มาสทิฟฟ์หิมะน้ำแข็ง
พลังชีวิต :1
พลังต่อสู้: 1
ความว่องไว: 1
ความสามารถ: เยือกแข็ง (ปล่อยลมหนาวออกมาแช่แข็งศัตรู)
ทักษะลับ :สุนัขคลั่ง (เมื่อมาสทิฟฟ์หิมะน้ำแข็งโกรธ มันจะเข้าสู่สภาวะเกรี้ยวกราดและเพิ่มพลังขึ้นมหาศาล)
สถานะ :สัตว์เลี้ยงน่ารักขั้นต้น
ข้อประกาศ :มาสทิฟฟ์หิมะน้ำแข็งที่หลอมแล้วจะมีความปราดเปรียวและการระวังภัยของเสือดาวหิมะตามด้วยความโหดร้ายดุดันของชิงหลางอ๋าว เป็สิ่งมีชีวิตที่ต้องระวัง!
…
ฉินเฟิงพึงพอใจมากกับการหลอมของเสือดาวหิมะและชิงหลางอ๋าวด้วยความคิดเพียงเล็กน้อยมาสทิฟฟ์หิมะน้ำแข็งขนปุยตัวเท่าลูกบาสก็ออกมาจากระบบมันเกาะติดกับรองเท้าของฉินเฟิงและแทะมัน ดูเหมือนว่ามันจะหิว
ฉินเฟิงชอบเ้าตัวน้อยน่ารักนี้มากมันปกคลุมไปด้วยขนสีเขียวอมน้ำเงิน ดูเหมือนทั้งเสือดาวและทิเบตันมาสทิฟฟ์เขาหยิบผลไม้จากต้นไม้และโยนมันไปหามาสทิฟฟ์หิมะน้ำแข็งที่กำลังนอนบนพื้นอย่างตื่นเต้นและเริ่มแทะอาหาร
ฉินเฟิงกลับมาสู่ปกติและเปิดระบบหลอมอีกครั้งเพื่อผสมสัตว์เลี้ยงต่อสู้ประเภทท้องฟ้า
ครั้งนี้ฉินเฟิงเลือกนกสองตัว: อินทรีทองกับเหยี่ยวไจเออร์(ไห่ตงชิง)
อินทรีทองนับได้ว่าเป็นกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ลำตัวยาว 76 ถึง 102 เซ็นติเมตร เมื่อกางปีกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 2.3 เมตรและมีน้ำหนัก 2 ถึง 7.2 กิโลกรัม เหยื่อของมันมีสัตว์หลายสิบชนิดเช่น ห่าน เป็ดไก่ฟ้า กระรอก กวางโรตะวันออก กระต่าย ฯลฯ บางครั้งมันก็กินกวางซีกา กวางพรองฮอร์นหมาป่าไคโยตี หมาป่าสีเทา และสัตว์ขนาดใหญ่อื่นๆ
เหยี่ยวไจเออร์มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าFalco rusticolus ชนเผ่าซู่เซิ่นเรียกมันว่า ‘สงคู่หลู่’ มันเป็นกที่เร็วที่สุดในโลกและสามารถบินได้สูงที่สุดด้วยเช่นกันดังนั้นชื่อของมันจึงหมายความว่า “เทพอินทรีนับหมื่น” ตำนานกล่าวว่าเทพอินทรีหมื่นตัวจะมีเพียงเหยี่ยวไจเออร์แค่ตัวเดียว
มันไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตที่มีตัวตนอยู่จริงแต่เป็สิ่งบูชาที่เหมือนกับสัญลักษณ์คล้ายกับหงส์(เฟิ่งหวง)ของชนเผ่าฮั่นซึ่งนั่นก็เป็นกขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปนานแล้วตามบันทึกในตำราขุนเขามหาสมุทรมีความเป็ไปได้ว่ามีหงส์เก้าตัวในดินแดงอันรกร้างของซู่เซิ่น รุ่นต่อมาชื่อเสียงของเหยี่ยวไจเออร์ได้แซงขึ้นมาตามบันทึกในตำราเปิ๋นฉ่าวกังมู่ (ตำรายาสมุนไพร) “เมื่อพูดถึงอ่าวเหลียวตงสิ่งที่งดงามที่สุดคือเหยี่ยวไจเออร์”มันถูกจัดอยู่ในตระกูลเหยี่ยวและเป็หนึ่งในนกล่าเหยื่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูลเหยี่ยว
“หลอม!”
ภายใต้คำสั่งของฉินเฟิงเตาหลอมก็เริ่มหมุนอีกครั้งครึ่งนาทีต่อมา สัตว์หลอมชนิดใหม่ก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาและเข้าสู่ช่องเก็บของสัตว์เลี้ยง
ฉินเฟิงเปิดช่องเก็บของสัตว์เลี้ยงทันทีและมองสัตว์เลี้ยงต่อสู้ประเภทท้องฟ้าชนิดใหม่
อินทรีอัคคีทอง
พลังชีวิต :1
พลังต่อสู้: 1
ความว่องไว: 1
ความสามารถ: เพลิงมรณะ (ยิงลูกไฟออกมาจากปากและเผาผลาญศัตรู)
ทักษะลับ :พายุเพลิงคลั่ง (อินทรีอัคคีทองจะกระพือปีกสร้างพายุไฟเป็ความเสียหายวงกว้าง)
สถานะ : สัตว์เลี้ยงน่ารักขั้นต้น
ข้อประกาศ :คุณได้รับอินทรีอัคคีทองจากการหลอมด้วยความดุดันของอินทรีทองและความเร็วสูงสุดของเหยี่ยวไจเออร์ มนุษย์พึงระวัง!
…
เพียงแค่นึกอินทรีตัวน้อยก็โผล่ออกมามันโลดเต้นบนอากาศอย่างร่าเริง มันมีขนสีขาวล้วน มีปุยขนบนหัวขนบริเวณปลายปีกและหางเป็สีทอง ขนสีทองด้านข้างพลิ้วลมดั่งเปลวเพลิง ตัวของมันมีสีขาวหิมะสะอาดสะอ้านแลดูเหมือนไฟที่กำลังมอดไหม้ในหิมะ
ฉินเฟิงเรียกมาสทิฟฟ์หิมะน้ำแข็งกับอินทรีอัคคีทองมาและบอกด้วยสีหน้าอ่อนโยน“มาสทิฟฟ์หิมะ อินทรีทอง จากนี้ไปพวกนายจงฝึกในป่านี้ให้ดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกนายต้องอยู่ด้วยกันสู้ด้วยกัน และรุดหน้าหรือถอยหลังด้วยกัน เข้าใจไหม?”
มาสทิฟฟ์หิมะะโเลียหน้าของฉินเฟิงอินทรีทองบินวนรอบหัวของฉินเฟิงไม่หยุดขณะที่ยกหัวเพื่อส่งเสียงร้อง
ทั้งสองเป็สัตว์เลี้ยงต่อสู้ประเภทิญญาที่สามารถรู้สึกถึงบรรยากาศอำลาและไม่อยากแยกจากฉินเฟิงฉินเฟิงสร้างสัตว์เลี้ยงต่อสู้พวกนี้ขึ้นมาดังนั้นเขาจึงเปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่พวกมันต้องแยกจากครอบครัวและโดดเดี่ยวในโลกแห่งความเป็จริง ดังนั้นฉินเฟิงจึงไม่อยากแยกจากมัน
ถ้าไม่ฝ่าคลื่นลมฝนแล้วจะเห็นสายรุ้งได้อย่างไร?ทุกคนมี่เวลานี้และต้องเผชิญหน้ากับมัน
…
เมืองเว่ยเฉิงตำหนักฉิน
มีชายสามคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่บนชั้นหนึ่งฉินหวงนั่งบนโซฟาขณะที่ฉินเฟิงและชายหน้าหล่ออีกคนกำลังนั่งตัวตรงอยู่ด้านข้าง
ชายคนนี้มีอายุไล่เลี่ยกันกับฉินเฟิงและหน้าตาก็ดูคล้ายกับฉินเฟิงเขาเป็ญาติผู้น้องของฉินเฟิง ฉินเย่ จากตระกูลฉินในเมืองจิ้นเฉิง ในเมืองจิ้นเฉิงเขาถูกเรียกว่า “คุณชายเหวิน”
บรรยากาศในห้องนั่งเล่นดูตึงเครียดเล็กน้อยเมื่อฉินเฟิงกลับมาจากบ้านพักตากอากาศเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากฉินหวงให้รีบกลับมายังตำหนักฉิน เมื่อเขากลับมาแล้วเขาก็เห็นฉินเย่กำลังนั่งอยู่ในบ้าน
ฉินเฟิงเพิ่งได้ยินชื่อของผู้ที่อยู่เื้ัของหัวิจากปากของหัวิเองและมันก็เป็คนที่รู้จักกันในนาม “คุณชายเหวิน” ฉินเฟิงไม่ใช่คนจากเมืองจิ้นเฉิงเขาจึงไม่เคยได้ยินชื่อคุณชายเหวินแห่งเมืองจิ้นเฉิง อย่างไรก็ตาม ชื่อเล่น“คุณชายเหวิน” ของฉินเย่ก็เป็ที่โด่งดังเหมือนกับชื่อของนายน้อยฉินในเมืองเว่ยเฉิงถ้ามีคนอยากสอบถามข้อมูล มันก็จะง่ายมากที่จะทำ
ตอนนี้เขารู้ว่าญาติผู้น้องฉินเย่เป็“คุณชายเหวิน” สีหน้าของฉินเฟิงจึงเ็า เขาพิจารณาปัญหาซับซ้อนต่างๆ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลของอาสามในเมืองจิ้นเฉิงถึงอยู่เื้ัแผนการที่จะทำร้ายเขาและพ่อของเขา
“ญาติผู้พี่ท่านลุงใหญ่ ผมไม่ได้มาเยี่ยมพวกท่านมานานแล้ว ผมหวังว่าพวกท่านจะยกโทษให้ผมนะ!” ฉินเย่ทำลายบรรยากาศตึงเครียดเขาถือพัดไม้จันทร์และทุกครั้งที่เขาพัด กลิ่นหอมหวนก็โชยไปทุกที่
“เย่เอ๋อทำตัวตามสบายเหมือนบ้านตัวเองนะ ปกติลุงจะไม่ว่างและไม่มีเวลาไปเยี่ยมดังนั้นลุงจึงดีใจที่เธอเป็ฝ่ายมาเยี่ยม” ใบหน้าของฉินหวงเต็มไปด้วยความจริงใจไม่มีใครบอกได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ท่านลุงใหญ่ผมเพิ่งกลับจากอเมริกา และตอนที่ผมมาถึง ผมได้ยินว่าระยะหลังนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวของลุงผมจึงรีบมาทันที ผมมาในฐานะตัวแทนของพ่อและพี่ชายเพื่อมาดูว่ามีอะไรที่เราพอช่วยได้บ้าง” พัดในมือของฉินเย่สบัดไม่ช้าและไม่เร็ว พาให้กลิ่นของพัดตลบอบอวนไปทั่วทั้งบ้าน
ฉินเฟิงที่เงียบอยู่ตลอดหันไปทางฉินเย่และพูดอย่างรวดเร็ว“ญาติผู้น้อง นายบอกว่านายเพิ่งกลับจากอเมริกาเหรอ?”
“ใช่แล้วญาติผู้พี่ ผมกำลังศึกษาที่ต่างประเทศในอเมริกา สาวฝรั่งนี่สวยจริงๆ ถ้าพี่มีเวลาก็ควรจะมาสนุกนะผมมั่นใจว่าต้องถูกใจพี่แน่” ฉินเย่หยุดและกระแอมสองครั้งอย่างอึดอัดและก็พูดพลางหัวเราะ “อืม…เพราะว่าผมอยู่ในอเมริกามาระยะหนึ่งแล้วถ้าผมอยู่ที่จีนและได้ยินว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับบ้านท่านลุงใหญ่ละก็ผมคงจะรีบมาช่วยนานแล้ว”
เมื่อคืนฉินเฟิงรู้ว่าคนร้ายที่อยู่เื้ัของหัวิคือคนที่เรียกว่า“คุณชายเหวิน” วันนี้ญาติผู้น้องที่ถูกเรียกว่า “คุณชายเหวิน”ก็มาเยี่ยมถึงหน้าประตู ฉินเฟิงรู้สึกว่ามันจะบังเอิญไปหน่อย อย่างไรก็ตามหลังจากที่รู้ว่าฉินเย่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาฉินเฟิงไม่สามารถมั่นใจได้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่เขาคงทำเื่นี้ไม่ได้แน่ถ้าอยู่อเมริกา
“ฮ่าๆ เย่เอ๋อลุงซาบซึ้งในความเมตตาของเธอจริงๆ แต่ที่นี่ไม่มีเื่ใหญ่อะไรเกิดขึ้นหรอกก็แค่เื่เล็กๆ ในตอนแรกแต่มันก็โดนจัดการหมดแล้ว กลับไปบอกพ่อเธอว่าไม่ต้องห่วงถ้ามีเื่ใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ ลุงจะขอความช่วยเหลือเอง” ฉินหวงกล่าวด้วยยิ้ม
“แน่นอนๆ แม้ว่าเราจะอยู่คนละเมืองในมณฑลยูนนานแต่เราทุกคนก็เป็สมาชิกตระกูลฉินในเมืองหลวงและมีสายเืเดียวกันไหลผ่านเราจำเป็ต้องร่วมมือกันและสนับสนุนกันและกัน”
ฉินเย่ยืนขึ้นทันทีและมองฉินเฟิงกับฉินหวงด้วยรอยยิ้มเขาเงียบสักพักและเริ่มพูดอย่างช้าๆ “ญาติผู้พี่ ท่านลุงใหญ่ผมรู้ว่ามีเื่มากมายเกิดขึ้นในตำหนักฉินเมื่อเร็วๆ นี้และดูเหมือนว่ามีคนจะรวมกำลังเพื่อต่อต้าน ตอนที่ผมได้ยินผมแอบส่งคนไปสืบดูโดยเฉพาะและผมก็พบว่าตระกูลหัวของเมืองจิ้นเฉิงเฉิงมีพิรุธนิดหน่อย
“เมื่อเร็วๆนี้พวกมันจับตามองตำหนักฉินและแอบติดต่อกับคนอื่นในการเตรียมพร้อมโจมตีตำหนักฉินด้วยกันพ่อผมมีสายในตระกูลหัว และข้อมูลก็มาจากรายงานที่น่าเชื่อถือได้ หลังจากที่ตระกูลหัวติดต่อกับคนพวกนี้พวกมันก็วางแผนสร้างข่าวลือให้ขัดแย้งกันภายในตระกูลฉินเพื่อที่เราจะได้ระแวงกันปะทะและฆ่ากันเอง”
หลังจากพูดจบฉินเย่ก็ะเิเสียงหัวเราะทันที “ฮ่าๆ ญาติผู้พี่ ท่านลุงใหญ่มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ? ตระกูลฉินของเราเป็ปึกแผ่นตลอดเวลาและอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวพวกคนภายนอกมันจะใช้กับเราได้ผลได้อย่างไร? ท่านพ่อโกรธมากตอนที่พบพฤติกรรมของตระกูลหัวท่านใช้อิทธิพลทั้งหมดของตระกูลฉินในเมืองจิ้นเฉิงกดดันตระกูลหัวผมเชื่อว่าไม่นานหลังจากนี้ ตระกูลหัวคงจะหายไปจากโลก”
“ญาติผู้พี่ท่านลุงใหญ่ ถ้าพวกท่านรู้ว่ามีขุมกำลังไหนพยายามจะยุ่งกับตระกูลฉินของเราท่านต้องบอกคนรุ่นหลังนะ ผมจะบอกพี่ชายกับท่านพ่อ แล้วเราจะสู้ด้วยกันพวกปลาซิวปลาสร้อยจะมาย่ำยีศักดิ์ศรีของตระกูลฉินของเราได้อย่างไร?”
ยิ่งฉินเย่พูดเขาก็ยิ่งมีอารมณ์ขึ้นสุดท้ายแล้ว เขาหักครึ่งพัดไม้จันทร์เป็สองส่วน แย่หน่อยที่เขาคือคุณชายเหวินเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์รู้จักกันในชื่อขงเบ้งน้อยแห่งเมืองจิ้นเฉิง แต่เขาไม่ได้ฝึกฝนวิทยายุทธ์และเวลานี้เนื่องจากเขาใช้แรงเยอะเกินไปไม้จึงทิ่มฝ่ามือของเขาและมีเืไหลออกมา
“เย่เอ๋อเธอนี่ไม่ระวังเลย..พ่อบ้านหวัง รีบนำยามาเร็ว”ฉินหวงยืนขึ้นทันทีและมาถึงข้างฉินเย่
พ่อบ้านหวังรีบวิ่งมาเหงื่อพลั่กพร้อมกับถือกล่องยาฉินหวงนั่งข้างฉินเย่และพันแผลให้ด้วยตัวเอง
“ฮ่าๆ ท่านลุงใหญ่ท่านเหมือนพ่อผมเลย ท่านดูแลผมดีมาก” ฉินเย่มองฉินหวงพันแผลของเขาและบอกทันที“ผมหงุดหงิดไปหน่อยแต่ผมทนไม่ไหวที่พวกคนชั้นต่ำพวกนั้นพยายามจะทำให้ตระกูลฉินเราขัดแย้งกันผมเกลียดมัน!”
“เย่เอ๋ออย่าคิดมาก เธอพูดถูก เราทุกคนเป็สมาชิกตระกูลฉิน ความแตกแยกจะเกิดขึ้นเพราะคำพูดบางคำพูดจากคนภายนอกได้อย่างไร?สายตาเราคมชัดและกาลเวลาจะพิสูจน์คนเอง!” ฉินหวงถอนหายใจขณะที่กล่าว
คำพูดพวกนั้นถือว่าลึกซึ้งและฉินเย่ก็ไม่ได้พูดต่อหลังจากพันแผลเสร็จ เขายืนขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะกลับ “ญาติผู้พี่ ท่านลุงใหญ่วันนี้ผมรบกวนเยอะแล้ว ผมเพิ่งลงจากเครื่องบินและตรงมาหาพวกท่านทั้งสองผมยังไม่ได้กลับบ้านเลย พ่อผมอาจจะกำลังรอผมกลับอยู่ ดังนั้นผมจะไม่อยู่นานเมื่อมีเวลาผมจะมาเยี่ยมใหม่”
“ได้เดินทางปลอดภัยล่ะ” ฉินหวงจ้องฉินเฟิง “เฟิงเอ๋อ ไปส่งเย่เอ๋อให้พ่อหน่อย”