ชิงจื่อที่ด้านนอกเห็นจินว่านหลี่หนีไปอย่างขลาดกลัว ก็เดินเข้าไปด้านในด้วยความห่วงกังวล
“พระชายา เมื่อครู่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่เพคะ” นางไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นเลยจริงๆ
เยว่เฟิงเกอตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น บิดาของฉิงเอ๋อร์แค่รู้สึกผิดต่อฉิงเอ๋อร์มากเกินไป จึงร้องห่มร้องไห้วิ่งหนีไป”
ชิงจื่อ “...”
พระชายาจะทรงโกหกให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือเพคะ?
หากว่าบิดาของฉิงเอ๋อร์รู้สึกผิดต่อฉิงเอ๋อร์จริง เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่ร้องไห้ต่อหน้าฉิงเอ๋อร์?
ชิงจื่อแสดงออกว่ารู้สึกปลงอย่างยิ่งกับคำโกหกของเยว่เฟิงเกอ นางก้มลงมองที่พื้นก็เหลือบเห็นไม้กวาดด้ามนั้นพอดี โชคดีที่้าไม่มีรอยเือะไร
ในที่สุดชิงจื่อก็ถอนใจโล่งอกได้จริงๆ เสียที โชคดีที่เมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มิฉะนั้นหากท่านอ๋องซักไซ้ไล่เลียงขึ้นมา นางก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร
“พวกเราไปกันเถอะ” เยว่เฟิงเกอพูดจบก็เดินออกไปจากห้องเก็บของ
ชิงจื่อรีบร้อนเดินตามและยังไม่ลืมปิดประตูห้องเก็บของให้สนิท
เมื่อคนทั้งสองกลับมาถึงเรือนเยว่เหยา ก็เห็นว่าม่อหลิงหานนั่งอยู่ในสวน โดยมีฉิงเอ๋อร์กำลังรินน้ำชาให้
ม่อหลิงหานเห็นเยว่เฟิงเกอเดินมา ในที่สุดคิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออก
“วันนี้ชายารักไปทำอะไรมาหรือ? ” ม่อหลิงหานถามขึ้นทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว
หลังจากที่เฉียวเฟยกลับไปก็รายงานเื่ทั้งหมดให้ม่อหลิงหานฟัง และเมื่อเฉียวเฟยเล่าเื่ที่จินว่านหลี่ทำความสะอาดห้องเก็บของอยู่จบลง ถานอี้ก็เดินมาหยุดตรงหน้าม่อหลิงหาน เล่าเื่ที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันเท่าที่จะพอเล่าได้ให้ฟังต่อ
เหตุที่ม่อหลิงหานไม่ได้ไปที่ห้องเก็บของก็เพราะเขาอยากจะเว้นช่องว่างให้เยว่เฟิงเกอบ้าง ปล่อยให้นางได้จัดการเื่ทั้งหมดให้เสร็จสิ้นแล้วกลับมาเล่าให้เขาฟังด้วยตัวเอง
และเพื่อไม่ให้ฉิงเอ๋อร์ใอีก เยว่เฟิงเกอจึงให้ฉิงเอ๋อร์และชิงจื่อถอยออกไปก่อน
เมื่อคนทั้งสองจากไปแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้นั่งลงบนเก้าอี้หินข้างกายม่อหลิงหาน นางรินชาให้ตนเองหนึ่งถ้วย หลังดื่มลงไปหนึ่งอึกก็เล่าเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกมา
ยิ่งม่อหลิงหานฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น ยามที่เยว่เฟิงเกอเล่าถึงตอนที่นางเล่นพนันกับซูมู่เจ๋อ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวพูดออกมาว่า “เ้าถึงกับไปเล่นพนันกับเถ้าแก่โรงพนันว่านจิน? เ้ารู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นอันตรายยิ่ง หากเขาเอาชนะเ้าได้ เกรงว่ายามนั้นคงจะจับเ้ากินไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
ที่จริงแล้วเื่ที่เยว่เฟิงเกอเล่นพนันนั้น ถานอี้ไม่ได้เล่าให้ม่อหลิงหานฟังด้วยกลัวว่าจะทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจ
ถึงตอนนั้นท่านอ๋องอาจจะพุ่งไปหาพระชายาด้วยความโกรธ เขาไม่อยากให้คนทั้งสองทะเลาะกันเพราะเื่นี้ขึ้นมาอีก
ถานอี้ไม่อยากเห็นท่านอ๋องและพระชายาต้องทะเลาะกันอีก เพราะไม่ง่ายเลยกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะดีเช่นนี้ได้ เขาไม่อยากให้คนทั้งสองต้องเ็าเหินห่างเช่นเดิมเพียงเพราะคำพูดของตน
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าม่อหลิงหานกำลังเป็ห่วงนางอยู่ จึงรีบยิ้มประจบกล่าวว่า “ท่านอ๋องวางพระทัยเถิด ดูสิ หม่อมฉันก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ หม่อมฉันไม่เพียงไม่แพ้ แต่ยังชนะแล้วช่วยล้างหนี้ให้บิดาฉิงเอ๋อร์ได้ทั้งหมดอีกด้วย”
เยว่เฟิงเกอไม่ได้บอกว่า เหล่านี้ล้วนเป็ความคิดของนาง เป็นางเองที่ไปเสนออีกฝ่าย
ม่อหลิงหานสีหน้าเ็ายังคงกล่าวกับเยว่เฟิงเกอด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ครั้งหน้าห้ามไปเที่ยวเล่นที่โรงพนันอีก สถานที่อันตรายที่คนพลุกพล่านเช่นนั้นไม่ใช่ที่ที่สตรีตัวคนเดียวเช่นเ้าเหมาะจะเข้าไป”
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินเช่นนี้ก็เก็บรอยยิ้มบนใบหน้ากลับมาหมด
นางชอบอยู่ที่นั่นเป็ที่สุด เพราะโดยปกติแล้วชื่นชอบการวิเคราะห์กลโกงพนันมาก
ทุกครั้งที่นางค้นพบว่ามีคนโกง ขณะที่คนอื่นๆ ยังเป็ตัวโง่งมที่ถูกหลอกอยู่ ก็อดแอบหัวเราะเยาะในใจไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น นางยังชอบศึกษาหาวิธีใหม่ๆ ในการโกง ทุกครั้งที่เอาชนะผู้อื่นด้วยการโกงได้ ความรู้สึกนั้นสุขใจหาใดเปรียบ
ก่อนหน้านี้ม่อหลิงหานเคยพูดว่า จะไม่ขัดขวางนางให้ออกไปไหน แต่ตอนนี้กลับมาบอกไม่ให้นางไปที่โรงพนันอีก แน่นอนว่านางย่อมไม่พอใจ
เมื่อเห็นว่าเมื่อครู่เยว่เฟิงเกอยังหัวเราะเริงร่าอยู่ แต่จู่ๆ ก็ยู่ปากขึ้น ม่อหลิงหานก็รู้แล้วว่าตนไปจำกัดอิสระของนาง ทำให้นางไม่พอใจเข้าแล้ว
ม่อหลิงหานจับมือเยว่เฟิงเกอไว้ กำลังจะพูดอะไรก็เห็นเยว่เฟิงเกอดึงมือกลับแล้วหันกายไปไม่สนใจเขา
“เ้ากำลังโกรธหรือ? ” ม่อหลิงหานหยั่งเชิงถาม
เยว่เฟิงเกอแค่นเสียงเ็า ยังไม่อยากเอ่ยวาจา
ม่อหลิงหานจับเยว่เฟิงเกอให้หมุนกายกลับมา ให้นางหันหน้ามาสบตากับเขา “หากว่าเ้าโกรธ ก็พูดสิ่งที่ไม่สบายใจออกมาเถิด เปิ่นหวางไม่อยากให้เ้าเก็บงำเื่นี้ไว้ในใจ”
เยว่ฟิงเกอเบะปาก นางกล่าวเสียงเย็นว่า “หม่อมฉันไม่ใช่เด็กสามขวบเสียหน่อย สถานที่ใดควรไป สถานที่ใดไม่ควรไป หม่อมฉันรู้ดี”
“ถึงแม้เถ้าแก่โรงพนันว่านจินจะร้ายกาจมาก แต่ถึงเขาจะร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่ใช่ว่ายังพ่ายแพ้ให้หม่อมฉันหรือ? ”
“อีกอย่างก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเคยตรัสว่า จะไม่จำกัดอิสระของหม่อมฉัน ไม่ว่าหม่อมฉันจะไปเที่ยวเล่นที่ใดก็ย่อมได้ทั้งนั้น แล้วเหตุใดตอนนี้ท่านอ๋องถึงกลับคำเล่าเพคะ? ”
ม่อหลิงหานจับมือเยว่เฟิงเกอมากุมไว้ในฝ่ามือ ก่อนจะมองตานางด้วยสายตาอ่อนโยนยิ่ง “เปิ่นหวางเคยพูดไว้ว่าชายารักจะไปเที่ยวเล่นที่ใดก็ย่อมได้จริง แต่เปิ่นหวางเป็ห่วงความปลอดภัยของเ้า ครั้งนี้เ้าเอาชนะซูมู่เจ๋อได้ แต่ครั้งหน้าที่เ้าไปโรงพนันแห่งนั้นอีกครั้ง คาดว่าซูมู่เจ๋อคงจะไม่ปล่อยเ้าไปง่ายๆ เช่นนี้อีกแน่”
เยว่เฟิงเกอกะพริบตาปริบๆ นางเพิ่งรู้ว่าเถ้าแก่โรงพนันว่านจินคนนั้นมีนามว่าซูมู่เจ๋อ
เขาแซ่ซู ส่วนองค์ชายสามแซ่ม่อ
คนทั้งสองไม่ได้แซ่เดียวกัน แสดงว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กัน
เยว่เฟิงเกอแอบคิดในใจ ดูท่านางจะคิดมากไป แท้จริงแล้วบนโลกใบนี้มีคนที่หน้าตาคล้ายกันอยู่มาก ดังนั้น การที่เถ้าแก่โรงพนันว่านจินคนนั้นจะหน้าตาคล้ายม่อเสวียนเช่อก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร
ม่อหลิงหานเห็นเยว่เฟิงเกอใจลอยเล็กน้อย ก็เอ่ยถามต่อ “กำลังคิดอะไรอยู่ กำลังคิดถึงซูมู่เจ๋อ? ”
เมื่อนึกถึงว่าในใจของเยว่เฟิงเกอกำลังคิดถึงชายอื่นอยู่ ใจของม่อหลิงหานก็เริ่มไม่เป็สุข
เยว่เฟิงเกอรีบโกหกกลบเกลื่อน “หม่อมฉันคิดถึงผู้อื่นที่ใดกัน หม่อมฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูมู่เจ๋อคือใคร เมื่อครู่หม่อมฉันกำลังคิดอยู่ว่า วันนี้ตนชนะได้เงินกลับมามากมาย ก่อนนี้ได้นำเงินทั้งหมดไปฝากไว้ที่ร้านซื่อสัตย์เงินตรา”
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดจบ ความโกรธในใจก็ลดทอนไปกว่าครึ่ง เพราะเมื่อนึกถึงว่าตนมีเงินมากมายเพียงนั้นอยู่ในมือ ก็อดอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีไม่ได้
เงินหล่านั้นล้วนได้มาด้วยความสามารถของตนเอง
ม่อหลิงหานสังเกตเห็นยามที่เยว่เฟิงเกอพูดว่าวันนี้นางชนะได้เงินกลับมามากมายยังมีเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างอวดดีด้วย เขาก็อดลูบจมูกนางด้วยความเอ็นดูไม่ได้
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าเดิมมาก “เปิ่นหวางเป็ห่วงชายารักมาก บุรุษในโรงพนันเ่าั้ แต่ละคนล้วนเป็ยอดฝีมือ โดยเฉพาะซูมู่เจ๋อ วิชากลโกงพนันของเขาเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นเซียน ชายารักเป็สตรีคนเดียว เกรงว่าจะสู้พวกเขาไม่ได้”
ในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ม่อหลิงหานกังวลเื่นี้
ความโกรธเพียงเล็กน้อยที่หลงเหลืออยู่ในใจนางก็ราวกับเป็เมฆเคลื่อนคล้อยที่พัดหายไป
“ท่านอ๋อง ทรงปล่อยหม่อมฉันไปเที่ยวเล่นเถิดเพคะ หม่อมฉันขอรับประกันว่าจะไม่ทำให้ตนเสียเปรียบในสถานที่เช่นนั้นแน่ อีกอย่างหม่อมฉันเองก็ไปปรากฏกายที่นั่นด้วยรูปลักษณ์เยี่ยงบุรุษ ไม่มีทางปล่อยให้คนจดจำใบหน้าได้อย่างแน่นอนเพคะ” เยว่เฟิงเกอเป็ฝ่ายคว้ามือม่อหลิงหานมาจับ ออดอ้อนเขา
ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอที่ยังแต่งตัวเป็ชายอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาดวงนี้ แม้แต่บุรุษเห็นแล้วยังต้องใจเต้น และเพราะไม่อาจทานทนต่อลูกอ้อนของเยว่เฟิงเกอได้ สุดท้ายเขาจึงพยักหน้าตกลง
“ในเมื่อชายารักอยากไปเล่นที่โรงพนันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไปเถอะ แต่ว่าครั้งหน้าที่ชายารักจะไปโรงพนัน ต้องพาเปิ่นหวางไปด้วย” ม่อหลิงหานไม่อยากให้ซูมู่เจ๋อคนนั้นมาถูกอกถูกใจอะไรในตัวเยว่เฟิงเกอ
ในที่สุดม่อหลิงหานก็ยอมถอยแล้ว เยว่เฟิงเกอจึงไม่คิดต่อรองอะไรอีก นางเอาอกเอาใจเขาต่อ “ในเมื่อท่านอ๋องเป็ห่วงหม่อมฉันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นวันหน้าที่หม่อมฉันไปโรงพนัน ย่อมต้องชวนท่านอ๋องไปด้วยแน่ เพียงแต่ตอนนั้นท่านอ๋องต้องแปลงโฉมด้วยนะเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจว่า จั้นอ๋องแห่งเป่ยชวนเราก็ชอบไปเล่นพนันกับเขาด้วย”
ม่อหลิงหานยิ้ม ดึงเยว่เฟิงเกอเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะก้มหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากนาง...
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น หลังจากเยว่เฟิงเกอเปลี่ยนรูปลักษณ์กลับไปเป็สตรีเช่นเดิมแล้ว ก็เอื้อมไปจับมือของม่อหลิงหานก่อน จากนั้นพากันเดินไปยังห้องอาหาร
ม่อหลิงหานมีความสุขมากที่เยว่เฟิงเกอเป็ฝ่ายจับมือเขาก่อน นี่นับเป็ครั้งที่สองแล้วที่นางแสดงท่าทีรักใคร่ก่อนเช่นนี้ เห็นได้ชัดเลยว่ายามนี้นางอารมณ์ดีมาก เขาจึงยิ่งอยากตามใจนาง
เมื่อคนทั้งสองกินเสร็จแล้ว เยว่เฟิงเกอก็ลูบหนังท้องตึงของตนแล้วเรอออกมา
“ท่านอ๋อง พวกเราไปเดินเล่นกันเถอะ” วันนี้เยว่เฟิงเกอกินเข้าไปมากจริงๆ นางมีความสุขมากเหลือเกิน ถึงได้กินเข้าไปมากเพียงนี้
ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตารักใคร่ จับมือนางไว้แล้วพากันเดินมุ่งหน้าออกไปนอกจวนอ๋อง
ม่อหลิงหานบอกเยว่เฟิงเกอว่า ทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนถนนใหญ่นั้นงดงามมากเช่นกัน
ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางเองจะเคยออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกจนฟ้ามืดมาก่อน แต่นั่นก็ไปมาแค่ที่เดียว
อย่างไรก็ตาม เมืองหลวงอวิ๋นจิงแห่งเป่ยชวนกว้างใหญ่เพียงนี้ สถานที่ที่เยว่เฟิงเกอเคยไปเยือนนับเป็เพียงเศษหนึ่งส่วนเดียวของูเาน้ำแข็งลูกใหญ่
เมื่อได้ยินว่าตนสามารถไปเดินเล่นบนถนนยามค่ำคืนได้ เยว่เฟิงเกอก็ดีใจจนแทบจะะโตัวลอย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้