ในที่สุดเฉียวเยว่ก็กลับไปเรียนที่สำนักศึกษาตามปรกติ แม้ว่า่นี้จะเกิดเื่ขึ้นมากมาย แต่พวกนางก็เป็สหายร่วมชั้นกันมาหลายปี ต่างก็เข้าใจกันและกันเป็อย่างดี ไม่มีใครคิดว่าเฉียวเยว่ทำผิดอะไร
แต่ก็มีบางคนที่เห็นความทุกข์ของผู้อื่นเป็เื่สนุก เช่นหรงฉางเกอเป็ต้น นางรั้งเฉียวเยว่มาคุย "มีเื่เช่นนี้ เหตุใดเ้าไม่บอกข้าล่วงหน้า ข้าชอบดูคนทะเลาะวิวาทกันที่สุด ได้ยินว่ามีคนลอยออกไปด้วย จริงหรือไม่?"
เฉียวเยว่ยังคงงุนงง หลังจากนั้นก็ยิ้มตอบกลับไป "ต้องขออภัยด้วย ตอนนั้นข้าเห็นเหตุการณ์ไม่ชัดจริงๆ"
นางกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ผิด ตอนนั้นนางยังไม่ทันตั้งตัว คนก็ลอยละลิ่วออกไปหลายคนแล้ว"
เพราะเื่นี้ ได้ยินว่าฝ่าาทรงกริ้วจัด แต่หาได้ทรงพิโรธเพราะหรงจ้านไปก่อเื่ แต่ทรงพิโรธที่ชายาอ๋องสี่แห่งซีเหลียงหรืออดีตองค์หญิงลอบกลับมาเมืองหลวง
การกลับมาอย่างกะทันหันและมีการปิดบังซ่อนเร้น หากบอกว่าไม่มีแผนการอันใดแม้แต่น้อย ก็คงไม่มีใครเชื่อ
ยามนี้ ในห้องทรงพระอักษรที่วังหลวง
ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรคนสองสามคนเบื้องหน้าพระพักตร์ แล้วตรัสว่า "น้องหญิง หากเ้าไม่ให้คำอธิบายดีๆ แก่เรา เราก็มีเหตุผลที่จะคลางแคลงสงสัยว่าการกลับมาครานี้ของเ้ามีเจตนาวางแผนร้าย"
แม้ฮ่องเต้จะดูอ่อนโยนมีเมตตา แต่ชายาอ๋องสี่ก็รู้ดีว่า หากพระองค์ไร้ประโยชน์อย่างที่เห็นจริงๆ ก็คงไม่สามารถเอาชนะพี่น้องทุกคนจนก้าวขึ้นไปสู่บัลลังก์ได้
แต่นางเป็คนมีวาทศิลป์ในการแก้ต่าง จึงตอบกลับไปทันที "เสด็จพี่ เื่นี้ทรงฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน หม่อมฉันยอมรับว่าแอบลอบกลับมาเมืองหลวง แต่หม่อมฉันหาได้มีแผนการชั่วช้าอันใด เพียงเพราะอับจนหนทางจริงๆ เพคะ"
ชายาอ๋องสี่ขบริมฝีปาก หลังจากนั้นก็เอ่ยเสียงเบา "ท่านอ๋องของหม่อมฉันจัดเตรียมให้หม่อมฉันกลับมา เขาปรารถนาให้หม่อมฉันช่วยเกลี้ยกล่อมพระองค์ ในงานประลองความสามารถของสองแคว้นคราก่อน น้องเก้าเกิดตกหลุมรักคุณหนูเจ็ดจวนซู่เฉิงโหว ตอนนั้นคุณหนูเจ็ดยังอายุน้อย ประกอบกับการแข่งขันเพิ่งเสร็จสิ้น เกรงว่าพระองค์จะทรงคิดมากและไม่ตกลง จึงมิได้ทาบทามสู่ขอั้แ่ตอนนั้น และเพิ่งหาโอกาสมาในครานี้เพคะ"
ฮ่องเต้หรี่พระเนตรเล็กน้อย แต่ไม่ตรัสสิ่งใด
กลับเป็ฉีจือโจวซึ่งยืนอยู่ด้านข้างที่แค่นเสียงหัวเราะออกมา เขาเพิ่งกลับมาจากต่างเมืองอย่างเร่งด่วน เสื้อผ้ายังไม่ทันได้เปลี่ยน จึงอยู่ในชุดลำลองสีเทาเข้ม
"น้องเองก็รู้ การทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่จ้านเอ๋อร์ก็ไม่น่าหักหาญน้ำใจกันเกินไป กระทำการโหดร้ายในเมืองหลวงเยี่ยงนี้ ทำให้ปวงประชาต้องผิดหวัง" ชายาอ๋องสี่ยังคงพูดต่อ หรงจ้านก่อความวุ่นวาย ทุกคนต่างรู้กันหมดแล้วว่านางคือผู้ยุยงอยู่เื้ั ส่งผลให้ความประทับใจที่มีต่อนางเปลี่ยนเป็ย่ำแย่ ขณะเดียวกันคนที่เคยมีสัมพันธ์ลับกับนางอีกสองสามคนก็ไม่ยอมมาพบนางแล้ว ด้วยกลัวจะติดร่างแหไปด้วย หากถูกหรงจ้านจับตามอง ถูกเล่นงานจนหมดเนื้อหมดตัวชื่อเสียงพินาศย่อยยับเหมือนเหล่าเฉิน จะต้องแย่แน่นอน
ชายาอ๋องสี่เข้าใจเหตุผลดี ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งแค้นเคืองหรงจ้าน แทบอยากจะเหยียบย่ำให้ตายต่อหน้าพระพักตร์
แต่ทันทีที่นางเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ก็ถูกฉีจือโจวตบหน้าอย่างแรง "กราบทูลฝ่าา กระหม่อมคิดว่าเื่นี้ไม่น่าจะทำให้ทุกคนรู้สึกผิดหวัง ตรงข้ามกลับเป็การเตือนให้ทุกคนรู้ แม้อวี้อ๋องจะไม่เข้าร่วมในราชสำนัก แต่ไม่เคยเลอะเลือนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเื่ใหญ่ของบ้านเมือง สตรีที่ออกเรือนก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป หากท่านอ๋องทรงเข้าข้างคนนอก ช่วยเหลือผู้อื่นรังแกคนกันเองเหมือนองค์หญิง นั่นถึงจะทำให้ประชาชนผิดหวังเศร้าใจมากกว่า ทุกคนจะรู้สึกว่า ที่แท้การสมคบกับชาวซีเหลียงก็ไม่เห็นจะเป็อะไร ไม่เพียงเท่านั้นยังได้รับเกียรติจากฝ่าาในฐานะแขกพิเศษ เพียงเพราะนางมีสถานะเป็เชื้อพระวงศ์ เพียงเพราะนางเป็พระขนิษฐาของพระองค์เท่านั้น มีแต่การทำให้ทุกคนเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ต้าฉีถึงจะมีความเป็น้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น หากทุกคนเป็เหมือนชายาอ๋องสี่กันไปหมด เห็นทีต้าฉีของเราคงจะไม่ใช่ของสกุลหรงอีกแล้ว"
สิ้นถ้อยคำดังกล่าว ทุกคนต่างตื่นตระหนก ไม่มีใครคิดว่าฉีจือโจวจะหาญกล้าถึงปานนี้
แม้แต่พระพักตร์ของฮ่องเต้ยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าฉีจือโจวก็มิได้แสดงความรู้สึกอันใดเป็พิเศษ เขายังคงพูดต่อไป "แม้นว่าพระองค์จะตรัสว่า้าให้เฉียวเยว่ตบแต่งไปซีเหลียง กระหม่อมคิดว่าทั้งจวนซู่เฉิงโหวและจวนสกุลฉีจะต้องไม่ยินยอมอย่างแน่นอน เพราะพวกเราไม่อยากเห็นเฉียวเยว่เปลี่ยนไปเป็คน..." เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มเยาะออกมา "ต่ำช้าสามานย์ อกตัญญูเนรคุณ ทรยศต่อบรรพบุรุษ หลงลืมวงศ์ตระกูลเช่นเดียวกับองค์หญิง"
"ฉีจือโจว เ้าเหิมเกริมเกินไปแล้ว นี่คือองค์หญิง เ้าโจมตีพระองค์ เคยคิดหรือไม่..." บัดนี้ซูต้าหลางก็อยู่ที่นี่ เขาตวาดออกมาทันที แต่ยังไม่ทันกล่าวความจบก็ถูกฉีจือโจวตัดบทไปเสียก่อน
"ข้ารู้ว่าใต้เท้าซูมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับองค์หญิง แต่หวังว่าใต้เท้าจะเข้าใจ ตอนนี้ไม่มีองค์หญิงอันใดอีกแล้ว มีเพียงชายาอ๋องสี่แห่งซีเหลียง"
หลังจากซูต้าหลางใจเย็นลงแล้ว ก็ตอบกลับไป "แต่ถึงกระนั้น เฉียวเยว่ก็ใช้สกุลซู เป็คนในจวนซู่เฉิงโหวของพวกเรา หาใช่คนสกุลฉีของเ้า การที่เ้ามาจัดการแทนจวนซู่เฉิงโหวของพวกเรา เห็นทีจะไม่ถูกต้องกระมัง?"
ฉีจือโจวแค่นเสียงเยาะ "ถึงอย่างไรจวนซู่เฉิงโหวก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การตัดสินใจของใต้เท้าซูกระมัง? ข้าว่า ท่านโหวผู้เฒ่าน่าจะเห็นด้วยกับคำพูดของข้ามากกว่า และไม่ปล่อยให้บุตรชายโง่งมเข้ามาเ้ากี้เ้าการวุ่นวาย"
"ฉีจือโจว เ้านับเป็ตัวอะไร ถือสิทธิ์อันใดมาออกความเห็นที่นี่ ข้ากำลังคุยกับพระเชษฐา ไม่ใช่กงการของเ้าจะมาเอาผิดข้า"
"เขาไม่ได้ แล้วข้าเล่า?"
หน้าผากของขันทีน้อยเต็มไปด้วยเหงื่อ เขามองฮ่องเต้ "อวี้อ๋องทรง..."
คนผู้นี้บุกเข้ามาเองพ่ะย่ะค่ะ!
ฮ่องเต้ทรงโบกพระหัตถ์ให้คนออกไป แล้วตรัสว่า "จ้านเอ๋อร์มาแล้วรึ"
หรงจ้านใช้ผ้าเช็ดมือ ไม่แยแสฮ่องเต้ แต่กลับหันไปยิ้มให้ชายาอ๋องสี่ "ท่านอาหญิง ฉีจือโจวพูดอะไรไม่ได้ แล้วข้าเล่า ได้หรือไม่?"
"จ้านเอ๋อร์ ข้าเป็อาของเ้า เ้าอย่าได้เข้าใจอาผิดไป"
สายตาของหรงจ้านร้ายกาจราวกับยาพิษ "ข้าเคยกล่าวไว้ คนซีเหลียงไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ล้วนแต่เป็ศัตรูคู่อาฆาตที่สังหารบิดาข้า เมื่อท่านอาหญิงยินดีที่จะเป็คนของซีเหลียง ก็เท่ากับเป็ศัตรูของข้าด้วย"
เขาล้วงมีดออกมาจากแขนเสื้อแล้วทอยิ้มน้อยๆ "ท่านคิดว่าข้าควรแทงท่านสักกี่ครั้งดี?"
รอยยิ้มของหรงจ้านผลิบานขึ้นเรื่อยๆ "ยังจำคราแรกที่พวกเราพบกันที่ซีเหลียงได้หรือไม่? ตอนนั้นข้าเคยเอ่ยปากกับท่าน ว่าพวกเราสองคนต่างมาจากต้าฉี นี่คือโชคชะตา ท่านอาตอบกลับมาเช่นไร? ท่านบอกว่า การมาจากต้าฉีคือความน่าอัปยศอดสูที่สุดของท่าน ท่านอาจำได้หรือไม่? ท่านอาจจำไม่ได้ แต่ข้าจำได้ ตอนนั้นที่ข้าไม่สนใจท่านก็เพราะคนอย่างท่านไม่มีราคาพอให้ข้าลงมือ แต่หากท่านมีใจรังเกียจข้า ข้าก็ไม่ถือสาที่จะหาโพรงว่างๆ สักแห่ง ให้ท่านตายอย่างไร้ที่กลบฝัง"
สิ้นคำกล่าวนี้ ชายาอ๋องสี่ก็หน้าถอดสี
"จ้านเอ๋อร์ จะ...เ้า พูดเหลวไหลอันใด"
หรงจ้านยิ้มน้อยๆ "ข้าไม่เคยพูดเหลวไหล ข้าอยากให้ท่านตาย ไม่จำเป็ต้องเรียบเรียงถ้อยคำให้สวยหรู ต่อให้ข้าสังหารท่านตอนนี้ ก็ไม่มีใครบอกว่าข้าผิด"
หรงจ้านเชิดคางเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า "ไม่ว่าพระเชษฐาของท่าน คนรักของท่าน หรือแม้แต่คนรักเก่าที่อยู่ในเมืองหลวงเ่าั้ของท่าน ข้าว่าไม่มีใครหรอก ตอนนี้พวกเขาล้วนแต่อยากสะบั้นความสัมพันธ์กับท่านจนแทบไม่ไหวกันอยู่แล้ว"
"จ้านเอ๋อร์" ฮ่องเต้พลันรู้สึกว่าอารมณ์ของหรงจ้านเริ่มผิดปรกติ ก็ลุกขึ้น หันไปมองฉีจือโจว "เ้าไปส่งอวี้อ๋องกลับจวนแทนเรา" หลังจากนั้นก็หันมามองชายาอ๋องสี่ แล้วตรัสว่า "เื่คุณหนูเจ็ดจวนซู่เฉิงโหวไม่ต้องให้เ้ามาเ้ากี้เ้าการวางแผน เรามีแผนการเอาไว้นานแล้ว"
ทรงเว้นจังหวะเล็กน้อย แล้วทอดพระเนตรขุนนางเก่าสองสามคนในห้องทรงพระอักษร ตรัสเน้นทีละคำทีละประโยคอย่างช้าๆ "เราตัดสินใจแล้ว หลังจากคุณหนูเจ็ดจวนซู่เฉิงโหวเข้าพิธีปักปิ่นให้พระราชทานสมรสกับอวี้อ๋อง"
สิ้นคำตรัสดังกล่าว ทั้งห้องก็เงียบกริบ
ฉีจือโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น เขากลับสงวนวาจาเอาไว้
ชายาอ๋องสี่ได้ยินคำกล่าวนี้ ก็กล่าวขึ้นทันที "เสด็จพี่จะทรงฟังคำพูดของจ้านเอ๋อร์ไม่ได้นะเพคะ เขามักจะคลั่งอาละวาดเช่นนี้เสมอ อีกอย่างถึงแม้พระองค์จะไม่ตอบตกลง แต่ก็ไม่จำเป็..."
"เ้าหุบปากให้เราเดี๋ยวนี้" พระสุรเสียงของฮ่องเต้เข้มขึ้น "อย่าคิดเราเป็คนโง่ อย่านึกว่าเราไม่รู้อะไรเลย ไสหัวไปให้พ้นหน้าเราเดี๋ยวนี้ กลับซีเหลียงของเ้าไปเสีย ฉีจือโจว"
"กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ"
"พรุ่งนี้เริ่มใช้กฎอัยการศึกทั่วเมือง หากพบเห็นนางที่ใด..." สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็เย็นะเื "สังหารไม่เว้น"
ชายาอ๋องสี่มองฮ่องเต้อย่างไม่คาดคิด
"นอกจากนี้ เ้ารับผิดชอบตรวจสอบคนในเมืองหลวงทุกคนที่ติดต่อกับนางใน่สองสามวันที่ผ่านมา ใครก็แล้วแต่ที่เคยติดต่อกับนาง จะต้องตรวจสอบอย่างเคร่งครัด คนที่มีความเกี่ยวข้องกับซีเหลียงให้ส่งเข้าคุกหลวง ใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่โง่งมถูกนางยั่วยวนจนหน้ามืดตามัวให้ลดตำแหน่งขุนนางสามขั้น"
"พ่ะย่ะค่ะ" ฉีจือโจวรับคำสั่ง
หลังกล่าวทุกอย่างจบสิ้น ฮ่องเต้ก็หันไปมองหรงจ้าน แล้วตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สีพระพักตร์ก็ดีขึ้นไม่น้อย "เยี่ยงนี้ จ้านเอ๋อร์พอใจหรือไม่?"
หรงจ้านทั้งสงบนิ่งและเฉยชา "เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระหม่อม"
ฮ่องเต้แย้มพระสรวล หลังจากนั้นก็ตรัสตอบไปว่า "จะเกี่ยวข้องหรือไม่ เราก็จะไม่ให้เ้าต้องหมองหมางใจ เ้าเป็โอรสของพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ไม่อยู่แล้ว เราจะไม่ให้ผู้ใดชักสีหน้าใส่เ้าทั้งสิ้น"
แม้ดูเหมือนเป็การบอกหรงจ้าน แต่คล้ายเป็การบอกผู้อื่นเสียมากกว่า "ไม่ว่าจ้านเอ๋อร์้าสิ่งใด เราก็จะให้เขาทั้งหมด"
"กราบทูลฝ่าา ฮองเฮาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีเข้ามารายงาน
ฮ่องเต้ขมวดพระขนง "นางมาทำอะไร"
ฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัยฮองเฮามาโดยตลอด ทว่าไม่แสดงออกมากเกินไปนัก แต่ทางด้านไทเฮาก็ทรงมองความคิดอ่านของฮ่องเต้ออก ทุกครั้งที่ฮองเฮากับไทเฮาขัดแย้งเื่ผลประโยชน์ แต่ไรมาฮ่องเต้ก็ไม่เคยเข้าข้างฮองเฮา แม้แต่คนนอกอย่างฉีจือโจวกับซูซานหลางก็ยังมาก่อนฮองเฮาเสมอ เมื่อมาตรองดูให้ดี ยากที่ฮองเฮาจะไม่ทรงคับข้องพระทัย แต่แม้จะเป็เช่นนี้ พระนางก็ยังคงใช้เล่ห์กลอุบายไม่เคยหยุดหย่อน
"ฮองเฮาตรัสว่ามีเื่สำคัญพ่ะย่ะค่ะ"
ฮ่องเต้นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนตรัสว่า "เอาเถอะ ให้นางเข้ามา"
หลังจากฮองเฮาเข้ามาในห้องก็ถวายพระพรฮ่องเต้ สีพระพักตร์ยังคงอาบไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
"ได้ยินว่าองค์หญิงทรงกลับเมืองหลวง หม่อมฉันในฐานะพี่สะใภ้ย่อมมิอาจไม่มาดูแล แท้จริงแล้วหม่อมฉันได้ยินเื่องค์หญิงจะกลับเมืองหลวงมาพักใหญ่แล้ว เกรงว่าฝ่าาจะเข้าพระทัยน้องหญิงผิดไป หม่อมฉันจึงรีบมาเพื่ออธิบายสักสองสามประโยคเพคะ"
นางไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางนี้ แต่เมื่อดีดลูกคิดของตนเองคำนวณดูแล้วว่าคุ้มค่าก็มาเพื่อช่วยพูดให้ชายาอ๋องสี่
แต่ทันทีที่สิ้นคำกล่าว ก็เห็นฮ่องเต้ทรงยิ้มเยาะออกมา แล้วตรัสย้ำทีละคำอย่างเ็า "ดังนั้น... ฮองเฮาก็เลยคิดจะมาแทรกแซงราชกิจ?"
ฮองเฮาตกตะลึง แล้วรีบแก้ต่าง "ฝ่าาเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ หม่อมฉัน..."
"ฮองเฮาอยู่ว่างๆ ก็ปลูกดอกไม้ เลี้ยงนกไปดีกว่า" ฮ่องเต้ตรัสเสียงเรียบ
หลังจากนั้นก็หันไปมองขันทีข้างพระวรกาย "ส่งฮองเฮากลับตำหนัก"
พอเห็นสีหน้างุนงงของฮองเฮา ก็ตรัสต่อไป "เราว่าเ้าไม่มีความสามารถเพียงพอพอที่จะจัดการวังหลังให้ดีได้ ดังนั้นเราจะทูลเชิญเสด็จแม่มาดูแลจัดการแทนสักสองสามวัน แล้วค่อยคัดสรรผู้ช่วยที่มีความสามารถขึ้นมาสักคน"
ฮองเฮาจ้องพระพักตร์ฮ่องเต้อย่างไม่อยากเชื่อ
ฮ่องเต้ยังคงตรัสอย่างสงบนิ่ง "เราไม่มีน้องสาวอีกแล้ว ที่นี่มีเพียงชายาอ๋องสี่แห่งซีเหลียง ทุกคนที่ติดต่อกับนางไม่ว่าใครก็แล้วแต่ เราจะไม่ละเว้นเป็อันขาด"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้