เดิมทีใบหน้าที่สงบของฮองเฮาก็ดูไม่ค่อยดีนักเมื่อเห็นหนังสือกล่าวโทษฉบับนี้ นอกจากนี้ยังมีเื่ที่มู่จื่อหลิงเติมเชื้อเพลิงให้กับข่าวที่ว่า สิงกู้เหวินถูกลอบสังหารและได้รับการช่วยชีวิตไว้ ใบหน้าของนางไม่น่ามองอีกต่อไปแล้ว
ได้เลย หลงเซี่ยวเจ๋อ ผู้ที่กำลังเป่าไฟขณะชมเื่สนุก โดยไม่สนว่าจะทำให้เื่ใหญ่ยิ่งขึ้น [1] จงใจเพิ่มเื่ตลกให้เป็ที่ขบขันเข้าไป
หลงเซี่ยวเจ๋อเ้าเด็กโง่ผู้นี้ เหตุใดจึงใจร้อนได้ถึงเพียงนี้?
เขากล้าหัวเราะดังๆ เช่นนั้นออกมาต่อหน้าฮองเฮา
หัวเราะเช่นนี้จะดีหรือ? ไม่มีความเคารพเลยสักนิด ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของฮองเฮาผู้สูงส่งเสียหน้า!
มู่จื่อหลิงรู้สึกพูดไม่ออกอยู่ในใจ
ใครบางคนลืมไปแล้วว่า ตนเองในยามนี้เพียงแค่มาเพื่อชื่นชมยินดีในความทุกข์ของผู้อื่น
ยิ่งกว่านั้น ถ้อยคำที่อุกอาจเ่าั้ที่ตนเพิ่งพูดกับฮองเฮาไปนั้น เมื่อเทียบกับหลงเซี่ยวเจ๋อแล้วมันยังเลวร้ายยิ่งกว่าอีก!
โดยรวมแล้วพวกเขาต่างก็ครึ่งชั่งแปดตำลึงทั้งนั้น ไม่ต่างกันเลย
ทันใดนั้นเส้นสีดำสามเส้นปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมู่จื่อหลิง และมุมปากของนางก็กระตุกขึ้น
จะหัวเราะเกินจริงไปเพื่อสิ่งใด?
เมื่อครู่คนผู้นี้ไม่ได้เตือนนางให้ยับยั้งตนเองหรอกหรือ ว่าอย่าอวดดีเกินไป แต่ยามนี้เขากลับทำมันเสียเอง และมัน ‘โหดร้าย’ มากกว่านางเสียอีก
นางไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แต่อย่างไรก็ตาม นางยังคงทำเพียงหัวเราะอยู่ในใจ
เสียงหัวเราะดังกึกก้องจากทุกมุมของห้องอาหารอย่างต่อเนื่อง ราวกับถูกกระแทกที่ศีรษะ และตบพระพักตร์ฮองเฮาผู้เป็ที่รักอย่างแรง ยามนี้หน้าของนางจึงยิ่งไม่น่าดูอย่างสมบูรณ์
มู่จื่อหลิงรู้ว่าหลงเซี่ยวเจ๋อหัวเราะอะไร พูดตามตรงนางเองก็ยังหัวเราะอยู่พักหนึ่งเมื่อเห็นข้อกล่าวหาในนั้น
แม้ว่าข้อกล่าวหาเ่าั้จะสั้นและชัดเจน เพียงแต่เื่ง่ายๆ ในตอนท้ายนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับฉีอ๋องในฐานะผู้บงการ
กล่าวได้ว่า จู่ๆ ก็หันมามุ่งเป้าไปที่ฉีอ๋อง และดูเหมือนว่าความผิดทุกอย่างจะสามารถกดดันให้คนไร้ซึ่งหนทางหลบหนีได้
แต่ว่าคนที่ตกเป็เป้าหมายคือฉีอ๋อง ผู้ไม่ใช่คนธรรมดา ข้อกล่าวหาถูกเขียนขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ใช้คําน้อยแต่กินความมาก [2] ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็แปลกมาก!
ฉีอ๋องผู้ยิ่งใหญ่และสูงส่งจนไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้ ถูกจี้ด้วยหนึ่งเข็มจนเห็นเื [3] ด้วยข้อกล่าวหาที่โเี้เช่นนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังรู้สึกได้ว่าไม่ใช่เขาที่ก่อความผิดเหล่านี้ขึ้นมา แต่มันกลับเป็การดูิ่ตัวตนอันสูงส่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ของเขาแทน
มู่จื่อหลิงคิดว่า หากในยามนั้นนางสารภาพออกไปจริงๆ แม้ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะสามารถแก้ไขมันได้ แต่เื่นี้เกี่ยวข้องกับกู่ ไม่รู้ว่าจะทำให้เขาเดือดร้อนมากเพียงใด ท้ายที่สุดความคับข้องใจของผู้คนก็ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะแก้ไข!
เพียงแต่...เมื่อเห็นหลงเซี่ยวเจ๋อหัวเราะออกมาเสียงดังเช่นนี้ ทันใดนั้นการคาดเดาของมู่จื่อหลิงก็พลิกกลับอีกครั้ง ของเช่นนี้ถูกชี้ไปบนหน้าของหลงเซี่ยวอวี่ ต่อให้มากมายเพียงใด ก็ไม่ใช่ปัญหาใช่ไหม?
ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างหลงเซี่ยวเจ๋อกับหลงเซี่ยวอวี่ ดูเหมือนมันจะผิดปกติมากกว่าองค์ชายพระองค์อื่น
ในยามปกติหลงเซี่ยวเจ๋อเอ้อระเหยลอยชาย ทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องคิดไตร่ตรอง และสติปัญญาของเขาค่อนข้างน่าเป็ห่วง แต่สำหรับหลงเซี่ยวอวี่แล้ว เขาน่าจะเข้าใจดีที่สุด
ยามนี้หลงเซี่ยวเจ๋อสามารถหัวเราะเช่นนี้ได้ เขาไม่ได้เพียงแค่หัวเราะคนที่เขียนข้อกล่าวหานี้ขึ้นมาอย่างไร้สมองเท่านั้น
ไม่สิ พูดให้ชัด มันน่าจะเป็การหัวเราะเยาะคนไร้สมองที่คอยยุยงอยู่เื้ั
เพียงแต่ว่าหลงเซี่ยวเจ๋อเด็กน้อยผู้โชคร้ายไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่า คนที่ไร้สมองที่อยู่เื้ัผู้นั้น ในยามนี้กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขา และกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เย็นเยียบราวกับงูพิษ
อย่างไรก็ตามหลงเซี่ยวเจ๋อได้หัวเราะหนักเสียจนลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว เขาไม่ได้ใหรือรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเลยที่เห็นว่าเมื่อครู่มู่จื่อหลิงใช้สิ่งนี้ในการยั่วยุฮองเฮา
นิ้วที่สั่นเทาจากการหัวเราะ ชี้ไปที่หนังสือกล่าวโทษ และถามอย่างกระหืดกระหอบว่า “พี่สะใภ้สาม บอกข้าที ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เ้าอ้วนสิงกู้เหวินเขียนขึ้นมา?”
ปลุกคนช่างฝันด้วยประโยคเดียว [4]
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลงเซี่ยวเจ๋อ จิตใจของมู่จื่อหลิงก็สว่างขึ้นเช่นกัน นางเหลือบมองไปที่กระดาษอีกครั้ง
นางรู้ว่าเหตุใด หลงเซี่ยวเจ๋อจึงถามว่าคำเหล่านี้เขียนโดยสิงกู้เหวินจริงหรือ เนื่องจากรูปแบบการเขียนของคำเหล่านี้...เป็คำที่มากเกินกว่าที่เ้าอ้วนจะกล้าใช้
มู่จื่อหลิงยักไหล่ [5] อย่างว่างเปล่า แล้วพูดเื่ไร้สาระด้วยตาที่เปิดกว้าง [6] “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ในยามนั้นกระดาษแผ่นนี้ถูกหยิบขึ้นมาจากในเรือนจำ”
ไม่ว่ามันจะถูกเขียนโดยสิงกู้เหวินหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฮองเฮาผู้เฉลียวฉลาด ต้องมาพบกับคนไร้สมองอย่างสิงกู้เหวินเช่นนี้ ช่างเป็เื่ที่น่าเศร้า
เมื่อนึกถึงภาพในเรือนจำในยามนั้นก็อดขำไม่ได้ ในยามนั้นหลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้พูดอะไร แต่สิงกู้เหวินกลับใมากจนสารภาพเื่ของฮองเฮาออกมาตามตรง
ฮองเฮาผู้เฉลียวฉลาดคิดว่าเมื่อนางสังหารคนเพื่อปิดปากไปแล้วเื่นั้นจะจบลง แต่หารู้ไม่ สิงกู้เหวินผู้กล้ากับคนอ่อนแอ แต่เกรงกลัวคนเข้มแข็งผู้นั้น ได้สารภาพกับนางออกมาจนหมดแล้ว
จะว่าไปการที่จะหาคนมาทำอะไรสักอย่าง หากคนที่หามาเป็ผู้ที่ไม่น่าเชื่อถือ มันจะทำให้คนอาเจียนเป็เืได้ [7]
มันเป็ความผิดพลาดจริงๆ และทำให้แพ้ทั้งเกม [8]
ดูเหมือนว่าหลงเซี่ยวเจ๋อจะยังไม่พอ และได้ใช้จินตนาการสุดล้ำเลิศจนน่าเหลือเชื่อขยายมันให้ใหญ่ขึ้นไปอีก
“มันต้องเขียนโดยเขาเป็แน่ ดูไปแล้วมันก็เหมือนมากจริงๆ ตัวอักษรบ่งบอกถึงตัวตน ดูอวบอ้วน กลมกลม ฮ่าฮ่าฮ่า...” หลงเซี่ยวเจ๋อใช้มือหนึ่งกุมท้องของตน แล้วหันหลังไปหัวเราะคิกคัก
มู่จื่อหลิงเกือบจะหัวเราะออกมา ต้องบอกว่า หลงเซี่ยวเจ๋อช่างตรงไปตรงมาและน่ารักจริงๆ มันเป็คำอธิบายที่เหมาะสมจนเกินไป ตัวอักษรเหล่านี้ดูไปแล้วมันมีรูปร่างที่เหมือนกับสิงกู้เหวินจริงๆ
อืม ดูเหมือนว่าในสิบส่วนจะมีแปดถึงเก้าส่วนที่ถูกเขียนขึ้นโดยเ้าอ้วนผู้อาศัยบารมีของนายกดขี่ข่มเหงผู้อื่นผู้นั้น และมีฮองเฮาเป็ผู้กล่าวกำกับอยู่เื้ั
มู่จื่อหลิงพยักหน้าเห็นด้วย
หากเป็จ้วงซือ [9] ผู้เชี่ยวชาญ ตัวอักษรที่เขียนออกมาเหตุใดจึงทั้งอ้วนและน่าเกลียดได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดนางถึงไม่ค้นพบมันเร็วกว่านี้?
ผู้ใดกล่าวกันว่าสติปัญญาของหลงเซี่ยวเจ๋อค่อนข้างน่าเป็ห่วง เพราะใน่เวลาสำคัญสมองของเขามักจะเปิดกว้างออกมาอยู่เสมอ
หลงเซี่ยวเจ๋อแตะคางของตนอย่างครุ่นคิด แล้วพ่นน้ำลายต่อไปว่า “ข้าไม่รู้ว่ามีผู้ใดอยู่เื้ัชายอ้วนผู้นั้น และผู้ใดคือผู้สนับสนุนเขา ไม่รู้ว่าผู้สนับสนุนผู้นั้นดวงตาเต็มไปด้วยอึ [10] หรือว่าไม่มีสมองกันแน่! จึงได้ใช้คนอย่างสิงกู้เหวินผู้นั้นมาใส่ร้ายพี่สาม”
ปากร้าย ช่างปากร้ายจริงๆ
นี่เป็การแอบใส่ความให้ร้ายลับหลัง ทำเป็ด่าคนผู้นี้ แต่ความจริงกำลังด่าอีกคน
เอาเถอะ ด้วยแรงผลักดันดังกล่าวของหลงเซี่ยวเจ๋อ มู่จื่อหลิง แทบจะทนไม่ไหว เกือบจะหัวเราะออกมา แต่ยังดีที่นางปิดปากของนางได้ทันเวลา และแสร้งทำเป็ไอขณะที่นางกำลังหัวเราะ “แค่ก ผู้ใดจะรู้ บางทีทั้งคู่อาจไม่ต่างกัน”
ไม่รู้ว่าหลงเซี่ยวเจ๋อจงใจหรือไม่ หากเขาไม่เปิดปากก็ไม่มีอะไร แต่เพียงแค่เปิดปากออกมาก็สามารถทำให้คนหัวเราะจนตายได้ ทั้งยังทำให้คนขุ่นเคืองแทบตายได้เช่นกัน
มู่จื่อหลิงสงสัยว่า หลงเซี่ยวเจ๋อก็สองหน้าด้วยหรือไม่ บนพื้นผิว ภายนอกดูเหมือนไร้เดียงสาและไม่เป็อันตราย แต่ภายในเขาฉลาดกว่าผู้ใด ใน่เวลาวิกฤตก็สามารถจุดไฟขึ้นมาได้ในเวลาที่เหมาะสม จนทำให้คนสำลักควันไฟตายได้
ในความเป็จริง หลังจากที่หลงเซี่ยวเจ๋ออ่านคำกล่าวโทษนี้จบ เขาก็สามารถเดาเหตุผลที่มู่จื่อหลิงนำกระดาษแผ่นนี้ออกมาได้แล้ว ไม่ใช่เพราะเขาฉลาดเกินไป แต่เป็เพราะความหมายมันชัดเจนเกินไป
ไม่ใช่ว่าเขาพูดจาไม่สุภาพ ความจริงเขาเพียงแค่ประพฤติตามวิถีของตนดังที่ทำมาโดยตลอด มันเป็ธรรมชาติของเขาที่จะตรงไปตรงมา
ดังนั้น เนื่องจากยามนี้เขาพร้อมสูญเสียทุกสิ่งแล้ว เขาจึงไม่รังเกียจที่จะเพิ่มเปลวไฟเข้าไปอีก
ทั้งสองพูดจาหยาบคาย ทั้งไม่น่าฟังและไร้มารยาท เข้ากันเป็ปี่เป็ขลุ่ย
แต่ละคนต่างทำอย่างโเี้ พวกเขาคุยกันอย่างอิสระและมีความสุข
และพวกเขายังรับส่งกันไปมาข้ามฮองเฮาผู้เป็ที่รักซึ่งผู้คนนับพันสรรเสริญโดยตรง...อย่างไร้มารยาท
เอาเป็ว่าฮองเฮาในยามนี้ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปมาราวกับจานสี เขียวเขียวแดงแดงจนคาดเดาไม่ได้
พูดตามตรง เมื่อพูดถึงสิงกู้เหวิน ฮองเฮาก็รู้สึกเสียใจเป็อย่างยิ่ง
เนื่องจากนางไม่รู้ว่าสิงกู้เหวินจะโง่เขลาถึงขนาดเขียนความผิดเช่นนี้ด้วยตนเอง คำเ่าั้มันล้วนเป็ไปไม่ได้ และเนื้อหาก็ตรงไปตรงมามากจนเกินไป นี่ไม่ใช่การยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตนเองหรอกหรือ?
และครั้งล่าสุดที่สิงกู้เหวินทำพฤติกรรมโง่ๆ นั่นในตำหนักหนานเหอ...ถึงที่สุดแล้วก็ทำได้เพียงตำหนินางที่คบหากับคนไม่ดีและฟังคำของคนที่น่ารังเกียจเท่านั้น
เมื่อต้องเผชิญความหยิ่งผยองของคนทั้งสอง ไม่ใช่เพราะฮองเฮาอารมณ์ดี หรือนางไม่อยากโกรธ แต่ว่านางโกรธจนพูดไม่ออกและเปล่งเสียงไม่ได้ต่างหาก
เนื่องจากนางต้องกล้ำกลืนความโกรธที่เกือบจะปะทุขึ้นมา
ที่มู่จื่อหลิงหยิบกระดาษแผ่นนี้ออกมาได้เพราะรู้ว่านางเป็ผู้ออกคำสั่งอยู่เื้ั หากยามนี้นางระบายความโกรธเคืองใส่ผู้ไม่เชื่อฟังทั้งสองคนนี้ มันจะไม่ยิ่งเป็การแสดงสิ่งที่ตนอยากปกปิดไว้ออกมาดั่งคนร้อนตัวหรอกหรือ?
และมันยังเป็การยอมรับโดยตรงไม่ใช่หรือว่านางเป็คนที่หลงเซี่ยวเจ๋อกล่าวว่าดวงตาเต็มไปด้วยอึและไร้สมองผู้นั้น?
ดังนั้น ไม่ใช่ว่ายามนี้ฮองเฮาจะโกรธเคืองก็ไม่อาจทำได้ จะไม่โกรธก็ทำไม่ได้ อยากจะข่มขู่ก็ไม่ได้ แต่จะไม่ข่มขู่ก็ยังไม่ได้อีก
สรุปคือ ยามนี้นางราวกับมีโคลนเหลืองตกตรงเป้า ไม่ใช่อึก็เหมือนอึ [11]
ฮองเฮาผู้น่าสงสาร นี่คงเป็วันที่น่าผิดหวังที่สุดในชีวิตของนาง
ถูกกระทำโดยคนสองคนที่มีสถานะต่ำกว่า คนใจกล้าที่หัวเราะจนเป็เช่นนี้ ฮองเฮาไม่มีความคิดที่จะจากไปแม้แต่น้อย ยังคงนั่งฟังอย่างสงบนิ่ง
แต่หลงเซี่ยวเจ๋อและมู่จื่อหลิง คนหนึ่งยังคงหัวเราะและอีกคนก็ยังคงไอไม่หยุด
คนหนึ่งเสียดสี ประชดประชันโดยไร้ซึ่งร่องรอย อีกคนเยาะเย้ยออกมาตรงๆ ราวกับเป็ตลกร้ายที่ไม่จบไม่สิ้น
พวกเขาไม่ได้สนใจฮองเฮาที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเลย
และเมื่อคนสองคนนี้ร่วมมือกัน มันสามารถทำให้คนขุ่นเคืองได้จริงๆ
ท่าทีที่ท้าทายเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ฮองเฮา ผู้สูงศักดิ์และทรงเกียรติมาโดยตลอด จะทนต่อไปได้อย่างไร?
ทันใดนั้นฮองเฮาก็หยิบชาเย็นๆ บนโต๊ะขึ้นมาแล้วกลืนลงท้องไป ชาเย็นๆ ไม่ได้ช่วยระงับความโกรธในใจของนางได้เลย มันกลับยิ่งมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
‘เพล้ง!’ ฮองเฮาวางถ้วยชาที่นางถือไว้ลงอย่างแรง จนเกิดเสียงดังชัดเจน
เพียงพริบตา ที่รองถ้วยและถ้วยชาก็แตกออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
พระหัตถ์อันนุ่มนวลของฮองเฮาก็ได้รับผลกระทบจากเศษถ้วยที่แตกนี้ด้วย เืหยดลงบนถ้วยชาหยกขาวที่แตกโดยตรง แต่นางกลับไม่รู้สึกเ็ปเลย
“อวดดี ดูซิว่าพวกเ้าทั้งสองคนจะต้องรับผลอย่างไร?” ฮองเฮาชี้นิ้วชี้ที่สั่นเทาไปยังคนสองคนที่อยู่ข้างกายนาง โกรธอย่างเห็นได้ชัด
เสียงทุบถ้วยและน้ำเสียงโกรธเคืองของฮองเฮาไม่รู้ว่าหลงเซี่ยวเจ๋อได้ยินเสียงหรือเปล่า
แต่เขาน่าจะได้ยินเพราะมันดังมาก สรุปง่ายๆ ก็คือ เขาแกล้งทำเป็ไม่ได้ยินและยังคงสร้างความสนุกให้กับตนเองต่อไป
แต่เมื่อได้ยินเสียงที่คมชัดและดูเหมือนกำลังจะะเิออก มู่จื่อหลิงก็กระแอมไออีกสองครั้งแล้วหรี่ตาลง
ดวงตาของนางเหลือบมองไปที่ใบหน้าของฮองเฮาที่กลายเป็สีดำมากจนไม่สามารถดำกว่านี้ได้อีกแล้ว
มุมปากของนางกระตุกเล็กน้อย และนางก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอยู่ในใจ ดูสิ ใบหน้าของฮองเฮาดำสนิทราวกับสีหมึก ดูไม่ได้เลยจริงๆ!
ก่อนที่ฮองเฮาผู้เป็ที่รักจะหงุดหงิดจนคว่ำโต๊ะ มู่จื่อหลิงก็หันหน้าไปอย่างเคร่งขรึม และโยนยาเม็ดเข้าไปในปากที่กำลังหัวเราะของหลงเซี่ยวเจ๋ออย่างแม่นยำ
ยาเม็ดละลายในปากทันที ทั้งยังไม่มีรส
ฮองเฮาไม่ได้มองมู่จื่อหลิงมาั้แ่ต้นจนถึงยามนี้ นางย่อมไม่เห็นการกระทำของมู่จื่อหลิง นับประสาอะไรกับหลงเซี่ยวเจ๋อที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายาถูกป้อนเข้าปากของตน
หลังจากนั้น มู่จื่อหลิงก็จ้องมองหลงเซี่ยวเจ๋อซึ่งกำลังหัวเราะหนักจนแทบเป็ตะคริว
หลังจากได้รับการจ้องมองจากมู่จื่อหลิง เสียงหัวเราะของหลงเซี่ยวเจ๋อก็หยุดลงทันที
แต่ใบหน้าที่แดงก่ำและร่างกายที่สั่นเทาของหลงเซี่ยวเจ๋อ แสดงให้เห็นโดยตรงว่าเขาต้องพยายามอย่างมากที่จะระงับมัน และภายในใจของเขาก็ยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง...
“พวกเ้าทั้งสองหัวเราะเยาะต่อหน้าเปิ่นกง เ้ายังเห็นเปิ่นกงในสายตาของเ้าอีกหรือไม่?” ฮองเฮาตบโต๊ะอย่างแรงด้วยพระพักตร์ทรงสง่าผ่าเผยราวกับไม่มีความโกรธเคือง
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เป่าไฟขณะชมเื่สนุก ไม่สนว่าเื่จะแย่ลง (看热闹不嫌事大) เป็สำนวน มีความหมายว่าคนที่เข้ามายุ่งเื่ของคนอื่นด้วยความสนุกสนาน และทำให้เื่ยิ่งบานปลาย เนื่องจากคิดว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง
[2] ใช้คําน้อยแต่กินความมาก (言简意赅) เป็สำนวน มีความหมายว่า คำที่กะทัดรัดแต่ความหมายครอบคลุมได้ทั่วถึง หรือใช้คำที่สั้นกระชับ มีตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวก็สามารถมีความหมายได้มหาศาล
[3] จี้ด้วยหนึ่งเข็มจนเห็นเื (一针见血) เป็สำนวน มีความหมายว่าคําวิจารณ์ที่สามารถแทงใจดําของผู้ถูกวิจารณ์อย่างตรงประเด็น
[4] ปลุกคนช่างฝันด้วยประโยคเดียว (一语惊醒梦中人) เป็วลี มีความหมายว่า ประโยคที่ปลุกคนที่ดูเหมือนจะสับสนด้วยข้อเสนอแนะและข้อเตือนใจที่ได้ผลเป็อย่างดี
[5] ยักไหล่ (耸耸肩) เป็ท่าทาง ใช้เพื่อแสดงความสับสน ไม่มีความคิดเห็น ความประหลาดใจ เป็การบอกให้รู้ว่าตนช่วยไม่ได้หรือหมดหนทาง
[6] พูดเื่ไร้สาระด้วยตาที่เปิดกว้าง (睁着眼说瞎话) เป็วลี มีความหมายว่า พูดเื่ที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็เื่โกหกหลอกลวง
[7] อาเจียนเป็เื (椎心呕血) เป็สำนวน มีความหมายว่า ร้องไห้เงียบๆ น้ำตาไหลเหมือนสายเื บรรยายถึงความเศร้าอย่างสุดซึ้ง
[8] แพ้ทั้งเกม (满局皆输) เป็สำนวน มีความหมายว่า หากเคลื่อนไหวผิดพลาดหรือเคลื่อนไหวอย่างประมาทเพียงแค่ครั้งเดียว จะส่งผลให้ทุกสิ่งล้มเหลวจนต้องสูญเสียทั้งหมด
[9] จ้วงซือ (状师) เป็อาชีพของคนจีนในสมัยโบราณ ทำหน้าที่ฟ้องร้องหรือดำเนินคดี เทียบกับอาชีพในปัจจุบันจะคล้ายกับอัยการ
[10] ดวงตาเต็มไปด้วยอึ (眼睛被屎糊) เป็วลี มีความหมายว่าดวงตาพร่ามัว เห็นไม่ชัดเจน หรือในดวงตาเห็นแต่สิ่งที่ไม่ดีด้วยความหมกมุ่นอยู่กับเื่แย่ๆ
[11] โคลนเหลืองตกตรงเป้า ไม่ใช่อึก็เหมือนอึ (黄泥巴掉进裤裆里) เป็วลี มีความหมายว่าถูกเข้าใจผิดและยากที่จะอธิบายได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้