ไป๋หยุนเฟยพลันเงยหน้าขึ้น สีหน้าอำมหิตที่ยากจะได้เห็นฉายชัดบนใบหน้า มันเขม้นมองชายหนุ่มชุดดำด้วยแววตาเ็า
“ไสหัวไป!”
ความเดือดดาลอย่างกะทันหันของไป๋หยุนเฟยสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้คนรอบด้านไปชั่วขณะ โดยเฉพาะหลิวเมิ่งและเสี่ยวหนิงที่ไม่เคยเห็นท่าทีของไป๋หยุนเฟยเช่นนี้มาก่อน ทั้งคู่จึงได้แต่มองดูด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
แต่สำหรับชายหนุ่มชุดดำ หลังจากมองดูไป๋หยุนเฟยอย่างตื่นตะลึงไปชั่วขณะ ก็ชี้ปลายจมูกตนเองด้วยสีหน้าเหลือเชื่อพร้อมกับเอ่ยปากถาม “เ้าเรียกข้าไสหัวไป?”
ไป๋หยุนเฟยเหลือบตามองหลิวเมิ่งด้วยใบหน้าบึ้งตึงก่อนจะเขม้นมองชายหนุ่มพร้อมกล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “ข้าไม่สนใจว่าเ้ามาจากไหน แต่ยามนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นอย่าได้แส่หาเื่!”
ชายหนุ่มชุดดำเบิกตากว้างจ้องมองไป๋หยุนเฟยอยู่ชั่วขณะ แต่จู่ๆความเดือดดาลสุดขีดของมันราวกับแปรเปลี่ยนเป็ความขบขันจนต้องหัวร่อออกมา มันชี้นิ้วยังไป๋หยุนเฟยพลางกล่าวว่า “ฮ่า ฮ่า! ไม่เลว ไม่เลว! ไม่คิดว่าเ้าจะกล้ากล่าวเช่นนี้กับท่านปู่ของเ้า! เ้า้าเล่นบทวีรบุรุษต่อหน้าหญิงงามกระมัง? เฮอะ! อย่าได้ไม่รู้จักประมาณตนเกินไปนัก!”
ขณะกล่าววาจา จู่ๆมันก็ยื่นมือคว้าคอเสื้อไป๋หยุนเฟยโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า! คนผู้นี้นับว่าไม่รู้จักกฎเกณฑ์และมารยาทแม้แต่น้อย เพียงพูดจาขัดแย้งกันไม่กี่คำก็ลงมือจู่โจมใส่ทันที
เห็นคู่ต่อสู้จู่โจมอย่างปลอดโปร่งแต่กลับเปี่ยมด้วยพลัง แก้วตาไป๋หยุนเฟยก็หดแคบลง มันรีบพลิกกายชกหมัดขวาออกปะทะกับฝ่ามือของฝ่ายตรงข้ามอย่างฉับพลัน เสียงแ่ทุ้มดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มชุดดำล่าถอยออกไปสองก้าว แต่ม้านั่งที่ไป๋หยุนเฟยนั่งอยู่ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดราวกับถูกบิดด้วยแรงมหาศาล
“โอ? ผู้ฝึกปรือิญญา!” หลังจากยั้งร่างลงได้ ชายหนุ่มชุดดำก็อุทานด้วยสีหน้าตื่นตะลึง มันถึงกับใช้สายตา‘ตื่นเต้นยินดี’มองดูไป๋หยุนเฟย
“ฮ่า ฮ่า! ผู้ใดจะคาดคิดว่าเ้าจะเป็ผู้ฝึกปรือิญญา?! ประเสริฐ ประเสริฐมาก ท่านปู่ของเ้าคนนี้ชอบเหยียบย่ำคู่ต่อสู้ที่เข้มแข็งเป็ที่สุด!” กล่าวจบมันก็รุกจู่โจมใส่ไป๋หยุนเฟยอีกครั้งด้วยสีหน้าเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น
“น่าขัน!” ไป๋หยุนเฟยประหลาดใจยิ่งที่เห็นอีกฝ่ายพุ่งเข้าหาอีกครั้ง ดวงตามันทอประกายดุร้าย ชั่วพริบตาไป๋หยุนเฟยยืนขึ้นและสืบเท้าออกหมัดชกใส่ใบหน้าศัตรู แววตาของอีกฝ่ายทอแววประหลาดใจก่อนจะเร่งความเร็วทะยานร่างมาถึงด้านซ้ายของไป๋หยุนเฟยราวกับแมวป่า มันกางมือเป็กรงเล็บตะกุยเข้าใส่ลำคอไป๋หยุนเฟยอย่างอำมหิต
เล็บมือชายหนุ่มชุดดำยาวกว่าคนทั่วไปมากนักมิหนำซ้ำยังเปล่งประกายเย็นเยียบ กรงเล็บนี้ตะกุยใส่เส้นเืใหญ่ที่คอไป๋หยุนเฟยแต่ก็กระทบถูกเพียงเงาร่างลวงตา ไป๋หยุนเฟยพุ่งถอยครึ่งก้าวจากนั้นชกหมัดใส่ไหล่ขวาของคู่ต่อสู้อย่างถนัดถนี่
แม้ไม่ได้ใช้ออกด้วยวิชาระลอกคลื่น แต่พลังของหมัดนี้ยังคงหนักหน่วงพอจะส่งชายหนุ่มชุดดำล่าถอยออกไปไม่หยุด กระทั่งกระแทกชนใส่โต๊ะด้านหลังจึงยั้งกายลงได้ ขณะบีบนวดหัวไหล่มันก็มองดูไป๋หยุนเฟยด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
“วีรชนิญญาระดับกลาง?!”
หลังแลกเปลี่ยนกระบวนท่าหยั่งเชิง ทั้งสองก็ทราบฝีมือของอีกฝ่าย ชายหนุ่มทั้งสองล้วนบรรลุด่านวีรชนิญญาระดับกลาง
ผู้คนรอบ้าชั้นสองต่างหลบหนีไปั้แ่ที่ทั้งสองเริ่มประมือกัน ยามนี้หลงเหลือเพียงคนทั้งสี่ที่ยังรั้งอยู่ หลิวเมิ่งและเสี่ยวหนิงทั้งสองล่าถอยไปอยู่ด้านข้างมองดูชายหนุ่มชุดดำตรงหน้าด้วยสีหน้าสับสน
“ฮี่ ฮี่ ไม่เลว ไม่เลว ผู้ใดจะคาดคิดว่าข้าจะมองผิด? ไม่นึกเลยว่าเ้าจะเป็ผู้ฝึกปรือิญญาที่มีพลังทัดเทียมกับข้า” ชายหนุ่มชุดดำกวัดแกว่งแขนขวาด้วยท่าทีโอหังดังเดิม ยามมองดูหลิวเมิ่งที่ด้านหลังไป๋หยุนเฟย ดวงตามันกลอกกลิ้งพลางกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “แม่นาง เ้ารอดูข้าขยี้มันเป็เศษเนื้อ แล้วค่อยติดตามข้าไป!”
กล่าวจบคำก็หันไปเขม้นมองไป๋หยุนเฟยอีกครั้ง หลังจากล่าถอยออกไปหลายก้าวก็กล่าวว่า “เฮอะ เ้าเด็กน้อย อย่าคิดว่ามีพลังทัดเทียมกันแล้วจะรับมือข้าได้ ขอบอกให้เ้ารู้ว่าข้าร้ายกาจกว่าเ้ามากนัก มากจนเ้าไม่อาจคาดฝันถึงได้ ข้าจะให้เ้าได้ลิ้มรสสิ่งที่ผู้ฝึกปรือิญญาจากสำนักต่ำต้อยอย่างเ้าไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต...”
ชายหนุ่มชุดดำยกมือซ้ายขึ้นสะบัดไปด้านหน้า เงาร่างสีเทาขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุเบื้องหน้ามันโดยไม่มีวี่แววล่วงหน้า
ไป๋หยุนเฟยลอบประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายล่าถอยไป แต่พริบตาได้เห็นตัวตนของเงาสีเทาตรงหน้าใบหน้ามันต้องแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง ดวงตาไป๋หยุนเฟยเบิกกว้างพร้อมกับใบหน้าเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึง
สุนัขป่าสีเทาขนาดมหึมาจู่ๆก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าชายหนุ่มชุดดำ!!
สุนัขป่าตัวนี้ขนาดเท่าวัว ขาทั้งสี่ข้างเปี่ยมด้วยกล้ามเนื้อที่ทรงพลัง ขนสีเทาหยาบหนาราวเข็มปักปกคลุมไปทั้งร่างมิหนำซ้ำยังสะท้อนแสงแวววับ ตัวมันโก่งขึ้นเล็กน้อย เขี้ยวงอกโผล่ออกมาจากปากที่น้ำลายหยาดหยดออกมาอย่างเชื่องช้า ดวงตามันแดงก่ำแต่ดูราวกับไร้ิญญา
รังสีอำมหิตพุ่งกระทบใบหน้าไป๋หยุนเฟย ส่งผลให้ชายหนุ่มต้องล่าถอยโดยไม่รู้สึกตัวด้วยความแตกตื่น ดวงตาก็ปรากฏความตื่นตระหนกอย่างชัดเจน นี่เป็ครั้งแรกที่ไป๋หยุนเฟยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้เช่นนี้
……
บนถนนกว้างใหญ่ที่ห่างจากภัตตาคารแห่งนี้ไปหลายลี้ บุรุษสวมผ้าคลุมสีเงินไว้ผมยาวกำลังเดินครุ่นคิดอย่างเชื่องช้า คนผู้นี้จะเป็ใครหากไม่ใช่หงยิน
และเช่นเคย บนไหล่หงยินมีมุสิกสีขาวตัวเล็กที่นอนหมอบสงบนิ่งราวหลับใหลอยู่ แต่จู่ๆหมวดที่ยาวเหยียดของมันก็สั่นกระตุกแล้วมุสิกขาวก็พลันลืมตาขึ้น มิคาดว่าดวงตาของมุสิกตัวเล็กนี้จะฉายแววประหลาดใจสุดขีดเช่นเดียวกับมนุษย์ จากนั้นมุสิกสีขาวจึงเหยียดกายส่งเสียงร้องขึ้นสองครา
เมื่อััได้ถึงท่าทีอันผิดปกติของมุสิกบนไหล่ หงยินก็พลันหยุดเท้าเอียงคอมองอย่างงุนงงก่อนจะเอ่ยปากถามเสียงค่อย “มีอะไรหรือเสี่ยวถัง?”
เสี่ยวถังยืดร่างขึ้นยืนดั่งมนุษย์ ดูราวกับกำลังจับััอย่างละเอียด ครู่ต่อมาจึงใช้กรงเล็บทั้งคู่ชี้ไปด้านซ้ายมือของหงยินพร้อมกับส่งเสียงร้องสองครา
หงยินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันไปยังทิศทางนั้น จากนั้นหลับตาจับััอยู่หลายอึดใจ จู่ๆหงยินก็ลืมตาขึ้นส่งประกายแวววับ “กลิ่นอายอสูริญญา! มิหนำซ้ำ ความรู้สึกเช่นนี้...”
ไม่ทันกล่าวจบคำ มันก็ขมวดคิ้วแแ่ยิ่งขึ้น หลังจากใคร่ครวญชั่วครู่จึงหันกายเดินเข้าตรอกไป ชั่วขณะที่เดินผ่านหัวมุมภายในตรอกหงยินก็พลันสาบสูญไป
เหล่าผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาบนท้องถนนตามปกติ กลับไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่ามีคนผู้หนึ่งเพิ่งหายสาบสูญไปในอากาศธาตุ...
……
ภายในภัตตาคาร เมื่อได้เห็นท่าทีตื่นตะลึงบนใบหน้าไป๋หยุนเฟย ชายหนุ่มชุดดำก็ะเิเสียงหัวร่ออย่างลำพองพร้อมกับกล่าวด้วยความโอหัง “เป็ไร? แตกตื่นแล้วหรือไม่? เ้าคงไม่เคยพบพานเื่เช่นนี้กระมัง? หวาดหลัวแล้วหรือไม่? เฮอะ พวกเราสามารถเก็บอสูริญญาไว้ในแหวนช่องมิติได้ เศษสวะจากสำนักต่ำต้อยอย่างเ้ามีหรือจะเข้าใจเคล็ดวิชาเร้นลับของสำนักเ้าอสูรข้าได้?! สุนัขป่าอัสนีบาต จัดการมันให้แก่ข้า!”
ด้วยคำสั่งของผู้เป็นาย สุนัขป่าสีเทาตัวใหญ่จึงกระโจนอย่างฉับพลันใส่ใบหน้าไป๋หยุนเฟยในชั่วพริบตาพร้อมกับปากที่อ้ากว้าง ไป๋หยุนเฟยถึงกับได้กลิ่นเหม็นสาบโชยมาจากปากที่ใหญ่โตเท่าชามอ่างของมันได้
ไป๋หยุนเฟยแตกตื่นอย่างใหญ่หลวง นี่ต่างจากฝูงสุนัขป่าที่มันเคยต่อสู้เมื่อครั้งเดินทางข้ามูเา สุนัขป่าธรรมดาในป่าพวกนั้นเมื่อเทียบกับสุนัขป่าตัวนี้ถึงกับกลายเป็ลูกแมวไป ที่สำคัญความเร็วของมันยังเหนือกว่าที่ไป๋หยุนเฟยจินตนาการไว้มากนัก ชั่วขณะที่เห็นมันขยับเคลื่อนไหวตัวของมันก็มาอยู่ที่ตรงหน้าไป๋หยุนเฟยในบัดดล!
ไป๋หยุนเฟยรีบเคลื่อนเท้าไถลร่างไปด้านซ้ายโดยสัญชาตญาณ แต่กรงเล็บที่แหลมคมราวใบมีดของสุนัขป่าอัสนีบาตมาถึงข้างหูแล้ว ไป๋หยุนเฟยรีบสลับเท้าอย่างต่อเนื่องเคลื่อนกายออกไปสองเชียะในพริบตาค่อยหลบเลี่ยงท่าจู่โจมนี้พ้น
กระนั้น ยามที่ร่างใหญ่โตของสุนัขป่าอัสนีบาตเฉียดผ่านกายมันไป จู่ๆสีหน้าไป๋หยุนเฟยต้องแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง!
นั่นเพราะที่อยู่ด้านหลังมันคือหลิวเมิ่ง!
ด้วยความแตกตื่น ไป๋หยุนเฟยจึงหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ แต่ตัวมันกลับลืมเลือนเื่สำคัญที่สุดนี้ไป!
พริบตาเดียว หัวใจไป๋หยุนเฟยก็แทบจะหยุดเต้น มันพลิกกายอย่างหักโหมจึงมองเห็นสุนัขป่าอัสนีบาตกระโจนเข้าใส่หญิงสาวทั้งสองคน!
ที่จริง ระยะห่างจากไป๋หยุนเฟยถึงหญิงสาวทั้งสองนับว่าห่างไกล เพียงพอให้มันและชายหนุ่มชุดดำต่อสู้กันได้อย่างเต็มที่ แต่กระนั้นผู้ใดจะคาดคิดว่าชายหนุ่มชุดดำจะพลันปลดปล่อยอสูริญญาออกมาจู่โจมใส่?
แต่สำหรับสุนัขป่าอัสนีบาตแล้ว ระยะทางเพียงเท่านี้นับว่าไร้ความหมาย!
ไป๋หยุนเฟยหมายจะร้องเตือนแต่ก็ไม่ทันท่วงที ดวงตามันเปลี่ยนเป็แดงฉานขณะที่เร่งเร้าพลังิญญาทั้งมวลสู่สองขา จากนั้นทุ่มเทพลังควบคุมกระดูกกล้ามเนื้อและจุดชีพจรบนข้าทั้งสองข้างเร่งความเร็วพุ่งเข้าหาหลิวเมิ่งสุดกำลัง!
แต่นั่นยังไม่เพียงพอ! ด้วยตำแหน่งที่มันอยู่ย่อมไม่อาจพุ่งไปหาหลิวเมิ่งได้ก่อนสุนัขป่าอัสนีบาตอย่างแน่นอน!
ทั้งหมดนี้บรรยายอย่างยืดยาวแต่กลับเกิดขึ้นในพริบตา ยามที่ไป๋หยุนเฟยเพิ่งขยับเคลื่อนไหวก็เห็นหลิวเมิ่งขยับร่างฉุดดึงเสี่ยวหนิงที่อยู่ข้างกายหลบเลี่ยงกรงเล็บที่จู่โจมใส่ได้อย่างฉิวเฉียด
แก้วตาไป๋หยุนเฟยหดวูบ มันรีบทะยานร่างไปข้างกายหลิวเมิ่งและผลักนางออกไปสองก้าวก่อนจะยกหมัดขวาขึ้นชกใส่ข้างลำตัวสุนัขป่าอัสนีบาตที่เพิ่งหยั่งเท้าลงพื้นอย่างดุดัน!
โครม! เสียงกึกก้องดังขึ้น พร้อมกับสุนัขป่าอัสนีบาตที่ถูกชกกระเด็นข้ามโต๊ะออกไปหลายวา กรงเล็บของมันจิกแน่นใส่เนื้อไม้สร้างรอยเล็บเป็แนวยาวบนพื้น สุดท้ายจึงยั้งร่างลงได้ก่อนจะกระโจนเข้ามาอีกครั้งโดยไม่รีรอ!
ดวงตาไป๋หยุนเฟยทอแววอำมหิต แทนที่จะหลบเลี่ยงมันกลับขยับร่างพุ่งกายเข้าปะทะ! เห็นสุนัขป่าอัสนีบาตตวัดกรงเล็บใส่ ไป๋หยุนเฟยจึงฟุบร่างหลบเลี่ยง ชั่วขณะที่หัวของสุนัขป่าเฉียดผ่านไป ร่างที่ฟุบลงของไป๋หยุนเฟยกลับชะงักค้างแล้วขยับร่างเหยียดกายขึ้นยืนอีกครั้ง พร้อมกับเส้นเืดำบนแขนขวาเบ่งพองขึ้นก่อนจะชกใส่ลำตัวสุนัขป่าอัสนีบาตอย่างหักโหม!
พลังหมัดเก้าทบ!
เสียงหนักทึบดังแว่วมาอีกครั้ง แต่ฟังดูคล้ายมีเสียงราวฉีกแพรผสานมาแ่เบา พร้อมกันนั้นร่างใหญ่โตของสุนัขป่าอัสนีบาตก็ถูกชกลอยละลิ่วเป็วงโค้งออกไปหาชายหนุ่มในชุดดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าไป๋หยุนเฟย!
เดิมทีชายหนุ่มในชุดดำมองดูการต่อสู้ระหว่างไป๋หยุนเฟยกับสุนัขป่าอัสนีบาตด้วยความสนใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อครู่มันเห็นอสูริญญาของตนถูกคู่ต่อสู้ชกกระเด็น จิตใจมันก็สะท้านหวั่นไหวรีบหลบเลี่ยงไปด้านข้าง
สุนัขป่าอัสนีบาตพลิกตัวกลางอากาศลงสู่พื้นอย่างมั่นคงอีกครั้ง แม้จะถูกพลังหมัดเก้าทบอย่างถนัดถนี่แต่ดูจากภายนอกกลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย อาจบางทีมันยังไม่รู้สึกถึงอาการาเ็ภายในก็เป็ได้ หลังจากส่งเสียงคำรามสุนัขป่าสีเทาก็พุ่งเข้าจู่โจมใส่ไป๋หยุนเฟยอีกครั้ง
ไป๋หยุนเฟยแสดงสีหน้าเคร่งเครียด มันยื่นมือขวาออกก็ปรากฏทวนสีแดงฉานอยู่ในมือเตรียมจะพุ่งทะยานเข้าปะทะกับศัตรูอีกครั้ง
แต่กระนั้นขณะสืบเท้าไปได้ครึ่งก้าวก็ต้องชะงักกลางคันเนื่องเพราะมีบุรุษผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นที่กึ่งกลางระหว่างมันกับสุนัขป่าอัสนีบาต
ไร้วี่แววล่วงหน้า ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ทราบว่าบุรุษผู้นี้ปรากฏกายขึ้นได้อย่างไร ราวกับที่แห่งนี้จู่ๆก็มีคนอีกผู้หนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
จะเป็ผู้ใดหากไม่ใช่หงยิน!
