เมื่อเผชิญหน้ากับเครื่องเคลือบทั้ง 10 ชิ้นหลินเยว่ก็พยายามควบคุมจิตไม่ให้ตนเองตื่นต้นมากจนเกินไป หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเครื่องเคลือบเ่าั้
เครื่องเคลือบชิ้นแรกคือแจกันเคลือบสีแดงใบหนึ่งสีเคลือบภายนอกเป็สีแดงสดทั้งหมด เวลามองจะให้ความรู้สึกถึงความสว่างสดใสอย่างเห็นได้ชัดรูปทรงของมันคล้ายกับเครื่องปั้นดินเผาในสมัยโบราณ คอแจกันมีความแคบและเล็กแต่ตัวแจกันส่วนที่อยู่ต่อเนื่องลงมาจากคอแจกันกลับมีความกว้างมาก และเมื่อถึงตัวแจกันส่วนล่างกลับกลายเป็แคบและเล็กลงอีกครั้งลักษณะของมันคล้ายกับหญิงสาวในชุดสีแดง หน้าอกใหญ่ เอวคอดกิ่ว เล็กจนกระทั่งแทบจะไม่มีก้นเลยทีเดียว
หลินเยว่หยิบเครื่องเคลือบขึ้นมาแล้วลูบสีเคลือบ้า ขณะที่ััก็ให้ความรู้สึกมันเยิ้มมาก ราวกับมีควันเหนียวติดค้างอยู่ในปากและลำคอไม่ได้ให้ความรู้สึกสดชื่นหรือเรียบหรูเลยสักนิด
หลินเยว่วางเครื่องเคลือบไปทางหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องเข้ามาเขาสังเกตสีเคลือบยามสะท้อนกับแสงแดด มันเป็สีทึบมากให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในความมืดสลัว
เมื่อสังเกตจนถึงตรงนี้แล้วหลินเยว่ก็ได้ข้อสรุปอยู่ในใจ
เครื่องเคลือบชิ้นนี้ 80% น่าจะเป็เครื่องเคลือบที่ผลิตขึ้นในปัจจุบันเพราะสีเคลือบเหมือนเป็สีของการทำขึ้นในสมัยนี้ เพราะในสมัยโบราณจะไม่มีสีเคลือบที่เป็สีแดงสดเช่นนี้เลยและที่สำคัญที่สุดก็คือ ในสมัยโบราณไม่มีรูปทรงเช่นนี้เลยสักชิ้นหรืออย่างน้อยหลินเยว่ก็ยังไม่เคยเห็นรูปทรงเช่นนี้มาก่อนเลยไม่ว่าจะเป็ที่หรงเล่อเซวียนหรือว่าจะเป็ภาพบนอินเทอร์เน็ตก็ตามแต่ทว่าฝีมือการผลิตเครื่องเคลือบใบนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว มันเป็ของดีชิ้นหนึ่งจริงๆ
ต่อมา หลินเยว่ก็พลิกหาตัวอักษรที่ก้นแจกันแต่ปรากฏว่าไม่มีตัวอักษรใดๆ เลย
แต่ดูเหมือนว่าทางผู้จัด้าระบุถึงยุคสมัยของแจกันเคลือบใบนี้ดังนั้น จึงมีการตั้งกล่องไม้ขนาดเล็กที่ดูโบราณและเรียบง่ายใบหนึ่งไว้ทางด้านหลังของแจกันเคลือบตัวไม้ที่ทำเป็กล่องค่อนข้างบาง แต่ทว่ากลับมีความยืดหยุ่นพอสมควร เมื่อเป็เช่นนี้กล่องใบนี้จึงสามารถกันกระเทือนได้อีกด้วยทำให้สามารถปกป้องแจกันเคลือบด้านในไม่ให้เกิดความเสียหายได้อีกทาง
หลินเยว่เปิดกล่องไม้ขึ้นดูเขาจึงเห็นว่าช่องว่างด้านในมีลักษณะพอดีกับรูปทรงของแจกันดูแล้วกล่องไม้กล่องนี้ถูกทำขึ้นมาเพื่อไว้สำหรับการขนส่งแจกันเคลือบใบนี้โดยเฉพาะ
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ากล่องไม้ใบนี้อยู่ในยุคสมัยไหนแต่หลินเยว่ััได้ว่ากล่องไม้ประเภทนี้จะต้องมีความเก่าแก่พอสมควรแต่ถึงจะเป็แบบนี้ก็ไม่ได้เป็หลักฐานว่าแจกันเคลือบใบนี้จะเป็ของแท้ การจะสรุปว่าแจกันเคลือบใบนี้เป็ของแท้หรือของปลอมยังคงต้องสำรวจต่อไป
หลินเยว่ปิดกล่องไม้กลับคืนเหมือนเดิมแต่เมื่อเขาเห็นแผ่นกระดาษที่คาดทับอยู่้าแล้ว เขาก็ต้องถึงกับหัวเราะออกมา
เครื่องเคลือบใบนี้เป็ของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว!
บนกล่องไม้มีแผ่นกระดาษคาดทับแบบโบราณปิดไว้อยู่แต่ไม่ได้เป็แผ่นกระดาษที่ทำขึ้นมาแบบหยาบๆ คาดทับประตูบ้านเวลาที่บ้านหลังนั้นๆ ถูกค้นที่มักจะเห็นอยู่ในโทรทัศน์อยู่เสมอแต่แผ่นกระดาษใบนี้กลับเป็กระดาษน้ำมันที่แข็งแรงทนทาน ้าเขียนอักษรจีนว่า
สถานีขนย้ายวัตถุของรัฐบาลชั่วคราวแห่งฉงชิ่ง
เขียนด้วยอักษรไข่ซูและเป็อักษรตัวเต็ม
แผ่นกระดาษคาดทับใบนี้คือหลักฐานที่ทำให้หลินเยว่ตัดสินว่าแจกันเคลือบเบื้องหน้านี้เป็ของปลอม
คนที่ผลิตพยายามลอกเลียนอย่างตั้งใจและยังใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อตบตาความเป็ของปลอมของแจกันใบนี้แต่ทว่าส่วนนี้กลับทำให้เกิดจุดผิดสังเกตอย่างเห็นได้ชัด
จุดผิดสังเกตมี 2 จุด จุดแรก สมัยสาธารณรัฐจีนไม่มีหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราวแห่งฉงชิ่งเลยแต่มีเพียงรัฐบาลสาธารณรัฐจีนเท่านั้น จุดที่ 2 ่สมัยต่อต้านญี่ปุ่น เมื่อวัตถุโบราณถูกย้ายไปที่เมืองฉงชิ่งแล้วบรรจุภัณฑ์จะถูกโยนทิ้งไปในทันที และทุกครั้งที่มีการขนย้ายก็จะมีการทำบรรจุภัณฑ์ขึ้นมาใหม่แต่กล่องไม้ใบนี้กลับถูกเก็บรักษาจนมีสภาพที่ดีมาก ไม่ได้ผ่านการถูกโยนทิ้งซึ่งทั้ง 2 จุดนี้จึงเป็หลักฐานอย่างชัดเจนว่าเครื่องเคลือบใบนี้เป็ของปลอม100%
ดูจากสถานการณ์นี้แล้วผู้ที่ทำเลียนแบบขึ้นมาไม่ได้มีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ใน่เวลานี้เลยแต่เป็การหลับหูหลับตาเลียนแบบอย่างชัดเจน
ทำเป็ฉลาดแต่กลับถูกความฉลาดนั้นทำร้ายตัวเองโดยตรง!
หลินเยว่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจแล้วเดินไปยังเครื่องเคลือบชิ้นที่ 2
เขารู้สึกว่าเขาได้ใช้เวลาไปกับเครื่องเคลือบชิ้นแรกถึง 5 นาที ซึ่งความเร็วเช่นนี้มันช้าจนเกินไปเพราะเขาอาจจะสำรวจได้ถึงชิ้นที่ 6 เวลาก็อาจจะหมดลงแล้ว
หากสำรวจเครื่องเคลือบไป 6 ชิ้น แต่หนึ่งใน 6 ชิ้นนี้กลับมีเครื่องเคลือบอยู่ชิ้นหนึ่งที่เป็ของแท้ถ้าเช่นนั้นก็ต้องยอมรับถึงความโชคดีของหลินเยว่ เพราะเขาจะสามารถหาคำตอบได้ทันเวลาพอดีแต่ทว่าหากไม่มีล่ะ? ถ้าเช่นนั้นก็คงได้แต่รำพึงถึงความโชคร้ายของเขาเอง
หลินเยว่เคยคิดไว้ว่าทางจิ่งเต๋อเจิ้นอาจจะ้าทดสอบความสามารถของพวกเขาโดยการเจตนาวางเครื่องเคลือบแท้ไว้ลำดับสุดท้ายแต่ทว่าเขาก็ต้องลบความคิดนี้ออกไปในภายหลัง การที่เขาคิดคาดเดาไปต่างๆนานาย่อมสู้การค่อยๆ พิสูจน์เครื่องเคลือบไปทีละชิ้นไม่ได้เลย
หลินเยว่เดินมายังเครื่องเคลือบชิ้นที่สอง และเริ่มสำรวจต่ออย่างรวดเร็ว
นี่คือแจกันเคลือบเขียนสีเฝินไฉ่ในสมัยราชวงศ์ชิงชิ้นหนึ่ง
แจกันเคลือบ้ามีฝาปิดบนฝาปิดมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า “อายุยืนยาวราวกับูเาหนานซาน” ขาแจกันเป็รอยนูนส่วนท้องแจกันมีการเขียนสีเฝินไฉ่เป็ภาพบุคคล ซึ่งก็คือเทพเ้าอายุยืน (ซิ่ว)ที่เป็ชายชราหน้าตาใจดีในมืออุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งและกำลังจะวางเด็กน้อยไว้บนตัวกวางเป็ภาพที่มีความกลมกลืนระหว่างเด็กน้อยและคนชรา เมื่อมองภาพนี้จะให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่นภายในครอบครัวเป็ความสุขที่ทุกคนปรารถนาอยู่ในใจลึกๆ บนท้องฟ้าเหนือเด็กน้อยและคนชรานั้นมีนกกระเรียนเทพกำลังโผบินเป็สัญลักษณ์อายุยืนยาวเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีค้างคาว* ที่มีความหมายแฝงว่า “ความสุข” อีกด้วยค้างคาวตัวนี้ไม่มีความมืดมนเหมือนค้างคาวในชีวิตจริงของพวกเราแต่กลับให้ความรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดู บนตัวแจกันยังมีการเขียนภาพลูกท้ออายุยืนสีแดงขนาดใหญ่2 ลูกที่มีการผูกโบไว้ด้วยลูกท้ออายุยืนมีขนาดใหญ่กว่าเด็กน้อยเสียอีก และสีแดงก็ดูสวยงามน่าดึงดูดยิ่งนัก
การเขียนภาพบนตัวแจกันมีความประณีตสวยงาม เป็ความประณีตที่ทำให้คนที่มองเข้าใจว่ามันเป็ของแท้
ในใจของหลินเยว่เริ่มคิดว่าแจกันเคลือบใบนี้อาจจะเป็ของแท้หลังจากนั้นเขาจึงสังเกตสีเคลือบและตัวเนื้อดินภายในอย่างละเอียดสีเคลือบมีความนุ่มนวล มีรอยแตกร้าวเป็ชั้นๆ เนื้อดินมีความแข็งแกร่งผิวเคลือบด้านนอกเป็มันวาว ตัวเครื่องเคลือบมีน้ำหนักเหมาะสมสีเคลือบบางมากทำให้สีเคลือบดูออกเป็สีเทา และเป็โทนสีค่อนข้างเย็น
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบในสมัยจักรพรรดิยงเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิงในยุคสมัยนี้ยังมีลักษณะเฉพาะอีกอย่างก็คือ ส่วนมากการเขียนภาพจะเขียนบนพื้นขาวส่วนน้อยจะเขียนบนพื้นสี และแจกันเคลือบใบนี้ก็เป็การเขียนภาพบนพื้นสีขาวพอดี
เมื่อสังเกตสีเคลือบเรียบร้อยแล้วหลินเยว่จึงสรุปว่าแจกันเคลือบใบนี้น่าจะเป็ของแท้แต่ทว่าเขายังมีข้อสงสัยอยู่บางอย่างอีกเนื่องจากปกติแจกันเคลือบในสมัยจักรพรรดิยงเจิ้งจะเขียนภาพลูกท้อ 8 ลูกและในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงส่วนมากจะเขียนภาพลูกท้อ 9 ลูก จนมีคำกล่าวที่ว่า “ยงแปดเฉียนเก้า”แต่เครื่องเคลือบเบื้องหน้าของเขานี้กลับมีลูกท้อเพียง 2 ลูก ซึ่งไม่สอดคล้องกับคำกล่าว “ยงแปดเฉียนเก้า”เลย อีกทั้งการไล่สีของชุดของเทพเ้าอายุยืน และลูกท้ออายุยืนนั้นไม่ค่อยสวยงาม ความทึบและความสว่างบนชุดถูกแบ่งออกเป็3 ส่วน ซึ่งการเขียนสีแบบนี้ถือว่ายังมีความประณีตไม่เพียงพอเตาเผาหลวงในสมัยจักรพรรดิยงเจิ้งไม่ค่อยปรากฏเครื่องเคลือบที่มีลักษณะแบบนี้
อันที่จริงยังมีรายละเอียดอีกส่วนหนึ่ง นั่นก็คือเพื่อให้การไล่สีของของแท้นั้นมีความเป็ธรรมชาติแล้ว เวลาผลิตเครื่องเคลือบจึงมีการใช้เทคนิคการพ่นสีเข้าช่วยแต่โดยปกติมักจะควบคุมการพ่นสีได้ไม่ค่อยดีจึงทำให้ลูกท้ออายุยืนถูกพ่นจนเป็สีแดงค่อนข้างเข้มและมีรอยจุดแต่เครื่องเคลือบเบื้องหน้านี้กลับไม่เห็นรอยจุดเลยสักนิด ดังนั้นเครื่องเคลือบเบื้องหน้าจึงมีความเป็ไปได้สองแบบคือ อาจจะเป็การควบคุมการพ่นสีได้ดีหรือไม่ก็เครื่องเคลือบใบนี้เป็ของปลอม
เมื่อนำรายละเอียดทุกอย่างเข้ามาพิจารณาแล้วหลินเยว่จึงไม่กล้าสรุปว่าเครื่องเคลือบเบื้องหน้านี้เป็ของแท้หรือของปลอมถึงแม้ว่าเขาคาดหวังว่าเครื่องเคลือบใบนี้จะเป็ของแท้ เพราะหากเป็เช่นนี้เขาก็ไม่จำเป็ต้องพิสูจน์เครื่องเคลือบชิ้นอื่นๆ อีกแล้ว
เพื่อเป็การพิสูจน์ว่าเป็ของแท้หรือของปลอมเขาจึงต้องสังเกตขาแจกันด้านล่าง และนี่ก็เป็จุดสุดท้ายที่ต้องตรวจสอบในสมัยยงเจิ้ง เครื่องเคลือบเขียนสีเฝินไฉ่ของแท้จะมีการตกแต่งชิ้นงานเป็อย่างดีขาแจกันจะมีความเรียบมนและมันวาว จนได้ชื่อว่า “ผิวหนีชิว”และเวลานั้นเครื่องเคลือบเขียนสีเฝินไฉ่ในสมัยนั้นมักจะเขียนด้วยอักษรไข่ซู 6ตัวอักษรมีวงกลม 2 ชั้นล้อมรอบเป็สีคราม แต่การเขียนด้วยอักษรจ้วนซู4 ตัวอักษรจะมีจำนวนน้อยมากสีครามจะต้องเป็สีบริสุทธิ์ ตัวอักษรต้องมีความประณีตเรียบร้อย ลายเส้นสวยงามมีพลังโครงสร้างเป็ระเบียบ ส่วนมากจะเป็อักษรเสี่ยวไข่แบบมาตรฐานในสมัยราชวงศ์ซ่งลักษณะเฉพาะต่างๆ เหล่านี้เป็สิ่งที่มีความชัดเจนมาก
หลินเยว่พลิกขาแจกันเคลือบด้านใต้ขึ้นมาดู ตรงนั้นมีอักษรจีน6 ตัวเขียนไว้ว่า
ทำขึ้นในรัชศกยงเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง
ตัวอักษรจีนทั้ง 6 ตัวนี้เป็อักษรจ้วนซูสีครามและที่ตัวอักษรไม่มีกรอบล้อมรอบ
ถึงแม้ว่าจะเป็อักษรจ้วนซูแต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเครื่องเคลือบชิ้นนี้เป็ของปลอมเพราะถึงแม้ว่าจะใช้อักษรจ้วนซูไม่มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการใช้กัน
หลินเยว่เริ่มเกิดความลังเลอย่างหนัก มีหลายจุดมากที่แสดงว่าเครื่องเคลือบชิ้นนี้เป็ของแท้แต่ทว่าในจุดเล็กๆ กลับมีข้อน่าสงสัยอยู่ ทำให้ดูเหมือนไม่ใช่ของแท้ แต่จุดเล็กๆเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็หลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนเลย
แล้วจะสรุปว่าเป็ของแท้หรือว่าของปลอมดีล่ะ?
* ค้างคาว (蝙蝠)อ่านว่า เปียนฝู พ้องเสียงกับคำว่า 福 (อ่านว่าฝู) หมายถึงความสุข
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้