต่อ
“มันทราสมีพืชชนิดใหม่เกิดขึ้น” ตลอดมาเสียงของปิงโหยวจี้นั้นราวกับมีดน้ำแข็ง แต่ขณะนี้กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยน “และสามารถถูกดึงดูดโดยง่ายจากโอเมก้าระดับสูง”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ หร่านซวี่จือจึงรู้ว่าทำไมปิงโหยวจี้ถึงมาที่นี่
“เื่เล็ก” หร่านซวี่จือผายมือ “พวกนายแค่คุ้มครองซวี๋ฮ่าวกับซาจือให้ดีก็พอแล้ว ส่วนทางฉันไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด นายคิดว่าหลายปีที่ฉันเป็ทหารหน่วยกองกำลังพิเศษนี่เปล่าประโยชน์หรือไง? ”
อีกอย่างถ้าเกิดเื่จริง ก็ถือว่าเป็เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ไม่ใช่หรือ? ระบบต้องเปิดตัวช่วยให้แน่นอน
“อีกอย่าง” ปิงโหยวจี้ชะงักเล็กน้อย “ฉันตรวจข้อมูลมาบางส่วน เกี่ยวกับสภาพร่างกายของนาย”
“อ้างอิงจากปีที่นายฉีดยาในตอนนั้น บวกกับยาหลายชนิดที่ผลิตเป็จำนวนมากในตอนนั้น ยาตัวที่นายฉีดชื่อว่าเคสี่หนึ่งหก” ปิงโหยวจี้โบกเอกสารในมือ “ยาชนิดนี้ จะทำการยับยั้งยีนในการเจริญเติบโตของโอเมก้า อีกทั้งยังดำรงตัวอยู่ด้วยการทำลายเซลล์ในต่อมร่างกาย จากวิธีการใช้ที่ระบุ หากว่าไม่มีการใช้ยากล่อมประสาทหรือยาชาประเภทนั้น จะทำให้เกิดความเ็ปอย่างมากมาย โอเมก้าที่แน่วแน่ไม่มากพอจะถึงขั้นมีแนวโน้มในการฆ่าตัวตาย”
พูดถึงตรงนี้ ปิงโหยวจี้ก็รู้สึกเ็ปที่หัวใจ
หร่านซวี่จือมีสีหน้าไร้ความรู้สึก ในสมองมีภาพความทรงจำก่อนหน้านี้ของทังเหวยปรากฏขึ้น
“แต่ว่า ยาแบบนี้มีผลเพียงระยะสั้น ไม่ถึงหกปี อีกอย่าง หลังจากยาหมดฤทธิ์ เมื่อโอเมก้าัักับสัญญาณโมเลกุลที่ใกล้เคียงกับฟีโรโมนก็จะเกิดความใคร่ขึ้นมาทันที หากไม่รีบรับการตีตราแล้วเวลาล่วงเลยผ่านไป การทำงานของร่างกายหลายอย่างของโอเมก้าก็จะเริ่มเสื่อมและมีความเป็ไปได้ที่จะเสียชีวิตกะทันหัน” ปิงโหยวจี้เอ่ย “การตีตราชั่วคราวไม่ใช่ทางออก แต่จะต้องเป็การตีตราสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะสามารถช่วยกำจัดปัญหาในอนาคตได้”
หร่านซวี่จือฟังจนถึงตอนสุดท้ายก็เข้าใจ ความหมายทั้งหมดโดยรวมของปิงโหยวจี้ก็คือ: เฮ้ หากนายไม่ให้ฉันจัดการรวบรัดนาย นายก็จะตาย ดังนั้นแล้วนายจะยอมหรือไม่ยอม?
หร่านซวี่จือเลิกมุมปาก “วันนี้ฉันยังไม่อยากพูดถึงเื่นี้ นายรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ปิงโหยวจี้แน่นิ่งไม่ขยับ ใบหน้าเย็นะเืดุจน้ำแข็ง ท่าทางเหมือนว่าถ้านายไม่ถีบฉันออกไป ฉันก็ไม่มีทางออกไปแน่
หร่านซวี่จือถอนหายใจ “ค่อยคุยกันครั้งหน้าได้ไหม? ่นี้ฉันเหนื่อยมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปิงโหยวจี้ถึงยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ หร่านซวี่จือขยับตัวแนบกับผนังเพื่อหลีกทางเพียงพอให้เขาออกไปได้
แต่ขณะที่หร่านซวี่จือเขยิบไปด้านข้าง ปิงโหยวจี้ก็คว้าเอวของเขาไว้ แล้วกดเขากับประตู มือซ้ายลูบไปที่ต่อมบนหลังคอของเขาอย่างรวดเร็ว ภายใต้แววตานั้นฉายประกายออกมาแวบหนึ่ง “การตีตราชั่วคราวของโอเมก้ามีกระบวนสร้างและสลายในสามวัน พรุ่งนี้คือวันที่สามไม่ใช่หรือ? ”
หร่านซวี่จือ “…”
ปิงโหยวจี้เดินออกจากห้องด้วยใบหน้าที่อิ่มเอมใจ แต่หร่านซวี่จือนั้นกลับฟุบกองลงกับพื้น รู้สึกเหมือนร่างกายถูกล้วงออกไปจนว่างเปล่า
จากนั้นก็มีคนเคาะประตู
หร่านซวี่จือตะลึงไปชั่วขณะแล้วรีบลุกขึ้นมา และเขาก็ยังคงเปิดประตูให้คนที่มาเคาะประตู
ใบหน้าของซวี๋ฮ่าวปรากฎอยู่ตรงประตู ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย ข่มเสียงเบาแล้วเอ่ยถามหร่านซวี่จือว่า “ทังเหวย ฉันมีเื่จะคุยกับนายหน่อย”
หร่านซวี่จือรินน้ำชาหนึ่งแก้วให้ซวี๋ฮ่าวและให้เขานั่งลง
“คือว่า เราใกล้จะถึงหน่วยบัญชาการแล้ว” ซวี๋ฮ่าวหน้าแดง “ฉันได้ยินมาว่าผู้ทำความดีด้านการวิจัยจะมีโอกาสยื่นเื่ขอมงคลสมรสได้ใช่ไหม? ฉันอยาก…”
หัวใจของหร่านซวี่จือเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
“ฉันอยากยื่นเื่ขอแต่งงานกับหัวหน้าลีวาย” ซวี๋ฮ่าวเอ่ยอ้ำอึ้ง “นายช่วยฉันได้หรือเปล่า? ”