“เฉินเซียง!” อี๋เหนียงเจ็ดที่กระวนกระวายก็รีบดึงนางให้นั่งลง “เฉินเซียง เ้าไม่เข้าใจ มีเื่น้อยก็ทุกข์น้อย อี้เอ๋อร์ยังเด็ก แล้วข้าก็ไม่้าอะไรทั้งนั้น ข้าขอแค่ให้เขาเติบโตได้อย่างดีก็พอ”
“ถ้าเ้านายของข้าไม่ห้ามไว้ คุณชายน้อยจะมีชีวิตรอดมาได้หรือ? ร่างเล็กๆ ของเขาถูกทุบตีมาตั้งกี่ครั้งแล้ว?” เสี่ยวเฉินเซียงโกรธอย่างมาก
ในเวลานี้ เสี่ยวอี้เอ๋อร์กำลังพิงอยู่ที่ขอบหน้าต่างแอบมองมารดาของเขา
เสื้อผ้าของเขาเก่ามาก ถูกซักจนสีซีด แขนเสื้อเองก็สั้นเกินไป แม้ว่าจะไม่มีสีสันสดใสเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่ก็สะอาดสะอ้านและเป็ระเบียบเรียบร้อยมาก มีลักษณะที่น่าดึงดูดอย่างอธิบายไม่ได้
หลังจากฟังคำพูดของมารดา ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเสี่ยวอี้เอ๋อร์ก็ค่อยๆ แสดงสีหน้าผิดหวัง เขากัดฟันไว้ หลายครั้งที่อยากจะเปิดปากพูด แต่น่าเสียดายที่ทุกครั้งกลับต้องกลืนคำพูดนั้นลงไป
ความอดกลั้นของมารดาทำให้เขามีความอดทน เขาเป็เด็กที่รู้เื่รู้ราวมากที่สุด เพียงแต่ั้แ่เริ่มรู้ประสีประสา เขาก็รู้สึกหดหู่ใจมาโดยตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้
ยิ่งเสี่ยวเฉินเซียงพูดมากเท่าไร นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น อี๋เหนียงเจ็ดทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมนาง จนสุดท้ายก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา เสี่ยวเฉินเซียงที่ไม่ทันสังเกต เมื่อพูดไปพูดมา ก็พูดไปจนถึงเื่อื่น
เสี่ยวอี้เอ๋อร์หลุบตาลงด้วยความเศร้า มุ่ยปากและค่อยๆ ลงมาจากขอบหน้าต่าง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“เสี่ยวเฉินเซียง ดูสิว่าข้านำอาหารอร่อยๆ อะไรมาให้พวกเ้า!”
เสียงนี้...
เสี่ยวอี้เอ๋อร์โผล่หน้าออกมาจากขอบหน้าต่างอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าผู้ที่มาเยือนนั้นคือหานอวิ๋นซี พี่สาวที่ช่วยเขาไว้ในวันนั้น นางเดินเข้ามาจากข้างนอกพร้อมถุงใบใหญ่สองใบ
คือนาง!
เสี่ยวอี้เอ๋อร์ไม่มีวันลืมใบหน้าที่สวยงามและดวงตาที่แน่วแน่คู่นั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีทางลืมน้ำเสียงที่เคยได้ยินเพียงครั้งเดียว
วันนั้นเขาหนาวจนเกือบจะหมดสติไป ด้วยเพราะหันหลังให้กับทุกคนจึงไม่รู้ว่าด้านหลังนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาได้ยินเพียงเสียงของนางที่สั่งสอนหานอวี้ฉี เสียงนั้นไม่ได้ดังเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีอำนาจและพลังเหนือกว่า
ในตอนที่เขากำลังจะหมดสติ นางก็พูดว่า “อี้เอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว พี่จะปกป้องเ้าแน่นอน”
แม้แต่บิดาที่เขานับถือที่สุดหรือแม้แต่มารดาสุดที่รักของเขา ก็ยังไม่เคยพูดแบบนี้กับเขาเลย
“พี่สาว…”
เมื่อเห็นหานอวิ๋นซีเดินเข้ามา เสี่ยวอี้เอ๋อร์แอบร้องออกมาเบาๆ และระมัดระวังเล็กน้อย เขามีพี่สาวหลายคน แต่นี่กลับเป็ครั้งแรกที่พูดคำนี้
หานอวิ๋นซีที่อารมณ์ไม่ดี และการซื้อของคือตัวเลือกแรกของนาง นางหิ้วถุงใหญ่สองถุงเข้ามา ใบหนึ่งเป็ของว่างอุ่นๆ และอีกใบเป็สมุนไพรสำหรับอี๋เหนียงเจ็ดและอี้เอ๋อร์
“นายหญิง ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!” เสี่ยวเฉินเซียงตื่นเต้นอย่างมาก รีบพุ่งไปในทันที ถ้านายหญิงยังไม่มาอีก นางคงคิดว่าตัวเองถูกทอดทิ้งไปแล้ว
อี๋เหนียงเจ็ดรีบยืนขึ้นและทำความเคารพ “ถวายบังคมหวังเฟยเพคะ หวังเฟย...”
ก่อนที่จะพูดจบ หานอวิ๋นซีก็โบกมือ “ไม่ต้อง ไม่ต้อง อี้เอ๋อร์รีบออกมาสิ ข้าเอาอาหารอร่อยๆ มาให้!”
เสี่ยวอี้เอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ในขณะที่กำลังจะรีบพุ่งเข้าไป ทว่าท่านแม่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เขาก็หยุดฝีเท้าลง
“หวังเฟย ท่านดูแลอี้เอ๋อร์แบบนี้ มันทำให้ท่านเสียเงินเปล่านะเพคะ ข้า...” อี๋เหนียงเจ็ดรู้สึกผิดมาก
เดิมทีหานอวิ๋นซีอารมณ์ไม่ดีเลยออกมาสูดอากาศ แต่เมื่อได้ยินว่าอี๋เหนียงเจ็ดเกรงใจขนาดนี้ ก็เริ่มหมดความอดทนขึ้นมาทันที “อี๋เหนียงเจ็ด ถ้ายังเกรงใจอีกละก็ เ้าไปรอข้างนอกเถอะ ข้ากับอี้เอ๋อร์จะกินกันก่อน”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา อี๋เหนียงเจ็ดก็ตกตะลึง เสี่ยวอี้เอ๋อร์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะะเิเสียงหัวเราะออกมา
“ใครหัวเราะ?”
หานอวิ๋นซีเดินไปตามเสียง เสี่ยวอี้เอ๋อร์ก็ซ่อนตัวทันที แต่น่าเสียดายที่หานอวิ๋นซียังเห็นศีรษะเล็กๆ ของเขาที่กำลังซ่อนอยู่
วันนั้นเด็กคนนี้กล้าหาญเสียเหลือเกิน แต่วันนี้กลับเขินอย่างนั้นหรือ? หรืออยากจะเล่นซ่อนหากับนางกันนะ?
หานอวิ๋นซีส่งสายตาเตือนเสี่ยวเฉินซียงและอี๋เหนียงเจ็ดไม่ให้พูด นางเดินไปที่ขอบหน้าต่างอย่างเงียบๆ และมองไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นใครเลย
หานอวิ๋นซีอารมณ์ดีอย่างมาก และเมื่อมองเข้าไปในห้อง ก็เห็นเสี่ยวอี้เอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้น ยื่นศีรษะเล็กๆ ออกมาและมองนางอยู่ไกลๆ ท่าทางเช่นนั้นดูน่ารักและหวาดกลัวเล็กน้อย ราวกับว่าอยากจะเข้าใกล้แต่ก็ไม่กล้า
หานอวิ๋นซียิ้มกว้าง เดินผ่านไปประตูเข้าไป แล้วแสร้งทำเป็วิ่งไปที่นั่น เสี่ยวอี้เอ๋อร์ถึงกับสะดุ้งใ หันหลังกลับและวิ่งไปที่ประตูหลัง ตอนนี้หานอวิ๋นซีมีความสุขอย่างมาก
“เ้าเด็กโง่!” นางยิ้มและวิ่งไปด้านหลังเพื่อกั้นเขาไว้ แต่ใครจะรู้ว่าเสี่ยวอี้เอ๋อร์นั้นเร็วเหลือเกิน ในขณะที่หานอวิ๋นซีกำลังจะถึงประตูหลัง เขาก็รีบพุ่งออกไป
อี๋เหนียงเจ็ดที่อยู่ข้างๆ กำลังจะะโให้หยุด แต่เซียวเฉินเซียงรีบลุกขึ้นปิดปากนางทันที หาได้ยากที่หวังเฟยจะเล่นอย่างมีความสุขขนาดนี้ จะไปะโให้หยุดได้อย่างไรกัน?
หานอวิ๋นซีฉวยโอกาส หรี่ตาแล้วยิ้ม “อี้เอ๋อร์ มาดูกันว่าใครวิ่งเร็วกว่ากัน!”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง เสี่ยวอี้เอ๋อร์ก็เม้มริมฝีปากพร้อมกับดวงตาใสน่ารัก และวิ่งหนีอีกครั้งโดยเว้นระยะห่าง
หานอวิ๋นซีรีบไล่ตามไป ความเร็วครั้งนี้เร็วอย่างมาก เสี่ยวอี้เอ๋อร์ใ หันหลังกลับและรีบวิ่งออกไปจากลานบ้าน แต่ใครจะรู้ว่าการวิ่งครั้งนี้จะไปชนกับฮูหยินสวี่ที่กำลังจะเข้ามา!
“โอ๊ย…”
ฮูหยินสวี่ร้องออกมา เซถอยหลังไปสองก้าวจนเกือบจะล้มลง ทว่าโชคดีที่สาวใช้ข้างกายช่วยนางไว้ได้ทัน
เสี่ยวอี้เอ๋อร์หยุดฝีเท้าลง ทันทีที่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นใบหน้าซีดเซียวของฮูหยินสวี่ เขารีบก็ถอยห่างทันที
ฮูหยินสวี่ยังคงตื่นตระหนก สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ จึงดุขึ้นมาว่า
“เ้าเด็กบ้า แม่เ้าสอนเ้ามาอย่างไรกัน ถึงได้ไม่มีตาแบบนี้!”
“ชนฮูหยินสวี่แบบนี้ เ้าชดใช้ได้หรือ? หยุด!”
ประตูลานถูกกั้นด้วยฉากกั้นหิน ฮูหยินสวี่มองไม่เห็นคนที่อยู่ข้างใน แต่คนที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงดุด่าของสาวใช้อย่างชัดเจน
อี๋เหนียงเจ็ด้าที่จะรีบออกไป แต่เสี่ยวเฉินเซียงก็รั้งนางไว้และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “หวังเฟยอยู่ที่นี่ จะไปกลัวอะไร?”
เสี่ยวเฉินเซียงอยู่ที่นี่เป็เวลานาน เพื่อรอให้ฮูหยินสวี่มาคิดบัญชี แต่ไม่คาดคิดว่าฮูหยินสวี่จะเลือกมาในวันที่หวังเฟยมาพอดี
ในขณะเดียวกัน หานอวิ๋นซีก็ยืนอยู่หลังฉากกั้น โดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ และห่างจากเสี่ยวอี้เอ๋อร์ไม่มากนัก
เสี่ยวอี้เอ๋อร์ไม่โต้เถียงกลับแต่อย่างใด แต่จ้องมองคนรับใช้ด้วยความโกรธ และก้าวถอยหลังไปทีละก้าว
ฮูหยินสวี่ทำใจให้สงบ เมื่อเห็นดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเสี่ยวอี้เอ๋อร์ นางก็โกรธขึ้นมาทันที “หานหยุนอี้ ข้าสั่งให้เ้าหยุด เ้าไม่เข้าใจหรือ? แล้วสายตาของเ้านี่มันอะไรกัน? หรือว่าที่เ้าชนข้า ตั้งใจอย่างนั้นหรือ? นี่คือวิธีที่แม่ของเ้าสอนให้เ้าปฏิบัติต่อผู้าุโสินะ? ไร้การศึกษาสิ้นดี!”
ฮูหยินสวี่ที่อยู่กับบุตรชายมาหลายวัน หานอวี้ฉีที่โดนทุบตีอย่างรุนแรง จึงได้แต่นอนคว่ำและไม่สามารถนอนราบได้ เขาเองก็อารมณ์ฉุนเฉียวอย่างมาก หลังจากที่ฮูหยินสวี่อยู่กับเขาเป็เวลานาน เขาจึงจะยอมทานยาและอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
หากมีเวลาว่างเมื่อไร สิ่งแรกที่ฮูหยินสวี่จะทำคือมาหาอี๋เหนียงเจ็ดแน่นอน!
นางรู้ว่าหานอวิ๋นซีทิ้งสาวใช้ส่วนตัวไว้ที่นี่ แต่สาวใช้ส่วนตัวแล้วอย่างไรล่ะ? ไม่ต้องพูดถึงสาวใช้ส่วนตัวหรอก แม้แต่หานอวิ๋นซีก็ไม่สามารถมาข้องเกี่ยวเื่ของตระกูลหานได้
ครั้งล่าสุดเป็เพราะบุตรชายของนางหยาบคายและทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ มีจุดอ่อนเช่นนี้อยู่ในมือหานอวิ๋นซี ฮูหยินสวี่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยับยั้งความเย่อหยิ่งและถอยกลับไป
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหานอวิ๋นซีแล้ว นาง้าดูว่าหานอวิ๋นซีที่เป็บุตรสาวที่แต่งงานแล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะกลับมายุ่งเกี่ยวกับเื่ตระกูลของแม่นาง
วันนี้นางมาที่นี่เพื่อจงใจก่อกวนอี๋เหนียงเจ็ดโดยเฉพาะ ตอนแรกก็กังวลว่าจะหาเื่อะไรอี๋เหนียงเจ็ดดี ทว่าหานหยุนอี้ก็บังเอิญมาชนนางพอดี
ฮูหยินสวี่พูดพร้อมกับมองไป สาวใช้ก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับตัวเขาไว้
ใครจะรู้ว่า ในขณะเดียวกันหานอวิ๋นซีก็ดึงหานหยุนอี้ออกไปและโผล่ออกมาจากด้านหลังฉากกั้น วินาทีนี้ ไม่รู้ว่าหานอวิ๋นซีเป็คนชนสาวใช้ หรือเป็สาวใช้ที่ชนหานอวิ๋นซี พูดโดยสรุปก็คือ หานอวิ๋นซีถอยหลังไปสองสามก้าวและล้มลงโดยไม่ทันระวัง!
“โอ๊ย...” นางร้องขึ้นมา “เ้าบ้าคนไหนกล้ามาชนข้า!”
ฮูหยินสวี่ที่ไม่คาดคิดว่าหานอวิ๋นซีจะอยู่ที่นี่ ถึงกับสติหลุดไปครู่หนึ่งด้วยความตกตะลึง และการเคลื่อนไหวของสาวใช้ยังคงแข็งทื่อ นางเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่เห็นหานอวิ๋นซีนั่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด ใจนแทบทรุด “หม่อมฉัน...หม่อมฉัน...หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ!”
“สาวใช้ของบ้านใครกัน ไม่ดูตาม้าตาเรือ ข้าว่าเ้าจงใจชัดๆ!” หานอวิ๋นซีดุอย่างโกรธเกรี้ยว โดยจงใจเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของฮูหยินสวี่
สาวใช้ที่ถูกนางะโใส่ ขาทั้งสองก็อ่อนแรงจนคุกเข่าลง หวาดกลัวจนพูดติดขัด “มะ...หม่อมฉันเปล่านะเพคะ...”
ฮูหยินสวี่กำลังดูอยู่ข้างๆ หานอวิ๋นซีไม่มองนาง นางเองก็ไม่อยากที่จะมองหานอวิ๋นซีเช่นกัน!
สตรีผู้นี้มาทำอะไรอีกล่ะ? บุตรสาวที่แต่งงานแล้วกลับมาบ้านแม่ตัวเอง ก็มีแต่บุตรสาวที่หย่าร้างเท่านั้นล่ะ นางช่างไร้ยางอายจริงๆ!
แน่นอนว่าความโกรธทั้งหมดนี้ซ่อนอยู่ในใจของฮูหยินสวี่ อย่างไรก็ตามนางเกิดมาเป็สตรีที่มาจากตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็คนในตระกูลนี้มาหลายปี เื่ที่เกิดขึ้นตรงหน้า นางยังพอเข้าใจสถานการณ์อยู่
“เข้าใจผิดแล้วล่ะ นางไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อวิ๋นซี เ้ามาั้แ่เมื่อไร ทำไมข้าไม่เห็นจะรู้” ฮูหยินสวี่พูดด้วยน้ำเสียงไพเราะและรีบเข้าไปเพื่อจะช่วยนาง
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีกลับลุกขึ้นยืนทันทีและเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นข้าว่าอี้เอ๋อร์ก็คงไม่ได้ตั้งใจที่จะท่านเช่นกันใช่หรือไม่ อี๋เหนียงสอง?”
ฮูหยินสวี่ผงะไปครู่หนึ่ง หลังจากตระหนักได้ถึงเจตนาของหานอวิ๋นซีและได้ยินคำว่า “อี๋เหนียงสอง” แววตาก็เ็าขึ้นมาทันที ใบหน้าที่อ่อนโยนกลับกลายเป็ดุร้าย
“นั่นนะสิ จะไปตั้งใจได้อย่างไรกัน คนชั้นล่างคนนี้นี่มันไม่ได้เื่จริงๆ แน่นอนว่าในฐานะที่เราเป็เ้านายไม่ได้ใส่ใจมันอยู่แล้ว” ฮูหยินสวี่พูดพลางฝืนยิ้มออกมา
ต้องบอกว่าคำพูดของฮูหยินสวี่ยังคงทรงพลังมาก ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หากหานอวิ๋นซียังเก็บมันมาใส่ใจ ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็ “คนชั้นล่าง” ที่นางพูดหรอกหรือ
หานอวิ๋นซีไม่ได้อยากจะหาเื่ใส่ตัวอะไร อย่างไรก็แค่อยากจะช่วยเสี่ยวอี้เอ๋อร์เท่านั้น หลังจากได้ยินคำพูดของฮูหยินสวี่ แน่นอนว่างนางก็คงต้องปล่อยเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไป
นางเหลือบตามองหานหยุนอี้ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง และพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “อี๋เหนียงสองมาหาอี๋เหนียงเจ็ดหรือ?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมดูอาการาเ็ของคุณชายน้อย เห็นว่ามีชีวิตชีวาเช่นนี้ คงจะไม่เป็ไรแล้วใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นข้าเองก็จะได้หายห่วง” ฮูหยินสวี่พูดอย่างเฉื่อยชาพร้อมกับรอยยิ้มเสียดสี
“โชคดีที่รักษาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้น ใครจะรู้ว่าอาการาเ็จะเป็อย่างไร บางทีอาจจะไม่สามารถลงจากเตียงได้เป็เวลาสิบวันหรือครึ่งเดือนเลยก็ได้” หานอวิ๋นซีพูดอย่างไม่เกรงใจ
คนที่ไม่สามารถลงจากเตียงได้เป็สิบวันหรือครึ่งเดือนนั้นเป็หานอวี้ฉีเสียมากกว่า ฮูหยินสวี่ถูกบีบบังคับให้ยอมจำนนอีกครั้ง ความโกรธเกรี้ยวพุ่งสูงขึ้นทันทีและอดไม่ได้ที่จะเตือนอย่างเ็าว่า “อวิ๋นซี ั้แ่ข้าแต่งงานเข้าตระกูลหาน ก็เป็พ่อของเ้าที่เรียกข้าว่าฮูหยิน ตระกูลหานไม่มีอี๋เหนียงสอง มีเพียงฮูหยินสวี่เท่านั้น”
“จริงหรือ? ทำไมข้าถึงไม่รู้เื่นี้เลยล่ะ ดูเหมือนไท่เฮาเองก็ไม่รู้เช่นกัน...”
ก่อนที่หานอวิ๋นซีจะพูดจบ ฮูหยินสวี่ก็ได้ยินคำขู่และปกป้องทันทีว่า “อวิ๋นซี ข้าว่าเ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าเคารพพี่หญิงใหญ่อย่างมาก จะไปอยากได้ตำแหน่งภรรยาเอกได้อย่างไรกัน? ข้าจะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่กล้าเทียบกับพี่หญิงใหญ่หรอก เพียงแต่ชื่อเรียกนั้น พ่อของเ้าเป็คนเริ่มเรียกข้าว่าฮูหยิน ‘ฮูหยิน’ อย่างนู้น ‘ฮูหยิน’ อย่างนั้น ท้ายที่สุดแล้วเป็ความตั้งใจของพ่อเ้า ข้าไปเปลี่ยนแปลงมันได้ด้วยหรือ?”
หานอวิ๋นซียิ้มและคิดในใจว่า ฮูหยินสวี่ อ่า ฮูหยินสวี่ ท่านยังรู้จักกลัวอยู่เหมือนกันนี่
“โอ๊ย ก็แค่ชื่อเรียกเท่านั้น ข้าชินเรียกท่านว่า อี๋เหนียงสองไปแล้ว”
“อวิ๋นซี ความจริงแล้ว...”
ก่อนที่ฮูหยินสวี่จะพูดจบ หานอวิ๋นซีก็ขัดจังหวะโดยเลียนแบบน้ำเสียงเ็าของฮูหยินสวี่เมื่อครู่และพูดว่า “อี๋เหนียงสอง ั้แ่ข้าอภิเษกเข้าจวนฉินอ๋อง ก็เป็เพราะพ่อของข้าที่เรียกข้าว่าฉินหวังเฟย ที่นี่ไม่มีหานอวิ๋นซี มีเพียงหวังเฟยเท่านั้น”
นี่มัน…
