ตอนนี้จำเป็ต้องมีคนออกมาปลุกปั่นขวัญกำลังใจทหารให้มั่นคง
‘หมายเลขสอง’ องค์รักษ์ของชายหน้ากากเงินเป็ผู้บัญชาการทหารทัพโล่หอกั หลังจากที่ตอนแรกมัวแต่ตกตะลึงกับการโจมตีของขวาน ในไม่ช้าเขาก็ดึงสติกลับคืนมา
เมื่อเห็นขบวนทัพยุ่งเหยิงก็พลันชะงักไปครู่หนึ่ง และเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพถูกตีแตก ‘หมายเลขสอง’ จึงชักดาบออกมาจากเอว ดวงตาประกายเ็าก่อนจะฟันไปที่ทหารเกราะดำห้าหกนายที่หันหลังวิ่งหนีมา ไม่ทันที่ทหารเ่าั้จะทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง หัวของพวกเขาก็ถูกฟันกระเด็นออกไปกลางอากาศ ศพไร้หัววิ่งไปด้านหน้าไม่กี่ก้าวก็ล้มลงพื้น เืพุ่งกระฉูดออกมาเหมือนน้ำพุ...
“รักษารูปขบวนทัพ แถวสองตั้งรับให้ดี! ใครกล้าหนีทัพ สังหารให้หมด!”
หยดเืติดบนดาบในมือหยดลงพื้น ‘หมายเลขสอง’ โคจรคลื่นพลังในกายแล้วะโออกมา
ภายใต้คำสั่งโทษปะา ในที่สุดเหล่าทหารเกราะดำก็ดึงสติกลับคืนมา พวกเขาค่อยๆ รวมตัวกันอีกครั้งเพื่อรักษาแนวหน้า หลังจากพยายามรักษารูปขบวนทัพจนมั่นคงแล้ว อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ ก็สงบสติลงได้ เขารีบออกคำสั่งให้จัดแนวป้องกันใหม่ทันที
ด้วยคำสั่งของผู้บัญชาการทหาร เหล่าทหารเกราะดำก็แสดงความสามารถในการต่อสู้ของตัวเองออกมา หลังจากที่พวกเขาตัดสินใจทิ้งทหารแถวหน้า ทหารเกราะดำแถวหลังก็ถอยหลังเล็กน้อยให้เกิดพื้นที่ว่างสองสามเมตรทันที โล่เหล็กและหอกัจำนวนนับไม่ถ้วนก็พร้อมรบอีกครั้ง พวกเขารวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็แนวปราการเหล็กใหม่อีกครั้ง
ตึง!
ในที่สุดขบวนโล่หอกัก็มั่นคงเหมือนเดิม
อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ อยู่ด้านหลังของทัพ จ้องมองไปที่เหล่าสัตว์ประหลาดทั้งยี่สิบกว่าคนที่กำลังรุดหน้าเข้ามาอย่างเคร่งเครียด ในใจแสยะยิ้มเหี้ยมโหด
ระยะห่างทั้งสองฝ่ายค่อยๆ ใกล้เข้ามา เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหมือนดั่งสัตว์ประหลาดทำลายโล่เปิดทางวิ่งฝ่าเข้ามา ขอเพียงรูปขบวนอัศวินเกราะดำไม่ยุ่งเหยิง ทันทีที่เหล่าชายฉกรรจ์ที่สวมเกราะเหล็กทั้งร่างมันกล้าพุ่งเข้ามาอีก หอกัก็จะแทงออกไป ทะลวงร่างพวกมันอย่างง่ายดาย จากนั้นพวกมันก็จะกลายเป็เนื้อเคบับ
ดวงตาของอัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ มองลอดผ่านช่องเล็กๆ ระหว่างโล่ จ้องเขม็งไปที่สถานการณ์รบด้านนอก
วิกฤติครั้งนี้ เขาทอดทิ้งทหารสามสิบกว่านายด้านนอกอย่างไร้ความเมตตา ตอนนี้เหล่าสัตว์ประหลาดที่สวมชุดเกราะทั้งร่างกำลัง ‘ทำความสะอาด’ ทหารเกราะดำที่น่าสงสารกลุ่มนั้นเหมือนกับกำลังกวาดใบไม้ก็ไม่ปาน เห็นเพียงเืที่สาดกระจายและอวัยวะภายใน แขน ขาที่ถูกตัดขาดปลิวว่อนไปทั่วสะพานแคบๆ...
อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ ต้องยอมรับว่าชายฉกรรจ์ที่วิ่งเข้ามากลุ่มนี้แต่ละคนต่างเป็สัตว์ประหลาดที่ไร้เทียมทาน อาวุธั์ในมือของพวกเขาก็ยังทำให้ตัวเองที่เป็ถึงนักรบหนึ่งดาวยังรู้สึกเย็นะเืในใจเวลาที่มอง ด้วยลักษณะของสะพานที่แคบเป็พิเศษ ไม่ว่ากองทัพใดๆ หากต้องเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ มันจะต้องเป็ฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือนแน่ๆ
โดยเฉพาะผู้ชายที่อยู่หน้าสุด คนคนนั้นทำให้อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ รู้สึกหนาวไปทั่วร่าง
รูปร่างของชายคนนั้นผอมบางและเตี้ยที่สุดในกลุ่ม แต่ที่ทำให้คนยากจะเข้าใจคือ พลังโจมตีและพลังทำลายล้างของเขากลับน่าหวาดกลัวที่สุดในกลุ่ม
อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ จำได้อย่างแม่นยำ วินาทีแรกที่เริ่มโจมตี ก็เป็ชายคนนั้นที่ทะยานเข้ามา พร้อมขว้างขวานที่น่ากลัวนั่น เหมือนเทพปีศาจที่แค่โจมตีเบาๆ ก็สามารถทำลายขบวนทัพโล่หอกัที่แข็งแกร่งลงได้ พลังที่น่ากลัวราวกับเป็ความโกรธเกรี้ยวของพระเ้า...ฉากนั้นจนถึงตอนนี้เวลาที่นึกถึงมันขึ้นมา ในใจของอัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ ก็อดที่จะหวาดกลัวในฉากการสังหารนั้นไม่ได้
ตอนนี้ ขณะที่มองลอดช่องว่างระหว่างโล่ ‘หมายเลขสอง’ ก็เห็นอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าชายคนนั้นไปเอาขวานที่ทรงพลังนั่นมาจากไหน ใบขวานที่ใหญ่เท่าประตูคมขวานทั้งสองด้าน มีตะขอสีขาวที่น่าสยดสยองและตรงมุมก็มีหนามแหลมที่ดุดัน ขวานสีดำนั่นไม่รู้ว่าใช้วัสดุอะไรสร้าง ้าเต็มไปด้วยลวดลายที่ลึกลับ ถ้าขวานนี้อยู่ในมือคนทั่วไปคงต้องใช้แรงมหาศาลกว่าจะยกมันขึ้น เพราะขวานนี้อย่างน้อยๆ น่าจะหนักประมาณหนึ่งร้อยกว่าจิน (ห้าสิบกิโลกรัม) คิดว่าต้องใช้ทหารสองสามคนช่วยกันยกขึ้นมา แต่เมื่อขวานอยู่ในมือของผู้ชายคนนั้น เขากลับยกขึ้นง่ายๆ เหมือนถือฟางข้าว ทั้งยังกวัดแกว่งขวานเหมือนพายุ ยามที่ขวานฟาดฟัน ก็มีแสงสะท้อนเย็นะเืเสียดแทงตาและทหารเกราะดำล้มลงเหมือนข้าวที่ถูกชาวหน้าเกี่ยว เพียงพริบตาที่เหวี่ยงขวานฟันออกไป ทั้งอาวุธและคนก็ถูกผ่าออกเป็สองส่วน ไม่มีใครสามารถหลบหนีจากคมขวานนี้ได้และไม่มีใครต้านทานพายุขวานนี้ได้
ชายคนนี้เหมือนเครื่องจักรสังหารที่เกิดมาเพื่อฆ่า
ทหารเกราะดำสามสิบกว่านายที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็อย่างดี ทว่าภายใต้การลงมือของกลุ่มสัตว์ประหลาดพวกนี้ต่างไม่มีใครจะสามารถยืนหยัดได้ถึงยี่สิบวินาที พริบตาเดียวก็กลายเป็ร่างไร้ิญญาทั้งสภาพศพก็น่าสังเวช ไม่มีศพไหนสมบูรณ์สักนิด หากไม่ถูกฟันเป็หลายส่วนก็ถูกทุบจนผิดรูป แขนขาที่ขาดก็สามารถมองเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง หอกโล่ก็ถูกฟันและทุบจนบิดงอ...
ทุกทีที่กลุ่มสัตว์ประหลาดผ่านไป นอกจากสะพานแล้วไม่มีสิ่งไหนที่สามารถคงรูปลักษณ์เดิมได้
ตอนนี้แนวรบของทหารเกราะดำบนสะพานได้ถอยร่นออกไปอีกห้ากว่าเมตร
ซึ่งการกระทำเหล่านี้ต่างใช้เวลาแค่สี่สิบวินาทีเท่านั้น
……
“พระเ้าคุ้มครองเรา!”
ในระหว่างการต่อสู้ ซุนเฟยไม่ลืมแสร้งพูดประโยคปลุกใจ
เสียงะโของเขาดังขึ้นหลังจากที่เหวี่ยงขวานฟันร่างของทหารเกราะดำนายหนึ่งขาดเป็สามท่อน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่า ทหารเกราะดำที่ตื่นใเมื่อกี้ได้เว้นระยะห่างไปหลายเมตร ทั้งยังรวมตัวจัดขบวนทัพป้องกันแถวที่สองได้อย่างมั่นคง
ในใจก็แปลกใจเล็กน้อย
ปฏิกิริยาตอบสนองและความเร็วในการรวมตัวกันของข้าศึกเกินความคาดหมายของเขา
ดูเหมือนว่าถ้าอยากจะรุดไปด้านหน้าต่อคงยากกว่าเดิมสองเท่า
แต่ลูกธนูที่ปล่อยไปแล้วไม่สามารถนำกลับมาได้อีก
ในใจของซุนเฟยแน่ชัดแล้วว่า ตัวเองจำเป็ต้องพานักรบกลุ่มนี้จัดการกับขบวนทัพโล่ตรงหน้าให้เร็วที่สุด จากนั้นก็จะได้ไปทำลายเครื่องยิงหินและบันไดยึดเมืองที่อยู่ห่างออกไป
ตอนนี้เวลาเทียบเท่ากับชีวิต
ความเร็วในการวิ่งไม่อาจชะลอได้ จำเป็ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่ผู้บัญชาการลึกลับคนนั้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทัน ไม่อย่างนั้น ในระหว่างการต่อสู้ยอดฝีมือของศัตรูอาจจะเข้ามาสนับสนุน ตัวเองสามารถหลบหนีได้แต่นักรบทั้งยี่สิบกว่าคนไม่ใช่นักรบระดับดาว ไม่มีคลื่นพลัง หากจะหลบหนีอย่างไรก็ยากที่จะทำได้
“ให้ฉันเป็จุดศูนย์กลาง จัดขบวนทัพเป็รูปกรวยเร็ว! รีบรวมตัว! เร็ว เร็ว เร็ว เร็ว!”
ซุนเฟยะโเสียงดัง ชายฉกรรจ์ทั้งยี่สิบกว่าคนนั้นต่างพากันแยกย้ายไปสังหารศัตรูต่างพากันรีบเข้ามาจัดขบวนทัพ โดยที่เพียร์ซและดร็อกบาต่างยืนซ้ายขวาอยู่ด้านหลังของซุนเฟย ตอนนี้ ทั่วร้างของทั้งสองคนเต็มไปด้วยเืของศัตรู อาวุธในมือก็มีหยดเืไหลเป็ทางและมีเศษกระดูกขาวๆ ติดอยู่ด้วย เหมือนปีศาจที่หลุดออกมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น
นักรบคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ต่างกัน เหมือนมีฝนเืตกลงมา บนชุดเกราะเต็มไปด้วยหยาดเืแดงฉานทั่วร่าง
การต่อสู้เมื่อครู่เพราะมีซุนเฟยที่เป็เหมือนเครื่องบดเนื้อที่อยู่หน้าสุด พุ่งเข้าไปเปิดทางให้และยอดฝีมือที่ทรงพลังต่างก็ถูกซุนเฟยสังหารในชั่วพริบตา ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่เจอปัญหาอะไร ชุดเกราะที่สวมอยู่ถูกข้าศึกฟันจนเป็รอยอยู่ไม่กี่ขีด ตอนนี้ยังไม่มีใครได้รับาเ็
“ทุกคนรีบดื่มน้ำในถุงสีฟ้า ฟื้นฟูพลังเสีย รอฟังคำสั่งข้า จากนั้นก็บุกโจมตีทันที”
ซุนเฟยสั่งเหล่านักรบด้านหลัง ทันใดนั้นเขาก็พุ่งไปด้านหน้า
หวือ หวือ หวือ!
ในจังหวะที่เขาพุ่งออกไป เขาใช้เท้าเตะศพสองสามศพที่อยู่บนสะพานให้ลอยไปชนกับโล่ที่สูงกว่าสามเมตร ศพพวกนั้นตกอยู่ท่ามกลางบรรดาเหล่าทหารเกราะดำที่อยู่ด้านหลังโล่ ด้านหลังมีเสียงร้องใดังขึ้นมา แต่ขบวนทัพโล่หอกัก็ไม่ได้เกิดความวุ่นวายแต่อย่างใด
ความจริงแล้ว ซุนเฟยก็ไม่ได้หวังว่าศพแค่ไม่กี่ศพจะสามารถก่อกวนขบวนทัพของข้าศึกได้
ระยะห่างสองสามเมตร ด้วยพลังของคนเถื่อนเลเวล 12 ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น แต่ในจังหวะนี้ซุนเฟยได้ทำเื่บางอย่างด้วย
เปลี่ยนโหมด
คิดในใจ เขาก็รีบเปลี่ยนจาก ‘โหมดคนเถื่อน’ เป็ ‘โหมดเนโครแมนเซอร์’ อย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตา ขวานั์ในมือก็เกิดประกายแสงสีขาวแล้วจางหายไป ตอนนี้เอง พลังความแข็งแกร่งของคนเถื่อนก็หายไปในพริบตา หมอกความตายสีขาวก็ปกคลุมบนร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เอง เขาก็เริ่มใช้ทักษะของเนโครแมนเซอร์ทันที
‘ศพะเิ’ !!!
หมอกความตายสีขาวที่มองไม่เห็นรวมตัวกันในมือของซุนเฟยแล้วยิงออกไป เพียงพริบตาก็ทะลุช่องว่างระหว่างโล่เหล็กเข้าไปสิงอยู่ในศพที่ถูกซุนเฟยเตะไปด้านหลังของขบวนทัพโล่
“ะเิ ะเิ ะเิ ะเิ ะเิ ะเิ ะเิ!”
ในใจคิดอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตูมลอยออกมาจากด้านหลังของขบวนทัพโล่ที่ขวางทางซุนเฟยเหมือนกำแพงเหล็กที่สูงกว่าสามเมตร เสียงนั้นคือเสียงะเิที่กำลังทำงาน เพียงพริบตาก็ได้ยินร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมเืฝนที่พุ่งขึ้นมา
ทักษะ ‘ศพะเิ’ ทำงานแล้ว
เหล่าทหารเกราะดำที่ซ่อนอยู่ด้านหลังโล่คิดดูถูกซุนเฟยที่เตะศพเข้ามา ถ้าพวกเขาต้องหวาดกลัวกับศพแค่ไม่กี่ศพจะถือว่าเป็ทหารได้อย่างไร? แต่พวกเขาก็คาดไม่ถึงว่า ศพเ่าั้ที่ถูกเตะเข้ามาจู่ๆ ก็ะเิขึ้นมาและะเินี้ก็รุนแรงมาก เืและเนื้อสามารถทะลวงชุดเกราะอ่อนที่พวกเขาสวมบนร่างได้ และเศษกระดูกที่กระเด็นก็เหมือนกับหัวลูกศรธนูเจาะเกราะที่สามารถทำลายชุดเกราะพวกเขาอย่างง่ายดาย...
เื่ราวเกิดขึ้นโดยฉับพลันไม่มีใครสามารถป้องกันได้ ทหารเกราะดำจึงพากันาเ็ล้มตาย
ทหารเกราะดำยี่สิบกว่านายตายทันทีโดยไม่ทันได้ร้องสักคำ ยังมีคนโชคร้ายที่ถูกะเิจนแขนขาขาด แต่ยังไม่ตายในทันที พวกเขานอนกลิ้งกับพื้นแล้วร้องอย่างเ็ป และยังมีผู้โชคร้ายอีกไม่กี่คนที่ไม่ได้รับาเ็ใดๆ แต่ภายใต้ความหวาดกลัว พวกเขาต่างถูกสหายร่วมรบผลักตกลงไปจากสะพาน เสียงกรีดร้องดังขึ้นในตอนที่ร่วงลงสู่แม่น้ำจูลี่ ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก พวกเขาก็ถูกกระแสน้ำกลืนกินและหายไป...
-------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้