กูเฟยเยี่ยนไม่ได้้าเพียงแค่สร้างความลำบากใจแก่เทียนอู่ฮ่องเต้ แต่นางยังมีแผนการอื่นอีกด้วย!
ครั้นเห็นว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ส่งสายตาซักถาม นางจึงแสร้งทำเป็โง่เขลาทันที หญิงสาวไม่กล่าวถึงสิ่งใด แต่นั่งหลังตรงและเผยให้เห็นถึงสีหน้ายอมตายโดยไม่ยี่หระใดๆ ทั้งสิ้น
ฉีซื่อิกับเสนาบดีหลี่จะไปรู้ความลับระหว่างกูเฟยเยี่ยนกับเทียนอู่ฮ่องเต้ได้อย่างไร? เมื่อทั้งสองคนเห็นลักษณะท่าทางของกูเฟยเยี่ยน พวกเขาจึงขยิบตามองกันพลางยิ้มเยาะเย้ย
แม้ว่าเทียนอู่ฮ่องเต้จะอดกลั้นเอาไว้ ทว่าสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก! เดิมทีเขาคิดว่ากูเฟยเยี่ยนจะมาขอร้องเขา ทว่าบัดนี้ต่อให้กูเฟยเยี่ยนไม่ขอร้องเขา เขาก็ต้องเค้นความคิดช่วยให้นางหลุดพ้น!
“การปะาซึ่งหน้า” เช่นนี้จะหลุดพ้นได้อย่างไร? ถ้าในวันข้างหน้าเขาละเว้นนางเป็กรณีพิเศษ เขาจะไม่สูญเสียความน่าเกรงขามหรือ? เขาจะโน้มน้าวจิตใจผู้คนและเรียกคืนขวัญกำลังใจของเหล่าทหารได้อย่างไร? แผนการดีๆ ถูกข้อความของกูเฟยเยี่ยนทำลายลงเสียหมด บัดนี้เขาถึงกับกลายเป็คนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทัน!
เทียนอู่ฮ่องเต้ยิ่งมองหนังสือยืนยันปฏิบัติตามคำสั่งทหารแผ่นนี้ยิ่งรู้สึกอัดอั้นตันใจ เขาจึงไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆ เป็เวลานาน
ฉีซื่อิกับเสนาบดีหลี่ไม่รับรู้ความจริง ทั้งสองคนกำลังรอคอยและแอบหัวเราะ ในส่วนของกูเฟยเยี่ยนนั้นก้มหน้าก้มตาไม่ส่งเสียงใดๆ มาั้แ่ต้น
ทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด เวลาค่อยๆ เดินผ่านไป เทียนอู่ฮ่องเต้ยังคงไม่แสดงความคิดเห็น
ในที่สุดฉีซื่อิก็อดไม่ได้ “ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ? ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ได้สติกลับมาเพราะกลัวว่าจะถูกพบเจอเบาะแสของความผิดปกติ ในยามนี้เขาทำได้เพียงแค่ยินยอมชั่วคราว เขานำหนังสือยืนยันปฏิบัติตามคำสั่งทหารโยนไปให้ฉีซื่อิ “แบบนี้ก็แล้วกัน! ”
อย่างไรก็ตาม ฉีซื่อิยังคงไม่พอใจ
เขากล่าวด้วยความจริงจัง “กระหม่อมมีข้อเสนอพ่ะย่ะค่ะ เราควรลอกภาพหนังสือยืนยันปฏิบัติตามคำสั่งทหารนี้หลายฉบับไปติดไว้ที่หน่วยงานต่างๆ เพื่อป่าวประกาศต่อสาธารณชน การที่ศาสตราจารย์แพทย์กูมีความรับผิดชอบเช่นนี้ ควรจะเป็แบบอย่างให้เหล่าขุนพลและเหล่าขุนนางได้เรียนรู้ อีกทั้งยังเป็การกล่าวเตือนผู้ที่อาศัยผลประโยชน์ส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอีกด้วย! ”
อาศัยผลประโยชน์ส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว?
เดิมทีเทียนอู่ฮ่องเต้ก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ครั้นเขาได้ยินเช่นนี้ก็เกิดโทสะขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะฉีซื่อิอาศัยผลประโยชน์ส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาจะกลายเป็คนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทัน?
เทียนอู่ฮ่องเต้ตบโต๊ะโดยที่ไม่อำพรางความโกรธแค้นอีกต่อไป และความโกรธเหล่านี้ล้วนถูกระบายไปที่ฉีซื่อิ
“ฉีซื่อิ เ้าสติเลอะเลือนแล้วหรือ? เื่น่าละอายเช่นนี้เ้ายังกล้าโอ้อวดอีก! หึ ถ้ามีคนรับรู้ว่าค่ายทหารขาดแคลนยา ผลลัพธ์จะเป็เยี่ยงไร? เ้าเป็ถึงแม่ทัพใหญ่แต่เหตุใดถึงประมาทเลินเล่อเช่นนี้! เ้าควรจะได้รับโทษเช่นไร? ”
ฉีซื่อิตกอกใ เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตนเองดีใจเกินไปแล้ว
เขารีบคุกเข่าลง “ฝ่าาโปรดยับยั้งโทสะ กระหม่อมสติเลอะเลือนแล้ว สติเลอะเลือนหมดแล้ว! ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ยังคงกราดเกรี้ยว “หักเงินเดือนเ้าหนึ่งปี คัดลอกตำราพิชัยาหนึ่งร้อยรอบ! ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา อย่าว่าแต่ฉีซื่อิเลย เพราะแม้กระทั่งเสนาบดีหลี่ก็ตกอกใเช่นกัน เพียงแค่พูดผิดประโยคเดียว การลงโทษเช่นนี้จะไม่รุนแรงไปหรือ?
ฉีซื่อิคับแค้นใจ “ฝ่าา กระหม่อม…”
เทียนอู่ฮ่องเต้ขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว “ทำไม ยังไม่สำนึกอีกหรือ? ”
ฉีซื่อิไม่กล้ามากความ เขารีบรับคำสั่งพลางนำหนังสือยืนยันปฏิบัติตามคำสั่งทหารออกไป ทางด้านของเสนาบดีหลี่ก็ไม่กล้าอยู่นานนัก ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนกล่าวลา
หลังจากที่ออกมาจากตำหนักเสวียนชิ่ง ฉีซื่อิกำหนังสือยืนยันปฏิบัติตามคำสั่งทหารไว้แน่นพลางรีบร้อนเดินออกไป
เสนาบดีหลี่รีบไล่ตาม “ท่านแม่ทัพฉี สถานการณ์นี้เป็เื่ใหญ่ อีกทั้งขวัญกำลังใจของทหารไม่มั่นคง ฝ่าาจึงเกิดโทสะอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ท่านอย่าคิดมากเลย”
ฉีซื่อิพยักหน้าด้วยความไม่พอใจนัก “ฝ่าาทรงมีปรีชาญาณ เหล่าฟูจะกล้าคิดมากได้อย่างไร? ”
เสนาบดีหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ๆ ฝ่าาทรงมีปรีชาญาณ! ท่านแม่ทัพฉี าชายแดนตะวันออกต้องอาศัยท่านชายฉีเสียแล้ว บิดาคือเสือ บุตรย่อมไม่ใช่สุนัข [1] ท่านชายฉีนำกองทัพเข้าสู่สนามรบเป็ครั้งแรกก็ได้รับชัยชนะ! อนาคตจะไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน! หวังว่าท่านชายฉีจะรบชนะในคราเดียว สู้จนกองทัพว่านจิ้นพ่ายแพ้ยับเยิน และส่งข่าวชัยชนะมาอีกครั้ง! ”
เขาเอ่ยวาจาประจบประแจง “ท่านวางใจได้ ข้าน้อยจะรีบเร่งรัดให้ศาสตราจารย์แพทย์กูส่งมอบยาจินชวงให้เร็วที่สุด ถ้าจำเป็ต้องใช้ทรัพยากรทางการทหารใดๆ หน่วยทหารจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่แน่นอน! ”
ฉีซื่อิพอใจเหลือเกิน เขาเก็บหนังสือยืนยันปฏิบัติตามคำสั่งทหารแล้วไปที่หน่วยทหารกับเสนาบดีหลี่พลางเจรจาถึงเื่ของเบี้ยเลี้ยงและเสบียงอาหาร! ที่จริงแล้วเขายังมียาจินชวงสำรองอยู่ แต่สิ่งที่เขาขาดแคลนคือเบี้ยเลี้ยงและเสบียงอาหาร!
ฉีซื่อิกับเสนาบดีหลี่จากไปไกลแล้ว เหล่าขันทีและนางข้าหลวงในตำหนักเสวียนชิ่งก็ปลีกตัวออกมาทั้งหมดเช่นกัน จากนั้นประตูใหญ่จึงค่อยๆ ปิดลง
ในที่สุดเทียนอู่ฮ่องเต้ก็ทำหน้าบูดบึ้ง เขาทุบโต๊ะอย่างรุนแรงพลันซักถามด้วยความโกรธ “อีนังหนู มีหุบเขาเสินหนงคอยให้การสนับสนุนแล้วปีกกล้าขาแข็งขึ้นสินะ นี่เ้ากล้าข่มขู่เจิ้น? ”
กูเฟยเยี่ยนรู้อยู่แก่ใจว่าต้องมีสักวันที่นางจะข่มขู่ฮ่องเต้ชราผู้นี้ ทว่าไม่ใช่บัดนี้
หญิงสาวไม่หวาดกลัวต่อความโกรธของเทียนอู่ฮ่องเต้ นางเอ่ยถามย้อนกลับด้วยสีหน้าสงบนิ่งและเรียบร้อย “ฝ่าา หรือว่าท่านรับรู้รายงานเร่งด่วนของสมุนไพรซานชีเช่นเดียวกันกับท่านแม่ทัพฉี และคิดว่าข้าไม่สามารถส่งมอบยาจินชวงได้ตามเวลาที่กำหนด? ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนจะเกิดความปีติ “นังหนู หรือว่าเ้ามีวิธี? ”
กูเฟยเยี่ยนตรงเข้าไปใกล้เทียนอู่ฮ่องเต้อย่างฉับพลันพลางทุบโต๊ะด้วยความโกรธ “อะไรกัน! ฝ่าาเพคะ ดูท่าว่าพระองค์จะรับรู้รายงานเร่งด่วนของสมุนไพรซานชีจริงๆ ! ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ทำตัวไม่ถูก เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตนเองตกหลุมพรางเสียแล้ว
กูเฟยเยี่ยนทุบโต๊ะด้วยความโกรธอีกครั้ง “ลำเอียง! พระองค์รู้อยู่แก่ใจว่าท่านแม่ทัพฉีเจตนากลั่นแกล้งและคิดร้ายต่อหม่อมฉัน พระองค์ไม่ช่วยหม่อมฉันก็ช่างแล้ว ทว่าพระองค์ยังช่วยให้เขามีความเหิมเกริมมากกว่าเดิมเสียอีก! เฮอะ เยี่ยนเอ๋อร์พยายามกลั่นยาให้พระองค์อย่างเต็มที่ พ่อลูกตระกูลฉีก่อความวุ่นวายแก่พระองค์มาโดยตลอด แต่พระองค์กลับลำเอียงปกป้องพวกเขา เยี่ยนเอ๋อร์ผิดหวังมากเหลือเกิน! ”
ในตอนแรกเทียนอู่ฮ่องเต้เกิดโทสะที่กูเฟยเยี่ยนกล้าทุบโต๊ะต่อหน้าเขา ทว่าเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ ความโกรธที่มีก็สลายหายไป
เขารู้สึกผิดจึง้าอธิบาย ทว่ากูเฟยเยี่ยนทุบโต๊ะอีกเป็ครั้งที่สาม “ฝ่าาเพคะ การที่พระองค์ทำให้เยี่ยนเอ๋อร์รู้สึกผิดหวังนั้นไม่สำคัญ เพราะถึงอย่างไรเยี่ยนเอ๋อร์ก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะช่วยเหลืออันใดได้! ทว่าพระองค์ทำให้ประชาชนผิดหวัง และทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับท่านแม่ทัพเฉิงผิดหวัง! นั่นมัน…”
เทียนอู่ฮ่องเต้มีความสงสัย “หมายความว่าอย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยอธิบาย “ฝ่าาเพคะ เทียนเหยียนเพียงแค่ใช้กองกำลังทหารเข้าประชิดชายแดนว่านจิ้นก็สามารถบีบบังคับให้ราชวงศ์ไป๋หลี่แห่งอาณาจักรว่านจิ้นกล่าวคำชี้แจงได้ เพียงแต่ราชวงศ์ไป๋หลี่แห่งอาณาจักรว่านจิ้นยังไม่ทันได้จัดการไป๋หลี่ิชวน ท่านชายฉีที่ไปถึงชายแดนตะวันออกพอดิบพอดีก็เริ่มนำทัพก่อา การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้ว่านจิ้นมีข้ออ้างในการไม่ขอโทษ แถมยังแว้งกัดพวกเราเทียนเหยียน ท่านชายฉีรบชนะสองครั้ง เขามีคุณงามความดี มีผลคะแนนการรบ! ทว่าเทียนเหยียนเสียโอกาสได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องออกรบ เดิมทีประชาชนชายแดนตะวันออกไม่ควรได้รับความยากลำบากจากการทำา ทว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาจะไม่โกรธแค้นเกลียดชังได้อย่างไร? ”
ครั้นกูเฟยเยี่ยนเห็นว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ไม่ปฏิเสธ นางจึงเอ่ยต่อไป “ฝ่าาเพคะ ท่านแม่ทัพเฉิงยอมอ่อนข้อต่อคดีผู้สมรู้ร่วมคิดก่อนหน้านี้ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้ดึงดันให้ฝ่าาลงโทษตระกูลฉีอย่างหนัก แต่ให้ฉีอวี้สร้างคุณูปการลบล้างความผิด ทำความดีเพื่อลดโทษ! หม่อมฉันสันนิษฐานว่าท่านแม่ทัพเฉิงกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยต่างก็มีจิตใจที่เมตตา พิจารณาถึงประโยชน์ส่วนรวมและวางแผนให้ได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องออกรบ เนื่องจากถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะเสนอให้ฉีอวี้ที่ไม่เคยนำทัพออกรบด้วยตนเองไปที่ชายแดนตะวันออกทำไม? หม่อมฉันเข้ามาในพระราชวังได้ไม่นานก็ได้ยินคำกล่าวขานว่าพระองค์ชมเชยและให้รางวัลฉีอวี้ใน่เช้าของการว่าราชกิจ การกระทำเช่นนี้คือการทำลายจิตใจของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับท่านแม่ทัพเฉิงไม่ใช่หรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนเหลือบมองเทียนอู่ฮ่องเต้อีกครั้ง ครั้นเห็นว่าเขาไม่เอ่ยวาจาใดๆ นางจึงแสร้งทำเป็ท้อ “ช่างเถอะๆ ใครให้ฉีอวี้มีความสามารถที่เก่งกาจถึงเพียงนี้? ฝ่าาเพคะ พระองค์จะลำเอียงก็ลำเอียงไป ไม่แน่ว่าเขารบอีกสองสามครั้ง ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรว่านจิ้นก็อาจจะหวาดกลัวเขาจริงๆ ! ”
สีหน้าของเทียนอู่ฮ่องเต้เปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินเช่นนี้
—————
เชิงอรรถ
[1] บิดาคือเสือ บุตรย่อมไม่ใช่สุนัข หมายถึง คำอุปมายกย่องบุตร ถ้าบิดามารดามีความสามารถ บุตรที่ออกมาย่อมมีความสามารถเช่นกัน