ทันทีที่อวิ๋นจื่อปรากฎตัว เสียงเพลงก็หยุดลงกะทันหัน แสงไฟเริ่มหรี่ลง
หญิงสาวผู้งดงามเดินช้าๆ ไปที่กลางเวที แสงไฟรอบข้างสว่างขึ้นยามนางเดินจากนั้นก็ค่อยๆ หรี่ลง
ความครึกครื้นถูกแทนที่ด้วยความเงียบ
หญิงสาวในชุดที่ไม่ได้ดูหรูหรานั่งด้วยท่าทีสง่างามตรงหน้ากู่ฉิน ทันใดนั้นเพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียงก็ดังขึ้น
“หมอกและฝนในทะเลสาบตงถิง ตกลงมาทุกหนทุกแห่งหลายพันล้านลี้ จากท้องฟ้าดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของวังั เสียงอันไพเราะและน่าพึงพอใจ นั่งเรือท้องแบนสำรวจตำนานฟ่านหลี่และแม่น้ำหลี่เจียง คู่หูดินแดนแห่งสายน้ำ สหายรู้ใจกับชาวประมงที่ไม่เคยใช้อวน โอ้อวดว่าตนมีชื่อเสียง”
ฝูงชนพากันปรบมือ แสงไฟสลัวๆ และเสียงของกู่ฉินที่ไหลรื่นราวกับสายน้ำทรงพลังเสียจนผู้คนแทบลืมหายใจ
เสียงกู่ฉินดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“แดดส่องกระทบน้ำใสในธาร เงาเมฆบดบังความเปล่งประกาย สายลมพัดบางเบา ลอยกลางน้ำอาบแสงตะวัน คลื่นขาวซัดมาราวกับวาฬตัวยาว ปล่อยวางและเข้าสู่สายธารแห่ง์ มีเพียงความรู้สึกเงียบสงบ คลื่นกระหน่ำกระทบท้องฟ้า ฟื้นจากอาการมึนเมา มองเห็นน้ำใสและหาดขาว
เมฆหนาเหนือน้ำใสไหลเชี่ยว บนท้องฟ้าเงาเมฆทอดตัวยาว มองเห็นยอดเขาจิ่วอี๋ ท้องฟ้าสีครามย้อมด้วยหมึกเมฆดำ เสียงก้องฟ้าดังไกลถึงหลินเฉิน ูเาสามลูกและทะเลสาบทั้งห้าคือที่จับปลา มีแสงไฟและเรือประมงเป็หลักฐาน ธารน้ำที่ใสราวกระจกสะท้อนเห็นท้องฟ้า”
ตอนแรกอวิ๋นจื่อรู้สึกเคว้งคว้าง แต่หลังจากเล่นกู่ฉินไปได้สักพักหัวใจของนางก็เงียบสงบราวกับน้ำนิ่ง เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องชื่นชมของแขกในห้องโถงดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับนางเลย
หอจุ้ยฮวนกลายเป็อดีตสำหรับนางไปแล้ว
นางจดจ่ออยู่กับการเล่นกู่ฉิน
“ธารน้ำเชื่อมต่อกับท้องฟ้าเหมือนหยินหยาง เปรียบได้กับกระจกซึ่งคาดเดาไม่ได้และไม่ราบเรียบ เมฆใหญ่บังูเา แลดูเหงาจนมองไม่เห็นกัน ชาวประมงมีความสุข จิ้งจอกเหม่อมองพระจันทร์ที่ปกคลุมไปด้วยหมอก ปลุกเถาจู่ขึ้นมาดื่มสุราประชันกลอน
เกลียวคลื่นเหมือนผมสีขาวของชายชรา หยิบยืมแสงจันทราจากแดนไกล สงสัยว่าใครเป็สหาย สวมรองเท้าฟาง ถือพัดขนนก และสวมผ้าพันคอสีขาว ท้องฟ้าและธาราแบ่งครึ่ง กระแสน้ำงดงามทอดยาวถึงคุนหลุน
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยลมฝน ลมพายุทำให้คลื่นซัดแรง หยาดน้ำกระเซ็นอยู่ในอากาศ ทิวทัศน์ของเซียวเซียง หนึ่งเดียวไม่มีที่ใดเหมือน เปรียบดังภาพวาดสลักหยก มองดูกระแสน้ำที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ มีูเาสามลูกคั่นด้วยเกาะสิบเกาะ
ทะเลสาบกว้างใหญ่ เหนือท้องน้ำมีไอหมอกชวนฝัน สุดอนันต์คาดเดาไม่ได้ เมฆหลากสีงดงาม ม่านน้ำลดต่ำลงเมื่อพระจันทร์โผล่จากก้อนเมฆ”
ทันใดนั้นอวิ๋นจื่อก็ตระหนักว่านางเข้าใจความหมายของเพลงนี้แล้ว
เซียวเซียงและจิ่วอี๋ดูเหมือนจะเป็สถานที่ที่เสด็จพ่อเคยเสด็จไปเยือนเมื่อยังทรงพระเยาว์
เป็ไปได้ไหมว่าเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นโดยเสด็จอา?
นิ้วของอวิ๋นจื่อว่องไวมาก นางสะบัดนิ้วไปมาไม่ให้เสียงเพลงขาด่ เสียงกู่ฉินเปรียบได้กับน้ำที่ไหลออกมาจากปลายนิ้วของนาง เพลงนี้บรรเลงยากมาก นางจึงไม่สามารถคิดฟุ้งซ่านได้
ราวกับมีผืนน้ำกว้างปรากฏขึ้นตรงหน้า เมฆหมอกลอยเอื่อยเฉื่อยบดบังทิวทัศน์ของูเาจิ่วอี๋
เสียงกู่ฉินดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและลื่นไหล
“แม่น้ำเย็นแสงจันทร์อุ่น หมู่ดาวเคลื่อนคล้อย น้ำใสราวกระจก ลมและคลื่นสงบลง เมื่อขึ้นไปยังที่สูง เ้าจะมองเห็นเงาคันเบ็ดในระยะไกล เสื้อขนแกะถูกสวมบนไหล่แคบ แถมยังมีหมวกทรงสูง ใช้ดวงจันทร์เป็แม่สื่อ มีท้องฟ้าเป็พยาน โลกขุ่นมัวแต่ข้าสดใส ผู้คนมัวเมาแต่ข้าตื่นรู้ คลื่นลมและแสงเดือนผ่านไป ข้าควบคุมจิตใจได้ด้วยบทกวี
คลื่นนับพันลี้ที่กระทบฝั่งมีสีขาวราวน้ำนม น้ำนิ่งจากกระแสน้ำวนปราศจากสิ่งรบกวน ขับขานบทเพลงท่ามกลางแสงจันทรา ร่ำสุราท่องกวีเกี่ยวกับชาวประมง ลมและฝนทำให้ต้องลดใบเรือลง ผู้คนร้องเพลงตามใจปรารถนา หัวเราะให้กับความแตกต่างมากมายในโลก
ในหนึ่งวัน เมฆสีแดงสดปกคลุมทุกสิ่ง ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปทางทิศตะวันตก ปีกอีกาสะท้องแสงสีทอง ต้นอ้อขึ้นอยู่ริมน้ำ ท้องฟ้าที่มีเมฆฝนเต็มไปด้วยดาว สายลมพัดพาความเศร้า ส่วนความสุขของผู้มาเยือนกลับมากมายไร้สิ้นสุด ภาพที่งดงามคู่ควรกับกระดาษชั้นดี พู่กันจุ่มหมึกโบกสะบัดเหมือนนกขมิ้น”
เพลงนี้จบลงอย่างสมบูรณ์เหมือนเมฆที่ลอยอยู่เหนือธารา
เสียงที่เงียบงันแปรเปลี่ยนเป็เสียงปรบมือ
หลังจากวันนี้เพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียงจะกลายเป็เพลงที่หลายคนอยากฟัง
สีหน้าของอวิ๋นจื่อเต็มไปด้วยความไม่แยแสและเ็า ดูไม่สอดคล้องกับเสน่ห์ของนางแม้แต่น้อย
นางรีบลงจากเวทีโดยไม่ได้รั้งอยู่นานเกินไป
เสียงโห่ร้องและคำชื่นชมดังกึกก้องราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวติดต่อกันเป็เวลานาน
ม่านอู่ตกตะลึง
ปรากฏว่าหญิงสาวนามปี้เหยียนผู้นี้คืออวิ๋นจื่อตัวจริง
พร์ของนางนั้นน่าทึ่งมาก
อวิ๋นจื่อรีบกลับไปที่ห้องของนางทันที
เพราะนางรู้ว่าทุกอย่างในหอจุ้ยฮวนได้จบลงแล้ว
ทันทีที่กลับถึงห้อง นางก็เห็นซูเจินรออยู่แล้ว
ซูเจินกล่าวเบาๆ “การเล่นกู่ฉินไม่เกี่ยวกับทักษะ แต่เกี่ยวกับหัวใจของกู่ฉิน วันนี้จังหวะกู่ฉินของเ้าไม่มั่นคงเอาเสียเลย”
นางผงะไปเล็กน้อย
เป็ไปได้ไหมว่าซูเจินจะรู้ที่มาของเพลงนี้เช่นกัน?
นางอยากถามคำถามนี้ออกไป แต่สิ่งที่นางกล่าวกลับเป็
“ขอบคุณคุณชายที่ตักเตือน ปี้เหยียนจะจดจำให้ขึ้นใจ”
ซูเจินยิ้มอย่างเฉยชา “แต่เ้าไม่มีโอกาสแล้วล่ะ เ้าจะไม่ได้เล่นกู่ฉินอีกในอนาคต”
เขาตระหนักว่านับจากนี้เพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียงจะกลายเป็เพลงที่ทุกคนรู้จัก หลังจากนั้นเพลงนี้ย่อมไม่มีความหมายอีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้วเพลงของตระกูลอวิ๋นที่อ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อนแต่งขึ้นกลับถูกทำลายลงเพราะอวิ๋นจื่อ
นางก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร
ซูเจินกล่าวต่อว่า “ข้าหมายถึงเ้าจะไม่ได้เล่นเพลงนี้ในที่แบบนั้นอีกต่อไป เพลงนี้มีชื่อว่าเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียง ผู้ที่รู้จักเพลงนี้ล้วนตายหมดแล้ว เรียกได้ว่าคนที่รู้จักมันสามารถนับได้ด้วยปลายนิ้วเท่านั้น”
อวิ๋นจื่อกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านรู้ได้อย่างไร?”
อย่างไรก็ตาม เท่าที่นางรู้มาคนเก่าคนแก่ของเสด็จอาล้วนรู้จักเพลงนี้!
แต่ซูเจินนับว่าเป็คนแปลกหน้า
แล้วเหตุใดเขาถึงรู้เื่นี้?
เกิดอะไรขึ้นกับเสด็จอา? เกิดอะไรขึ้นในหยงโจว?
นางเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้