เย่ไท่ป๋ายอึ้งไปชั่วขณะ เปลวไฟแห่งความโกรธพลันลุกโชน เขาะโอย่างบ้าคลั่งไปทางเฉินเฟิงกับสองสาว
"ไอ้ตำรวจ รออะไรกันอยู่? ยิงคนร้ายที่ฆ่าหลานชายเย่เทียนของฉันได้แล้ว! ฆ่าจ้าวเสี่ยวเยว่และหลี่ฉินหลวนไอ้พวกฆาตกรฆ่าเย่เซียวกับเย่กังของฉันด้วย วิสามัญพวกมันทิ้งตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย"
เมื่อได้ยินคำสั่ง เหล่าเ้าหน้าที่ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาใช้ปืนพกและปืนไรเฟิลเล็งไปที่ทั้งสาม
แต่ในยามวิกฤตเช่นนี้ สามพี่น้องศิษย์ร่วมสำนักกลับจ้องมองไปยังฝูงชน ทุกคนต่างมองไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้มหัวหมอบลงกับพื้น
"ศิษย์พี่เจ็ด จะแกล้งตายอีกนานแค่ไหน? อีกนิดพวกเราก็จะกลายเป็รังผึ้งละนะ เดี๋ยวพวกเราก็ลงมือสังหารลูกน้องเธอให้หมดหรอก"
ทุกคนต่างมองไปตามสายตาของเฉินเฟิงด้วยความฉงน
ทันใดนั้นเอง ผู้หญิงคนหนึ่งที่หมอบอยู่กับพื้น กลับลุกขึ้นยืนพร้อมดึงหน้ากากของตัวเองออก เผยโฉมหน้าอันงดงามให้ทุกคนได้ประจักษ์
“ผู้บัญชาการกรมตำรวจประจำเมืองโยวเฉิงและรองผู้ว่าราชการคนปัจจุบันประจำเมืองเฉิงโยว หลินอ้าวเยว่!”
เมื่อเห็นหน้าตาแท้จริงของหญิงสาวชัดๆ ทุกคนต่างพากันสูดหายใจเสียวสันหลังวาบ
“ไอ๊โหยว ศิษย์น้องแปด ศิษย์น้องเก้า แล้วก็ศิษย์น้องสิบ ฉันแปลงกายแเีขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าพวกเธอยังจะมองออก! รู้งี้ ฉันไปเข้าวงการบันเทิงเป็ดาราฝึกฝนการแสดงดีกว่า น่าจะรุ่งกว่านี้”
หลินอ้าวเยว่ถอดเสื้อชั้นนอกออกจนเผยให้เห็นชุดยูนิฟอร์มสำหรับตำแหน่งผู้บัญชาการกรมตำรวจเท่านั้น เธอถอนหายใจเหมือนคนจนมุม
“วงการบันเทิงมันดีอะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพื่อปกป้องศิษย์น้องที่ปิดผนึกความทรงจำอยู่ เธอคิดว่าเราสองคนจะคบกับศัตรูหัวใจอย่างเย่ชิงโหรวเป็เพื่อนสนิทเหรอ แล้วยังต้องยอมเป็นักแสดงในสังกัดเธออีก?”
จ้าวเสี่ยวเยว่มองเย่ชิงโหรวที่กำลังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ผู้หญิงโง่เขลาที่ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่ตนมี แต่นายน้อยกลับไปตกหลุมรักผู้หญิงแบบนี้เสียแล้ว!
อย่างไรก็ตาม หลินอ้าวเยว่ไม่ได้สนใจจ้าวเสี่ยวเยว่แม้แต่น้อย เธอเดินไปคุกเข่าต่อหน้าเฉินเฟิงอย่างนอบน้อม
“ศิษย์น้อง ภายใต้การดูแลของฉัน กลับทำให้ท่านต้องทนทุกข์มากมาย ฉันต้องขออภัยเป็อย่างยิ่ง! แต่ว่าหกปีที่ไม่ได้เจอกัน คิดถึงศิษย์พี่คนนี้บ้างไหมเอ่ย?”
เฉินเฟิงตอบกลับด้วยความเ็าดุจสายฟ้าแลบ
“ไม่คิด! เพิ่งฟื้นความทรงจำเมื่อวาน จะเอาเวลาไหนไปคิดถึง! หกปีที่ผ่านมา แทนที่จะทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย กลับไต่เต้าเป็รองผู้ว่าฯ และตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจอะไรนี่อีก! เดิมทีทั้งทายาทคนโต ทายาทคนรอง ทายาทลำดับสามตระกูลเย่ ล้วนเป็ลูกน้องของเธอโดยตรง บัดนี้คุณชายสามตายไปแล้ว ยังเหลือคนโตกับคนรอง เธอไปจัดการเองตามเห็นสมควร!”
หลังจากได้ยินคำสั่งของเฉินเฟิง หลินอ้าวเยว่เงยหน้ามองไปรอบๆ เ้าหน้าที่จำนวนมาก
“พวกคุณคือเ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายแห่งเมืองโยวเฉิงแห่งนี้ หาใช่ทหารรับจ้างตระกูลเย่ไม่! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ แเื่ทุกคนต่างหมอบอยู่กับพื้นด้วยความหวาดกลัว และเป็พยานรับรู้เื่ราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยตาตนเอง ผู้บัญชาการตำรวจสายตรวจเย่กังพยายามควักดวงตาของหนูน้อยวัย ห้าขวบ และยังใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ เพื่อสั่งให้เ้าหน้าที่ยิงพ่อของเด็กคนนั้น ฉันขอมอบอำนาจให้จ้าวเสี่ยวเยว่จัดการโทษวิสามัญอย่างที่เขาสมควรได้รับ ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป ข้าพเ้าขอประกาศ ปลดเย่เฉิง คุณชายลำดับที่หนึ่งตระกูลเย่ ลงจากตำแหน่งผู้บัญชาการกรมบังคับคดี และปลดเย่สง คุณชายลำดับที่สองตระกูลเย่ ลงจากตำแหน่งหัวหน้าเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเมือง! จงจำให้ขึ้นใจ พวกคุณไม่ใช่ทหารรับจ้างของตระกูลเย่อีกต่อไป แต่เป็เ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของเมืองเฉิงโยวผู้ชอบธรรม อยู่ภายใต้การควบคุมของฉันหลินอ้าวเยว่ ผู้บัญชาการตำรวจคนปัจจุบัน!”
เมื่อหลินอ้าวเยว่ ผู้บัญชาการตำรวจและรองผู้ว่าฯ คนปัจจุบันปรากฏตัวขึ้น
ก็เป็ที่แน่ชัดแล้วว่า ตระกูลเย่ต้องจำใจยอมรับความอัปยศอดสูครั้งนี้!
หลังจากนั้นเหล่าเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตำรวจ และแขกจำนวนมากทยอยออกไปจากโรงแรม
ภายในโรงแรมอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพังแห่งนี้ ก็เหลือเพียงตระกูลเย่กับเฉินเฟิงรวมทั้งสิ้นแค่สี่คน
“ท่านรองผู้ว่าฯ ลูกชายผมทั้งสามมีตาหามีแววไม่ มองไม่เห็นูเาสูง ตะบึงเข้าใส่ศิษย์น้องของท่าน ผมขอร้องท่านผู้ว่าฯ แสดงความใจกว้าง อย่าจองเวรจองกรรมกับคนตัวเล็กๆ และอย่าปลดพวกเขาออกจากตำแหน่งได้ไหม? ถือว่าเห็นแก่หน้าผมเล็กๆ น้อยๆ หรืออดีตหัวหน้ากรมตำรวจแก่ๆ คนนี้สักหน่อยได้ไหม?”
เย่ไท่ป๋ายรีบเดินไปหาหลินอ้าวเยว่ด้วยความนอบน้อม แล้วก้มหัวขอร้อง
“คุณคิดว่าฉันเป็ศิษย์พี่ของพวกเขาจริงเหรอ อา ฉันเคยพบพวกเขาครั้งเดียวเท่านั้นเอง เพียงแต่ฉันกำลังลงเรียนคลาสการแสดงพอดี่นี้ เลยอยากลองฝึกฝีมือการแสดงดูน่ะ! แต่จะว่าไปแล้วนะ การกระทำของคุณชายทั้งสามของตระกูลเย่ก็เหลือจะทนจริงๆ เห็นกันอยู่คาตาว่าใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตน ฉันไม่ได้เป็คนออกคำสั่งปลดพวกเขาหรอก แต่เป็เบื้องบนสั่งมาอีกที เบื้องบนเขาสั่งมาเด็ดขาด ให้กวาดล้างพวกทุจริตคอร์รัปชัน หรือพวกที่ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนออกให้หมด”
หลินอ้าวเยว่รีบแสร้งตัดความสัมพันธ์กับเฉินเฟิงทันที ไม่เช่นนั้นเธอคงโดนข้อครหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนได้เหมือนกัน
“ใช่แล้ว พวกเราสองคนเป็แค่นักแสดงกับนักร้อง ไม่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับลูกเขยไร้ค่าของตระกูลเย่คนนี้หรอก เพียงแต่คุณหลินเห็นความสามารถด้านการแสดงของพวกเรา เลยอยากให้พวกเราช่วยเธอเล่นละครหนึ่งฉากเท่านั้นเอง”
จ้าวเสี่ยวเยว่กับหลี่ฉินหลวนรีบตั้งสติ แล้วปฏิเสธความสัมพันธ์ต่างๆ กับเฉินเฟิง
เย่ชิงโหรวที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟังสามสาวงามปฏิเสธเื่ความสัมพันธ์กับเฉินเฟิงต่อหน้าต่อตา ก็รู้สึกไม่เชื่อหูตัวเอง
การแสดงสามหน่อนี่มัน ช่างแย่เหลือหลาย
หลินอ้าวเยว่เดินไปหาเย่ชิงโหรวและพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม
“เธอคือผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลเย่ เย่ชิงโหรวใช่ไหม? ปู่ของเธอแก่จนเริ่มเลอะเลือนแล้ว ต่อไปต้องดูแลคนในตระกูลเย่ให้ดี ตราบใดที่ฉัน หลินอ้าวเยว่ประจำอยู่ที่เมืองนี้ ตระกูลเย่อย่าคิดว่าจะใช้มือเดียวปิดฟ้าได้ แต่ก็โชคไม่ดีเลย เธอต้องแต่งเข้าตระกูลเฉินแล้วย้ายไปเมืองเจียงเฉิงวันนี้ใช่ไหม น่าเสียดายจัง”
หลินอ้าวเยว่พูดจบ ก็ยื่นมือเรียวบางของเธอลูบไล้ใบหน้าเนียนนุ่มขาวใสอมชมพูของเย่ชิงโหรว
ขนเย่ชิงโหรวลุกั้แ่หัวยันเท้า หัวใจก็เต้นรัวผิดจังหวะ
'ได้ยินมาว่ารองผู้ว่าฯ หลินอ้าวเยว่เป็ลาล่า [1] อย่าบอกนะว่าเธอชอบฉันน่ะ พอรู้ว่าฉันจะแต่งงาน เธอคงรู้สึกไม่สมหวังในความรัก เลยกะจะเอาคืนฉันปะเนี่ย!'
จ้าวเสี่ยวเยว่กับหลี่ฉินหลวนทั้งคู่รู้จักกับเย่ชิงโหรวมาห้าปีแล้ว แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของเธอตอนนี้ ก็ทำให้พวกเขาอดหัวเราะคิกคักกันไม่ได้ สุดท้ายพวกเธอก็พูดขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียงว่า
“น้องชิงโหรว พวกเราเป็ทั้งเพื่อนสนิทกับลูกน้องเธอตั้งห้าปี เมื่อกี้พวกเราแค่เล่นสวมบทบาทเฉยๆ พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับสามีไร้ค่าของเธอจริงๆ นะ”
ได้ยินคำพูดของทั้งสอง เย่ชิงโหรวมองไปเฉินเฟิงอย่างครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ได้ยินเขาพูดขึ้นบ้าง
"รองผู้ว่าฯ หลิน เขาขอให้ผมมาช่วยแสดงละครจับแกะดำในตระกูลเย่ วางใจได้... ลูกผมยังไม่เสียชีวิตหรอก คืนนี้ผมช่วยชีวิตเธอไว้ได้แน่ ห้าปีในบทบาทลูกเขยไร้ค่าถึงเวลาปิดม่านการแสดงได้แล้ว ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ละครก็ยิ่งกว่าชีวิตจริง เหมือนฝีมือการแสดงระดับรางวัลออสการ์ของคุณจะสู้ผมไม่ได้นะ"
ไม่ว่าใครในตระกูลเย่ที่ได้ยินต่างก็เชื่อเฉินเฟิงสนิทใจ เพราะการคิดว่าเขาเป็นักแสดงสวมบทบาทปลอมตัวมา ยังง่ายเสียยิ่งกว่าเชื่อว่าเขาเป็ปรมาจารย์สำหนักหมัดมวยธรรมชาติมากโข
เชิงอรรถ
[1] ลาล่า เป็ศัพท์สแลง ที่หมายถึงกลุ่มเลสเบี้ยน ทอมดี้ ยูริ หรือผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน
