นางเลือกที่จะกลับทางเดิม คือปีนกำแพงสำนัก แล้วมุ่งหน้ากลับไปยังวังหลวงโดยเร็วที่สุด
ทางด้านหร่วนรั่วสุ่ยที่กำลังอยู่นอนบนเตียง ได้แต่กัดปากแน่น ั้แ่หนีเจียเอ๋อร์ออกไป นางก็นอนหันหลังตัวเกร็งจนเมื่อยไปหมด ครั้นจะเปลี่ยนท่าก็ไม่กล้าขยับ
ปัง!
จู่ๆ ประตูไม้ก็เปิดออก
หร่วนรั่วสุ่ยไม่แน่ใจว่าเป็หนีเจียเอ๋อร์หรือผู้อื่น นางจึงได้แต่นอนกำผ้าห่มแน่นด้วยความหวาดกลัว
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเมื่อมาแตะที่ไหล่ “รั่วสุ่ย ข้าเอง”
“เฮ้อ!” หร่วนรั่วสุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “สำเร็จหรือไม่เ้าคะ?”
หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า ระหว่างที่เปลี่ยนเสื้อ ก็เล่าเื่ที่พบให้อีกฝ่ายฟัง
“คุณหนู ท่านจะต้องระวังตัวให้มากนะเ้าคะ แม่ทัพเว่ยผู้นั้น หาใช่คนธรรมดาไม่”
“ข้าจะจำเอาไว้ วันนี้ขอบใจเ้ามาก รั่วสุ่ย” หนีเจียเอ๋อร์ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง “ไปเถอะ ระวังตัวด้วย!”
หลังหร่วนรั่วสุ่ยจากไป ไม่นานไป๋หานก็เข้ามาพร้อมโจวชิงหวาและอิ้นฮู่เว่ย คนสนิทอีกคนของไป๋หาน
เมื่อมาถึง พอพบว่าหนีเจียเอ๋อร์ยังนอนอยู่บนเตียง ความหวาดระแวงที่มีก็หายไปพลัน
ด้านโจวชิงหวาเอง ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
หนีเจียเอ๋อร์ลุกขึ้น ชำเลืองมองโจวชิงหวาแวบหนึ่ง ก่อนหันไปขอโทษไป๋หาน “ท่านรองเ้าสำนัก ข้าน้อยต้องขออภัยด้วย ที่สร้างภาระให้ท่าน!”
“ฮึ่ม… เ้าเป็หมอมิใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่รักษาตัวเอง! นี่ตั้งใจจะอู้งาน หรือมีเจตนาแอบแฝงกันแน่?”
ไป๋หานยังไม่ทันเอ่ยปาก บุรุษที่อยู่ข้างๆ ก็ชิงเหน็บแนมขึ้นมาเสียก่อน
หนีเจียเอ๋อร์เลิกคิ้ว พลางปรายตามองคนผู้นั้น “เป็หมอมิใช่เพื่อรักษาตนเอง ท่านไม่เคยได้ยินคำนี้หรอกหรือ?”
ชายผู้นั้นกัดฟันกรอด ไป๋หานจึงรีบยกมือห้ามปราม เพื่อมิให้เื่เลยเถิดไปมากกว่านี้
เมื่อเห็นว่าอาการของหนีเจียเอ๋อร์ดีขึ้นแล้ว พวกเขาจึงกลับไปที่จุดรวมพล
...
หนีเจียเอ๋อร์ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่พบเจอ ให้โจวชิงหวาฟัง
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ด้วยคิดไม่ถึงว่านางจะได้เผชิญหน้ากับเว่ยฉีหรานอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนั้น แล้วหลังจากนี้ พวกเขาจะทำอย่างไรดี?
หนีเจียเอ๋อร์ลอบมองสีหน้าตื่นตระหนกของโจวชิงหวา ก่อนเอ่ย “ไม่ต้องห่วง! เขามิได้ติดใจสงสัย จึงปล่อยให้ข้ามาออกมาง่ายๆ”
โจวชิงหวาจึงสวนกลับทันที “แต่หากเว่ยฉีหรานพูดเื่นี้กับไป๋หานละก็… เ้าแย่แน่!”
ใช่แล้ว! เพราะเื่นี้แหละ ที่ทำให้นางคิดไม่ตกมาจนถึงตอนนี้
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง โจวชิงหวาก็หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายถึงกู่อวี่เสียน เพื่อขอให้นางช่วยหาทางแยกตัวเว่ยฉีหราน ออกห่างจากไป๋หานสักระยะหนึ่ง
…
ตำหนักองค์หญิงใหญ่
ชุนเหินหยิบจดหมายออกมาจากขาของนกพิราบ ก่อนส่งให้กู่อวี่เสียน
องค์หญิงใหญ่รับมันมาอย่างไม่แยแส แต่ทันทีที่เห็นลายมือและนามผู้ส่ง นางก็ผุดลุกขึ้นทันที แล้วฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ก่อนจะไล่อ่านถ้อยคำในจดหมาย โดยไม่พลาดแม้แต่อักษรเดียว
ชุนเหินเลิกคิ้ว มองดูท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนของกู่อวี่เสียน ก่อนถามด้วยความสงสัย “องค์หญิงเพคะ เนื้อหาในจดหมายกล่าวถึงเื่ใดหรือเพคะ?”
กู่อวี่เสียนยังคงยกยิ้ม “โจวชิงหวาเขียนมาถึงข้า ขอให้ข้าช่วยดึงตัวเว่ยฉีหรานไว้ให้เขา”
ได้ยินเช่นนั้น ชุนเหินก็ถามอีกว่า “เหตุใดต้องขอให้พระองค์ดึงตัวเว่ยฉีหรานไว้ด้วย เขาคิดจะทำอันใดหรือเพคะ?”
“หุบปาก... มิฉะนั้นข้าจะตัดลิ้นเ้าเสีย!”
ขาดคำ นางก็นำจดหมายไปเผาไฟ ก่อนเดินวนเวียนทั่วห้อง เพื่อคิดหาวิธีช่วยโจวชิงหวา
ชุนเหินได้แต่มองตามอย่างสงสัย เหตุใดองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ต้องทำเพื่อบุรุษที่ไม่เคยมีใจให้ตัวเองถึงขนาดนี้ด้วย?
เมื่อก่อนเป็มู่หรงจิงหลี่ เพื่อเขาแล้ว องค์หญิงก็ยอมทำทุกอย่างเช่นกัน...
ต่อมาคือโจวชิงหวา ซึ่งเคยช่วยชีวิตองค์หญิงเพียงครั้งเดียว แต่นางกลับผูกใจสมัครรักใคร่ จนไม่อาจแยกจากได้
ไม่เข้าใจความคิดขององค์หญิงเลยจริงๆ!
“อา!” ตอนนั้นเอง องค์หญิงใหญ่ก็ส่งเสียงขึ้นมา
“องค์หญิงใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?”
กู่อวี่เสียนเหยียดยิ้ม แล้วเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว ว่าจะทำเช่นไร!”
นางวางมือลงบนไหล่ของชุนเหิน ก่อนก้มลงกระซิบ “ชุนเหิน เ้าไปหาคนมาให้ข้า ให้พวกเขาปลอมเป็มือสังหาร บุกเข้ามาเพื่อจะลอบสังหารข้า แล้วเ้าก็วิ่งไปที่ท้องพระโรง บอกท่านพี่ว่าข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ให้เขามาช่วยข้าทันที รีบไป... เร็ว!”
ได้ยินเช่นนั้น ชุนเหินก็เบิกตากว้าง แต่ไม่ทันจะเอ่ยอันใด ก็ถูกกู่อวี่เสียนผลักออกจากตำหนักเสียแล้ว “องค์หญิงใหญ่ ทำเช่นนั้นมิได้นะเพคะ!” นางทำหน้าราวกับจะร้องไห้ “เพื่อคุณชายโจวแล้ว ต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือเพคะ?”
กู่อวี่เสียนกล่าวเสียงต่ำ “หากเ้าไม่ทำตามที่ข้าบอก ข้าจะส่งเ้าไปชายแดนเสียเดี๋ยวนี้เลย”
ชุนเหินจึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงมิได้
กู่อวี่เสียนมองตามชุนเหิน พลางแสยะยิ้มร้าย แล้วก็เริ่มทำตามแผนเช่นกัน นางเปิดประตูตำหนักออกกว้าง ทั้งยังเรียกเหล่านางกำนัลเข้ามาทำความสะอาดเช็ดถู
ส่วนตัวเองก็เดินไปทิ้งตัวลงนอน เพื่อรอให้ ‘นักฆ่า’ เข้ามา ‘ลอบสังหาร’
ไม่ช้า ก็มีกลุ่มนักฆ่าเข้ามา เหล่านางกำนัลต่างกรีดร้องด้วยความพรั่นพรึง แต่กู่อวี่เสียนมิได้คิดจะหลบหลีก “พวกเ้าช่างบังอาจนัก ที่กล้าบุกเข้ามาในตำหนักของข้า!”
จากนั้น กระบี่ของมือสังหาร ก็ฟันเฉียดศีรษะนางไปหลายต่อหลายครั้ง กู่อวี่เสียนหันหลังวิ่งหนี ทั้งยังขว้างปาสิ่งของใส่มือสังหารที่จะเข้ามาทำร้ายตน ทว่า เมื่อมีทหารหลวงเข้ามาช่วย นางก็จงใจปล่อยให้ ‘มือสังหาร’ หลบหนีไป
ไม่ช้า ชุนเหินและกู่หังจิ่นก็ปรากฏตัวขึ้น
ภายในตำหนักเละเทะไปหมด ส่วนกู่อวี่เสียนก็ยืนหอบหายใจ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หมดสภาพองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ไปโดยสิ้นเชิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้