ในที่สุดก็ยังคงเป็จวินหวงที่ทำลายความเงียบงันนี้ลงก่อน
นางหยิบยารักษาาแแล้วมาอยู่ข้างๆ หนานสวิน นางมองมาที่เขาแล้วกล่าวอย่างอึดอัดใจ "แผลของท่านต้องเปลี่ยนยา นอนลงข้าจะเปลี่ยนยาให้ท่าน"
หนานสวินไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่กลับยอมนอนลงไปแต่โดยดี
แต่ความเป็จริงไม่ว่าคนที่อยู่ต่อหน้าผู้นี้จะมีเป้าหมายอย่างไร ตอนนี้เขาก็ได้รับาเ็สาหัส ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ไม่สู้ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า
ก่อนหน้านี้ตอนที่จวินหวงใส่ยาให้หนานสวิน หนานสวินยังหมดสติอยู่ ดังนั้นแม้ว่าจวินหวงจะรู้สึกประหม่า แต่ก็เพียงแค่หน้าแดงเล็กน้อย
แต่ครานี้จวินหวงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสายตาของหนานสวินที่มองมาที่ตัวนางเป็ประกายสดใส แม้จะรู้ว่าตนเองในตอนนี้จะแต่งกายเป็บุรุษ แต่จวินหวงก็ยังแข็งไปทั้งตัว นิ้วมือสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่
"ไยเ้าจึงตัวสั่น?" หนานสวินขมวดคิ้วมองจวินหวงที่มือสั่นไม่หยุด หว่างคิ้วอาบย้อมไปด้วยความสงสัย
"คะ… ใครตัวสั่นกัน?" จวินหวงถลึงตาดุร้ายใส่หนานสวิน เพื่อปกปิดความผิดปกติของตนเอง แต่บนใบหน้ายังคงร้อนลวกแดงก่ำไปทั้งหน้า
นางพยายามตั้งสติ สวดมนต์เงียบๆ อยู่ในใจหลายรอบ ในที่สุดก็พยายามข่มใจจนสงบลงมาได้
หนานสวินขมวดคิ้วมองความเคลื่อนไหวของจวินหวง รู้สึกว่าดูขัดเขินไม่ไปด้วยกันอยู่หลายส่วน ดวงตาเหลือบมองไปที่ใบหูของจวินหวงโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉับพลันสายตาก็แข็งกร้าวขึ้นมา
"เ้าเป็สตรี?" หนานสวินกระถดกายถอยหลังไปครึ่งก้าวทันที มองใบหูที่เจาะรูของจวินหวงอย่างตะลึงพรึงเพริด
จวินหวงใจนแทบะโ ยาใส่แผลในมือหกพรวดลงพื้น
"ขะ ข้าไม่ใช่... ว้าย!" นางลนลานโบกไม้โบกมือ แต่ไม่คิดว่าหนานสวินจะถอยหลบกะทันหัน เท้านางเกี่ยวสะดุด หวีดร้องเสียงหลง ก่อนจะพุ่งถลาเข้าไปในอ้อมอกของหนานสวิน
กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นปะทะเข้ามาตรงหน้า จวินหวงรู้สึกถึงแผ่นอกกว้างของหนานสวิน ในหูของนางมีแต่เสียงเต้นของหัวใจที่แข็งแรงของเขา นางรู้สึกเพียงว่าความร้อนสายหนึ่งลามเลียจากใบหูกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็แผดเผาไปทั่วร่างกายของนาง ทั้งใบหน้าร้อนลวกจนแดงก่ำ
ภายในถ้ำเงียบกริบไร้สุ้มเสียง แม้เข็มตกสักเล่มยังได้ยินเสียง
ในที่สุดยังคงเป็จวินหวงที่เริ่มมีท่าทีตอบสนองขึ้นก่อน นางผละออกจากอกของหนานสวินทันที สายตาลนลานกล่าวชี้แจงเสียงตะกุกตะกัก "ขะ... ข้าไม่ได้ตั้งใจ เมื่อครู่ข้าแค่..."
ชั่วพริบตาที่สูญเสียความอบอุ่นในอ้อมอก หนานสวินรู้สึกได้ถึงความรู้สึกโหยหาในสิ่งที่หายไป แต่จู่ๆ วินาทีต่อมาเขาเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าพลันแข็งกร้าวเยือกเย็น
"เ้าเป็ใคร และมีเป้าหมายอันใดกันแน่?" หนานสวินปรี่เข้ามาบีบคอจวินหวงทันที แววตาอำมหิตจ้องเขม็งมาที่จวินหวง
จวินหวงไม่ทันระวังก็ถูกควบคุมตัวไว้อีกครั้ง นางเพ่งมองตรงไปข้างหน้า พยายามเค้นคำพูดออกมา "ปล่อย ข้า... ข้าไม่ใช่ศัตรู..."
"ไม่ใช่ศัตรู? แล้วเหตุใดจึงต้องปลอมเป็บุรุษมาใกล้ชิดข้า?" หนานสวินหัวเราะเสียงเยือกเย็น และยิ่งเพิ่มกำลังมือให้หนักหน่วงขึ้น "พูด มิเช่นนั้น... ตาย!"
"ข้า... ข้า..." จวินหวงรู้สึกขัดเคืองใจยิ่งนัก นางควรจะรู้มาั้แ่ต้นว่าถึงแม้หนานสวินจะาเ็สาหัส แต่เขาไม่ใช่คนระดับธรรมดา ไยนางจึงประมาทถึงเพียงนี้ได้
"เ้าว่าคนแซ่หนานมันไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่ ค้นหามาทั่วสนามรบแล้ว ยังไม่เจอเขาแม้แต่เงา"
ทันใดนั้นภายนอกก็มีเสียงคนกระซิบกระซาบกันดังลอดเข้ามาในถ้ำ
คนสองคนที่อยู่ในถ้ำนิ่งงันไปชั่วขณะ กำลังมือของหนานสวินคลายลงเล็กน้อย จวินหวงจึงฉวยโอกาสนี้ปลีกตัวหนีออกมายืนสูดลมหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่อยู่ข้างๆ
หนานสวินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พอคิดจะลงมือ จวินหวงกลับโบกมือให้หนานสวินไปซ่อนตัวเงียบๆ
คนสองคนซ่อนอยู่ในถ้ำ คอยฟังความเคลื่อนไหวนอกถ้ำอย่างเงียบเชียบ
"ใครจะไปรู้ เ้านายบอกว่าอยู่ต้องเห็นคน ตายต้องพบศพ รีบๆ ไปหาเข้าเถอะ" คนอีกคนหนึ่งพูดไปด่าไป เสียงฝีเท้าคนทั้งสองใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดูเหมือนว่ากำลังใกล้จะถึงถ้ำแล้ว
"คนที่พวกเขา้าคือข้า เ้าไปก่อนเถอะ" ข้างกายไม่มีอาวุธที่เหมาะสมเลย หนานสวินหาท่อนไม้มาถือไว้ในมือ ดวงตาจ้องไปที่ปากถ้ำอย่างเอาเป็เอาตาย ทั่วร่างเต็มไปด้วยสัญชาตญาณระวังภัย
"ท่านาเ็สาหัส หากถูกพวกเขาพบตัวเข้า มีโอกาสตายถึงเก้าส่วนแน่นอน" จวินหวงมองหนานสวินปราดหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจเด็ดขาด "ข้าจะไปล่อพวกมัน ท่านคอยอยู่ที่นี่"
หนานสวินมองดวงตาที่แน่วแน่ของจวินหวง แววตาของเขามีความตกตะลึงฉายออกมาแวบหนึ่ง "พวกมันมีคนเยอะมาก ดังนั้นหากเ้าออกไป มีโอกาสตายสูงเชียวนะ"
"ข้ารู้" จวินหวงไม่อยากพูดมาก ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็จะไม่ลังเล นางดึงเสื้อคลุมของหนานสวินมาคลุมร่างไว้ เลียนแบบท่าแมวก่อนจะออกจากถ้ำไป
หนานสวินจัดพิธีศพให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ บุญคุณครั้งนี้จะต้องตอบแทนแน่นอน หากนางช่วยชีวิตหนานสวินได้ ก็นับว่าได้ตอบแทนคุณของหนานสวินแล้ว
หนานสวินไม่คิดว่าจวินหวงเอ่ยว่าจะไปก็ไป นิ่งอึ้งจนร่างกายเหมือนถูกแช่แข็ง ในดวงตาลึกซึ้งทอประกายความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาออกมาสายหนึ่ง
"เพราะเหตุใด?" เขาได้ยินตัวเองถามเสียงเข้มออกมา
เขาควบม้าผ่านสนามรบมานานหลายปี ฆ่าฟันไม่เคยละเว้น หัวใจเ็าแข็งกระด้างเหมือนเหล็กไปนานแล้ว แต่เวลานี้ในก้นบึ้งของหัวใจจู่ๆ กลับเกิดระลอกคลื่นสายหนึ่ง
"ถือว่าเป็คำขอบคุณจากข้า" จวินหวงชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างจริงจัง "ท่านเป็คนดี"
คนดีหรือ? เขาอยู่บนหลังม้ามาครึ่งชีวิต ฆ่าคนเหมือนผักปลา แม้มีคนตายมาอยู่ต่อหน้า เขาก็ไม่ขมวดคิ้วด้วยซ้ำ คนแบบเขายังเรียกว่าเป็คนดีได้ด้วยหรือ?
หนานสวินยังอยากจะกล่าวอะไรอีก แต่เงาร่างของจวินหวงก็หายไปเสียแล้ว
"เขาอยู่นั่น!" เขาได้ยินข้างนอกมีคนร้องะโ จากนั้นก็มีเสียงเท้าคนมากมาย คนที่ตอนแรกจะเข้ามาในถ้ำก็เปลี่ยนทิศวิ่งไปอีกทางหนึ่ง ไม่นานเสียงต่างๆ ก็อันตรธานไป
เขาปิดเปลือกตาลง ในสมองมีแต่ภาพรอยยิ้มอ่อนบางบริสุทธิ์ของสตรีในขณะที่นางกำลังจากไป และคำพูดที่หนักแน่นจริงจังประโยคนั้น ‘ท่านเป็คนดี’
ทหารไล่ล่ากองหนึ่งมีสิบกว่าคน จวินหวงสวมเสื้อคลุมของหนานสวินไว้ ล่อทหารที่ติดตามออกมาไกลหลายลี้ ฉับพลันร่างของนางแวบหายไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า
ที่ใต้หน้าผาใน่ครึ่งเดือนหลัง นางติดตามผู้เฒ่าซานกุ่ยขึ้นเขาเก็บสมุนไพรทุกวัน คุ้นเคยกับชัยภูมิป่าเขาเป็ที่สุด การเร้นกายในป่าเป็เื่ง่ายดายสำหรับนาง
ทหารไล่ล่าตามหาจนทั่วก็หาตัวคนไม่พบ อาศัยคนเยอะ จึงแยกกลุ่มกันออกปฏิบัติการ "เ้า เ้า แล้วก็เ้า พวกเ้าไปทางโน้น พวกเ้าสามสี่คนตามข้ามาทางนี้ คนที่เหลือไปอีกทางหนึ่ง"
จวินหวงซ่อนอยู่ในที่ลับ มองดูทหารไล่ล่าแบ่งเป็สามกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีประมาณสี่ห้าคน ในใจก็มีแผนการอยู่เงียบๆ