“ท่านพูดถูก” อันซิ่วเอ๋อร์พยักหน้า
“ตอนแรกท่านเงียบไป ข้าก็นึกว่าท่านสงสัยหรงเหอเหมือนกัน ที่แท้ท่านก็คิดเหมือนข้านี่เอง”
“ถึงจะรู้จักหรงเหอไม่นาน แต่แววตาเขาใสซื่อ จิตใจเปิดเผย เขาเป็เด็กดีคนหนึ่ง” จางเจิ้นอันกล่าวเสียงเรียบ
อันซิ่วเอ๋อร์เห็นเขาเชื่อมั่นในตัวหลานชายเช่นนี้ ในใจก็พลอยยินดีไปด้วย นางจึงพับเื่นี้เก็บไว้ก่อน กล่าวว่า “วันนี้รบกวนท่านเป็เพื่อนข้ากลับบ้านพ่อแม่ เสียเวลาท่านไปทั้งวันแล้ว ท่านไปพักผ่อนหรือทำธุระของท่านเถอะ”
“นอกจากหาปลา วันนี้ข้าก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว” จางเจิ้นอันตอบ
เขากลัวว่านางจะไม่สบายใจ จึงอยากอยู่เป็เพื่อน แต่นางกลับทำเหมือนไม่รู้ความนัยนั้น เพียงยิ้มแล้วพูดว่า “ธุระของท่านก็คือหาปลานั่นแหละ ขอให้วันนี้ท่านโชคดี หาปลาได้เยอะๆ นะเ้าคะ”
เห็นนางทำท่าทีร่าเริง เหมือนไม่ได้ใส่ใจเื่ที่เพิ่งเกิดขึ้น จางเจิ้นอันจึงไม่พูดอะไรต่อ เพียงหยิบอุปกรณ์ของตน กล่าวลาอันซิ่วเอ๋อร์ แล้วมุ่งหน้าไปหาปลา
อันซิ่วเอ๋อร์เดินไปส่งเขาถึงหน้าประตู มองจนร่างของเขาเดินลับหายไป นางจึงเก็บข้าวของจำเป็ แล้วออกจากบ้านเช่นกัน
เขาไปหาปลา ส่วนนางจะไปหากู้หลินหลางเพื่อถามความจริงให้รู้เื่!
เมื่อมาถึงสำนักศึกษา กู้หลินหลางกำลังสอนหนังสืออยู่พอดี อันซิ่วเอ๋อร์เดินไปหยุดรอที่หน้าประตูห้องเรียนครู่หนึ่ง รอจนเขาอ่านบทความท่อนนั้นจบ นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอาจารย์กู้ ข้ามีเื่อยากจะคุยกับท่าน”
ต่อหน้านักเรียน กู้หลินหลางยังคงรักษาท่าทีสง่างามตามแบบฉบับบัณฑิต เมื่อได้ยินเสียงอันซิ่วเอ๋อร์ เขาก็แสร้งทำเป็เพิ่งเห็นนาง วางตำราลง แล้วหันไปบอกเหล่าศิษย์ว่า “ข้าขอออกไปครู่หนึ่ง พวกเ้าทบทวนบทความที่เพิ่งสอนไปให้ดี”
เมื่อเหล่านักเรียนรับคำ กู้หลินหลางจึงเดินออกมาด้านนอก มองอันซิ่วเอ๋อร์แล้วประสานมือคำนับอย่างสุภาพนุ่มนวลตามธรรมเนียม
“ฮูหยินจางมีธุระอันใดกับข้าหรือขอรับ?”
อันซิ่วเอ๋อร์มองใบหน้าขาวซีดของเขา รู้สึกรังเกียจท่าทีเสแสร้งนี้จับใจ
“ข้าเป็คนตรงไปตรงมา ไม่ชอบพูดอ้อมค้อม ท่านอาจารย์กู้น่าจะรู้ดีว่าข้ามาด้วยเื่อะไร”
อันซิ่วเอ๋อร์ไม่อยากเสียเวลา นางเปิดประเด็นทันที “เื่พู่กันหูปี่ของท่านเป็มาอย่างไร? ทำไมมันถึงไปอยู่ในโต๊ะเรียนของหลานชายข้าได้?”
“ฮูหยินจางพูดเช่นนี้ช่างน่าขัน เื่นี้ท่านไม่ไปถามหลานชายดีๆ ของท่าน แต่กลับมาถามข้าได้อย่างไรกัน” กู้หลินหลางตอบอย่างใจเย็น ท่าทางเหมือนกำลังดูเื่สนุก
“ท่าน้าอะไรกันแน่?” อันซิ่วเอ๋อร์ถามต่อ “หากเป็เพราะครั้งก่อนข้าพูดจาแรงไป ทำให้ท่านเสียหน้า ท่านจะมาแก้แค้นข้า ก็มาลงที่ข้าสิ”
“ท่านพูดอะไรน่าขันเช่นนี้” กู้หลินหลางหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงแฝงความหยิ่งยโส “ท่านยังจำเื่ที่เคยดูถูกข้าได้ด้วยหรือ? หึๆ เื่นั้นข้าลืมไปนานแล้ว”
“ตกลงท่าน้าอะไรกันแน่?” อันซิ่วเอ๋อร์ไม่มีเวลาเล่นาประสาท นางถามอย่างตรงไปตรงมา “ท่าน้าให้ข้าทำอย่างไร? ถึงจะยอมล้างมลทินให้หลานชายข้า?”
“ทำอย่างไรหรือ? ท่านตามข้ามา” กู้หลินหลางกล่าวจบก็หันหลังเดินนำไป อันซิ่วเอ๋อร์มองตามแผ่นหลังของเขา กระทืบเท้าอย่างขัดใจ แล้วเดินตามไป
ทั้งสองเดินมาถึงสวนด้านหลังของสำนักศึกษา กู้หลินหลางที่เดินนำอยู่ค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลง เขาหันมามองอันซิ่วเอ๋อร์
“เ้ายังจำป่าไผ่แห่งนี้ได้หรือไม่?”
“จำได้” อันซิ่วเอ๋อร์พยักหน้า “ท่านอาจารย์กู้ในตอนนั้นรูปงาม นิสัยดี ไม่เคยทำตัวเป็บัณฑิตสูงส่ง ยกตนข่มใคร”
“แล้วตอนนี้เล่า?” กู้หลินหลางหันกลับมา ไม่คิดว่านางจะเคยประเมินเขาไว้ดีขนาดนี้ แสดงว่าภาพลักษณ์ที่เขาสร้างมาตลอดนั้นได้ผลดีทีเดียว
“ตอนนี้หรือ ท่านอาจารย์กู้ก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ?”
อันซิ่วเอ๋อร์แค่นเสียงเยาะ “แต่บางที ในสายตาคนอื่น ท่านก็อาจจะยังเป็เหมือนที่ข้าพูดเมื่อครู่ก็ได้”
“เ้าพูดหมายความว่าอย่างไร?” กู้หลินหลางฟังออกถึงความนัยแฝง เริ่มมีน้ำโห
“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ แต่ข้าอยากจะถามท่านอาจารย์กู้มากกว่า ว่าท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
อันซิ่วเอ๋อร์พูดพลางตวาดเสียงดังขึ้นทันที
“หรงเหอเคารพเทิดทูนท่านถึงเพียงนั้น! ในใจของเขา ท่านไม่ใช่แค่เพียงอาจารย์ แต่ยังเป็เหมือนพ่อ เหมือนพี่ชาย! ท่านกลับใส่ร้ายเขาแบบนี้ จิตใจของท่านไม่เ็ปบ้างหรือ? อ้อ! ไม่สิ ท่านยังมีจิตใจอยู่หรือเปล่า?”
“เ้ามั่นใจแล้วหรือว่าเื่นี้เป็ฝีมือข้า?” กู้หลินหลางทำสีหน้าเ็ป “ข้าอุตส่าห์หวังดีช่วยสอนให้เขา ใครจะคิดว่าเขาจะทำเื่ผิดพลาดเช่นนี้”
“ท่านเลิกเสแสร้งได้แล้ว! บอกมาเถอะว่า้าอะไรกันแน่?”
อันซิ่วเอ๋อร์เห็นเขายังคงแสดงละครตบตาอยู่ได้ ก็รู้สึกผิดหวังในตัวเองอย่างยิ่ง ทำไมนางถึงมองคนเช่นนี้ไม่ออกแต่เนิ่นๆ? นางรู้สึกละอายใจต่อความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้เขาในอดีตเหลือเกิน!
“เ้ามั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือว่าเป็ฝีมือข้า? ไม่อยากฟังข้าอธิบายเลยหรือ?”
กู้หลินหลางถามย้ำอีกครั้ง อันซิ่วเอ๋อร์เมินสายตาที่พยายามแสดงอารมณ์ของเขา พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่! ท่านไม่ต้องแสร้งทำ ไม่ต้องแก้ตัว!”
“ดี! เ้าพูดถูก เื่นี้ข้าทำเอง” ในที่สุดกู้หลินหลางก็ยอมรับ
“แต่น่าเสียดายที่เ้าไม่มีหลักฐาน ถึงอยากจะช่วยหลานชายให้พ้นผิด แล้วจะทำอย่างไรได้? พู่กันด้ามนั้นก็หักไปแล้ว ข้าไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากเขาก็นับว่าเมตตามากแล้ว”
“ท่านทำเื่นี้ เพียงเพราะ้าแก้แค้นข้าจริงๆ หรือ? เพียงเพราะครั้งก่อนข้าพูดว่าท่านไปไม่กี่คำ ท่านถึงกับทำเื่แบบนี้?” อันซิ่วเอ๋อร์ถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“เ้าเป็เื่รอง! คนที่ข้าเกลียดที่สุดคือไอ้คนตาบอดจางเจิ้นอันนั่นต่างหาก! ก็แค่ชาวประมง หน้าตาก็อัปลักษณ์ ซ้ำยังพิการ กล้าดียังไงมาแย่งเ้าไปจากข้า มันน่ารังเกียจสิ้นดี!”
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กำหมัดแน่นจนเส้นเืที่หน้าผากปูดโปน อันซิ่วเอ๋อร์มองแล้วรู้สึกว่าเขาน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่แล้วจู่ๆ เขาก็สงบลง เปลี่ยนเป็ยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เ้าวางใจเถิด ข้ายังอดทนรอเ้าได้เสมอ...ตามข้ามา”
อันซิ่วเอ๋อร์รู้สึกว่าท่าทีของเขาผิดปกติไป แต่เมื่อคิดว่าที่นี่คือสำนักศึกษา เขาคงไม่กล้าทำอะไรนาง จึงเดินตามเขาไปยังห้องพักส่วนตัวของเขา
“นั่งลงก่อนสิ” เขาเชิญนางนั่ง แล้วรินน้ำชาให้
อันซิ่วเอ๋อร์รับถ้วยชามา แต่ไม่มีอารมณ์จะดื่ม เพียงวางมันลงบนโต๊ะ
“บอกมาได้หรือยัง ท่านจะยอมคืนความบริสุทธิ์ให้หรงเหอหรือไม่?”
“ทำไมตอนนี้เ้าถึงไม่ยอมดื่มชาที่ข้ารินให้แล้วเล่า?” กู้หลินหลางกลับพูดเนิบนาบ
ก็แค่ชาถ้วยเดียว อันซิ่วเอ๋อร์ไม่อยากแตะต้องอะไรในที่นี้ แต่เมื่อได้ยินเขาพูดท้าทาย จึงยกถ้วยชาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
“ทีนี้ท่านบอกได้หรือยัง?”
“อย่าเพิ่งใจร้อนสิ” กู้หลินหลางกลับทำท่าสบายๆ มองอันซิ่วเอ๋อร์ที่แสดงสีหน้ากระวนกระวายแล้วรู้สึกสะใจยิ่งนัก ในใจคิดว่า ในที่สุดเ้าก็มีวันที่ต้องมาขอร้องข้า ข้าจะทำให้เ้าร้องไห้ออกมาให้ได้!
“ท่านอาจารย์กู้ โปรดพูดธุระของท่านมาตรงๆ เถอะ นักเรียนยังรอท่านอยู่ อย่าเสียเวลาเลย” อันซิ่วเอ๋อร์กล่าวเสียงเ็า
“ที่ท่านทำเื่วุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ก็แค่้าจะแก้แค้นข้า ท่าน้าให้ข้าทำอย่างไร? ให้ข้าขอโทษท่าน หรือคุกเข่าสำนึกผิด?”
“ซิ่วเอ๋อร์ เ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าจะกล้าให้เ้าคุกเข่าได้อย่างไรกัน?” กู้หลินหลางหัวเราะขึ้นมา ดวงตาฉายแววราคะอย่างปิดไม่มิด
“ข้าไม่อยากให้เ้าทำอะไรมากหรอก เพียงแค่อยากให้เ้า... นอนลงดีๆ แล้วยอมให้ข้าทำ...”
“ไร้ยางอาย! ต่ำช้า!”
อันซิ่วเอ๋อร์เป็เพียงหญิงสาว นางไม่เคยคาดคิดว่ากู้หลินหลางจะกล่าววาจาหยาบคายและน่ารังเกียจถึงเพียงนี้ได้ นางโกรธจนหน้าซีดเผือด ลุกพรวดขึ้นหมายจะเดินออกจากห้องทันที!
แต่ยังไม่ทันก้าวไปได้สองก้าว นางก็รู้สึกขาอ่อนแรงไปหมด ขณะที่ในท้องน้อยกลับร้อนวูบวาบราวกับมีไฟลุกโชน นางไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสา ย่อมรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น! นางหันขวับกลับไปมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
“ท่าน...ท่านวางยาในน้ำชาหรือ?”
“อ้อ เพิ่งรู้ตัวหรือ?” กู้หลินหลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ไอ้จางเจิ้นอันมันกล้าแย่งของรักของข้า ข้าก็จะแย่งเมียมันคืน! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าต้องมา! ฮ่าๆๆ...”
“คนสารเลว! ไร้ยางอาย!”
อันซิ่วเอ๋อร์ตวาดด่า กำหมัดแน่น กัดฟันกรอด นางพยายามรวบรวมสติ เอื้อมมือไปหวังจะเปิดสลักประตู
แต่ในเวลานั้น ประตูกลับถูกเขากดไว้แน่น ใบหน้าของกู้หลินหลางยื่นเข้ามาใกล้ กล่าวว่า “ฮูหยินจาง ท่านจะไปไหน?”
“กู้หลินหลาง! ที่นี่คือสำนักศึกษา! ท่านกล้าทำเื่แบบนี้หรือ? เชื่อไหมว่าข้าจะร้องให้คนช่วย!” อันซิ่วเอ๋อร์ขู่ทันที
“ร้องสิ! ถ้าร้องไหวก็ร้องไปเลย! ถึงตอนนั้นทุกคนจะได้รู้ว่าเ้ามันไร้ยางอายแค่ไหน!”
กู้หลินหลางก้าวเข้ามาใกล้อีก จ้องมองนางด้วยแววตาอำมหิต “ข้าจะบอกทุกคนว่า เป็เ้าที่อยากช่วยหลานชายให้พ้นผิด เลยจงใจมายั่วยวนข้าเอง!”
“คนไร้ยางอาย!” อันซิ่วเอ๋อร์จ้องเขาอย่างเคียดแค้น เขาพูดถูก ถ้าเป็เช่นนั้น ชื่อเสียงนางคงป่นปี้ แต่ถึงจะต้องเสียชื่อเสียง ก็จะปล่อยให้แผนของคนชั่วช้าผู้นี้สำเร็จไม่ได้! เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็อ้าปากะโสุดเสียง
“ช่วยด้วย!”
“เ้ากล้าร้อง!” กู้หลินหลางรีบเอามือปิดปากนาง รอจนเสียงเงียบลง จึงปล่อยมือแล้วกล่าวว่า “ร้องไปเถอะ! สวนหลังนี่อยู่ห่างไกลผู้คน พวกนักเรียนถ้าข้าไม่สั่งก็ไม่มีใครกล้าเข้ามา ต่อให้เ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยินหรอก!”
“ช่วยด้วย!”
อันซิ่วเอ๋อร์กลับไม่ยอมแพ้ กู้หลินหลางอยู่ใกล้นางเกินไป กลิ่นตัวบุรุษทำให้ยิ่งรู้สึกอึดอัด แต่การได้ะโออกไปสองสามครั้ง ก็ช่วยระบายความอัดอั้นในใจ ทำให้อาการเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย
“นังแพศยา! หุบปากเดี๋ยวนี้! ถ้ายังร้องอีก เดี๋ยวเ้าจะได้ร้องไห้ของจริง!” กู้หลินหลางทำหน้าตาดุดัน
อันซิ่วเอ๋อร์ยังคงะโไม่หยุด เขากลัวว่าจะมีคนมาได้ยินเข้าจริงๆ จึงเอามือปิดปากนางอย่างแรง หมายจะลงมือข่มเหงนางให้ได้!
อันซิ่วเอ๋อร์รังเกียจที่เขาเข้ามาใกล้ ขณะที่สติยังพอมีอยู่ นางจึงรวบรวมแรงทั้งหมดเงื้อมือตบหน้าเขาอย่างแรง!
“เพียะ!”
เสียงตบดังสนั่นก้องไปทั่วห้อง แรงตบทำให้หน้าของกู้หลินหลางหันไปอีกทาง เมื่อเขาหันกลับมาด้วยความโกรธจัด ก็ไม่คิดจะรอให้นางอ่อนระทวยแล้วมาอ้อนวอนเขาอีกต่อไป เขาตบหน้านางกลับอย่างแรง แล้วตรงเข้ามากระชากเสื้อผ้าของนาง!
อันซิ่วเอ๋อร์ถูกฤทธิ์ยาทำให้ร่างกายอ่อนแรง นางจะสู้แรงเขาได้อย่างไร?
แต่สติยังพอมีอยู่บ้าง นางจึงวิ่งไปยังโต๊ะข้างๆ คว้าถ้วยชาขว้างใส่หน้าเขาเต็มแรง! กู้หลินหลางเบี่ยงตัวหลบทัน ในพริบตานั้นเอง ข้าวของในห้องก็เริ่มแตกกระจายจากการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้น
