สวี่ฮุ่ยหยุดเดิน แล้วเล่าเื่ที่กู่ซิ่วกับสวี่เยว่ใส่ร้ายป้ายสีเธอจนถูกคุณตาตี กู่ซิ่วเอาความโกรธมาลงกับเธอจึงปาถ้วยชาใส่เธอ แต่พลาดไปโดนหัวสวี่ต้าซานจนแตกเือาบ ให้ทุกคนฟังหมดเปลือก
แม้ว่าคนรอบข้างจะไม่ได้พูดอะไร แต่เสียงซุบซิบนินทาเป็ระลอกก็แสดงออกว่ากำลังดูแคลนกู่ซิ่วกับสวี่เยว่อย่างชัดเจน
สวี่เยว่ถูกสายตาของเพื่อนบ้านมองจนโงหัวไม่ขึ้น พลันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ไม่ตามสวี่ต้าซานออกมาจะได้ไม่ต้องเผชิญกับสายตาแปลก ๆ ของเพื่อนบ้าน
สวี่ต้าซานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย จึงลดเสียงลง พูดกับสวี่ฮุ่ยอย่างจริงจัง“ฮุ่ยฮุ่ย ถึงแม้ว่าแม่กับน้องสาวจะทำผิดกับลูก แต่ลูกก็ไม่ควรนำเื่น่าอายของพวกเขาไปบอกคนอื่น แบบนี้พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
“อ้อ หนูเข้าใจแล้ว หนูโดนแม่กับน้องกลั่นแกล้ง ก็ต้องกล้ำกลืนความเ็ปไว้คนเดียวสินะคะ”
“ในเมื่อในสายตาพ่อ หนูต้องเป็คนเสียสละเสมอ งั้นหนูก็ไม่จำเป็ต้องสนใจพ่ออีกแล้ว” พูดจบ สวี่ฮุ่ยก็ปล่อยมือสวี่ต้าซานแล้วหันหลังกลับบ้าน
เพื่อนบ้านคนหนึ่งเห็นเข้าจึงถามว่า “ฮุ่ยฮุ่ย ทำไมไม่ไปหาหมอกับพ่อล่ะ?”
สวี่ฮุ่ยเล่าสิ่งที่สวี่ต้าซานเพิ่งพูดกับเธอให้เพื่อนบ้านฟังอย่างไม่ไว้หน้า
แล้วระบายความโกรธในใจออกมา “พ่อเห็นหนูเป็ตัวรับะุ งั้นหนูก็ไม่จำเป็ต้องกตัญญูกับเขา”
“พ่อไม่เมตตา ลูกย่อมไม่กตัญญูเป็เื่ธรรมดา!”
สวี่ต้าซานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอับอายและโกรธเคือง ในขณะเดียวกันก็โทษสวี่เยว่ด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวคนเล็กสร้างเื่เก่ง เขาและลูกสาวคนโตคงไม่ห่างเหินกันขนาดนี้
เขาอดตำหนิลูกสาวคนเล็กไม่ได้
สวี่เยว่ทำท่าเจียมตัวน้อมรับคำตำหนิ
สวี่ต้าซานพูดอย่างเคร่งขรึม “อย่าทำเป็สำนึกผิดทุกครั้งที่พ่อตำหนิ แล้วคราวหน้าก็ยังทำอีก”
สวี่เยว่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก “จริง ๆ แล้วทุกครั้งที่พ่อตำหนิ หนูก็ฟังนะ”
“แต่ความอิจฉาของหนูมีแรงเกินไป หนูอดไม่ได้ที่จะอิจฉา เลยอยากจะทำร้ายเธอ หนูเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”
สวี่ต้าซานเห็นสวี่เยว่ยอมสารภาพความในใจตรง ๆ ความโกรธของเขาก็จางหายไปบ้าง
เขาจึงกำชับเธอว่า อิจฉาสวี่ฮุ่ยแค่ไหนก็ต้องควบคุมตัวเอง เขาไม่อยากให้เกิดเื่แบบนี้อีก
สวี่เยว่น้ำตาไหลพราก พยักหน้าอย่างแรง
เมื่อไปถึงสถานีอนามัยตำบล หมอก็ตรวจอาการให้สวี่ต้าซาน
แม้จะเสียเืไปมาก แต่แผลไม่ได้ร้ายแรง ไม่จำเป็ต้องเย็บ
หมอใส่ยาและพันแผลให้สวี่ต้าซานอย่างง่าย ๆ ก็เป็อันเสร็จ
สวี่ต้าซานให้หมอตรวจสวี่เยว่ด้วย
หมอบอกว่าเสียงหัวใจของสวี่เยว่ผิดปกติ ให้เธอพักผ่อนมาก ๆ และอย่าให้มีสิ่งใดมากระตุ้นอารมณ์
สวี่ต้าซานรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งถ่วงกลางอก
ทั้งหมดเป็ความผิดของเขาเอง ถ้าเขาไม่ตบหน้าเยว่เยว่ หัวใจเยว่เยว่ก็คงไม่เกิดเสียงผิดปกติ
ตอนเยว่เยว่ออกจากโรงพยาบาลคราวก่อน อาการป่วยก็คงที่หมดแล้ว หัวใจก็ไม่มีเสียงแทรกอะไร
สวี่เยว่เห็นสวี่ต้าซานรู้สึกผิด จึงพูดเสียงแ่เบาว่า “พ่อ หนูไม่โทษที่พ่อตีหนู หนูสมควรโดนตีแล้ว”
สวี่ต้าซานได้ยินก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่
…
ระหว่างทางกลับบ้านสกุลกู่ กู่เจี้ยนกั๋วถามคุณตากู่ด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว “ยัยเด็กเวรสวี่ฮุ่ยนั่นไม่ยอมพาเราไปแนะนำบ้านสกุลลู่ เราจะทำยังไงดีครับ?”
คุณตากู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “งั้นเราก็ไปเองสิ! จะให้ขาดคนนำแล้วปล่อยเลยตามเลยเหรอ”
…
ราว ๆ หกโมงเย็น นาน ๆ ลู่ฉี่เสียนจะได้เลิกงานกลับบ้านตามปกติสักที เสียงโทรศัพท์ในห้องนอนก็ดังขึ้น
เขาเดินไปรับสาย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะคอกของคุณย่าลู่ดังลั่นมาตามสาย
ต่อว่าเขาที่จัดการความสัมพันธ์กับหลูเจียิ่ไม่ดี ทำให้สวี่ฮุ่ยต้องมาพลอยฟ้าพลอยฝน[1]ไปด้วย
ลู่ฉี่เสียนรอคุณย่าระบายอารมณ์เสร็จค่อยถามว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณย่าลู่เล่าเื่ที่หลูเจียหงวิ่งไปด่าทอสวี่ฮุ่ยที่บ้านพักพนักงานโรงงานผลิตอาหารเมื่อเช้านี้ให้ฟังทั้งหมด
จากนั้นก็พูดว่า “แม้เื่จะกระจ่างแล้ว แต่ชื่อเสียงของฮุ่ยฮุ่ยที่เป็สาวบริสุทธิ์ต้องเสียหายบ้างไม่มากก็น้อย เ้าแตงกวาแก่ๆ[2] อย่างแกก็ควรต้องรับผิดชอบเด็กสาวเขาหน่อยไม่ใช่หรือไง?”
สามพี่น้องลู่ฉี่โหย่วล้อมวงอยู่ข้าง ๆ คุณย่าลู่ เมื่อเห็นคุณย่าบังคับแต่งงานทางอ้อมอย่างมีชั้นเชิงแบบนี้ ต่างก็ยกนิ้วโป้งให้เธอด้วยความนับถือ
ปลายสาย ลู่ฉี่เสียนพูดอย่างจนใจ “ย่าบอกว่าผมเป็แตงกวาแก่ๆ แล้ว จะไปคู่ควรกับเด็กสาวที่สดใสราวกับต้นหอมได้ยังไงกัน? ย่าเลิกจับคู่มั่ว ๆ เถอะครับ”
“ฉันจับคู่มั่ว ๆ งั้นเหรอ?” คุณย่าลู่ถามเสียงสูง “ถ้าแกไม่ได้คิดอะไรกับเด็กสาวเขา ทำไมถึงให้เธอไปค้างที่บ้านแก? พักที่โรงแรมรัฐไม่ได้หรือไง? หรือพักที่บ้านพักรับรองของสถานีตำรวจก็ได้นี่?”
ลู่ฉี่เสียนถูกถามจนพูดไม่ออก
คืนนั้นเขาให้สวี่ฮุ่ยไปพักที่บ้านเขา โดยให้เหตุผลว่าปลอดภัย
แต่โรงแรมรัฐและบ้านพักรับรองของหน่วยงานที่ย่าพูดถึงก็ปลอดภัยเหมือนกัน ทำไมตอนนั้นเขาถึงไม่ยอมให้เด็กสาวไปพักที่นั่นกันนะ?
เป็เพราะแอบชอบเธอ หรือเพราะเธอมีบางอย่างคล้ายเถาเถา เลยบังคับให้เธอไปพักที่บ้านเขา?
น่าจะเป็อย่างหลังมากกว่า
ลู่ฉี่เสียนพูดทางโทรศัพท์ว่า “คุณย่า ผมจะจัดการเื่นี้ให้เรียบร้อยครับ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย” ปลายสาย คุณย่าลู่พูดว่า “ใครกล้าทำให้ฮุ่ยฮุ่ยเสียใจ ฉันจะถลกหนังแล้วกระชากเอ็นมันออกมาซะ!”
หลังจากวางสาย ลู่ฉี่เสียนก็ไปที่บ้านสกุลหลู
บ้านสกุลหลูเพิ่งจะจัดโต๊ะอาหารเย็น แม่ของหลูเจียิ่เห็นลู่ฉี่เสียนที่ไม่เคยมาบ้านเธอก่อน จู่ ๆ ก็โผล่มาถึงหน้าประตูบ้าน ดีใจจนแทบสิ้นสติ
รีบต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “มาได้ถูกจังหวะจริง ๆ เลย อาเสียนมากินข้าวเย็นที่บ้านเราสักมื้อนะ”
เธอหยิบเงินสองหยวนออกจากกระเป๋า “เสี่ยวหง รีบไปซื้อหูหมูพะโล้ที่ร้านขายพะโล้มาเร็วเข้า”
แล้วหันไปพูดกับลู่ฉี่เสียนด้วยรอยยิ้ม “คุยกับเสี่ยวิ่ไปก่อนนะ ป้าจะเข้าไปผัดไข่ในครัว” สิ้นเสียงก็จะเดินเข้าครัว
ลู่ฉี่เสียนรั้งหลูเจียหงที่กำลังจะออกไปซื้อหูหมูพะโล้ไว้ แล้วเรียกแม่หลู “ป้าหลู ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ผมพูดอะไรนิดหน่อยก็จะไปแล้ว”
แม่หลูหยุดเดิน “จะพูดอะไรเหรอ?”
ลู่ฉี่เสียนจึงเล่าเื่ที่หลูเจียหงไปด่าทอสวี่ฮุ่ยเมื่อเช้านี้ให้ฟัง
จากนั้นก็พูดว่า “ผมกับเสี่ยวิ่เป็ได้แค่เพื่อนร่วมงาน ไม่สามารถเป็แฟนกันได้ครับ”
“ผมหวังว่าคุณน้าจะดูแลเสี่ยวหงให้ดี อย่าให้ไปพูดจาไร้สาระที่บ้านสวี่ฮุ่ยอีกว่าผมเป็พี่เขยเธอ ใส่ร้ายสวี่ฮุ่ยว่าเป็เมียน้อย”
หลูเจียิ่หน้าแดงสลับซีด อับอายขายหน้าสุดๆ
แม่หลูก็ตกตะลึงเช่นกัน พูดอย่างกระอักกระอ่วน “ป้าไม่รู้ว่าเสี่ยวหงจะทำแบบนี้ เดี๋ยวป้าจะสั่งสอนเธอให้ดีเอง”
ลู่ฉี่เสียนพยักหน้า “งั้นก็ขอบคุณป้าหลูมากครับ”
พูดจบก็หันหลังกลับทันที
หลังจากประตูปิดลง แม่หลูก็หันไปต่อว่าหลูเจียหง “ทำไมแกถึงไปหาเื่ยัยจิ้งจอกนั่นจริง ๆ ฮะ!”
“ตอนนี้เป็ไง ทำเื่พี่สาวแกพังหมดแล้ว!”
หลูเจียหงก็รู้ว่าตัวเองทำผิด จึงก้มหน้าเงียบไม่เถียง
หลูเจียิ่เกลี้ยกล่อมแม่ “เสี่ยวหงแค่อยากออกหน้าแทนหนู แม่อย่าว่าน้องเลย”
แม่ของหลูเจียิ่ถึงหยุดพูด ทั้งสามคนนั่งลงบนโต๊ะอาหารแล้วเริ่มกินข้าวเย็น
หลูเจียิ่ครุ่นคิดขณะกินข้าว ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “เื่ของเสี่ยวหงทำให้คุณย่าลู่ไม่พอใจ อาเสียนก็มาเตือนเราถึงบ้าน”
“แม่จะทำเป็ทองไม่รู้ร้อนไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นสกุลลู่จะคิดว่าเสี่ยวหงทำผิด แต่แม่กลับนิ่งดูดาย”
แม่หลูถาม “แล้วแม่ควรทำยังไงล่ะ?”
“พรุ่งนี้แม่เอาผ้าสองผืนกับน้ำตาลทรายแดงสองจิน แล้วพาเสี่ยวหงไปขอโทษสวี่ฮุ่ยที่บ้านเธอนะ”
แม่หลูตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้
หลูเจียิ่รู้สึกอึดอัดใจแทบบ้า
ลู่ฉี่เสียนต้องชอบนางจิ้งจอกเ้าเล่ห์นั่นแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ
พอคิดว่าพรุ่งนี้แม่ต้องพาเสี่ยวหงไปขอโทษนางจิ้งจอกเ้าเล่ห์นั่นถึงบ้าน ข้าวก็หมดความอร่อยทันที
[1]พลอยฟ้าพลอยฝน หมายถึง ได้รับภัยโดยไร้สาเหตุหรือไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
[2]แตงกวาแก่ ใช้ในเชิงเปรียบเปรยถึงคนที่มีอายุมากแล้วแต่ยังพยายามแสดงออกว่าตัวเองเด็ก ไม่ว่าจะเป็คำพูด การกระทำ หรือการแต่งตัวที่ดูไม่เหมาะสมกับอายุของตัวเอง