มู่ชิงหว่านเห็นเฟิ่งเฉี่ยนยอมปรากฏตัวในที่สุด นางมองเฟิ่งเฉี่ยนตาละห้อยก่อนจะส่งเสียงร่ำไห้เสียงดังด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำมูกน้ำตา “พี่หญิงเฟิง ช่วยข้าด้วย--”
เฟิ่งเฉี่ยนปรายตามองนางปราดหนึ่ง บนใบหน้างดงามนั้นมีทั้งคราบน้ำมูกและคราบน้ำตา ไหนเลยจะมีท่าทีของคุณหนูพันชั่งให้เห็นอีก
นางลอบถอนใจ ช่างเถิด ให้บทเรียนนางพอสมควรแล้ว ครั้งนี้ช่วยนางสักครั้งก็แล้วกัน ใครใช้ให้นางมีพี่ชายที่ดีคนหนึ่งเล่า ช่วยนางถือว่าสร้างกุศลก็แล้วกัน
“พี่ใหญ่อู พี่ชายของแม่นางคนนี้เป็สหายของข้า รบกวนท่านเห็นแก่หน้าข้า ปล่อยคนเถิด”
พี่ใหญ่อูใจกว้างเช่นกัน เขาโบกมือกล่าวว่า “ในเมื่อแม่นางเป็อาจารย์ของคุณชายถัง ไมตรีนี้ย่อมต้องให้ เด็กๆ ปล่อยคน!”
โจรที่ล้อมรอบมู่ชิงหว่านจึงแยกย้ายสลายตัว มู่ชิงหว่านพรูลมหายใจยาวๆ โล่งอก นางลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเล เช็ดน้ำมูกน้ำตาคิดจะเดินไปที่รถม้าพลันนึกอะไรขึ้นได้ นางหยุดเดินแล้วหันไปมองพี่ใหญ่อูพร้อมกับแบมือออกมา “เงินของข้าเล่า? รีบคืนเงินมาให้ข้า! ข้าบอกเ้าไว้ก่อน หากเ้าไม่คืนเงินให้ข้าละก็ กลับไปข้าจะให้ท่านปู่ของข้าบอกกับฮ่องเต้ ให้ฮ่องเต้ส่งทัพใหญ่มาทำลายค่ายอูหลงของเ้า!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโอ้อวดนั้นกลายเป็คนละกันกับก่อนหน้านี้ ดูเหมือนคนที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อสักครู่ไม่ใช่นาง
สถานการณ์ตรงหน้าตึงเครียดในชั่วพริบตา!
พี่ใหญ่อูและคนของเขามีโทสะขึ้นมา แต่ละคนมองมาด้วยสายตาเคียดแค้น คนที่เพิ่งแยกย้ายกลับมาล้อมรอบกายนางอีกครั้ง
มู่ชิงหว่านเห็นพวกเขาล้อมกันเข้ามาอีกครั้งรู้สึกใจนตัวสั่น “พวกเ้า...พวกเ้าจะทำอะไร มิใช่คุยกันแล้วว่าจะปล่อยคนหรือ?”
เฟิ่งเฉี่ยนยอมใจนางจริงๆ ไม่เคยเห็นใครโง่เขลาและเบาปัญญาเช่นนางมาก่อน ถึงกับพูดกับโจรทั้งกลุ่มว่าจะส่งทัพใหญ่มากวาดล้างรังโจรของพวกเขา นี่มิใช่รนหาที่ตายหรือ?
กระทั่งถังไน่ไน่ที่ไร้ประสบการณ์ในยุทธภพยังต้องส่ายหน้า ไม่เคยพบเห็นใครโง่เขลาและสมองกลวงเช่นนางมาก่อน รีบหาที่ตาย ไม่ว่าจะห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่จริงๆ!
สุดท้ายยังคงเป็เฟิ่งเฉี่ยนที่เอ่ยปากขึ้นก่อนเพื่อทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดตรงหน้า “พี่ใหญ่อู พี่น้องของท่านออกมาข้างนอกอย่างมิง่ายดาย จะให้พวกพี่น้องกลับไปมือเปล่าไม่ได้ ข้าคิดว่าไม่สู้ทำเช่นนี้ ด้วยชาติกำเนิดและรูปโฉมของคุณหนูมู่ อย่างไรก็ต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า หนึ่งแสนตำลึงเงิน! ท่านให้นางประทับตรานิ้วมือเขียนสัญญากู้ยืมเงิน รอเมื่อนางกลับไปแล้ว ให้ครอบครัวของนางนำเงินที่ติดค้างมาให้ท่าน ท่านเห็นอย่างไร?”
พรืด!
ถังไน่ไน่หัวเราะออกมาด้วยกลั้นไม่อยู่
ถังเจิ้นอวี่หัวเราะเช่นกัน เพียงแต่เขาลอบหัวเราะ
ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่อยู่ในรถม้าหัวเราะอย่างไร้ซุ่มเสียงเช่นกัน วิธีการนี้แสบมาก แต่เขาชอบ!
มู่ชิงหว่านตาค้าง “อะไรนะ? หนึ่งแสนตำลึงเงิน? อาศัยอะไร?”
เฟิ่งเฉี่ยนกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา “อย่างไร หรือน้อยไป? ก็ใช่นะ บิดาของคุณหนูมู่เป็ถึงรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเทียนหง ท่านปู่เป็อาจารย์ผู้มีพระคุณของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ตนเองยังเติบโตมาพร้อมกับฮ่องเต้ ฐานะเช่นนี้ย่อมไม่ธรรมดา! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าถึงกับพูดว่าค่าตัวของเ้ามีมูลค่าเพียง หนึ่งแสนตำลึงเงิน ที่จริงเป็การประเมินเ้าต่ำไป! เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เพิ่มอีกหนึ่งแสนตำลึงเงิน รวมเป็สองแสนตำลึงเงิน เ้าเห็นอย่างไร?”
พรืด!
ครั้งนี้ กระทั่งถังเจิ้นอวี่ก็กลั้นไม่อยู่เช่นกัน เขาหัวเราะเสียงดังออกมา
อาจารย์ช่างรู้จักกลั่นแกล้งคนเหลือเกิน อีกทั้งกลั่นแกล้งแล้วยังไม่รับผิดชอบอีกด้วย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดเมื่อสักครู่ของนางนั้นกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความการุณย์ ซ้ำยังเต็มไปด้วยการให้เกียรติและยอมรับ แต่เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคนี้ กลับทำให้คุณหนูมู่สูญเสียเงินไปหนึ่งแสนสองแสนตำลึงเงิน!
ช่างสังหารคนไม่เห็นเืจริงๆ!
ไม่ถูกต้อง ควรจะเป็การทำให้เสียทรัพย์โดยไม่กะพริบตามากกว่า!
ในรถม้า ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของซือคงเซิ่งเจี๋ยโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มเย้ายวนใจ
นางน่าสนใจอย่างที่เขาคิดไว้
มู่ชิงหว่านโมโหจนต้องกระทืบเท้า “เฟิงเฉี่ยน ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าไม่ได้จิตใจดีอันใด ไม่คิดจะช่วยเหลือข้าจากใจจริง ข้า ข้า...ข้าจะบอกว่าท่านพี่เช่อ ให้เขามาสั่งสอนเ้า!”
เมื่อสักครู่ยังเรียกพี่สาวเฟิงอย่างนั้นพี่สาวเฟิงอย่างนี้ ตอนนี้เปลี่ยนสีหน้าเรียกชื่อแซ่ตรงๆ นี่ต่างหากจึงจะเป็ตัวจริง!
แต่ที่ทำให้เฟิ่งเฉี่ยนปวดเศียรเวียนเกล้าที่สุดก็คือ นางยังเอ่ยถึงเซวียนหยวนเช่อ การกระทำเช่นนี้เหมือนเป็การทำให้แผลที่เพิ่งจะสมานตัวนั้นปริฉีกออกอีกครั้ง
หัวใจของนางรู้สึกราวกับถูกบดขยี้อย่างรุนแรง สีหน้าจึงเยียบเย็นลงทันทีแล้วเอ่ยด้วยสายตาคมปลาบ “ข้าและพี่รองของเ้าเป็สหายกัน ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเ้า อาศัยอะไรข้าจึงต้องช่วยเ้า? จะเป็การดีที่สุดหากเ้าใคร่ครวญให้ชัดเจน คนบนโลกนี้มิได้ติดค้างอันใดต่อเ้า ช่วยเ้าเพราะมีน้ำใจ ไม่ช่วยเ้าก็เป็สิทธิ์ของเขา ไม่มีใครแกว่งเท้าหาเสี้ยนปานนั้น รีบไปช่วยคนไม่รู้จักดีชั่วคนหนึ่ง!”
นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเ็า “ตอนนี้ตรงหน้าเ้ามีทางเลือกเพียงสองทาง! ไม่ก็ประทับตรารอยนิ้วมือ หรือไม่ก็ติดตามพี่ใหญ่อูกลับไปเป็ฮูหยินของเขา! เ้าเลือกเองก็แล้วกัน!”
สำหรับคนบางคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา สั่งสอนไม่โเี้พอย่อมไม่รู้จักจดจำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเช่นมู่ชิงหว่าน มีเพียงให้ผู้อื่นเสียเปรียบเท่านั้น ตนเองเสียเปรียบไม่ได้ตลอดกาล!
คนอื่นดีต่อนาง นางไม่เคยจำ คนอื่นไม่ดีต่อนาง นางจำไปตลอดชีวิต
ดังนั้น นางเกลียดแค้นชิงชังตนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จะให้เกลียดนางเพิ่มขึ้นสักเื่หนึ่ง ก็เกลียดชังไปเถิด!
มู่ชิงหว่านทั้งโมโหทั้งกลัดกลุ้ม ในเมื่อเ้าช่วยเหลือข้าแล้ว อาศัยอะไรข้ายังต้องเสียเงินอีกเล่า? ซ้ำยังเป็จำนวนเงินถึงสองแสนตำลึงเงิน นี่มันแทบจะเอาชีวิตข้าเชียว! แต่โจรที่อยู่อีกด้านหนึ่งจ้องมาทางนี้ราวกับเสือจ้องเหยื่อ นางไม่มีทางเลือกอื่น!
นางขบฟันแน่นอย่างเคียดแค้น เฟิงเฉี่ยน เ้ามันสตรีใจคอเหี้ยมโหด เ้ามันเป็ดาวหายนะในชีวิตของข้า! เ้ารอก่อนเถอะ รอให้ข้าพ้นจากอันตรายแล้ว ข้าไม่มีทางละเว้นเ้าเป็อันขาด!
ในใจคิดอย่างชิงชังทว่าตอบกลับไปด้วยความร้อนรนว่า “ข้าประทับรอยนิ้วมือ ข้าประทับรอยนิ้วมือ!”
คนของค่ายอูหลงจากไปในที่สุด นอกรถม้า มู่ชิงหว่านมองคนในรถม้าตาปริบๆ ท่าทางน่าสงสารก่อนเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูถัง ทรัพย์สินเงินทองที่ติดตัวข้ามาถูกผู้อื่นแย่งชิงไปหมดแล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีเงินติดตัวแม้แต่อีแปะเดียว คนขับรถม้าถูกพวกเขาทำให้ใจนหนีเตลิด ข้าขออาศัยรถม้าของพวกท่านไปด้วยได้หรือไม่? ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องไปสำนักศึกษาเทียนหงแน่นอน ถูกต้องกระมัง? พวกเราไปทางเดียวกันพอดี พวกท่านพาข้าไปด้วยเถิด!”
แม้มู่ชิงหว่านจะโง่เขลาแต่ยังรู้ว่าต้องเลือกลงมือกับคนใด นางไม่ได้ไปขอร้องเฟิงเฉี่ยนเพราะความเคียดแค้นในใจ และไม่ได้ไปขอร้องถังเจิ้นอวี่เพราะรู้ว่าเขามีท่าทีแข็งกร้าว อีกทั้งเป็ลูกศิษย์ของเฟิงเฉี่ยนนางไม่กล้าต่อกร ดังนั้นจึงเลือกลงมือกับคุณหนูถังที่ดูอ่อนโยนและไร้เดียงสาที่สุด
ถังไน่ไน่เห็นท่าทางน่าสงสารของนางจึงใจอ่อน นางหันมาทางถังเจิ้นอวี่ “พี่สาม พวกเรา...”
คำพูดของนางยังกล่าวไม่จบ ก็ถูกเสียงอีกเสียงหนึ่งตัดบท “ให้ของสกปรกก้อนนั้นอยู่ไกลๆ ข้าหน่อย! ข้าไม่มีทางอยู่ร่วมรถม้ากับสิ่งของสกปรกเด็ดขาด!”
วินาทีถัดมา บรรยากาศราวกับถูกแช่แข็ง
ของสกปรก...ก้อนนั้น?
เฟิ่งเฉี่ยนได้สติเป็คนแรก นางหัวเราะเสียงดัง นางลืมไปได้อย่างไรว่าซือคงเซิ่งเจี๋ยรักความสะอาดสุดชีวิต สายตาของเขามิอาจรับความสกปรกได้แม้แต่นิดเดียว
ทว่าการกล่าวหาว่ามู่ชิงหว่านที่เป็คนๆ หนึ่งเป็สิ่งของสกปรก นี่มันจะปากร้ายเกินไปหรือไม่!
ท่ามกลางสายตาของมู่ชิงหว่าน รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป และไกลออกไปเรื่อยๆ
ไม่นานนัก ในรถม้าก็มีเสียงหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่งะเิออกมา ทุกคนล้วนถูกคำพูดของซือคงเซิ่งเจี๋ยประโยคที่ว่า “ให้ของสกปรกก้อนนั้นอยู่ไกลๆ ข้าหน่อย” ทำให้หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้