ทว่ามือของนางกลับกำหมัดแน่น ครั้นนึกถึงองค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่อยู่เื้ัเหนียนยวี่ สุดท้ายนางยังคงมีความหวั่นเกรง
เหนียนยวี่เห็นทุกสิ่งในสายตา ถ้อยคำกล่าวหาของหนานกงเยวี่ยทำให้นางรู้สึกขบขัน ข้าทำร้ายเหนียนอีหลานงั้นหรือ? เหตุใดนางไม่กล่าวถึงเื่ที่บุตรสาวของนางขังข้าไว้ในสวนร้อยสัตว์เล่า?
เห็นได้ชัดว่า เป็เหนียนอีหลานที่หาเื่ใส่ตัว ข้าแค่ร้ายมาร้ายตอบก็เท่านั้น
“ถ้อยคำที่ยวี่เอ๋อร์้าพูดเกี่ยวข้องกับท่านพี่”
“เกี่ยวข้องกับอีหลาน?” ครั้นเหนียนยวี่เอ่ยถึงเหนียนอีหลาน ดวงตาของหนานกงเยวี่ยฉายแววเคร่งขรึม รีบก้าวไปข้างหน้าทันที ทว่าเพียงก้าวเดียวเท่านั้น นางพลันจ้องมองเหนียนยวี่อย่างระแวดระวัง ใบหน้าดุร้าย “เ้าสตรีชั่วช้า มิใช่ว่าเ้าทำอันใดกับเหนียนอีหลานอีกหรือไร?”
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว “ฮูหยิน ท่านเข้าใจยวี่เอ๋อร์ผิดแล้ว ยวี่เอ๋อร์จะทำอันใดกับท่านพี่ได้อย่างไร? เมื่อวานยวี่เอ๋อร์ติดตามองค์หญิงใหญ่ชิงเหอเข้าไปในวังหลวง ยวี่เอ๋อร์เองก็กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของท่านพี่เช่นกัน ดังนั้นจึงไปสืบหาข่าวคราวมา ท่านพี่ นาง...”
“นางเป็เช่นไร?”
“นาง...” เหนียนยวี่จ้องมองหนานกงเยวี่ยอย่างอึกอักลังเล
“เ้าพูดมาเสีย อีหลานของข้า นางเป็อย่างไร?” หนานกงเยวี่ยเร่งเร้าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
เหนียนยวี่หยุดชะงัก “ท่านพี่ นางถูกขังอยู่ในสวนร้อยสัตว์...”
"สวนร้อยสัตว์?"
เพียงสามคำ หนานกงเยวี่ยอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน แทบประคองร่างตนเองไม่อยู่ “เป็ไปได้อย่างไร สวนร้อยสัตว์? นางคนเดียว? กล่าวกันว่าที่นั่นเป็ที่อันตรายเหลือคณา เหตุใดถึงได้... ฮองเฮางั้นหรือ? ฮองเฮาจะขังอีหลานไว้ในสวนร้อยสัตว์เพียงผู้เดียวได้อย่างไร?”
หนานกงเยวี่ยบ่นพึมพำในปาก ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวอย่างต่อเนื่อง เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำขัน มิอาจขังเหนียนอีหลานไว้ในสวนร้อยสัตว์ได้ เช่นนั้น การที่เหนียนอีหลานขังนางกับฮองเฮาอวี่เหวินในสวนร้อยสัตว์เป็เื่ที่ทำได้งั้นหรือ?
หนานกงเยวี่ยผู้นี้ช่างสองมาตรฐานเสียจริง!
“ท่านพี่...นางไม่ได้อยู่คนเดียว” คิ้วของเหนียนยวี่ขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม สีหน้าแววตาดูเต็มไปด้วยความกังวล
“ไม่ได้อยู่คนเดียว?” หนานกงเยวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฮองเฮาอวี่เหวินส่งคนไปปกป้องอีหลานด้วยหรือ?
หากเป็เช่นนั้น หมายความว่าฮองเฮาอวี่เหวินยังคงหวั่นเกรงตระกูลหนานกง มิกล้าทำเกินเลยกับอีหลานมากนัก ทว่าสีหน้าแววตาเคร่งเครียดเช่นนี้ของเหนียนยวี่ มันเพราะเหตุใดกันแน่?
หนานกงเยวี่ยเพิ่งฉุดคิดถึงคำถามนี้ ในไม่ช้าก็มีคำตอบ
ทันใดนั้น เสียงของเหนียนยวี่ดังขึ้นอีกครั้ง...
"มีฟางเหออยู่เป็เพื่อนนาง" ่เวลานั้นสายตาของเหนียนยวี่มิได้ละออกจากหนานกงเยวี่ยเลย ครั้นเอ่ยจบ หนานกงเยวี่ยชะงักงันเล็กน้อย ทว่าจากนั้น นางพลันทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างหนัก
“ฟางเหอ?” หนานกงเยวี่ยจ้องมองเหนียนยวี่ทันที ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกบ้าคลั่งอย่างสุดคณา “ฟางเหออยู่กับนางหมายความอย่างไร? ฟางเหอ? เห็นได้ชัดว่าฟางเหอตายไปแล้ว นางจะอยู่กับอีหลาน... หมายความว่า หลายวันมานี้อีหลานอยู่ด้วยกันกับร่างคนตายมาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ?”
นี่เป็ไปได้อย่างไร?
ั้แ่ยังเด็ก ไหนเลยอีหลานจะเคยเจอเื่น่าหวาดกลัวเยี่ยงนี้?
ร่างคนตาย?
ในลานเซียนหลานวันนั้น อีหลานถูกทำให้หวาดกลัวจนเสียสติ นางอยู่กับคนตายมาหลายวันเยี่ยงนี้ ทั้งยังเื่สวนร้อยสัตว์อีก... ใน่หลายวันนี้ นางจะใช้ชีวิตอย่างไร?
หนานกงเยวี่ยมิอาจจินตนาการ เกรงว่าความหวาดกลัวจะหนักหนายิ่งกว่าความทรมานของร่างกายเสียอีก!
“ฮูหยิน ท่านพี่เป็คนดี ์ย่อมคุ้มครอง คิดว่าไม่มีทางเกิดเื่อันใดแน่” เหนียนยวี่กล่าวอย่างอ่อนโยน
คนดี์คุ้มครอง?
ถ้อยคำเหล่านี้ในยามนี้ ช่างดูเป็เื่น่าขันอย่างยิ่ง
ใบหน้าของหนานกงเยวี่ยซูบซีดไร้สีเื ครั้นนึกอะไรขึ้นได้ แววตาดุร้ายพลันจ้องมองเหนียนยวี่ ถลึงตามองอย่างดุร้าย ไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ
ทว่าเหนียนยวี่มิได้หลีกเลี่ยงการจ้องมองของหนานกงเยวี่ย ชั่วครู่ใหญ่ หนานกงเยวี่ยพลันหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง “เหนียนยวี่ เ้าคิดจริงหรือว่าการที่เ้าได้พึ่งอาศัยองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ข้าจะไม่กล้าทำอันใดกับเ้า?”
“เหนียนยวี่มิกล้าเพ้อฝัน” เหนียนยวี่เลิกคิ้ว สองแม่ลูกคู่นี้ ผู้หนึ่งสำนึกผิดร้องขอความเมตตากับนาง อีกคนขู่นางอย่างโจ่งแจ้ง ทว่าไม่ว่าเป็อย่างไร เหนียนยวี่ล้วนไม่กลัว ชาติก่อนนางต้องเผชิญกับภยันตรายในสนามรบ นาง ‘เหนียนยวี่’ ไร้ความหวั่นเกรง สตรีสองนางนี้ ไม่ว่าจะโจมตีแบบเปิดเผยหรือลอบกัด ‘เหนียนยวี่’ จะเล่นเป็เพื่อนพวกนางอย่างดี!
“ไม่กล้าเพ้อฝัน? หึ แม้แต่ยามพูดยังแข็งกระด้างขึ้นมาก ไม่เหมือนเดิมอย่างที่คาดไว้จริงๆ”
หนานกงเยวี่ยร้องคำรามในลำคออย่างเ็า ไม่เหมือนเดิมแล้วอย่างไร?
นางไม่เชื่อว่า นาง ‘หนานกงเยวี่ย’ จะจัดการเหนียนยวี่ไม่ได้!
อนาคตยังอีกยาวไกล มิใช่หรือ?
บุตรสาวของนังหญิงชั้นต่ำผู้นั้นสมควรที่จะถูกข้าทรมานไปทั้งชีวิต ถูกข้าเหยียบย่ำ มีชีวิตเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน!
"ออกไป ออกไปให้พ้น ข้าไม่อยากเห็นเ้าอีก!" หนานกงเยวี่ยะโเสียงดัง
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ไม่อยากเห็นนางอีกงั้นหรือ?
“ได้ยินว่าท่านพ่อสร้างหอสูงให้เหนียนยวี่ อีกไม่กี่วันก็สามารถเข้าอยู่ได้แล้ว” เหนียนยวี่กล่าว ความหมายชัดเจนอย่างยิ่ง ยามนี้แม้นางอาศัยอยู่ที่จวนองค์หญิงใหญ่ ทว่ายังคงคิดถึงจวนเหนียนทุกวัน หนานกงเยวี่ยอยู่ที่ใด ข้าก็ควรต้องอยู่ที่นั่น!
นางไม่อยากเจอข้าอีก ทว่าหลังจากนี้ เมื่อต้องอยู่ร่วมจวนเดียวกัน แม้นางจะไม่อยากเห็นหน้าข้า ทว่าก็มิใช่เื่ที่นางจะมีอำนาจตัดสินใจ
และเมื่อถึงตอนนั้น...
เหนียนยวี่รู้ว่า ั้แ่ร่างของฟางเหอถูกส่งกลับมา ความขัดแย้งของนางกับสองแม่ลูก หนานกงเยวี่ย เหนียนอีหลานจะปะทะกันซึ่งหน้าอย่างเป็ทางการแล้ว!
“ฮูหยินโปรดรักษาสุขภาพด้วย” เหนียนยวี่ย่อกายโค้งคำนับ หันหลังกลับเดินออกจากห้อง ถ้อยคำที่กล่าวให้รักษาสุขภาพแฝงนัยมากมาย
รักษาสุขภาพงั้นหรือ?
หนานกงเยวี่ยหยิบถ้วยชาขึ้นทันใด จากนั้นขว้างออกไปอย่างรุนแรง เสียง ‘เพล้ง’ ดังเสียจนนกในลานโบยบินแตกกระเจิง
รักษาสุขภาพ? เหนียนยวี่กำลังยั่วยุข้าหรือ?
“ดี ดียิ่ง เหนียนยวี่ จำข้าไว้ให้ดี!” หนานกงเยวี่ยกัดฟันแน่น ตวาดลั่นอย่างดุดัน จิตใจเต็มไปด้วยโทสะ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ทว่ากระทั่งเงาร่างของเหนียนยวี่หายลับไปจากสายตา เสียงของเหนียนยวี่ยังคงดังก้องอยู่ข้างหูนาง
แทบจะจินตนาการถึงสถานการณ์ของเหนียนอีหลานได้อย่างชัดเจน จากนั้นทั่วทั้งใบหน้าพลันฉายความวิตกกังวลและปวดใจ
“ควรทำอย่างไรดี?” หนานกงเยวี่ย้าช่วยเหนียนอีหลาน ทว่ากลับยังคงไร้ความเห็น ท่านแม่กล่าวชัดเจนว่ามีหนทางแล้ว ทว่าเหตุใดผ่านมาแล้วสองวัน เหนียนอีหลานถึงยังคงอยู่ในสวนร้อยสัตว์?
วิธีของท่านแม่จะได้ผลหรือ?
หนานกงเยวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทว่ากลับยังคงไม่สามารถสงบอารมณ์ในใจได้
และทั้งหมดนี้เป็สิ่งที่เหนียนยวี่คาดการณ์ไว้ นางมาครั้งนี้มิใช่เพื่อสิ่งใด ทว่าเพื่อให้หนานกงเยวี่ยที่เ็ปเื่บุตรสาว รับรู้ถึงสถานการณ์ของเหนียนอีหลาน ทว่าถึงแม้จะรู้ แล้วอย่างไรเล่า?
การได้รับรู้เช่นนั้น ความกังวล ความเป็ห่วง ความรู้สึกไร้อำนาจที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็เพียงพอแล้วสำหรับข้า!
เหนียนยวี่เดินออกมาจากหอหลานเยวี่ยด้วยท่าทางเบิกบานใจ สายตาเห็นเงาร่างของคนสองสามคนยืนอยู่ไกลๆ
ครั้นเห็นเหนียนยวี่ออกมา ลู่ซิวหรงรู้สึกตื่นตะลึงเล็กน้อย สวีหว่านเอ๋อร์รีบก้าวเข้าไปทักทายอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูรอง มิได้เจอกันหลายวัน คุณหนูรองก็ยิ่งทำให้ผู้คนยากจะละสายตา” สวีหว่านเอ๋อร์ยิ้มอย่างเบิกบาน กล่าวด้วยท่าทีอันเป็มิตรมาก เห็นสวีหว่านเอ๋อร์ก้าวมาข้างหน้า ตามด้วยลู่ซิวหรง เซวียอวี่โหรวเดินรั้งท้ายเงียบๆ ด้านหลัง
เหนียนยวี่เห็นบรรดาอนุภรรยาสองสามคนนี้ พวกนางยังคงอยู่ทุกที่จริงๆ เหนียนยวี่คารวะพวกนางอย่างสุภาพ เ็าและรักษาระยะห่าง ทว่าสวีหว่านเอ๋อร์กลับดูกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม “คุณหนูรอง หอสูงของคุณหนูรองอีกไม่นานก็จะสร้างเสร็จแล้ว หลายวันมานี้ ข้าเตรียมดอกไม้และต้นไม้เพื่อลงปลูกเองกับมือ รวมถึงของประดับตกแต่งบางส่วนด้วย รอให้ลานข้างหอสูงเสร็จดีแล้ว ข้าจะให้คนย้ายเข้าไป ข้าเข้าไปดูอยู่ทุกวัน ลานนั้นสร้างได้งดงามยิ่ง นายท่านช่างรักใคร่เอ็นดูคุณหนูรองจริงๆ”