ชย่าลิ่วอีไม่มีคำพูดใดจะโต้แย้งได้ จึงได้แต่เกาที่เท้าแขนของเก้าอี้และกัดฟันแน่น “เธอ! รู้ตั้งนานแล้วว่ามันมีพิรุธ! ทำไมถึงไม่บอกฉัน?!”
“ตอนหลังนายก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าเขาสนใจนาย!” ชุยตงตงยักไหล่ “เขาแสดงออกชัดเจนขนาดนั้น นายไม่รู้เลยหรือ? เป็ไปไม่ได้หรอกมั้ง?”
“...” ชย่าลิ่วอียอมรับว่าตัวเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน
ชย่าลิ่วอีไม่มีอะไรจะพูด ได้แต่พิงพนักเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิดแล้วสูบบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ ชุยตงตงนั่งลงบนขอบโต๊ะทำงานด้วยท่าทางสบายๆ แล้วพูดต่อ “ว่าไง? นายไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาบ้างเลยหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าเธอมีญาณทิพย์หรอกหรือ! ทำไมเื่แค่นี้ถึงดูไม่ออก?!”
ชุยตงตงพูด “เื่นี้ฉันดูไม่ออกจริงๆ นะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของฉัน ยิ่งนายสนใจใคร นายก็จะยิ่งหนีไปให้ไกลจากคนนั้น ฉันเห็นนายไม่เพียงแต่ไม่หนีเขา นายยังออกไปเที่ยวกับเขาอย่างมีความสุขอยู่บ่อยๆ…”
“เที่ยวบ้าบออะไรกัน!” ลูกพี่ชย่าตบลงบนเก้าอี้!
“โอเคๆ ไม่ใช่เที่ยว เป็การรวมตัวของเพื่อน” ชุยตงตงพูด “แล้วนายจะปิดบังทำไม?”
“...” ลูกพี่ชย่าหน้าซีดเผือด เขาเกาที่เท้าแขนของเก้าอี้ขณะครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าควรจะเปลี่ยนรองหัวหน้าแก๊งเป็คนใหม่ดีหรือไม่
“สรุปแล้วนายรู้สึกยังไง?” ชุยตงตงพูด
“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา! ไม่ได้รู้สึก ‘แบบนั้น’!” ชย่าลิ่วอีพูด “เขาเป็แค่ลูกน้องที่ฉันรับมา!”
ชุยตงตงขมวดคิ้ว เธอพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “นายนี่โหดร้ายจริงๆ!”
ชย่าลิ่วอีไม่สนใจการยั่วยุของเธอแล้วพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “หมอนั่นมันอ่านหนังสือมากไปจนสมองเพี้ยน แค่เปิดโลกให้เขาสักหน่อยก็พอแล้ว!”
ชุยตงตงถอนหายใจยาวอีกครั้ง “ลูกพี่ชย่า ถ้าแค่เปิดโลกแล้วมันได้ผล โลกนี้คงไม่มีพวกผู้ชายผู้หญิงที่หลงใหลลุ่มหลงกันหรอก ตอนนั้นพี่ไม่เคยลองหรือ? แล้วมันได้ผลไหม?”
สีหน้าของชย่าลิ่วอีเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน มันมืดมนลงทันที ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “พอแล้ว”
ชุยตงตงยักไหล่ เธอเปลี่ยนเื่อย่างรู้สถานการณ์ “มือนายเป็อะไรหรือ?”
“มีคนแอบอ้างเป็คนของเสี่ยวหม่ามาก่อเหตุปล้นและสร้างความวุ่นวายในเขตของแก๊งเซียวฉี”
“เฝยชีหรือ?”
“ไม่ใช่ คนคนนี้อยากทำให้เื่ใหญ่โตเพื่อให้ตำรวจมาหาเื่ฉัน ด้วยมันสมองของเฝยชี มันคิดเื่แบบนี้ไม่ออกหรอก”
“หรืออาจจะเป็ซาเจียจวิ้นที่ยุให้เขาทำ”
ชย่าลิวอีส่ายหัว “เื่ในวงการก็ควรจะเคลียร์กันเองในวงการ ไม่เคยให้ตำรวจเข้ามายุ่ง ซาเจียจวิ้นถึงจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ไม่ใช่คนที่มีนิสัยเ้าเล่ห์ ยืมมือคนอื่น น่าจะรู้จักรักษากฎข้อนี้ไว้อยู่ ถ้าตำรวจมาสนใจเรา ก็ต้องไปสนใจเฝยชีกับซาเจียจวิ้นด้วย พวกเขาสองคนคงไม่ทำเื่โง่ๆ แบบนี้ให้ตัวเองเดือดร้อนหรอก คนคนนี้อุตส่าห์วางแผนซับซ้อน วกไปวนมาขนาดนี้ เป้าหมายคงไม่ใช่แค่เื่แย่งชิงพื้นที่”
ชุยตงตงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันจะให้คนไปสืบดู”
“อีกเื่หนึ่ง ฝั่งของเฉ่าเสียไม่ควรจะมีแต่คนของลุงหยวน เธอคอยหาโอกาสส่งคนของเราเข้าไปแทรกด้วย”
“โอเค” ชุยตงตงตอบรับพลางขยับไหล่และหลังเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ คืนฤดูใบไม้ผลินาทีเดียวมีค่าเป็พันตำลึงทอง [1]!”
“ไปได้แล้ว” ชย่าลิ่วอีพูด
ชุยตงตงหมุนตัวอย่างคล่องแคล่ว เธอหันหน้าไปทางประตูแล้วก้าวออกไป “เออจริงสิ เสี่ยวเหอโดนนายยกให้คนอื่นไปแล้ว คนที่เหลือก็ไม่มีใครถูกใจนาย ฉันแนะนำให้นายนอนโซฟาคนเดียวนะ คืนนี้คงได้แต่ช่วยตัวเองเท่านั้นแหละ!”
ชย่าลิ่วอีเขวี้ยงก้นบุหรี่ใส่หลังของเธอ แต่เธอปิดประตูทันพอดี ก้นบุหรี่เลยโดนประตูแทน
ลูกพี่ใหญ่ชย่าผู้มีพลังสังหารล้นเหลือกำลังยุ่งหัวหมุนกับงานต่างๆ ใน่ปลายปีจนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาตั้งใจว่าวันนี้จะพักผ่อนด้วยการไปเล่นสนุกเกอร์ กินข้าว และดูหนังกับเ้าเด็กซื่อบื้อ—— เขาต้องยอมรับว่าเวลาส่วนใหญ่ที่อยู่กับเด็กคนนี้ เขาจะรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข—— แต่ใครจะไปรู้ว่าใน่เย็นจะมีเื่วุ่นวายเกิดขึ้นจนทำให้อารมณ์ดีๆ ที่มีมาทั้งวันหายไปจนหมด!
เขาตบโต๊ะอย่างแรงแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิด ชย่าลิ่วอีอารมณ์เสียอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันไปมองมือซ้ายที่าเ็และมีเืไหลซึมออกมา
“บ้าเอ๊ย!” เขาสบถใส่ผ้าพันแผลที่ถูกพันไว้เป็อย่างดี
ไอ้สารเลวเหออาซาน! ฉันจะตายอยู่แล้วยังจะมาสร้างปัญหาให้ฉันอีก! ทำไมไม่ก้มหัวคารวะแล้วเป็น้องชายที่ดีของฉันไปซะ! กล้าดียังไงถึงคิดจะเป็อาซ้อใหญ่! มันคิดว่าตัวเองคู่ควรกับฉันอย่างนั้นหรือ?!
ชย่าลิ่วอีเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ และเมื่อคิดถึงเหอชูซานที่ตอนนี้คงจะกำลังพลิกแพลงอยู่บนเตียงกับเสี่ยวเหอเป็ครั้งแรก เขาก็ยิ่งโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ— เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าปี ทว่ากลับต้องมารับหน้าที่สั่งสอนหมาน้อยตัวใหญ่ตัวนี้ด้วยความยากลำบาก เพียงแค่้าให้ความรู้เื่เพศศึกษาที่ถูกต้องกับมัน เขาถึงขั้นต้องบังคับมันให้ขึ้นเตียง!
ความยากลำบากและความขมขื่นใน่เวลานั้น มันเ็ปเกินกว่าจะหวนนึกถึง!
เขาเตะโต๊ะทำงานอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด! ชย่าลิ่วอีใช้มือข้างที่าเ็ยกขึ้นกุมหน้าผากแล้วนั่งเหม่ออยู่นาน ก่อนจะเอื้อมมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกระเป๋าเงินหนังสีดำเก่าๆ ออกมา
เขาดึงรูปถ่ายคู่ของเขากับเสี่ยวหม่านออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็ยกกระเป๋าเงินขึ้นสูง แล้วมองผ่านแผ่นพลาสติกเปื้อนฝุ่นไปยังรูปเดี่ยวที่อยู่ข้างใน
เงาด้านข้างของชายคนนั้นในควันบางเบาแสนเยือกเย็นยังคงฝังลึกและทำให้ใจของเขาเ็ปอยู่เสมอ ชายคนนั้นฝังอยู่ในทุกความฝันที่ทำให้สะดุ้งเขาตื่นขึ้นมาในคืนอันหนาวเหน็บ เขาไม่รู้ว่าจะลืมได้อย่างไร และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นใหม่อย่างไร เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปล่อยมันไปและไม่คิดถึงมันอีก
แต่เ้าเด็กเหลือขอผู้บ้าบิ่นคนนี้กลับบังคับให้เขาต้องเผชิญหน้ากับมัน
มือขวาที่ไม่สามารถรับน้ำหนักได้มากเริ่มปวดเล็กน้อยหลังจากยกขึ้นไม่นาน เขาถอนหายใจเบาๆ หลับตาลง แล้วปล่อยมือ กระเป๋าเงินที่เปิดอยู่จึงร่วงลงมากระแทกใบหน้าของเขา
……
ลูกพี่ใหญ่ชย่าผู้ถูกความรักเล่นงานพลิกตัวไปมาบนโซฟาตัวใหญ่ เขาสูบบุหรี่ทั้งคืน เมื่อรุ่งเช้ามาถึง เสื้อเชิ้ตของเขาก็เต็มไปด้วยรอยไหม้จากบุหรี่
เขาลงไปชั้นล่างเพื่ออาบน้ำ จากนั้นก็ให้พนักงานออกไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เขาเปลี่ยน เขาพยายามรวบรวมกำลังใจ ทำท่าทางสดใสและทรงพลังแล้วเดินเข้าไปในห้องของเสี่ยวเหอเพื่อตรวจดู
เสี่ยวเหอแต่งตัวเรียบร้อย เธอนั่งจัดเรียงแผ่นเสียงเงียบๆ อยู่ข้างเตียง ดูเหมือนว่าเธอจะตื่นได้สักพักแล้ว
“เขาอยู่ไหน?” ชย่าลิ่วอีมองไปรอบๆ แล้วขมวดคิ้วถาม
“ไปแล้วค่ะ เขาบอกว่าต้องรีบกลับบ้านไปเขียนวิทยานิพนธ์” เสี่ยวเหอพูด
ชย่าลิ่วอีร้อง “หึ” ออกมาด้วยความไม่พอใจ “เมื่อคืนเขาเป็ยังไงบ้าง?”
เสี่ยวเหอพูด “เขาก็ชอบฟังเพลงของออเดรย์ เฮปเบิร์นเหมือนกันค่ะ”
สีหน้าของชย่าลิ่วอีแข็งค้าง “ฉันไม่ได้ให้เธอไปนอนกับเขาหรอกหรือ?”
เสี่ยวเหอส่ายหัว “เขาฟังเพลงหนึ่งชั่วโมงแล้วก็หลับไปค่ะ”
สีหน้าของชย่าลิ่วอีเปลี่ยนจากแข็งทื่อเป็เ็า เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแ่เบาว่า “เขารู้แล้วหรือ?” – เกี่ยวกับเื่ของเขากับเสี่ยวเหอ
เสี่ยวเหอรีบส่ายหัว “ไม่ค่ะ! ฉันไม่ได้บอกใครเลย! เป็เขา เอ่อ เขา เขาพูดว่า…”
“เขาพูดว่าอะไร?!”
“เขาบอกว่าการมีอะไรกันก่อนแต่งงานเป็สิ่งที่ไม่ถูกต้อง…”
“ให้ตายเถอะ!” ชย่าลิ่วอีคำรามออกมาจนเกือบทำเสียงหลุด “จะแสร้งทำตัวเป็ชายผู้บริสุทธิ์ไปทำไม! เธอไม่ได้บังคับเขาหรือไง?!”
เสี่ยวเหอรู้สึกน้อยใจมาก “เขาตัวสูง แถมยังมีแรงเยอะกว่า ฉันสู้เขาไม่ได้เลย ฉันถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะมองฉัน แถมยังพูดอีกว่า ‘ความรักควรเริ่มต้นจากการออกเดต’...”
—— ให้ตายเถอะ!
‘ปัง!’ กำปั้นที่ยังคงพันด้วยผ้าพันแผลของชย่าลิ่วอีทุบลงบนผนัง! และผนังที่น่าสงสารนั่นก็ร่วงหล่นลงมาเป็ผงทันที!
แผลนั้นเจ็บแปลบขึ้นมา แต่เขาก็กัดฟันอดทนไว้!
เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่กำลังโมโห เสี่ยวเหอจึงรีบปลอบเสียงอ่อน “เขาบอกว่าเขามีความรู้สึกดีๆ กับฉัน อยากชวนฉันไปเดินเล่นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้”
“…”
รู้สึกดีบ้าบออะไร! เดินเล่นบ้าบออะไร!! ออกเดตบ้าบออะไร!!!—— ลูกพี่ใหญ่ชย่าคำรามในใจอย่างไม่อาจระบายออกมาได้—— เหออาซาน ไอ้สารเลว! แกล้งทำเข้าไป! นักแสดงระดับออสการ์ชัดๆ !
“ยังไงก็ช่าง ฉันไม่สนว่าเธอจะทำยังไง! แต่เธอต้องมัดใจเขาไว้ให้ได้! ถ้าเขาอยากมีความรัก เธอก็ไปมีความรักกับเขา! ถ้าเขาอยากไปเดินเล่น เธอก็ไปเดินเล่นกับเขา! ฉันจะรอดูว่าเขาจะทำอะไรบ้าง!” ชย่าลิ่วอีพูดด้วยความโกรธ
เสี่ยวเหอพยักหน้าอย่างว่าง่ายและเชื่อฟัง “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
ลูกพี่ใหญ่ชย่าผู้มีสีหน้าดำคล้ำเดินออกไปแล้ว! เสี่ยวเหอลูบหูอย่างใจเย็น เธอนั่งลงข้างเตียงเงียบๆ และก้มหน้าลงจัดเรียงแผ่นเสียงต่อ
หญิงสาวผู้มีนิสัยสุขุมและปากหนักคนนี้ไม่ได้โกหกชย่าลิ่วอี สิ่งเหล่านี้เป็คำพูดของเหอชูซาน เพียงแต่เธอไม่ได้ถ่ายทอดคำพูดอื่นๆ ของเขา
คุณคือหูชิงเหอใช่ไหม? ผมเหอชูซาน เพื่อนสมัยประถมของคุณ คุณยังจำผมได้ไหมครับ? พวกเราเคยอยู่ที่เมืองกำแพงเจียวหลงด้วยกัน แต่ตอนอยู่ชั้นป.5 คุณลาออกจากโรงเรียน คุณยังจำอาเหว่ยที่อยู่ห้องข้างๆ ได้ไหมครับ? ตอนนี้เขาทำงานร้านอาหารเดียวกันกับผม เขาพูดถึงคุณบ่อยๆ...
เชิงอรรถ
[1] “คืนฤดูใบไม้ผลินาทีเดียวมีค่าเป็พันตำลึงทอง” เป็สำนวนจีนโบราณที่สื่อถึงความงดงามและมีค่าของ่เวลาในฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ซึ่งมักจะใช้ในเชิงหยอกล้อหรือเป็คำพูดติดตลกเกี่ยวกับการใช้เวลาใน่เวลากลางคืนให้คุ้มค่า