หลัวเลี่ยไม่ทันตั้งตัวจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
การทะลวงผ่านที่ใกล้แค่เอื้อม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด พลังทั้งหมดในร่างกายไม่ว่ามันจะเดินอยู่ในเส้นลมปราณ หรือกระจุกอยู่ที่จุดตันเถียน ทั้งหมดไหลผ่านแขนซ้ายและไปที่มือซ้าย นอกจากนี้เขายังมีความรู้สึกอบอุ่นที่มือซ้ายของเขาด้วย
“เกิดอะไรขึ้น”
หลัวเลี่ยใจสั่นเล็กน้อย แล้วเขาก็นั่งลงขัดสมาธิทันที
เสวี่ยปิงหนิงเข้าใจโดยปริยาย เธอโบกพู่กันเวทกลับมา แล้วัทั้งหมดที่รวมตัวกันรอบๆ หลัวเลี่ยก็สลายไป กลับสู่พลังดั้งเดิมที่อยู่ห่างไกลออกไป
เสวี่ยปิงหนิงมองอย่างสงสัย เธอแน่ใจว่าหลัวเลี่ยไม่ได้กำลังก้าวข้าม
ในขณะที่หลัวเลี่ยรู้สึกไม่สบายเพียงเล็กน้อยภายใต้ความร้อนที่เพิ่มขึ้นในมือซ้ายของเขา และความรู้สึกคุ้นเคยที่อธิบายไม่ได้ก็คืบคลานเข้ามาในหัวใจของเขา ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อมองไปที่มือซ้าย ฉากที่อยู่ตรงหน้าเขาเปลี่ยนไป และฉากที่เขาเดินทางข้ามมิติก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยไม่คาดคิด
ความฝันของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
และยังเป็ฉากที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สลายไป
อนุภาคสีขาวราวกับหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลัวเลี่ย นำมาซึ่งความเ็ปสุดจะพรรณนา
ความเ็ปแบบนั้นหลัวเลี่ยจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิต เ็ปราวกับว่าร่างกายของเขาถูกฉีกเป็ชิ้นๆ จากนั้นจึงประกอบขึ้นใหม่ เขาไม่สามารถบรรยายได้ว่ามันเ็ปขนาดไหน
มันเป็เช่นนี้เอง หลัวเลี่ยเข้าใจว่าสาเหตุที่เขาสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ได้อย่างราบรื่นนั้น เป็เพราะความเ็ปนี้อย่างแน่นอน มันทำให้ร่างกายของเขาดูเหมือนว่าได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่เหมือนเมื่อครั้งก่อนที่เขาเ็ปเกินกว่าจะมอง แต่ตอนนี้เขายังสามารถรับชมฉากที่ปรากฏในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน
เขาเห็นว่าอนุภาคสีขาวราวหิมะที่แตกกระจายเข้าร่างของเขาหนึ่งในสามส่วน ดูเหมือนจะผสานเข้ากับศีรษะของเขา และอีกสองส่วนผสานเข้ากับมือซ้ายของเขาจริงๆ
การปรับร่างกายทำให้เขาสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งไม่มีใครในดินแดนเหยียนหวงสามารถฝึกฝนได้
เขาไม่รู้ว่าภายในหัวเป็อย่างไร แต่เขาเข้าใจได้ว่า ตอนที่เขา้าฝึกฝนใน่แรกแล้วมีความทรงจำผุดขึ้นโดยอัตโนมัตินั้นน่าจะเกี่ยวกัน เพราะดูเหมือนว่าจะเป็สิ่งที่สืบทอดมาชนิดหนึ่ง และไม่แน่ว่าอาจจะมีความทรงจำมากมายที่ปรากฏขึ้นอีกในอนาคต
ส่วนมือซ้ายเพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในตอนนี้
พลังของร่างกายทั้งหมดผสานเข้ากับมือซ้าย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในมือซ้าย ซึ่งทำให้หลัวเลี่ยมีความคาดหวังมากขึ้น
อาจเป็ความสามารถทางเวทบางอย่าง?
อุณหภูมิของมือซ้ายสูงขึ้นเรื่อยๆ และความเ็ปก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ทำให้ภาพที่อยู่ด้านหน้าของหลัวเลี่ยหายไป ความเ็ปจากการเสียดแทงคล้ายว่ามือซ้ายของเขาถูกฉีกออกจากกันและประกอบขึ้นใหม่
นอกจากความเ็ปแล้ว ประโยคหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของหลัวเลี่ยอีกครั้ง
เช่นเดียวกับการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ในตอนนั้น สิ่งนี้เกิดขึ้นกะทันหันมาก แต่ชี้ให้เห็นถึงความหมายของการเปลี่ยนแปลงของมือซ้าย
เนื้อหาคือ...มือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สามารถสังหารนักเวทและเทพได้ทั้งหมด!
หา?
หลัวเลี่ยตกตะลึงกับคำพูดเหล่านี้
ก่อนหน้าเขายังคงหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่สามารถเป็นักเวทได้ แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็ตัวอันตรายสำหรับนักเวท และตัวอันตรายเช่นเขาก็สามารถสังหารนักเวททั้งหมดได้
แน่นอนว่าหลัวเลี่ยไม่คิดอะไรโง่ๆ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาไม่อาจสังหารนักเวทระดับสูงได้ แต่สามารถพูดได้ว่านักเวทที่อยู่ระดับเดียวกับเขาสามารถสังหารได้
เขาอยู่ในระดับของการฝึกตน และระดับต่ำสุดของนักเวทคือการตื่นรู้
หากอยู่ในระดับที่สามของการฝึกตน จะสามารถเทียบกับระดับที่สาม สี่ หรือห้า ของระดับการตื่นรู้ของนักเวท ด้วยเหตุนี้กลุ่มคนเ่าั้เขาล้วนสามารถสังหารได้
เมื่อเขาตื่นขึ้นจากความใ ความเ็ปที่มือซ้ายของเขาก็หายไป
หลัวเลี่ยไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ ที่มือซ้ายของเขา พลังนั้นหายไป
หลังจากนั้นไม่นานพลังก็เติมเต็มร่างกายอีกครั้ง
นี่คือข้อได้เปรียบของเคล็ดวิชาั์ คือมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองค่อนข้างเร็ว
หลัวเลี่ยมองไปที่พื้นที่ภายในไข่มุกเชื่อมั
ที่ผ่านมาเขาเข้าไปได้เพราะความช่วยเหลือของเสวี่ยปิงหนิง
ไข่มุกเชื่อมัมีการคัดกรองเวทมนตร์ของนักเวท หากไม่เข้าใจก็เป็การยากที่จะเข้าไปได้ เพียงว่าการคัดกรองนี้ใช้เป็หลักเพื่อป้องกันไม่ให้ความลับสำคัญของไข่มุกเชื่อมัรั่วไหลออกไป ไม่ใช่เพื่อกันบุคคลภายนอก
หลัวเลี่ยมองไปที่มือซ้ายของเขา เขาคิดเล็กน้อย ส่งพลังเข้าสู่มือซ้าย แล้วเขาโบกหนึ่งครั้ง
พรึ่บ!
รอยแยกปรากฏขึ้นพร้อมเกิดแสงส่องออกมาในอากาศทันที แล้วดวงตาของหลัวเลี่ยก็พร่ามัวเล็กน้อย เมื่อเขากลับมามองเห็นชัดเจนอีกครั้ง เขาก็ยืนอยู่บนพื้นแล้ว แต่ไม่ใช่ในไข่มุกเชื่อมั
เสวี่ยปิงหนิงปรากฏออกมาทันทีหลังจากนั้น
"เ้าทำได้อย่างไร แม้ว่าไข่มุกเชื่อมัจะไม่ได้ห้ามการเข้าและออก แต่เมื่อไม่ใช้เวทมนตร์ในการเข้าออก จะเป็การทำลายไข่มุกเชื่อมั แต่เ้าเพียงยกมือขึ้นกลับไม่ได้ทำลายไข่มุกั แต่แค่ทำลายกฎการเข้าออกเท่านั้น"
เธอใมาก
ต้องรู้ว่าผู้ที่สามารถบรรลุความแตกต่างที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้ไม่ใช่ผู้เข้าสู่วิถียุทธ์ในระดับผู้ฝึกตน หรือแม้แต่ในระดับหยินและหยางก็ยังเป็เื่ยากมาก
หลัวเลี่ยมองไปที่มือซ้ายของเขา และเมื่อเขาได้ยินเสวี่ยปิงหนิงบอกว่า การห้ามเข้าและออกถูกทำลาย เขาแน่ใจว่ามือซ้ายของเขาเป็มือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หมายความว่าเขาสามารถสังหารนักเวททั้งหมดได้
“เข้าไปแล้วค่อยพูด”
เขาเอื้อมมือไปจับมือซ้ายของเสวี่ยปิงหนิง และะโเข้าไปในไข่มุกเชื่อมั
กฎห้ามเข้าและออกถูกทำลาย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ แล้วพวกเขาก็เข้าสู่ไข่มุกเชื่อมัได้
เสวี่ยปิงหนิงจ้องมองที่เขาและพูดว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
หลัวเลี่ยยื่นมือซ้ายออกมา "ถ้าข้าบอกว่ามือซ้ายของข้าสามารถสังหารนักเวทได้ เ้าจะเชื่อไหม"
"เชื่อ!" เสวี่ยปิงหนิงลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะให้คำตอบ
ตอนนี้ถึงตาของหลัวเลี่ยที่ต้องตกตะลึง "ทำไม?"
ไม่ต้องพูดถึงนักเวทแม้แต่ผู้เป็วรยุทธ์ ถ้ามีคนบอกว่ามือซ้ายของเขาสามารถสังหารนักเวทได้ พวกเขาคงจะคิดว่าคนคนนั้นต้องเป็คนวิกลจริตเป็แน่
“ไม่ทำไม” เสวี่ยปิงหนิงกล่าว
หัวใจของหลัวเลี่ยอบอุ่นขึ้น ที่บอกว่า ‘ไม่ทำไม’ และ ‘เพราะเ้าคือหลัวเลี่ย’ มีความหมายเหมือนกัน คำตอบคือไม่มีอะไรมากไปกว่าความไว้วางใจที่ไม่มีเงื่อนไขของเสวี่ยปิงหนิงที่มีต่อเขา
หากเป็เพียงหลัวเลี่ยคนธรรมดา เสวี่ยปิงหนิงจะไม่เป็เช่นนี้ แต่เป็เพราะความภักดีของท่านอ๋องน้อยหลัวเลี่ยที่มีต่อหลิวหงเหยียน ดังนั้นความไว้วางใจของเสวี่ยปิงหนิงที่มีต่อหลัวเลี่ยจึงเหนือจินตนาการ
ในขณะเดียวกันเสวี่ยปิงหนิงก็แสดงด้านที่หลัวเลี่ยชื่นชม
ในฐานะนักเวท เธออดกลั้น และไม่ถามว่าทำไมมือซ้ายของหลัวเลี่ยถึงสามารถสังหารนักเวทได้ และยังคงจดจ่ออยู่กับการช่วยเหลือในการฝึกตนของหลัวเลี่ย
การกระทำของเธอทำให้หลัวเลี่ยประทับใจมากยิ่งขึ้น เพราะเสวี่ยปิงหนิงรู้ว่านี่ควรเป็ความลับของหลัวเลี่ย และเธอไม่้ารู้มากกว่านี้ ดังนั้นเธอจึงบอกหลัวเลี่ยว่าเธอจะเก็บเื่นี้เป็ความลับ
หลัวเลี่ยไม่พบข้อบกพร่องใดๆ ในตัวผู้หญิงคนนี้
ที่หลัวเลี่ยใจเต้นก็สงบลงเช่นกัน
เขารู้ว่า ไม่ว่ามือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะทรงพลังเพียงใด ทว่ามันจะไร้ประโยชน์หากเขาไม่มีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งเพียงพอ เพราะมันขึ้นอยู่กับพลังพื้นฐานของวรยุทธ์
สิ่งนี้ทำให้เขาทุ่มเทมากขึ้นในการฝึกพลังวรยุทธ์
การฝึกพลังวรยุทธ์ยังคงดำเนินต่อไป
แม้ว่าความก้าวหน้านี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับการฝึกฝนวรยุทธ์มากนัก
เพียงหนึ่งวันต่อมา เขาก็ได้รับโอกาสที่จะก้าวข้ามอีกครั้ง
ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นมาทำลายความคิดภายในหัวของหลัวเลี่ยอีก ครั้งนี้เขาก้าวข้ามสู่ระดับที่สี่อย่างเป็ทางการ