ตอนที่ 1 ตื่นขึ้นในนรกที่หนาวเหน็บ
“ความตาย... ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอกนะ แต่มันน่ารำคาญตรงที่มันทำให้คุณไม่มีโอกาสได้เอาคืนคนที่ทำร้ายคุณต่างหาก”
เสียงลมฤดูหนาวหวีดหวิวลอดผ่านรอยแตกของผนังดินผุพัง ความเย็นะเืนั้นมิได้เพียงััผิวกาย แต่กลับบาดลึกเข้าไปถึงกระดูกดำ หลินชิงเหอลืมตาตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกปวดร้าวราวกับศีรษะกำลังจะะเิ กลิ่นอับชื้นของราและกลิ่นดินโชยเตะจมูก ผสมปนเปไปกับกลิ่นอายของความขัดสนที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
ร่างนี้หนักอึ้ง... ราวกับถูกกดทับด้วยขุนเขา
ที่นี่ที่ไหน?
ภาพความทรงจำสุดท้ายฉายชัด เธอยืนอยู่ท่ามกลางแสงสปอตไลท์บนเวที ในฐานะ นักบริหารจัดการเกษตรดีเด่นระดับเอเชีย เสียงปรบมือเกรียวกราวแว่วหวานหู แต่เพียงชั่วพริบตา... เสียงเบรกที่ดังสนั่นของรถบรรทุกแก๊สก็กระชากทุกอย่างพังทลาย
ตูม!
เปลวเพลิงโชติ่กลืนกินห้องจัดเลี้ยง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมแทนเสียงปรบมือ ท่ามกลางควันดำทะมึน ทุกอย่างดับวูบลงพร้อมกับลมหายใจสุดท้าย
ทว่าความตายกลับไม่ใช่จุดจบ...
ข้อมูลความทรงจำสายหนึ่งไหลบ่าเข้ามาในสมองราวกับน้ำป่า หลินชิงเหอต้องกัดฟันแน่นด้วยความเ็ป เื่ราวของเ้าของร่างเดิมปรากฏขึ้น... หลินชิงเหอ คือชื่อของเธอ เป็สะใภ้รองของตระกูลโจว เธอคือสตรีผู้ซื่อสัตย์จนกลายเป็โง่เขลา ความกตัญญูจนถูกเหยียบย่ำ และเธออดทนทำงานหนักจนตัวตาย!
"วิ้งงงงง ! ! ! ! ! !
"ท่านแม่... ท่านแม่ขอรับ"
เสียงเล็กแหลมสั่นเครือดังขึ้นข้างหู พร้อมััจากมือน้อยๆ ที่เย็นเฉียบไม่ต่างจากก้อนน้ำแข็งบนใบหน้าของเธอ
หลินชิงเหอฝืนลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมอง ภาพเบื้องหน้าคือเด็กชายตัวน้อยในชุดผ้าป่านเนื้อหยาบที่มีรอยปะชุนจนแทบมองไม่เห็นเนื้อผ้าเดิม ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นซูบตอบจนเห็นโหนกแก้ม ดวงตากลมโตที่ควรจะสดใสกลับหม่นหมองและเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
"อาเป่า..." ชื่อนี้หลุดออกจากปากของเธอ ราวกับเป็สัญชาตญาณ
"ท่านแม่! ท่านแม่ฟื้นแล้ว!" เด็กน้อยโผเข้ากอด ร่ำไห้จนตัวโยนซบลงกับอกของเธอ "อาเป่ากลัว... กลัวว่าท่านแม่จะหลับไปแล้วไม่ตื่น เหมือนท่านปู่ อาเป่าเรียกเท่าไหร่ท่านแม่ก็ไม่ตื่น"
เธอยกมือที่สั่นเทาขึ้นลูบศีรษะที่มีเส้นผมหยาบกระด้าง หัวใจของหลินชิงเหอกระตุกวูบ ความรู้สึกเ็ปและสงสารสายหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วอก นี่คือสัญชาตญาณของความเป็แม่ที่หลงเหลืออยู่ในร่างนี้
“แม่... แม่ยังไม่ตายหรอก” เธอพูดเสียงแหบพร่า “อย่าร้องไห้เลยนะอาเป่า”
“ท่านแม่หิวไหมขอรับ?” เด็กน้อยถามพลางเช็ดน้ำตาด้วยหลังมือที่สากและแตกเพราะความหนาว เขาล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อของตัวเองอย่างระมัดระวัง แล้วค่อยๆหยิบ ของล้ำค่าออกมา
มันคือเศษหมั่นโถวสีน้ำตาลคล้ำที่แข็งจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็ก้อนหิน ผิวของมันแห้งกรังและมีเศษรำข้าวปนอยู่จนหยาบกระด้าง เด็กน้อยประคองมันไว้ในมือน้อยๆ ราวกับมันคือขุมทรัพย์ที่ล้ำค่าที่สุดในโลก
“อาเป่าแอบเก็บไว้ให้ท่านแม่ขอรับ ตอนที่ท่านย่าเผลอ อาเป่ารีบยัดใส่แขนเสื้อไว้แล้วอาเป่าก็แกล้งทำเป็นิ่งๆ ท่านย่าก็เลยไม่รู้ว่าอาเป่าแอบเอามาไว้ให้ท่านแม่ แต่มัน... มันอาจจะเย็นไปหน่อย ท่านแม่ลองกินดูนะขอรับ”
หลินชิงเหอมองเศษแป้งนิ่งงัน ความทรงจำในหัวบอกเธอว่านี่คือ อาหารที่ดีที่สุดที่สะใภ้รองและลูกชายได้รับในแต่ละวัน ในขณะที่บ้านใหญ่และบ้านสามได้กินข้าวขาวอุ่นๆ กับไข่ต้ม แต่เธอกับลูกกลับได้รับเพียงหมั่นโถวธัญพืชหยาบๆ ที่แม้แต่สุนัขในเมืองยังเมินหน้าหนี
เธอมองมือน้อยๆ ที่สั่นเทาเพราะความหนาวสลับกับใบหน้าที่พยายามฝืนยิ้มของลูกชาย หัวใจของนักวิชาการเกษตร และนักธุรกิจสาวผู้แข็งแกร่งในร่างเดิมพลันร้าวรานจนแทบแตกสลาย
ไอ้พวกตระกูลโจว พวกแกรังแกผู้หญิงกับเด็กสามขวบที่น่าสงสารคนนี้ได้ลงคอเชียวหรือ?
“อาเป่าหิวมั้ยลูก อาเป่ากินเถอะ แม่ไม่หิว” เธอเห็นอาเป่าแอบกลืนน้ำลายเวลามองเศษขนมปังสีน้ำตาลคล้ำที่แข็งจนแทบจะเป็ก้อนหินนั้น มันทำให้หัวใจของเธอเ็ปจริงๆ เธอพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“ไม่ขอรับ! ท่านแม่ป่วย ต้องกินเยอะๆ จะได้มีแรงมาเล่นกับอาเป่า” เด็กน้อยส่ายหน้าจนเส้นผมกระจาย เขาพยายามที่จะป้อนก้อนแป้งแข็งๆ นั้นเข้าปากแม่
ในวินาทีนั้น หลินชิงเหอกำลังจะน้ำตาซึม เสียงะโแผดจ้าที่แฝงไปด้วยความเกลียดชังก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกกระท่อมผุพัง
"นางสารเลวชิงเหอ! แกจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงเมื่อไหร่!"
เสียงนั้นกระตุ้นความทรงจำอันเลวร้ายให้ผุดขึ้นมา สาเหตุที่ร่างนี้ต้องนอนซม มิใช่เพราะป่วยไข้เพราะอากาศเปลี่ยน แต่เป็เพราะเมื่อวานแม่เฒ่าโจว แม่สามีผู้นี้เกิดอารมณ์เสียกระทันหัน เมื่อหันมาเห็นลูกสะใภ้ยืนเกะกะสายตา จึงระบายโทสะด้วยการคว้าถังน้ำที่ใช้ล้างจาน สาดใส่หัวเธอจนเปียกโชก มันทั้งเย็นเฉียบและเหม็นเน่า แล้วให้เธอไปยืนตัวสั่นงันงกตากลมหนาวอยู่ข้างนอกเรือน
"แค่โดนน้ำล้างจานราดหัวนิดเดียวทำเป็สำออย! ลุกขึ้นมาซักผ้าเดี๋ยวนี้! งานในครัวก็กองเท่าูเา แกอยากให้ข้าที่เป็แม่สามีต้องลงมือทำเองทุกอย่างเลยใช่ไหม!"
หลังสิ้นเสียงแผดด่า ประตูไม้ผุๆ ของกระท่อมก็ถูกเตะจนบานพับคร่ำคร่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดราวกับจะแตกเป็เสี่ยงๆ ฝุ่นดินร่วงกราวลงมาจากขื่อคา
แม่เฒ่าโจว ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น แสงแดดรำไรจากภายนอกส่องกระทบใบหน้าที่ชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ
ใบหน้ายาวเรียวและเสี้ยมแหลมจนดูคล้ายใบหน้าของสุนัขจิ้งจอกเฒ่า ผิวพรรณเหี่ยวย่นราวกับผลส้มที่ถูกลืมทิ้งไว้จนขาดน้ำมานานแรมปี รอยตีนกาที่หางตาและรอยย่นลึกที่หน้าผาก เป็ร่องรอยที่เกิดจากการขมวดคิ้วเพ่งโทษและจ้องจับผิดผู้อื่นมาตลอดชั่วชีวิต
จุดที่เด่นชัดที่สุดคือ โหนกแก้มที่สูงชัน และแหลมคมจนแทบจะทิ่มทะลุิับางๆ ออกมา ในตำราโหงวเฮ้งว่าไว้ว่าสตรีที่มีโหนกแก้มสูงและไร้เนื้อหนังเช่นนี้ มักเป็คนดื้อรั้น ใจแคบ และชอบบงการชีวิตผู้อื่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ริมฝีปากของนางบางเฉียบจนแทบเป็เส้นตรงและซีดจาง ที่พร้อมจะดีดคำด่าทอที่อาบไปด้วยยาพิษออกมาได้ทุกเมื่อ เป็ริมฝีปากที่ดูเหมือนจะลืมเลือนวิธีการ ยิ้มอย่างจริงใจ ไปนานแล้ว
นี่ไม่ใช่เพียงหน้าตาของคนแก่ที่ผ่านโลกมามาก แต่เป็หน้าตาของความเห็นแก่ตัวที่ฝังรากลึกลงไปในทุกอณูขุมขน เป็หน้าเนื้อใจเสือที่พร้อมจะฉีกกระชากแม้กระทั่งลูกหลานของตนเองเพื่อความสุขสบายส่วนตัว!
อาเป่าสะดุ้งสุดตัว เด็กน้อยรีบยืนขึ้นเอาตัวเข้าบังมารดาไว้ ร่างกายเล็กจ้อยที่สั่นเทาราวกับลูกนกตกน้ำ แต่ก็ยังพยายามกางแขนปกป้องหลินชิงเหออย่างสุดกำลัง มือน้อยๆ ยังคงกำเศษหมั่นโถวแห้งกรังไว้แน่น
"ท่านย่าขอรับ... ท่านแม่ของข้ายังไม่สบายอยู่เลย ท่านแม่เพิ่งฟื้น อย่าดุท่านแม่เลยนะขอรับ" เสียงของอาเป่าสั่นเครือจนน่าเวทนา
"เพิ่งฟื้นแล้วยังไง! พวกแกอยู่ที่นี่เปลืองข้าวเปลืองน้ำไปเท่าไหร่ แต่กลับจะมานอนอืดเป็ศพตายซากอยู่ได้" แม่เฒ่าโจวก้าวสามขุมเข้ามาในห้อง กลิ่นเหม็นอับของเสื้อผ้าเก่าๆ และกลิ่นปากที่บูดเบี้ยวของแกโชยนำมาก่อน "ไอ้เด็กเหลือขอ! เ้ายังกล้าที่จะเถียงข้าแล้วหรือ? หลีกไป! ข้าจะลากนังสะใภ้ี้เีสันหลังยาวนี่ออกไปรับลมหนาวให้มันหายบ้าเสียหน่อย!"
แม่เฒ่าโจวยื่นแขนที่เหี่ยวหย่นออกมา หมายจะกระชากตัวหลินชิงเหอลงจากที่นอน และก็จะตบสั่งสอนเ้าเด็กปากดีที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีกสักที
แต่ทว่า...
ในวินาทีที่ปลายนิ้วหยาบกร้านเกือบจะเอื้อมถึงตัวหลินชิงเหอ ดวงตาที่เคยอ่อนแอและว่างเปล่าของสะใภ้รองของตระกูลโจวพลันเปลี่ยนไป มันเย็นเยียบและคมปลาบราวกับใบมีดที่เพิ่งลับมาใหม่ หลินชิงเหอคว้าข้อมือของแม่เฒ่าโจวไว้ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เค้นมาจากก้นบึ้งของร่างกาย
"คุณจะทำอะไร?" น้ำเสียงของเธอราบเรียบ แต่กลับทรงพลังจนน่าขนลุก
แม่เฒ่าโจวชะงักงันไปชั่วครู่ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความใ "แก... แกเรียกข้าว่าอะไรนะ? แล้วนี่แกกล้าจับมือข้าหรือ! นังสะใภ้ชั้นต่ำ แกกล้าขัดขืนข้างั้นหรือ!"
"ฉันถามว่าคุณจะทำอะไรลูกชายของฉัน" หลินชิงเหอไม่ได้เรียก ท่านแม่ อย่างที่ร่างเดิมเคยเรียก แววตาของเธอไม่มีวี่แววของความเกรงกลัว "อาเป่าเป็หลานของคุณแท้ๆ แต่คุณกลับเรียกเขาว่าเด็กเหลือขอ แถมยังจะลงมือกับเขา และกับฉันที่เป็สะใภ้ที่ทำงานหนักที่สุดในบ้านหลังนี้อีก คุณยังมีหัวใจของความเป็มนุษย์อยู่ไหม?"
"แก... แกบังอาจนัก!" แม่เฒ่าโจวหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธจัด "ข้าคือแม่สามีของแก! ข้าสั่งให้แกไปตาย แกก็ต้องไปตาย! ปล่อยข้านะนังปีศาจ!"
