“ฮึ ข้าทนเ้ามานานแล้ว นางผู้หญิงปากดีไม่รู้เื่ วันๆ เอาแต่ปากมาก บอกให้เ้าเอาสองตำลึงให้ซานกุ้ย เ้าก็ไม่ยอม ตอนนั้นก่อนที่พ่อข้าจะจากไป เ้าคุกเข่าอยู่หน้าเตียงของเขา พูดว่าอย่างไร จะให้ข้าพูดต่อหน้าลูกๆ อีกรอบหรือไม่?”
หลิวฉีซื่อหลบหลิวต้าฟู่ที่ใช้ปล้องยาสูบฟาดมา แววตาฉายประกายบางอย่าง ราวกับว่านึกถึงเื่อะไรบางอย่างในอดีตได้
หลิวเต้าเซียงที่กำลังเป็ผู้ชมอยู่ข้างๆ เบิกตากว้าง ไม่อยากพลาดรายละเอียดของทุกฉาก ข้อมูลจากคำพูดของทั้งสองนั้นมีมากมาย ในอดีต อืม นางเกลียดคำว่าอดีต ทุกครั้งที่เอ่ยถึงในอดีต หมายความว่า เป็เื่ที่นางไม่เคยได้ยินอะไรทั้งนั้น
หลิวต้าฟู่ถือปล้องยาสูบตามไปข้างโต๊ะ แต่ก็ไม่ได้ไปหาหลิวฉีซื่อที่หลบไปแล้ว และได้กลับหันมาบอกกับหลิวซานกุ้ยว่า “ซานกุ้ย พ่อขอโทษเ้า ขอโทษทั้งครอบครัวของเ้า เฮ้อ นิสัยของแม่เ้าเป็เช่นนี้มาหลายสิบปี เห็นทีจะแก้ไม่ได้แล้ว นางเองก็ไม่ได้้าแต่งเข้ามา แต่พ่อนางบังคับนาง เฮ้อ ชีวิตของพวกเราก็เป็เช่นนี้ เ้าเป็เด็กซื่อตรง พ่อรู้ดี”
อันที่จริงหลิวต้าฟู่เองก็รู้ หลิวฉีซื่อคงไม่มีทางเอาเงินห้าตำลึงออกมา
หลิวซานกุ้ยเข้าใจดี กระนั้นจึงเอ่ย “ท่านพ่อ ท่านแม่ก็คิดเพื่อบ้านหลังนี้ ประหยัดกินประหยัดใช้ก็เพื่อทำให้บรรพบุรุษหมดห่วง เงินนี่ข้าไม่ได้ก็ไม่เป็ไร”
เมื่อพูดถึงเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็เศร้าสลด เ็ปใจและเสียใจ
หลิวต้าฟู่เอื้อมมือออกไปและพยายามคว้าแขนของเขา แต่หลิวซานกุ้ยก็หันหลังจากไปแล้ว เงาด้านหลังมีความอ้างว้างที่มองแล้วน่าปวดใจ
หลิวเต้าเซียงคิดได้แล้ว เงินไม่ได้ไม่เป็ไร ถึงอย่างไรครอบครัวของนางก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่จำเป็ต้องบีบบังคับให้หลิวซานกุ้ยต้องเผชิญหน้ากับความจริง หรือบางที ปล่อยให้เขาได้คิดเพ้อฝันบ้าง ก็ไม่ใช่เื่ไม่ดี
หลิวซานกุ้ยรู้สึกเพียงว่าสมองตื้อไปหมด ฝีเท้าหนักอึ้ง หัวใจจุกจนกระสับกระส่าย เขาไม่ยอม ไม่้า ไม่กล้าคิดว่าเหตุใดหลิวฉีซื่อจึงลำเอียงเช่นนี้ และไม่้าเคืองโกรธ มีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้ใจของเขาไม่เ็ปจนหายใจไม่ออก
“ท่านพ่อ!”
เสียงใสกังวานดังขึ้นจากด้านหลังหลิวซานกุ้ย เป็เสียงของบุตรสาวคนรองที่ฉลาดหลักแหลมของเขา หัวใจของหลิวซานกุ้ยที่รู้สึกหนาวเหน็บและตึงเครียดรู้สึกผ่อนคลาย ราวกับว่าแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิสาดส่องลงมาบนพื้นน้ำแข็ง
“ท่านพ่อ ยังมีพวกข้านะ” หลิวเต้าเซียงดึงหลิวชิวเซียงมา จางกุ้ยฮัวที่อุ้มหลิวชุนเซียงเองก็ลุกขึ้นยืน น้ำตาคลอเบ้า
ใช่แล้ว พวกนางและเขาต่างหากที่เป็ครอบครัวเดียวกันอย่างแท้จริง
“ซานกุ้ย!” หลิวต้าฟู่เรียกเขาที่กำลังจะพาลูกเมียออกไป แล้วกระแอมและเอ่ย “ห้า… สองตำลึงเงินนี้ กลางคืนข้าจะให้แม่เ้าเอาให้เ้าเอง”
เขาเองก็พอคาดเดาได้ว่า จะให้หลิวฉีซื่อเอาออกมาห้าตำลึงคงเป็ไปไม่ได้
จางกุ้ยหัวมีสีหน้าเ็า “ท่านพ่อ ท่านรีบไปตามหาท่านแม่เถิด”
สำหรับคนในครอบครัวนี้ นางเองก็มองทะลุปรุโปร่งแต่แรกแล้ว จึงไม่เคยคาดหวังจะได้รับความเป็ห่วงหรือเอ็นดูจากพวกเขาแม้แต่น้อย
หลิวต้าฟู่เรียกชื่อกุ้ยฮัวอย่างอ้ำอึ้ง
อาหารกลางวันก็แยกย้ายกันด้วยประการฉะนี้
หลังจากที่หลิวเต้าเซียงกลับไปที่ห้องปีกตะวันตก เมื่อคิดว่าพ่อกับแม่ยังไม่ทันได้กินข้าวเที่ยงจนอิ่ม จากนั้นจึงต้มไข่ต้มหลายใบ รอสุกแล้วจะได้แบ่งกันกิน
ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีก และพวกเขาไม่้ากระตุ้นรอยแผลในใจของหลิวซานกุ้ย
หลังจากผ่านพ้นไปอีกสองวัน หลิวซานกุ้ยและครอบครัวคิดว่าหลิวต้าฟู่คงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร แต่วันนี้หลังจากตอนอาหารค่ำ หลิวซานกุ้ยและครอบครัวก็กลับเข้าห้องปีกตะวันตก จางกุ้ยฮัวกำลังก่อไฟต้มน้ำ หลิวเต้าเซียงและพี่สาวกำลังเล่นกับหลิวชุนเซียง ส่วนหลิวซานกุ้ยกำลังนั่งซ่อมอุปกรณ์ทำนาอยู่อีกทาง
“พี่สาม อยู่หรือไม่?” เสียงอ่อนหวานดังขึ้น หากเปลี่ยนเป็เหล่าบรรดาคุณชายที่ไม่เคยได้พบเจอโลกภายนอก เกรงว่าคงละลายกลายเป็ดิน กระทั่งกระดูกก็ร่วน
คิ้วหนาของหลิวซานกุ้ยบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาสงสัยว่าน้องสาวตัวน้อยไม่สบายหรือ เหตุใดตอนพูดถึงได้ฟังดูเหมือนกินข้าวไม่อิ่มเช่นนั้น “น้องเล็กหรือ เข้ามาก่อนสิ มีอะไร ไม่สบายตรงไหนหรือ?”
“ไม่ใช่!” หลิวเสี่ยวหลันบีบผ้าเช็ดหน้า แล้วค่อยๆ จับกระโปรงก้าวข้ามขอบประตูเข้ามาช้าๆ
ตะเกียงน้ำมันในห้องทำให้เงาของนางดูยืดยาว แนบอยู่ตรงผนังดิน คล้อยกับที่นางยกมือขึ้นมา ภายใต้แสงที่มืดสลัว ทำเอาขนหัวลุก
“พี่สาม กลางวันพี่ก็เหนื่อยมากแล้ว เหตุใดกลางคืนยังมานั่งซ่อมเครื่องมืออีก วางทิ้งไว้มันก็ไม่หนีไปไหน อย่างมากก็ซ่อมพรุ่งนี้เช้าก็ได้ คงไม่เสียเวลามากนัก”
หลิวเต้าเซียงนั่งอยู่ด้านข้างและมองมาอย่างเ็า หลิวเสี่ยวหลันคนนี้แม้จะพูดได้ดูดี อันที่จริงหากวิเคราะห์อย่างละเอียด ก็ยังต้องให้หลิวซานกุ้ยซ่อมอยู่ดี จะซ่อมตอนไหนแล้วต่างกันอย่างไร?
“อาเล็ก!”
นางกล่าวทักทายพร้อมกับหลิวชิวเซียง เพื่อขัดจังหวะความคิดของหลิวเสี่ยวหลันที่้าเป็คนดี
“อืม!” หลิวเสี่ยวหลันไม่ชอบขี้หน้าพี่น้องสองคนนี้ เพียงแต่ต่อหน้าหลิวซานกุ้ย จึงฝืนตอบไป
นางไม่ได้สนใจกับสองพี่น้อง แต่เอ่ยปากพูดกับหลิวซานกุ้ยตรงๆ “พี่สาม คำพูดก่อนหน้านี้ของแม่ พี่อย่าได้ใส่ใจ แม่ทำเพื่อครอบครัวเรา กล่าวกันว่าหากไม่ได้เป็ผู้นำบ้านย่อมไม่รู้ว่าฟืน ข้าวสาร น้ำมันและเกลือแพงเยี่ยงไร ในบ้านมีปากท้องสิบกว่าคนที่ต้องกินต้องใช้ ล้วนต้องพึ่งพาแม่เป็คนค้ำจุน พ่อไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเื่นี้”
นางกําลังแก้ตัวแทนหลิวฉีซื่อ
หากเปลี่ยนเป็แต่ก่อน หลิวซานกุ้ยต้องรู้สึกว่าหลิวฉีซื่อนั้นหวังดีเพื่อครอบครัวของเขาจริงๆ แต่ประสบการณ์ในสองเดือนนี้ ปลุกเขาจนได้สติแล้ว
หลิวฉีซื่อมีจิตใจลำเอียง ไม่เคยดีกับหลิวซานกุ้ย ไม่เพียงไม่ดีกับเขา แต่ยังไม่เห็นภรรยาและบุตรของตนอยู่ในสายตาด้วย
สิ่งนี้ทําให้หัวใจของหลิวซานกุ้ยเ็ป เศร้าเสียใจ และสลดใจยิ่งนัก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าภาระหนักอึ้งในใจผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
“ข้ารู้” เขาไม่ได้พูดความไม่พอใจของเขา
“พี่สาม อย่าได้โกรธเคืองท่านแม่เลย” หลิวเสี่ยวหลันเคยชินกับการทำตัวว่านอนสอนง่ายต่อหน้าพี่ชาย คราวนี้ก็เช่นกัน “ข้าเองก็หมดหนทาง ข้าก็ช่วยท่านพ่อเกลี้ยกล่อม”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มเบาๆ แต่หลิวเต้าเซียงที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเสมอว่ารอยยิ้มของนางแห้งไปหน่อย
หลิวเสี่ยวหลันเห็นว่าหลิวซานกุ้ยเงียบ เอาแต่ก้มศีรษะมองเครื่องมือทำนาที่อยู่ในมือ
นางเก้อเขินเล็กน้อยและจึงหัวเราะออกมา แล้วเอ่ย “เอาเถิดน่า พี่สาม อย่าได้โกรธไปเลย พี่ต้องขอบคุณข้านะ แม่ตอบตกลงให้พี่แล้ว”
คำพูดนี้เหมือนว่าหลิวซานกุ้ยวิงวอนขอร้องหลิวฉีซื่ออย่างไรอย่างนั้น
“ตกลงอะไร?” เสียงทุ้มต่ำของหลิวซานกุ้ยดังขึ้น
“จะเื่อะไรเสียอีก ก็เป็เื่ที่ท่านพ่อเอ่ยขึ้นวันนั้นน่ะสิ พี่อย่าโกรธไปเลย รีบตามข้าไปเถิด ท่านพ่อกับท่านแม่ยังรอพี่อยู่ที่ห้อง” พูดจบ นางก็เอ่ยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่สาม หากพี่ได้เงินมาก็อย่าลืมข้าเชียว”
หลิวซานกุ้ยเหมือนเพิ่งรู้เื่นี้ จึงเอ่ยถามด้วยความใ “ท่านพ่อท่านแม่เรียกข้าไปหรือ?”
ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ เขาไม่ได้ตอบในสิ่งที่หลิวเสี่ยวหลัน้า
เขาไม่รอให้หลิวเสี่ยวหลันพูดไปมากกว่านี้ จึงวางเครื่องมือลงแล้วตบมืออย่างขอไปที “ไปกันเถิด!”
หลังจากพูดจบ ก็เปิดประตูออกไปก่อน
หลิวเสี่ยวหลันไม่ได้ออกไปทันที แต่ยืนรอให้หลิวซานกุ้ยเดินออกไปก่อน เมื่อประเมินว่าเขาน่าจะไม่ได้ยินแล้ว จึงจับกระโปรงแล้วเดินไปด้านหน้าสองพี่น้องอย่างได้ใจ ถุยใส่พวกนางเต็มแรง เชิดคางขึ้น แล้วเอ่ยอย่างสูงส่ง “ฮึ พวกเต่าแมลงสาบ!”
“เต่าแมลงสาบ ว่าใครน่ะ?” หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะกลอกตา
“ว่าเ้านั่นแหละ เต่าแมลงสาบ!” หลิวเสี่ยวหลันตอบโดยไม่คิด แล้วมองดูสองพี่น้องที่กำลังยิ้มชั่วร้าย จากนั้นกระทืบเท้ายื่นมือชี้ไปทางหลิวเต้าเซียง ปรากฏว่ามือยังไม่ทันไปถึงตัวหลิวเต้าเซียง ก็ได้ยินเสียงตุบ จากนั้นในห้องก็มีเสียงดัง “โอ๊ย!”
“นางขอทานชั้นต่ำ ให้ตายเถิด กล้าตีผู้าุโกว่าหรือ คงไม่ได้ถูกตีมานานถึงได้สามหาวเช่นนี้”
หลิวเต้าเซียงไม่เกรงกลัวนาง หยิบตะเกียบมาหนึ่งคู่พร้อมกับใบหน้าแสยะยิ้ม แล้วเอ่ยถาม “อะไรกัน? อาเล็กลืมเื่ก่อนหน้านี้แล้วหรือ?”
หลิวเสี่ยวหลันมองไปที่ดวงตาสวยงามของหลิวเต้าเซียงที่กะพริบอย่างเ็าทันใดนั้น นางก็ขวัญหนีดีฝ่อ ตนเองรนหาที่ตายอีกแล้ว นางเด็กคนนี้เป็คนไม่มีหัวจิตหัวใจ การจะเล่นงานใครให้พิการก็สามารถทำได้แน่
“ฮึ! นางพวกออกหน้าออกตาไม่ได้ ข้าเป็ผู้าุโกว่า ผู้ใหญ่มักจะโอบอ้อมอารี ข้าจะไม่ถือความพวกเ้า”
นางหาทางรอดให้ตนเองและรีบออกตัว
หลิวเสี่ยวหลันยังคงพะวงเื่ที่หลิวซานกุ้ยหาเื่ขอเงินไปใช้ จึงไม่อยากตอแยมากนัก จับกระโปรงแล้วจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
หลิวชิวเซียงดูงงงวย “อาเล็ก้าทําอะไร?”
“อยากอาละวาดน่ะสิ!” หลิวเต้าเซียงตอบอย่างไม่แยแส
นางคำนวณในใจ หากว่าหลิวซานกุ้ยได้เงินกลับมาหลายตำลึง คงไม่ปล่อยให้เขาใช้จ่ายไปเรื่อย
“ท่านแม่ มาเร็ว”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยื่นศีรษะจากตรงคั่ง แล้วะโไปทางประตูหลัง
จางกุ้ยฮัวยื่นศีรษะมาจากประตูหลัง “ลูกรัก มีอะไรหรือ?”
“ท่านแม่ รีบมาเร็วเข้า ข้ามีเื่จะบอก” หลิวเต้าเซียงกวักมือเล็กๆ ให้นาง
“เอ แปลกจริง เ้ามีเื่อะไรพิเศษหรืออย่างไร?” จางกุ้ยฮัวเย้าแหย่นาง พร้อมกับหดศีรษะกลับไป จากนั้นใส่ฟืนเข้าไปในเตาดินต่อ
“ท่านแม่ รีบมาทางนี้เถิด!”
เมื่อฟังน้ำเสียงออดอ้อนของบุตรสาวคนรอง หัวใจของจางกุ้ยฮัวถึงกับละลายกลายเป็ธารน้ำแข็ง
ไม่สนว่าน้ำจะเดือดหรือยัง แล้วใส่ฟืนเข้าไปอย่างเร่งรีบ เช็ดมือที่ผ้ากันเปื้อนสองที แล้วปรากฏตัวอยู่ที่ประตู
“เกิดอะไรขึ้น? ถึงได้รีบร้อนเรียกแม่เช่นนี้”
หลิวเต้าเซียงเห็นนางเดินมาก็รีบลุกขึ้นนั่ง เคลื่อนตัวเข้าไปในคั่ง ตบที่ว่างบนคั่ง เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านแม่ รีบมานั่งเร็วเข้า ข้ามีเื่จะบอก”
หลิวชิวเซียงมองดูอยู่ข้างๆ ยื่นมือไปเคาะหน้าผาก ยิ้มแล้วตำหนิ “ท่าทางเ้าเล่ห์เช่นนี้ เห็นทีคงมีความคิดอะไรแผลงๆ อีกละสิ”
“พี่ใหญ่ ความคิดแผลงๆ ของข้า มีครั้งไหนที่ไม่ได้ผลบ้าง?” หลิวเต้าเซียงโต้กลับอย่างไม่ยอม
จางกุ้ยฮัวมองไปที่พี่น้องทั้งสองที่กำลังปะทะคารมกัน แล้วนั่งลงตรงคั่ง “บอกมาสิ ครั้งนี้เ้ามีความคิดแผลงๆ อะไรอีก?”
“ท่านแม่!” หลิวเต้าเซียงลากเสียงยาว
“เอาล่ะ เอาล่ะ เรียกเสียจนแม่ขนลุกหมดแล้ว” จางกุ้ยฮัวหัวเราะ แล้วเอื้อมมือไปโอบนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
ว่ากันว่าลูกคนโตจะเป็ผู้ใหญ่ ส่วนคนเด็กสุดจะได้รับการเอ็นดูที่สุด มีเพียงคนกลางที่ไม่ค่อยได้รับความรักจากบิดามารดาเท่าใดนัก
แต่พอเป็บ้านนาง กลับตรงกันข้าม คนกลางกลับเป็ที่รักของพ่อแม่ที่สุด
-----
