ระหว่างเดินทางออกจากอำเภอเฉายังสามารถมองเห็นดอกไม้ใบหญ้าได้อยู่ แต่พอยิ่งผ่านไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งเปลี่ยว ดีที่มีหน่วยคุ้มภัยมาด้วย เพียงแต่รถม้าของพวกเขานั้นค่อนข้างจะดูธรรมดาและไม่ได้สะดุดตาเท่าใด ระหว่างทางหากชีเหนียงทำของอร่อยก็จะแบ่งปันให้หน่วยคุ้มภัยได้ทานด้วย
ครั้นรับสิ่งของหรือทานของของผู้อื่น ย่อมมือไม้อ่อน หลังจากเป็เช่นนี้หลายหน พวกเขาก็ถือได้ว่าตีสนิทกับหน่วยคุ้มภัยได้สำเร็จ แล้วยังได้รู้ข่าวสารภายนอกจากหน่วยคุ้มภัยอีกมากมาย
“อำเภอเฉาของเรานับั้แ่มีใต้เท้าหยางปกครองก็ดีมาตลอด แต่พอออกจากอำเภอเฉาไปเมืองอัน จะต้องผ่านสันเขาิญญา สถานที่แห่งนี้เราจะอยู่นานไม่ได้เด็ดขาด รถม้าของพวกเ้าถ้าวิ่งได้เร็วสุดเท่าใดก็จงวิ่งให้เร็วที่สุดเสีย”
หวังหู่ หัวหน้าในหน่วยคุ้มภัยเป็ผู้รับผิดชอบขนส่งของมีค่ารอบนี้และกำชับกับพวกเขาอยู่สักพัก
“สถานที่แห่งนี้มีสิ่งใดผิดปกติหรือ?” จ้าวจือชิงรู้ว่าหน่วยคุ้มภัยที่เดินทางข้างนอกอยู่บ่อยครั้งมักจะไม่กลัวตายและมีวรยุทธ์ติดตัว เหตุใดสันเขาิญญาที่หวังหู่กล่าวถึงจึงสามารถทำให้พวกเขาหวาดหวั่นได้เพียงนี้ จะต้องเป็สถานที่ที่อันตรายอย่างมากแน่
เห็นได้ชัดว่าหวังหู่ไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ แต่จนใจเพราะจ้าวจือชิงเอาแต่ไล่ถาม “ช่างเถอะ ข้าจะบอกพวกเ้าก็ได้ พวกเ้าคิดว่าเหตุใดสถานที่แห่งนั้นจึงถูกเรียกว่าสันเขาิญญากัน นั่นเป็เพราะมีอาถรรพ์อย่างไรเล่า!”
เดิมทีสันเขาิญญาชื่อว่าสันเขาวั่งอัน จาก้าสันเขาแห่งนี้จะสามารถมองเห็นเมืองอันกับเมืองหลวงได้ ต่อมาได้ยินว่ามีคุณหนูตระกูลร่ำรวยคนหนึ่งเดินทางผ่านสันเขาแห่งนี้แต่โชคร้ายก้าวพลาดจนถึงแก่ความตาย ต่อมาพอทางการตรวจสอบดูก็พบว่าที่แท้คุณหนูร่ำรวยผู้นี้ถูกใครบางคนปองร้าย ทั้งยังตายตอนตั้งครรภ์อีกด้วย นับแต่นั้นมา สันเขาวั่งอันแห่งนี้ก็มักจะมีคนได้ยินเสียงร่ำไห้ของสตรี นานวันเข้าจึงถูกเรียกว่าสันเขาิญญา
“นี่คือเื่หลอกลวงทั้งเพ ถือเป็จริงได้ที่ไหนกัน!” ชีเหนียงไม่เชื่อเื่งมงายเหล่านี้ ต้องมีคนแกล้งปลอมเป็ผีบนสันเขาิญญาแน่
หวังหู่โบกมือไปมาเป็ความหมายว่าไม่ใช่ก่อนจะพูดต่อ “ตอนแรกพวกข้าก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นตอนอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร กระทั่งมีใจอยากไปดูว่าิญญาสาวหน้าตาเป็เช่นไร พวกข้าใช้เวลาอยู่ที่นั่นจนถึงค่ำ พอตกดึกก็มีเสียงโหยหวนของสตรีและเงาิญญา รอจนรุ่งสางหมอกถึงได้คลายลงพร้อมกับสินค้าได้หายไปทั้งหมด อีกทั้งบนพื้นก็ยังมีรอยมือเืทิ้งไว้อีกด้วย”
“นับั้แ่นั้นมา พวกข้าก็ค่อนข้างหวาดหวั่นต่อสถานที่แห่งนั้น พอถึงตำแหน่งตรงนั้นก็มักจะนำของออกมาเซ่นไหว้ จากนั้นก็รีบไปจากที่นั่นให้เร็วที่สุด มีเพียงวิธีนี้จึงจะปกป้องชีวิตไว้ได้”
ขณะที่หวังหู่พูดก็นึกถึงแขนเสื้อที่รัดบนลำคอของตนเองในอดีต หากมิใช่เพราะตอนนั้นเขาตอบสนองรวดเร็วและใช้ดาบกรีดแขนเสื้อ เกรงว่าตนเองคงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่สันเขาิญญาแล้วเช่นกัน
“เฮ้อ ใครใช้ให้ทางไปเมืองอันมีเพียงถนนเส้นนี้เส้นเดียว หากมีทางเลือกอื่น พวกข้าเองคงไม่ต้องจำใจใช้เส้นทางนี้แล้ว”
ในตอนที่หวังหู่พูด เอ้อร์เลิ่งจื่อ เด็กใหม่ในหน่วยคุ้มกันกลับเผยท่าทางสงสัย
“พี่หู่ ก่อนข้ามาก็เคยได้ยินเื่เล่าเช่นกัน” ก่อนที่เอ้อร์เลิ่งจื่อจะเดินทาง อาของเขาเองก็ได้กำชับเื่สันเขาิญญาเช่นกัน เพียงแต่มันตรงกันข้ามกับที่หวังหู่เล่าอย่างสิ้นเชิง
หวังหู่เลิกคิ้วมองเขา “ผู้ใหญ่คุยกัน เ้าเป็เด็กวานซืนเหตุใดจึงพูดแทรก?”
เอ้อร์เลิ่งจื่อถูกสั่งสอน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดต่อ จากนั้นก็ได้แต่นั่งลงอย่างว่าง่าย
“แต่ท่านอาของข้าบอกว่าที่สันเขาิญญาแห่งนี้เป็เพราะมีโจรปล้น ถึงได้มีบรรยากาศเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและไม่ปลอดภัยนี่นา…”
แม้เขาจะพึมพำเสียงเบาแต่กลับเข้าหูของจ้าวจือชิง หลังจากหวังหู่จากไป เขาจึงมานั่งลงข้างเอ้อร์เลิ่งจื่อ
เอ้อร์เลิ่งจื่อมองดูเงาสูงใหญ่เหนือศีรษะก็กลัวเล็กน้อย ชายหนุ่มใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา แม้เทียบกับหัวหน้าหวังแล้วคนผู้นี้กลับทำให้เขากลัวยิ่งกว่า
“เ้า เ้าคิดจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นเอ้อร์เลิ่งจื่อแสดงท่าทีหวาดระแวง จ้าวจือชิงจึงััใบหน้าของตน เขาหน้าตาน่ากลัวเพียงนั้นเลยหรือ
“ข้าไม่ได้จะทำอะไร เพียงแต่สนใจเื่สันเขาิญญาที่เ้าพูด”
เอ้อร์เลิ่งจื่อฟังแล้วตกตะลึงเล็กน้อย “เ้าเชื่อที่ข้าพูดหรือ?”
นี่ทำให้จ้าวจือชิงเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร “…เ้าต้องเล่าให้จบก่อน ข้าถึงจะรู้ว่าควรเชื่อหรือไม่”
ทั้งสองนั่งอยู่อีกทางพร้อมกับคุยกันพึมพำ ชัดเจนว่าหวังหู่เองก็สังเกตเห็น เพียงแต่สำหรับหวังหู่แล้ว เอ้อร์เลิ่งจื่อก็เหมือนลิ่วล้อ ออกเดินทางกับหน่วยคุ้มภัยครั้งแรก ยากจะเลี่ยงความหวาดกลัวได้ สิ่งที่ตนเล่าเมื่อครู่คือความจริง หากแต่อีกฝ่ายดันไม่เชื่อกลับไปเชื่อเื่ที่เ้าเด็กเมื่อวานซืนเล่า ดังนั้นถึงจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ถือว่าเป็ความผิดของเขา
ชีเหนียงไม่ได้เชื่อคำบอกเล่าของหวังหู่มากนัก นางนั่งอยู่บนรถม้าและกำลังหารือวิธีรับมือด้วยกันกับจิ่งเฉิน
“แม้ว่าระหว่างทางนี้คงไม่สงบนัก แต่ปลอดภัยไว้ก่อน เราต้องเตรียมการไว้หลายๆ ทาง”
ชีเหนียงแบ่งเงินเป็สามส่วน “เงินเหล่านี้เ้าเก็บไว้ ส่วนที่เหลือแม่กับลุงจ้าวจะแบ่งกันเก็บซ่อนไว้เอง สิ่งที่หวังหู่เล่ามางมงายเกินไป แม่รู้สึกว่าบนแผ่นดินนี้ไม่มีสิ่งบังเอิญเพียงนั้น อย่างไรเสียก็ต้องเป็การกระทำของคนแน่”
ลั่วจิ่งเฉินเองก็เห็นพ้องกันกับนาง ฉับพลันจึงไม่ได้ลังเลและเก็บซ่อนเงินไว้กับตัว
ตอนที่จ้าวจือชิงเข้ามา พวกเขาเองก็ซ่อนเงินเรียบร้อย เมื่อเห็นสองแม่ลูกระมัดระวังตัวเช่นนี้ ความเป็ห่วงที่ซ่อนอยู่ในใจก่อนหน้านี้ก็ลดทอนลงไปบ้าง
“เอ้อร์เลิ่งจื่อเล่าว่า หลายเดือนก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านอาของเขาเดินทางผ่านเส้นทางสายนี้ ถูกโจรบนสันเขาิญญาปล้นชิง ชัดเจนว่าคนเ่าั้ไม่เหมือนกับคนกลุ่มที่หวังหู่เจอ ตอนนั้นหวังหู่ดื่มสุราจนทำงานพลาด จึงหยุดรับงานนำขบวนมาสองสามปีได้ ส่วนครั้งนี้เกรงว่าคงใช้เส้นสายถึงได้มารับหน้าที่นี้”
หลังจากได้ฟังเื่ราวจากเอ้อร์เลิ่งจื่อ จ้าวจือชิงก็คุยไร้สาระกับคนในหน่วยคุ้มภัย ระหว่างทางที่ชีเหนียงแจกของกินของใช้ให้กับพวกเขา ทำให้มีคนจำนวนหนึ่งค่อนข้างดีกับพวกตนเป็อย่างมาก ดังนั้นเพียงแค่การสนทนาทั่วไป จ้าวจือชิงก็สืบรู้เื่ราวเบื้องลึกของหวังหู่
“อืม เื่นี้ข้าเพิ่งจะคุยกับจิ่งเฉินไป พวกข้าเองก็รู้สึกว่าเป็การกระทำของคนมากกว่า” ขณะพูดชีเหนียงก็นำเงินที่เตรียมไว้ในส่วนของจ้าวจือชิงออกมาให้เขาเก็บ “สิ่งมีค่าที่สุดบนตัวเราก็คือตั๋วเงินเหล่านี้ แบ่งกันเก็บซ่อนน่าจะปลอดภัยกว่า แม้ว่าจะหายไปบางส่วน แต่การมีเงินก็ยังช่วยแก้ปัญหาได้ไม่มากก็น้อย”
จ้าวจือชิงรับถุงเงินมาและมองนางด้วยสายตาอบอุ่น “นี่เ้าเตรียมให้ข้าด้วยหรือ?”
“……”
คนรู้ทันย่อมดูออก แต่เขารั้นจะถามให้ได้ ทำให้ชีเหนียงโมโหจนอยากแย่งถุงเงินกลับคืน หากแต่จ้าวจือชิงกลับรีบยัดถุงเงินไว้ในอ้อมอกทันใด
ทางด้านพวกชีเหนียงนั้นได้เตรียมการไว้หลายชั้นสำหรับการเดินทางต่อจากนี้ จี้ฉงเหวินที่อยู่เมืองหลวงเองก็สืบรู้ข่าวเื่ที่ชีเหนียงจะเข้าเมืองหลวง ทั้งที่เขาคิดจะให้พวกนางอยู่อำเภอเฉาตลอดไปแท้ๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับสามารถผ่านอุปสรรคที่เขาทิ้งไว้มากมาย จนถึงขั้นทำการค้ารุ่งโรจน์ กระทั่งลั่วจิ่งเฉินก็สอบระดับจังหวัดจนได้อันดับหนึ่ง
สำหรับจี้ฉงเหวินแล้ว นี่เท่ากับกำลังท้าทายอำนาจตน
ส่วนคนสกุลจ้าวเองก็ตายง่ายดายเกินไป หากรู้เช่นนี้แต่แรกก็ไม่ควรให้พวกเขาได้ตายง่ายเช่นนี้!
“นายท่าน บ่าวได้ส่งข่าวไปตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วขอรับ”
เสียงของบ่าวคนสนิทดึงสติจี้ฉงเหวินกลับมายังโลกแห่งความเป็จริง หวังว่าคนกลุ่มนั้นจะไม่ทำให้เขาผิดหวังอีก เขาไม่้าเห็นเงาของคนสกุลลั่วมาปรากฏตัวที่เมืองหลวงแม้แต่คนเดียว
“ท่านพี่ ดูสิว่าข้างดงามหรือไม่?”
ด้านนอกมีเสียงอ่อนหวานของหญิงสาวดังขึ้น ไม่ทันรอคำบอกอนุญาตของจี้ฉงเหวินก็ผลักประตูเข้ามาในห้อง ใบหน้าของจี้ฉงเหวินเผยความโกรธออกมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็ใบหน้ายิ้มแย้มและเดินไปต้อนรับ
-----