คำพูดของหยางซีทำเอาไป๋เยว่ซินนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน นางพลิกกายไปมา โดยมีเ้าอาซานคอยจ้องมองอย่างไม่ลดละ จนมันทนไม่ไหวจึงบอกว่าหากนางยังไม่ยอมหลับเสียที มันจะใช้อุ้งเท้ามังคุดตบท้ายทอยนางให้สลบเสีย
เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวไม่น้อยเลย ไป๋เยว่ซินตื่นมาแต่เช้า หลังจากล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว จึงออกมากินมื้อเช้า เมื่อมาถึงก็พบว่าป้าสะใภ้ใหญ่และท่านแม่ของนางกำลังวุ่นวายอยู่ในโรงครัวจนมือเป็ระวิง ไป๋เยว่ซินที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ท่านป้าสะใภ้ ท่านทำขนมมากมายพวกนี้ไปทำไมกันหรือเ้าคะ?”
นางเกาเงยหน้ามามองหลานสาวตน ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน
“หลายวันก่อนบ้านตระกูลหูมาจ้างให้ป้าสะใภ้กับแม่เ้าทำขนมไปส่งน่ะ พวกเขาจะจัดงานเลี้ยงฉลองที่บุตรชายสอบติดได้เข้ารับราชการเป็ขุนนางที่นครหลวง แม้จะเป็ขุนนางตำแหน่งเล็กๆแต่ก็นับว่ามีหน้ามีตาไม่น้อยเลย พวกเขาก็เลยมาจ้างพวกเราทำขนมไปให้แขกในงาน เ้าลืมไปแล้วหรือว่าป้าสะใภ้กับท่านแม่เ้าน่ะมีฝีมือทำขนมมากเลยนะ แต่น่าเสียดายที่นานๆทีจะมีคนมาจ้าง เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆก็ไปซื้อขนมที่ร้านขนมหวานตระกูลจางกันหมด”
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยถามทันที
“ร้านขนมหวานนั่นขายดีมากเลยหรือเ้าคะป้าสะใภ้”
นางเกาพยักหน้าให้หลานสาวทันที
“ถูกต้องแล้ว เห็นเค้าลือกันว่าอร่อยมากเลย แต่ราคาแพงไปสักหน่อย คนอย่างพวกเราย่อมไม่มีเงินซื้อกินแน่นอน”
นางเกาเอ่ยด้วยความเสียดาย ไป๋เยว่ซินยิ้มออกมาเล็กน้อย ขนมที่ว่ารสชาติเป็เลิศ นางล้วนเคยกินมาหมดแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกเสียดายอันใด
ในขณะที่นางกำลังคิดสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อย ก็มีขนมพุทรากวนชิ้นหนึ่งยื่นมาตรงหน้านาง เมื่อไป๋เยว่ซินเงยหน้าไปมองก็พบว่าเป็ไป๋จงท่านพ่อของนางนั่นเอง
“เยว่เอ๋อร์ เ้ารีบกินเร็วเข้า ขนมพุทรากวนนี่น่ะแม้จะอร่อยไม่เท่าร้านขนมหวานตระกูลจาง แต่ก็นับว่าใช้ได้ พ่อไปต่อแถวซื้อมาให้เ้าเลยนะ พ่อให้พี่สาวเ้าไปชิ้นหนึ่ง ส่วนชิ้นนี้เป็ของเ้า ยังร้อนอยู่เลย พ่อเป่าให้เ้านะ”
ไป๋จงเป่าขนมก่อนจะส่งมาให้บุตรสาวตนอีกครา ไป๋เยว่ซินมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่แดงก่ำ
ตอนเป็องค์หญิงใหญ่ ทุกๆวันนางจะแอบมองเสด็จพ่อเป่าขนมให้ิซินอี๋ทุกวัน แต่คนที่เป่าขนมให้นางกินมีเพียงเสด็จแม่เท่านั้น ตอนนั้นนางคิดว่าอยากให้เสด็จพ่อเป่าขนมให้นางกินบ้าง แต่ท่านพ่อกลับบอกว่ามีงานต้องสะสางไม่มีเวลามาทำเื่ไร้สาระเช่นนี้
แต่วันนี้นางกลับมีบิดาอีกคนหนึ่งที่รักนางประดุจไข่มุกในฝ่ามือ คอยโอบกอดและปลอบประโลมนาง สิ่งใดที่ดีดีก็มักจะมอบให้นางเสมอ บิดาที่เป็เพียงคนธรรมดา มือไม้หยาบกร้าน ไม่ได้สูงส่งถึงขนาดพลิกแผ่นดินหรือคว้าดวงดาวมาให้นางได้ แต่กลับรักนางมากเหลือเกิน
อีกทั้งนางยังมีท่านลุงท่านป้า มีพี่ชาย มีพี่สาวและมีมารดาที่รักและเอ็นดูนางมากที่สุด
นี่สินะจึงเรียกว่าครอบครัวอย่างแท้จริง
แม้จะรู้ว่าที่พวกเขาดีต่อนางเพราะนางอยู่ในร่างของไป๋เยว่ซิน แต่นางก็อดขอบตาร้อนผ่าวไม่ได้ ไป๋เยว่ซินพยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้ ก่อนจะรับขนมพุทรากวนมากิน
ในเมื่อได้ร่างนี้แล้ว นางสัญญาว่าต่อไปนางจะทำให้พวกเขาได้กินทุกอย่างที่อยากกิน ได้ซื้อทุกอย่างโดยไม่ต้องคิดมาก ดีกับพวกเขาให้มากๆแทนเ้าของร่างเดิม
ั้แ่วันนี้ไป พวกเขาคือคนสำคัญในชีวิตของนาง
ไป๋เยว่ซินนั่งกินขนมพุทรากวนจนหมด ก่อนจะคิดเื่หนึ่งขึ้นมาได้
นางจำได้ว่าในตำราลับจากแดนพิเศษของเสด็จแม่ มีขนมหน้าตาแปลกประหลาดหลายอย่าง อีกทั้งยังน่ากินมากด้วย ไว้นางจะค่อยๆเรียนรู้และลองทำมัน
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงหันไปเอ่ยกับนางเกาและนางหลี่
“ท่านแม่ ท่านป้าสะใภ้ ข้าจะไปทำชาลิ้นจี่แถมให้พวกเขาสักหน่อย เผื่อพวกเขาติดใจ จะได้มาสั่งเราเพิ่ม ตอนนี้เราให้พวกเขาชิมแบบไม่คิดเงินไปก่อน เพื่อเป็การทดลองตลาด”
เอ่ยจบนางก็รีบไปทำชาลิ้นจี่ทันที โดยมีอาหลิงและไป๋เซียงคอยเป็ลูกมือ ไป๋เซียงที่ได้เห็นเครื่องปรุงและวัตถุดิบหน้าตาแปลกประหลาดที่ไป๋เย่วซินเตรียมเอาไว้จึงเอ่ยถามน้องสาวว่าเอาของพวกนี้มาจากที่ใด ไป๋เยว่ซินบอกเพียงว่าเป็ความลับ รออีกสักหน่อยจะบอกพี่สาวอย่างนางแน่นอน ไปเซียงจึงไม่เอ่ยถามต่ออีก
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางเกาจึงบอกว่าให้ไป๋เยว่ซินและไป๋เซียงช่วยนำขนมไปส่งที่บ้านตระกูลหูแทนพวกนางหน่อย เพราะพวกนางยังมีงานที่ต้องสะสาง อีกทั้งยังบอกว่าก่อนหน้านี้บ้านตระกูลหูจ่ายเงินมัดจำมาแล้ว เพียงเก็บเงินส่วนที่เหลือมาก็พอ หากพวกนางอยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย
ไป๋เยว่ซินและไป๋เซียงช่วยกันยกขนมใส่รถเข็นเล็ก ก่อนจะช่วยกันเข็นไปตามทางอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างทางไป๋เยว่ซินกลับเหลือบไปเห็นร้านอาหารร้านหนึ่งเข้า
ภัตตาคารสกุลหม่า
อำเภอเซียงถงแม้อยู่ติดชายแดนแก่กลับคึกคักไม่น้อย ร้านขนม ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านสุราล้วนมีพร้อมสรรพ ทุกๆเดือนจะมีพ่อค้าจากต่างอำเภอเข้ามาค้าขายและพักผ่อนที่นี่หลายสิบวัน ทำให้การค้าขายค่อนข้างราบรื่น
ไป๋เยว่ซินพลันคิดเื่ดีดีขึ้นมาได้
หากนางทำของกินในตำรามาฝากขายอาจจะได้ราคาดี แรกเริ่มอาจจะติดขัดเสียหน่อย แต่นางเชื่อว่ามันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี
ไม่นานก็มาถึงบ้านตระกูลหู เมื่อพวกเขาได้ยินว่าไป๋เยว่ซินมอบชาลิ้นจี่มาให้อีกจำนวนหนึ่งโดยไม่คิดเงินเพิ่ม ก็รีบเอ่ยขอบคุณอย่างเกรงอกเกรงใจ หลังจากจ่ายเงินส่วนที่เหลือเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องจึงพากันเดินกลับบ้าน ระหว่างทางไป๋เซียงซื้อน้ำตาลปั้นให้นางหนึ่งไม้ด้วย
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่าทุกคนไปที่แปลงนากันหมดแล้ว ไป๋เซียงจึงบอกไป๋เยว่ซินว่าจะไปช่วยพวกเขา หากไป๋เยว่ซินทำธุระของตนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้ตามไปที่แปลงนาด้วย ไป๋เยว่ซินพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบกลับเข้ามาในห้องและหยิบตำราลับออกมา นางทำอาหารว่างสามอย่างโดยใช้วัตุดิบลับในตำราโดยมีเ้าอาซานคอยชี้แนะ ก่อนจะเตรียมของกินใส่กล่องอาหารและมุ่งหน้าไปที่แปลงผักทันที
ระหว่างทางนางพบกับหยางซีโดยบังเอิญ ชายหนุ่มกำลังควบม้าเดินไปตามทางพร้อมกับเหล่าหทารของตนอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อเขาเห็นไป๋เยว่ซินจึงะโลงจากหลังม้าและเดินไปพร้อมกับนาง
คำสารภาพรักที่เขาเอ่ยกับนางเมื่อคืนนี้เล่นเอานางประหม่าไม่กล้าสบตาเขา คนทั้งสองเดินไปพร้อมกันโดยไม่พูดจาอันใด จนกระทั่งมาถึงแปลงนาของตระกูลไป๋
“ท่านพ่อท่านแม่ ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าสะใภ้ พี่ใหญ่ พี่รอง อาหลิง ข้ามาแล้ว วันนี้ทำอาหารว่างมาให้พวกท่านด้วยล่ะ รีบมากินกันเร็วเข้า”
ไป๋เยว่ซินรีบเดินไปหาทุกคนที่นั่งพักอยู่ที่ศาลาทันทีโดยมีหยางซีตามมาด้วย นางพลันหยุดเดินพร้อมกับหันไปมองเขา ก่อนจะยัดขนมชิ้นหนึ่งใส่มือเขา พลางเอ่ยอย่างขอไปที
“ข้าให้ท่านชิ้นหนึ่งตามมรรยาทหรอกนะ หากให้ท่านยืนดูพวกข้ากินคงไม่ดีนัก”
หยางซียกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเก็บขนมชิ้นนั้นเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขากินของว่างมาแล้วจึงยังไม่รู้สึกหิวเท่าใดนัก
ไป๋เยว่ซินจัดการวางอาหารลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยถามคนทั้งหมดที่นั่งอยู่
“พี่รองเล่า?”
ไป๋ฟานที่กำลังคีบอาหารขึ้นมากินจึงวางตะเกียบลงพร้อมกับเอ่ยถามไป๋เยว่ซินกลับไปด้วยความสงสัย
“เซียงเอ๋อร์ไม่ได้อยู่กับเ้าที่บ้านหรอกหรือน้องเล็ก ั้แ่เช้าข้ายังไม่เห็นนางมาที่นี่เลย”
ไป๋เยว่ซินที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบเอ่ยโต้แย้งทันที
“อันใดกัน หลังจากกลับมาจากบ้านตระกูลหู นางก็บอกว่าจะมาที่แปลงนาแล้วนะเ้าคะ ทั้งยังบอกให้ข้ารีบตามนางมาที่นี่ด้วย นี่ก็ผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้ว นางต้องมาถึงที่นี่ตั้งนานแล้วสิเ้าคะ!”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็ฉายแววตื่นตระหนก หยางซีเองก็หันมามองไป๋เยว่ซินด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน
ไป๋ฟานเดินเข้ามาหาไป๋เยว่ซิน ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความร้อนใจ
“เซียงเอ๋อร์ยังไม่ได้มาที่แปลงนาจริงๆ น้องเล็ก! หรือว่าจะเกิดเื่ใดขึ้นกับเซียงเอ๋อร์!”
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินเช่นนั้นใจก็เต้นรัวแรงด้วยความตื่นตระหนก นางเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าสวยฉายแววครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“พวกท่านกินอาหารรองท้องกันไปก่อน ข้าจะลองไปตามหาพี่รองในตลาดดูก่อน แล้วจะรีบกลับมาเ้าค่ะ”
ไม่รอให้ทุกคนได้เอ่ยท้วง ไป๋เยว่ซินก็รีบวิ่งไปที่ตลาดทันที หยางซีที่เห็นอย่างนั้นจึงหันไปส่งสายตาให้องค์รักษ์ลับของตนที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้คราหนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งตามไป๋เยว่ซินไป
ไป๋เยว่ซินวิ่งตามหาไป๋เซียงไปทั่วแต่กลับไม่พบตัวคน นางยืนหายใจเหนื่อยหอบพลางมองไปทั่วทุกสารทิศเพื่อมองหาพี่สาว หยางซีที่วิ่งตามมารีบเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
“เจอพี่สาวของเ้าหรือไม่?”
ไป๋เยว่ซินส่ายหน้าไปมา เพราะความเหนื่อยทำให้เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาบนใบหน้าของนาง หญิงสาวเช็ดมันออกอย่างลวกๆ หยางซีมีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถามนางอีกหน
“เ้ารู้สึกว่ามีใครที่น่าสงสัยบ้างหรือไม่?”
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินในสิ่งที่หยางซีพูดก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
“ท่านคิดว่าการหายตัวไปของพี่สาวข้า มีใครบางคนบงการอยู่เื้ัอย่างนั้นหรือ”
หยางซีไม่ตอบเพียงจ้องมองนางนิ่ง ไป๋เยว่ซินมีท่าทีคิดไม่ตก ทว่าต่อมาในหัวของนางก็ปรากฏภาพของใครบางคนขึ้นมา
หลินจวง!
หรือว่าการหายตัวไปของไป๋เซียงจะเกี่ยวข้องกับหลินจวง
อย่างไรย่อมไม่อาจคาดเดาส่งเดชได้ และนางก็ไม่อาจบุกไปบ้านตระกูลหลินเพื่อถามหาตัวคน เพราะหากกระทำการโดยไม่ยั้งคิดอาจจะเกิดเื่ยุ่งยากขึ้นได้
หญิงสาวหันไปมองหยางซีทันที
“ก่อนหน้านี้พวกข้ามีเื่กับตระกูลหลิน เพียงที่เดียว กับคนอื่นพวกข้าไม่เคยมีปัญหาด้วย อาซี ข้ามีเื่ขอให้ท่านช่วยหน่อยได้หรือไม่”
เพราะความร้อนใจทำให้วาจาที่นางเอ่ยกับเขาดูจะสนิทสนมเฉกเช่นในวันวาน หยางซีเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มและพยักหน้าตอบรับ
“ว่ามา”
“ท่านช่วยส่งคนไปที่บ้านตระกูลหลินอย่างลับๆได้หรือไม่ ช่วยสืบมาทีว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้ลอบติดต่อหรือนัดพบพวกอันธพาลบ้างหรือไม่ บางคราพวกมันอาจจะจับตัวพี่สาวข้าไปเพื่อเรียกร้องเงิน ส่วนข้าจะรีบกลับไปแจ้งคนที่บ้านก่อน ส่วนท่านหลังจากสืบความใดได้แล้วก็ไปที่บ้านตระกูลไป๋ของข้า ข้าจะรอฟังข่าวจากท่านอยู่ที่บ้าน”
“ได้”
ไป๋เยว่ซินยิ้มให้เขา นางหันหลังเตรียมจะวิ่งกลับไปที่แปลงนา แต่อยู่ๆหญิงสาวกลับชักฝีเท้าตน ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยกับหยางซี
“ขอบคุณมาก”
เอ่ยจบนางก็วิ่งกลับไปที่แปลงนาทันที คนตระกูลไป๋เมื่อได้ยินว่าไป๋เยว่ซินตามหาไป๋เซียงไม่พบก็ร้อนใจยิ่ง นางเกาถึงกับร้องไห้เป็บ้าเป็หลัง
“ฮือ เยว่เอ๋อร์ เ้าตามหาไป๋เซียงไม่พบจริงๆหรือ!
ไป๋เยว่ซินส่ายหน้าไปมาช้าๆ นางเกาที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับเป็ล้มล้มพับไปในทันที ไป๋เยว่ซินรีบเข้ามาประคองปาสะใภ้ของตน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับทุกคน
“พวกเรารีบพาท่านป้าสะใภ้กลับบ้านก่อนเถอะเ้าค่ะ ตอนนี้หยางซีกำลังไปช่วยตามหาอยู่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับมาแจ้งข่าวพวกเราที่บ้านเป็แน่ พวกเราต้องไปรอเขาที่นั่น”
เอ่ยจบนางก็รีบประคองนางเกาขึ้นเกวียน ก่อนจะช่วยกันลากคนกลับบ้านไปทันที
เมื่อไป๋เยว่ซินกลับมาถึงบ้านไม่นาน หยางซีก็มาพบนางตามที่นัดหมายกันเอาไว้ ทุกคนที่เห็นเช่นนั้นจึงรับรุดเข้ามาหาเขาทันที เว้นเพียงนางเกาที่ยังคงไม่ได้สติ
หยางซีหันมามองไป๋เยว่ซิน ก่อนจะเอ่ย
“คนของข้าสืบทราบมาว่าเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน คหบดีหลินได้ออกเดินทางไปที่อำเภอเซี่ย เขาแจ้งผู้คุมทางเข้าออกอำเภอว่าจะไปส่งของให้ลูกค้าคนสำคัญที่อำเภอเซี่ย แต่เมื่อข้าสืบดูให้ละเอียดอีกครากลับพบว่า ทิศทางที่เขาไปไม่ใช่อำเภอเซี่ยแต่เป็อำเภออี้ซาน ที่อำเภออี้ซานมีหอนางโลมเลื่องชื่ออยู่แห่งหนึ่งด้วยอีกทั้งยังติดกับแม่น้ำใหญ่สามารถใช้เรือข้ามฟากไปอีกแคว้นได้ และวันนี้หลินจวงก็มีท่าทีแปลกไป นางเลี้ยงอาหารบ่าวไพร่และแจกจ่ายเงินขวัญถุงอย่างหน้าใหญ่ ทั้งที่ผ่านมานางเอาแต่ทุบตีบ่าวไพร่มาโดยตลอด แต่วันนี้กลับใจดีผิดปกติ”
เมื่อได้ยินหยางซีเอ่ยเช่นนั้น ไป๋เยว่ซินก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง นางไม่ใช่คนโง่ เพียงเท่านี้นางก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่าเป็ฝีมือของคนตระกูลหลิน
ที่ผ่านมามาข้อพิพาทระหว่างสองตระกูลค่อนข้างรุนแรงมาโดยตลอด อีกทั้งพี่สาวของนางก็ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนมาก่อน
ไป๋ฟานเมื่อได้ฟังก็ถึงกับหน้าดำคล้ำ เขาหันมามองหยางซี ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นประสานกันเพื่อเป็การขอร้อง
“ใต้เท้าหยาง ได้โปรดช่วยน้องสาวข้าด้วย หากเซียงเอ๋อร์ปลอดภัย ข้าจะยอมรับใช้เป็วัวเป็ลาไปชั่วชีวิต”
หยางซีเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเดินเข้ามาประคองไป๋ฟานให้ลุกขึ้นมา เด็กหนุ่มตรงหน้ามีแววตามุ่งมั่น หยางซีมองออกว่าเขาเป็คนดี
“เ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าอยู่ที่นี่ย่อมไม่ปล่อยให้คนชั่วกระทำการตามใจชอบได้ วางใจเถอะ”
ไป๋ฟานพยักหน้าดวงตาแดงก่ำ ไป๋เซียงเป็น้องสาวที่เขารักไม่น้อยไปกว่าไป๋เยว่ซิน เกิดเื่กับนางเช่นนี้เขาเองก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน
หยางซีสั่งให้องค์รักษ์รุดหน้าไปอำเภออี้ซานก่อน จากนั้นจึงหันมาเอ่ยกับไป๋เยว่ซิน
“พวกเราก็รีบออกเดินทางกันเถอะ”
ไป๋เยว่ซินพยักหน้า ด้านไป๋ชวนก็คิดจะตามไปช่วยบุตรสาว แต่กลับถูกไป๋เยว่ซินห้ามเอาไว้
“ท่านลุง ท่านอยู่ที่นี่คอยดูแลท่านป้า ข้าจะไปกับพี่ใหญ่และท่านพ่อเอง ท่านแม่ เื่ที่บ้านต้องฝากท่านดูแลแล้ว”
นางหลี่พยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบกลับเข้าไปดูแลนางเกาที่นอนอยู่ในห้องต่อ
ไป๋เยว่ซินที่เห็นเช่นนั้นจึงหันมาเอ่ยกับไป๋ฟานและไป๋จง นางถามว่าพวกเขาขี่ม้าเป็หรือไม่ พวกเขาสองคนส่ายหน้าจนใจเพราะเป็เพียงชาวบ้านธรรมดาไม่มีเงินซื้อม้า แล้วจะเอาม้าที่ใดมาฝึกขี่กันเล่า ไป๋เยว่ซินยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วก่อนจะหันไปเอ่ยกับหยางซี
“หยางซี ข้าอยากได้รถม้าสักหลัง กับม้าอีกหนึ่งตัว”
หยางซีพยักหน้า ก่อนจะสั่งให้คนไปเตรียมรถม้าและม้าตามที่ไป๋เยว่ซิน้า เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพแล้วทุกคนจึงเร่งออกเดินทางทันที
ไป๋จงก้าวขึ้นรถม้าไปก่อน เขารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเพราะั้แ่เกิดมายังไม่เคยขึ้นรถม้ามาก่อน ส่วนไป๋ฟานนั้นเคยขึ้นรถม้าของสหายในสำนักศึกษามาแล้วจึงไม่ได้ตื่นเต้นอันใด ในขณะที่ไป๋ฟานกำลังจะก้าวขึ้นรถม้า ก็หันมาเอ่ยถามไป๋เยว่ซินด้วยความเป็ห่วง
“น้องเล็ก เ้าไม่ขึ้นรถม้ากับพวกข้าหรือ?”
ไป๋เยว่ซินยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
“ไม่เ้าค่ะ แค่ม้าตัวเดียวก็พอแล้ว”
เอ่ยจบนางก็ะโขึ้นหลังม้าก่อนจะใช้แส้ฟาดกระทุ้งท้องม้าอย่างเชี่ยวชาญ ม้าส่งเสียงร้องลั่น ก่อนจะห้อตะบึงไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ไป๋ฟานที่ได้เห็นภาพตรงหน้ากลับอึ้งงันไร้วาจาจะเอื้อนเอ่ย
น้องเล็กของเขาขี่ม้าเป็ั้แ่เมื่อใดกัน!